อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 810 กอดคุณเป็นเรื่องปกติ (3)
เย่เซียวคือลูกผู้ชายที่แท้จริง คำสัญญาที่ให้ไว้หากได้กล่าวออกมาต้องทำมันได้อย่างแน่นอน
ฝากฝังไป๋ซู่เย่ไว้กับผู้ชายแบบนี้ ความจริงไป๋เย่ฉิงไว้วางใจอย่างมาก
หลังครอบครัวเขากลับไป ในห้องจึงเหลือเพียงไป๋ซู่เย่กับเย่เซียวสองคน
เดิมทีไป๋ซู่เย่อยากถามเขาว่าเมื่อครู่ชายหนุ่มสองคนคุยเรื่องอะไรกัน สุดท้ายกลับถูกฮูหยินไป๋เรียกตัวไป ผ่านไปสักพักเธอถืออุปกรณ์อาบน้ำรวมถึงชุดนอนกลับเข้ามา
“อันนี่คือชุดนอนตัวใหม่ของเย่ฉิง ขนาดของคุณคงพอๆ กับเขา คุณแม่ให้ฉันเอามาให้คุณ” ไป๋ซู่เย่ยื่นของเหล่านี้ให้เขา “รีบไปอาบน้ำแล้วรีบพักผ่อน คุณเพิ่งออกจากโรงพยาบาล นอนดึกไม่ได้”
เธอต้องช่วยควบคุมดูแลเขา
“คุณนอนไหน?” เย่เซียวไม่ขยับแต่กลับมองเธออย่างเดียว
“ฉันนอนห้องข้างๆ” ไป๋ซู่เย่ชี้ไปที่ข้างห้อง
เย่เซียวมุ่นคิ้ว เธอรู้ว่าใจเขาคิดอะไรอยู่เลยดึงเทกไทเขาเพื่อทำลายความคิดเขา “อย่าคิดเหลวไหลนะ นี่อยู่จงซัน ถ้าให้พ่อแม่ฉันรู้ล่ะก็ตายศพไม่สวยแน่”
“แต่ตอนนี้คุณคือคนรักของผมนะ” ดังนั้นการนอนกับเธอเป็นเรื่องปกติ
“พวกท่านไม่ยอมให้เรานอนห้องเดียวกัน ความหมายก็ชัดเจนแล้ว…รีบไปอาบน้ำ” ไป๋ซู่เย่ดันเย่เซียวไปยังห้องอาบน้ำ
เย่เซียวหมุนตัวคว้าเธอให้หลังติดกำแพง
เธอหอบหายใจทีโดยสองมือกดไหล่เขาเบาๆ เธอเชิดตามองพบว่ามีแต่ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยแรงราคะกับสายตาร้อนแรงของเย่เซียว ทำให้เธอรู้สึกลำคอแห้งผากขึ้นมาติดๆ
“รู้มั้ยว่าผมทนมานานขนาดไหน?” เสียงเย่เซียวทั้งอึมครึมทั้งแหบพร่าปะปนด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะทนไหว
เขาจับมือเธอมากดไว้ตำแหน่งส่วนที่อ่อนไหวของเขา
ก่อนหน้าไม่สามารถมีอะไรกับเธอได้เพราะร่างกายเธอยังไม่หายดี และหลังจากนั้นเขาก็พักฟื้นที่โรงพยาบาลนานถึงหนึ่งเดือนเต็มเลยแตะต้องเธอไม่ได้ เขาคิดว่าหากทนต่อไปเช่นนี้ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องบ้าแน่ๆ
เย่เซียวไม่อาจทนได้อีกต่อไป
เขาหอบหายใจโน้มหน้าลงงับริมฝีปากเธอ จากนั้นค่อยสอดลิ้นล่วงล้ำเข้าไปดูดซับความหอมหวานจากโพรงปากเธออย่างหลงใหล ไป๋ซู่เย่ถูกเขาจูบจนหน้ามืดตามัวและเริ่มขาดอากาศหายใจ เขากอดเธอ พลิกตัววางตัวเธอลงบนเคาน์เตอร์กระเบื้องเคลือบ
ไป๋ซู่เย่เสียวซ่านร่างสะท้านไปทั้งตัว
“เย่เซียว…คุณยังไม่หายดี อ่อนโยนหน่อย…” เธอกอดคอกระซิบข้างหูเขาเสียงแผ่ว
“ได้ ผมจะพยายาม” เย่เซียวฉีกทึ้งเสื้อเชิ้ตบนตัวเธอทันที
“นี่…นี่เรียกว่าอ่อนโยนตรงไหน?” เธอท้วงด้วยเสียงอ่อนระทวย
ตั้งแต่แรกเริ่มก็ป่าเถื่อนขนาดนี้ จะอ่อนโยนได้จริงๆ หรือ?! ——————————————
ความจริงเรื่องบนเตียงจะขอให้เย่เซียวอ่อนโยนนั้นไม่มีประโยชน์
เพราะอดกลั้นมานานดังนั้นเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในอ่างอาบน้ำจากหน้าไปหลัง จากบนลงล่างทรมานเธออยู่พักใหญ่ หลายครั้งที่เธอเกือบจะหลุดเสียงร้องออกมาแต่ที่นี่คือจงซัน เธอยังต้องกัดปากแน่นไม่กล้าหลุดเสียงคราง คอยอดกลั้นไว้อย่างยากลำบากจนท้ายที่สุดตัดสินใจกัดไหล่เย่เซียว เย่เซียวชอบเห็นท่าทางเย้ายวนแต่ก็ต้องอดกลั้นของเธอแบบนี้ กระทั่งเธอตัวแนบไหล่เขาและเว้าวอนเขาถึงยอมปล่อยเธอไป
ต่อจากนั้นอีกเมื่อเย่เซียวหยุดเธอก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย ตัวระทวยทาบทับบนตัวเย่เซียวราวกับว่าพร้อมจะละลายกลายเป็นน้ำ
เย่เซียวกอดเธอแน่นและรู้สึกอิ่มเอมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความอิ่มเอมนั่นไม่ใช่แค่มาจากร่างกาย แต่รวมไปถึงส่วนลึกของหัวใจ…
การเปิดใจปล่อยให้มีการปะทะกันระหว่างจิตวิญญาณ ในอดีตหลายครั้งไม่เคยเป็นมาก่อน
พวกเขาในตอนนี้ไม่มีการระแวง ไม่มีการวางกับดัก มีเพียงความเชื่อใจและความผูกพัน
“เย่เซียว คุณปล่อยฉันลงก่อน ฉันอยากอาบน้ำ…” ในที่สุดไป๋ซู่เย่ก็หาเสียงตัวเองเจอ รอผ่านไปครู่หนึ่งเสียงของเธอยังแฝงด้วยหยาดอารมณ์ที่ขับให้ฟังดูเย้ายวนใจ
เย่เซียวย่อมไม่ปล่อยเธอลง แค่อุ้มร่างเปลือยเปล่าของเธอวางไว้ในอ่างอาบน้ำ ไป๋ซู่เย่เปิดน้ำร้อนลงมา นิ้วเรียวของเย่เซียวไล้ผ่านหน้าอกเธอ
ตอนนี้ร่างกายเธอยังอ่อนไหวนักเผลอหลุดเสียงครางทีแล้วรีบตะครุบมือเขาไว้
เขาปัดมือเธอทิ้ง นิ้วยาวลูบไล้รอยแผลนั่นอย่างทะนุถนอม
“ยังเจ็บมั้ย?” เขาถาม
เธอส่ายศีรษะ “ไม่เจ็บแล้ว ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ไม่เป็นไรอะไรแล้ว”
นัยน์ตาเย่เซียวล้ำลึกขึ้น โน้มกายลงประทับจูบบนแผลเธอหนึ่งที เรียกให้ไป๋ซู่เย่ใจสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนใช้สองมือโอบลำคอเขาพร้อมเชื้อเชิญอย่างใจกล้า “เย่เซียว คุณอาบน้ำพร้อมกับฉันเลยมั้ย”
สายตาเขาร้อนผ่าวกดเสียงต่ำลง “ไม่กลัวเดี๋ยวพ่อแม่จะรู้เหรอ?”
‘พ่อแม่’ ที่เขาเอ่ยถึงอย่างไร้ความลังเลใจ ไป๋ซู่เย่ได้ยินพลางรู้สึกเพียงแค่ใจสั่น เธอยิ้มอย่างน่าหลงใหล เสียงที่กล่าวก็ฟังดูคลุมเครือ “ในเมื่อ…คุณเรียกพวกท่านว่า ‘พ่อแม่’แล้ว เราก็มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกท่านรู้คงไม่เป็นไรสินะ?”
เย่เซียวก้าวลงอ่างอาบน้ำช้อนตัวเธอขึ้นมาไว้บนตัว
“งั้นคืนนี้ก็นอนกับผม” นิ้วยาวของเขาสางผมยาวเปียกปอนของเธอ
“…โอเค” เธอเงียบไปอึดใจสุดท้ายพยักหน้าอย่างยินยอม ความจริงเธอเองก็ไม่อยากไปหรอก พรุ่งนี้หากถูกจับได้ ตายก็ตายเถอะ! —————
วันพรุ่งขึ้น
เจ็ดโมงเช้าไป๋ซู่เย่ก็ตื่นแล้ว
เธอสวมชุดนอนแอบเปิดประตูเตรียมย่องกลับห้องตัวเอง แต่เพิ่งเปิดประตูห้องรับแขกประตูห้องนอนหลักอีกฟากก็ถูกเปิดออก ฮูหยินไป๋ที่มีแผ่นมาส์กหน้าแปะอยู่เดินตบหน้าออกมาจากห้อง
ไป๋ซู่เย่ทำตัวไม่ถูกเพียงครู่ก็เตรียมหันหลังกลับเข้าไป
“นี่นี่นี่ หลบอะไรกัน!แม่เห็นลูกแล้ว!” เพิ่งหันหลังก็ถูกฮูหยินไป๋เรียกไว้
“…แม่คะ” ไป๋ซู่เย่บากหน้าหันกลับมาทักทายแก้เก้อ
“ลูกสาวโตแล้วก็ห้ามไม่อยู่แล้วจริงๆ” ฮูหยินไป๋แกะแผ่นมาส์กหน้าออก “ตัวผู้หญิงอย่างลูกทำไมถึงวิ่งแจ้นไปนอนห้องของเขาเองอย่างนั้นล่ะ? เมื่อก่อนตอนที่เย่ฉิงกับซิงเฉินคบกัน มีแต่เย่ฉิงที่มุดเข้าห้องซิงเฉินหน้าด้านๆ ทั้งนั้น”
“…” ไป๋ซู่เย่ไม่รู้ควรตอบกลับอย่างไรดี ฉะนั้นแล้วความหมายของฮูหยินไป๋คือ…ตอนนี้ฝ่ายที่หน้าไม่อายคือตัวเองอย่างนั้นหรือ?
ขณะนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านหลัง ไป๋ซู่เย่นึกสบถในใจเงียบๆ อยากดันตัวเย่เซียวกลับเข้าไปแต่เขากลับมายืนหลังเธอโดยที่ใช้มือข้างเดียวโอบไหล่เธอพร้อมกล่าวกับฮูหยินไป๋ “คุณป้าครับ อรุณสวัสดิ์”
เทียบกับความเคอะเขินของเธอแล้วเขากลับดูโผงผางตรงไปตรงมา เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตื่นนอนเพราะการที่เขาสวมชุดนอนและตอหนวดที่ยังไม่ได้โกน ท่าทางเกียจคร้านแต่กลับเซ็กซี่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายฮอร์โมนของเพศชาย
“อรุณสวัสดิ์” ฮูหยินไป๋ทักทายเขากลับ
“ความจริง เมื่อคืนผมตามตื๊อให้เธอนอนที่นี่เองครับ ถ้าจะโทษก็โทษผมเถอะ” เย่เซียวกล่าว
……………………