อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 811 กอดคุณเป็นเรื่องปกติ (4)
ไป๋ซู่เย่แอบหยิกมือเขาทีปล่อยให้ร่างกายพิงเขา เขาก้มมองเธอรู้ว่าเธอกำลังหมายถึงให้เขาเงียบเสียง
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดนี้ตกอยู่ในสายตาของฮูหยินไป๋เหมือนเป็นการหว่านสายตาหากัน ทะเลาะหยอกเอินกัน อีกทั้งในฐานะผู้ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างตนก็ดูออกว่าเย่เซียวจริงใจต่อลูกสาว ความรักที่อีกคนมีต่ออีกคนจากสายตาก็ดูออก อย่างไรเสียสายตาของเขาไม่เคยละห่างจากตัวลูกสาวเธอเองนานเกินหนึ่งนาทีเลย
แน่นอนว่าฮูหยินไป๋ไม่คิดจะโทษพวกเขาแต่แรกอยู่แล้ว แค่ตักเตือนลูกสาวไม่กี่คำ ตอนนี้ก็ทำแค่พยักหน้าหงึก นึกบางอย่างได้ก็กล่าวอีก “ตอนนี้พวกลูกร่างกายไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ฉะนั้นหักห้ามใจบ้างนะ!”
ไป๋ซู่เย่และเย่เซียว“…”
“พอแล้วพอแล้ว กลับไปนอนต่ออีกหน่อยไป นี่ยังเช้าอยู่เลย!อ้อ นั่นสิ เรื่องทะเบียนสมรสของพวกลูกสองคน คิดจะไปจดกันเมื่อไหร่?”
“วันนี้ค่ะ” ไป๋ซู่เย่เพิ่งดึงสติกลับมาจากความเคอะเขินได้พลางตอบกลับฮูหยินไป๋ เรื่องนี้เธอกับเย่เซียวเคยปรึกษากันแล้ว
ฮูหยินไป๋รับคำที “รีบทำซะก็ดี แม่กับพ่อของลูกจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกอีก ต่อจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสามีลูกคิดหนักแทนแล้วกัน”
คำว่า ‘สามี’เรียกให้เย่เซียวตัวสะท้านไปชั่วขณะ
รู้สึกแปลกนิดหน่อย
แต่ก็ช่างวิเศษ ทำให้เขาอยากได้ยินจากปากของซู่ซู่เหลือเกิน
เขากุมมือเธอแน่นก่อนกล่าวลาฮูหยินไป๋ ฮูหยินไป๋เดินออกไปแล้วส่วนเขาฉุดร่างเธอให้กลับเข้าไปในห้อง
จากนั้น…
ตลอดช่วงเช้าในห้องนอนมีแต่เสียงที่เขาบอกให้เธอเรียก ‘สามี’บนเตียง เธอไม่ยอมเรียกโดยการแกล้งหลับตลอด ผลสุดท้าย…
ย่อมถูกใครบางคนทำโทษไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม
เมื่อตื่นมาลงไปทานข้าวชั้นล่างอีกทีก็เลยเวลาอาหารเช้าไปแล้ว
————
หลังแต่งงาน พวกเขากลับไปเมืองเยียว
ช่วงนี้เย่เซียวร่วมงานกับถังเจวี๋ยมากขึ้นเรื่อยๆ เขามีความคิดที่จะส่งต่อธุรกิจสีเทามากมายให้ถังเจวี๋ยต่อ ส่วนเขาเริ่มทำหน้าที่สามีคนหนึ่งอย่างสบายใจ
เพราะมีการพูดคุยเจรจากันทำให้ถังเจวี๋ยเองก็ย้ายจากทะเลทรายซ่าเหยียนกลับมาพักอาศัยที่เมืองเยียว พร้อมทั้งเรียกถังซ่งกลับมา มีน้องชายอัจฉริยะคนนี้ก็ต้องวางให้เขาอยู่ข้างกาย เผื่อเรียกใช้ประโยชน์ได้ทุกเมื่อ
วันนี้ ไป๋ซู่เย่กำลังจัดรูปวาดในห้องโกดัง ได้ยินพนักงานร้านเรียกเธอจากข้างนอก “เจ้านาย สามีคุณมาถึงแล้วค่ะ!”
เย่เซียว?
ไป๋ซู่เย่มองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง นี่เพิ่งห้าโมงกว่าเอง วันนี้เขามาเร็วกว่าปกติตั้งเยอะ
“งั้นเธอมาจัดการตรงนี้ที ฉันขอออกไปดูสักหน่อย” เธอมอบหมายงานให้พนักงานอีกคน
“ค่ะ คุณรีบไปเถอะ”
พนักงานยิ้มรับ
จะว่าไปก็น่าขัน เริ่มแรกที่เย่เซียวปรากฏตัวในร้านนี้นั้นพนักงานสาวอายุน้อยสองคนคิดว่าเขาเป็นลูกค้าเอาใจยากอีกคน ต่างหวาดผวาถอยกรูดเพราะท่าทางเย็นชาของเขาเลยไม่กล้าพูดมาก สุดท้ายพอเขามาไม่พูดอะไรทั้งสิ้น บอกแค่ว่าจะหาเจ้านายพวกเธอ พวกเธอยิ่งกลัวเข้าไปกันใหญ่
ต่อจากนั้นอีก…
พอไป๋ซู่เย่ออกมาเย่เซียวก็เปลี่ยนสีหน้าที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่ท่าทางเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งอย่างนั้นอีก แถมยังดูอบอุ่นด้วยซ้ำ
ทำให้ภายหลังพนักงานสองคนเปลี่ยนมุมมองต่อเขาไปจากเดิม ตอนนี้เมื่อไรที่ได้เจอเขาจะไม่กลัวหัวหดเหมือนอย่างเคยอีกต่อไป
ไป๋ซู่เย่ปลดเสื้อกันเปื้อนและถุงมือออก เห็นเย่เซียวนั่งบนโซฟาเปิดสมุดภาพพอดี
“ทำไมวันนี้เลิกงานเร็วจัง?”
เย่เซียวเงยหน้ามองเธอ วางสมุดภาพลง “จะพาคุณไปทานข้าว”
“ได้สิ เราจะไปทานที่ไหน? ฉันต้องเปลี่ยนเป็นชุดทางการหน่อยมั้ย?” ตอนนี้เป็นฤดูร้อน เพราะต้องมาทำงานที่ร้านขายภาพวาดเธอเลยใส่เพียงเสื้อยืดสบายๆ กับกางเกงทรงกระบอก แต่เดิมเธอต้องการใส่กางเกงขาสั้น ผลปรากฏว่าเช้านี้ตอนจะออกจากบ้านกางเกงขาสั้นตัวนั้นถูกเย่เซียวยัดใส่ใต้ตู้เสื้อผ้าเสียก่อน
“ที่ร้านอาหาร Spring ถังเจวี๋ยบอกว่าเราแต่งงานไม่เลี้ยงข้าวเขา ฉะนั้นเขากับถังซ่งก็จะมาร่วมโต๊ะด้วย”
“งั้นฉันเปลี่ยนเป็นชุดทางการหน่อยดีกว่า คุณรอฉันแป๊บหนึ่งนะ” ไป๋ซู่เย่บอกเขาทีก่อนจะไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ปกติที่ร้านขายภาพวาดมักเตรียมเสื้อไว้อยู่แล้วเพื่อใส่สำหรับต้อนรับลูกค้าสำคัญ
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จออกมาในอีกห้านาทีให้หลัง
กระโปรงเดรสสีฟ้าอ่อน ยิ่งขับให้ผิวเธอดูขาวละเอียด รองเท้าส้นสูงยาวห้านิ้วทำให้เจ้าตัวดูสูงเพรียวยิ่งกว่าเดิม
ต่อให้อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้วแต่เย่เซียวยังรู้สึกทึ่งเมื่อได้เห็นเธอ เธอเปิดร้านขายภาพร้านนี้แม้โอกาสที่เข้าร้านมีไม่มาก แต่ผู้ชายที่มาตามจีบเธอกลับมีไม่น้อย
กล้าคิดไม่ซื่อต่อผู้หญิงของเขาเย่เซียวช่างใจกล้ายิ่งนัก แต่แรกเย่เซียวคิดว่าควรจัดงานแต่งงานสักครั้งจริงๆ เพื่อป่าวประกาศแก่ชาวโลกให้เบิกตาดูให้ดีเมื่อจะจีบผู้หญิงคนไหน แต่เธอยืนยันไม่จัดงานแต่งงาน ดังนั้นภายหลังเย่เซียวเลยตั้งกรอบรูปที่มีขนาดเท่าตัวจริงของเขาไว้ในร้านเธอแทน กลายเป็นสมบัติประจำร้าน เมื่อทำเช่นนี้แล้วคนที่ตามจีบเธอก็หายไปเองอย่างที่คาดไว้ไม่มีผิด
เย่เซียวชื่นชมต่อการกระทำที่ชาญฉลาดของตัวเองนี้อย่างมาก
——————
ร้านอาหารไม่มีลูกค้าคนอื่น
ถังเจวี๋ยเป็นคนแปลกคนหนึ่งที่ไม่ชอบสถานที่คนเยอะ ฉะนั้นถึงได้เหมาร้านไว้
เมื่อเย่เซียวกับไป๋ซู่เย่สองคนมาถึงชั้นบนสุดของร้านอาหารนั้นถังเจวี๋ยกับถังซ่งได้รออยู่ตรงนั้นแล้ว
แต่ว่า…
สิ่งที่เรียกความเอะใจจากเย่เซียวและไป๋ซู่เย่คือวันนี้ไม่ได้มีเพียงสองพี่น้องอย่างพวกเขามา แต่ต่างมีหญิงสาวสองคนที่บุคลิกต่างกันอย่างสิ้นเชิงมาด้วย
ถังซ่งยังคงท่าทีหนุ่มขี้เล่น หญิงสาวข้างกายมีรอยยิ้มสดใสและมีเสน่ห์ แต่เป็นเสน่ห์ที่ไม่แฝงการจู่โจมใดๆ แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันเองก็ชอบมาก เธอกำลังคุยบางอย่างกับถังซ่ง สำหรับเธอนับได้ว่าถังซ่งยอมแทบเท้าไปหมด นี่เรียกให้ไป๋ซู่เย่รู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตาใหม่
แล้วถังเจวี๋ยล่ะ? บุคลิกเขามีความเย้ายวนที่เลื่องลือไปทั้งเมืองอยู่แล้ว อย่าว่าแต่ผู้ชายเลยแม้แต่ผู้หญิงเองยังทัดเทียมเขาไม่ได้ แต่หญิงสาวที่นั่งข้างเขากลับไม่ถูกเขากลบให้ด้อยไปกว่ากันเลย
ท่าทางอายุเธอเพิ่งแค่ยี่สิบต้นๆ ผิวพรรณผ่องใสเนียนละเอียด บุคลิกนิ่งสงบ หากไม่ใช่เพราะเด่นสะดุดตาเกินคนทั่วไป เธอที่นั่งอยู่ในมุมอับเงียบๆ คงเหมือนไร้ตัวตน
ไป๋ซู่เย่กับเย่เซียวสบตากันแวบหนึ่ง เย่เซียวกล่าว “เข้าไปเถอะ”
ความจริงเย่เซียวเองก็แปลกใจ นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ถังซ่งกับถังเจวี๋ยพาผู้หญิงมาปรากฏต่อหน้าเขาอย่างเป็นทางการ
“มีอย่างพวกนายที่ไหน? พวกนายแต่งงานกันแล้ว แค่เลี้ยงข้าวยังมาสายอีก!” พวกเขานั่งลงถังซ่งก็เริ่มค่อนแคะ
เย่เซียวไม่สนใจเขา แค่กางผ้ากันเปื้อนพับซ้อนไว้บนตักไป๋ซู่เย่ ถังซ่งจิ๊ปากที “คืนนี้พวกนายสองคนจงใจจะรังแกคนโสดอย่างฉันสินะ?”
“โสด?” ไป๋ซู่เย่หันไปมองหญิงสาวที่อมยิ้มเสมอต้นเสมอปลายข้างถังซ่งแวบหนึ่ง “อัจฉริยะถัง ไม่แนะนำหน่อยเหรอ?”
ถังซ่งกำลังดูเมนูอาหารอยู่พอได้ยินคำพูดของเธอจึงเงยหน้าพูดกระแอมเสียง “พวกนายอย่าเข้าใจผิดนะ เธอเป็นพี่สะใภ้ของฉัน”
“พี่สะใภ้?” ไป๋ซู่เย่ไม่เข้าใจ เผลอหันไปมองถังเจวี๋ยอีกทีโดยอัตโนมัติ หรือว่าความจริงถังเจวี๋ยเป็นคนพาเธอมา?
………………………