อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 813 ท้อง(2)
“ถังเจวี๋ย คุณจะล้อเล่นไม่ได้นะ…” เธอยังคงเสียงใจเย็น ต่อให้ยังไม่คุ้นชินกับการกระทำอุกอาจของเขาอย่างตอนนี้ แต่ยังเสียงเล็กเสียงน้อยอยู่
“อืม ผมไม่ล้อเล่น” ถังเจวี๋ยกอดเธอไว้ เชิดหน้าขึ้น “งั้นก็บอกผมมาซะดีๆ ว่าเมื่อกี้จ้องเย่เซียวตลอด คิดอะไรอยู่?”
“…” หญิงสาวเงียบเสียง
“อยู่ข้างผม แต่จ้องผู้ชายคนอื่น ฉี้ฉี้ คุณกล้าดีจริงๆ” เส้นเสียงถังเจวี๋ยเอื่อยเฉื่อยไร้พิษสง นอกหน้าต่างมีภาพทิวทัศน์ที่หรูหราที่สุดในเมือง แสงไฟหลากสีตกกระทบใบหน้าหล่อเหลาของเขา เขาสง่าสูงส่งมาดดีและดูท่าทางได้รับการอบรมมาอย่างดี แต่ดวงตาเย็นยะเยือกเข้ากระดูกคู่นั้นยังคงทำให้ฉี้ฉี้รู้สึกได้ถึงระยะห่างระหว่างพวกเขา
เขาถังเจวี๋ย เป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ที่อยู่เหนือกว่าคนนั้นเสมอ
เวลามีความสุขอาจจะมีความอดทนไว้หยอกล้อคุณบ้าง ส่วนตอนไม่พอใจ…
ไม่ว่าใครก็เป็นเพียงของเล่นในกำมือเขา
อย่างเช่น เธอ
“ฉันไม่ได้จ้องแค่เขา แต่เป็นเขากับภรรยาของเขา” ฉี้ฉี้มองเขาแวบหนึ่งถึงพูดต่อ “ฉันอิจฉาพวกเขามาก”
“อิจฉาอะไร?” เขาพูดปนขำ
ฉี้ฉี้ไม่ตอบ
เขากลับพูดขึ้นอีก
“อิจฉาพวกเขาสองสามีภรรยาที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ต่างพึ่งพากันและกัน” อารมณ์ถังเจวี๋ยบทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน น้ำเสียงได้แฝงความเย้ยหยันและประชดประชัน “คุณกับโม่ซวิ๋นทำไม่ได้เลยอิจฉาขนาดนี้เหรอ? แล้วมองผู้ชายคนอื่นขณะที่คิดถึงโม่ซวิ๋นของคุณ?”
‘โม่ซวิ๋น’ เป็นหนามยอกหัวใจเขามาโดยตลอด
ฉี้ฉี้ที่คอยฟังอยู่เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นตาม “ถังเจวี๋ย เรากลับกันเถอะ”
ถังเจวี๋ยเงียบ
เธอลงจากหน้าตักเขาคว้ากระเป๋าใบเล็กของตัวเองหมายจะเดินไป เหนือคาดที่เขาไม่ได้ห้ามเธอไว้ ใจเธอกลับยิ่งไม่ไว้วางใจขึ้นมา ตุ้มตุ้มต่อมต่อม
“ฉี้ฉี้ กลับมานะ” เสียงดังขึ้นจากข้างหลัง อ่อนโยนแต่ฉี้ฉี้รู้ว่าถังเจวี๋ยผู้อ่อนโยนอันตรายกว่าเขาในตอนคุกรุ่นเสียอีก มือของเธอที่จับกระเป๋าอยู่กำแน่น
“เด็กดี เชื่อฟังนะ ไม่อย่างนั้นผมเกรงว่าถ้าผมโกรธขึ้นมาจะสั่งสอนคุณเสียตรงนี้เลย…” นิ้วยาวของถังเจวี๋ยเคาะหน้าโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะ ก่อนจะหยุด “หรือว่าคุณเองก็อยากลอง?”
คำที่อันตรายขนาดนี้ในที่สาธารณะเช่นนี้ ทุกพยางค์ที่เขาพ่นออกมากลับไม่แตกต่างจากน้ำเสียงตอนหยอกเย้าสักนิด เคล้าด้วยเสียงแหบพร่าที่ฟังดูคลุมเครือปนความยั่วยุของกามอารมณ์
แม้แต่บริกรชายที่เดินผ่านไปยังหน้าแดง
ถังเจวี๋ยน่ะ เย้ายวนงดงามสำหรับทั้งชายและหญิง
——————
ภายหลัง
เย่เซียวกับไป๋ซู่เย่ย้ายออกมาจากคฤหาสน์ไฟ ทีแรกไฟเรนเซ่ไม่อนุญาตให้พวกเขาย้ายออกมาแต่เย่เซียวยืนยันที่จะย้ายออกมาเพื่อต้องการใช้เวลาสองต่อสองที่เหลือเพียงไม่กี่เดือนให้หนำใจ หลังลูกคลอดคงยากถ้าอยากใช้เวลากันสองต่อสองแบบสงบ
สุดท้ายไฟเรนเซ่จำต้องล้มเลิกความคิดที่จะหยุดพวกเขาอย่างห้ามไม่ได้ แต่เงื่อนไขคือพวกเขาต้องกลับไปทานอาหารกับเขาและคุณแม่เย่ทุกสัปดาห์
เมื่อได้ข้อสรุปพวกเขาได้ย้ายมาพักในบ้านหลังเล็กๆ ภายในบ้านมีคุณป้าทำอาหารกับคนรับใช้ เย่เซียวไม่ไว้วางใจเลยติดตั้งกล้องวงจรปิดในบ้านทุกหัวมุม!
ไป๋ซู่เย่ค่อนข้างคิดหนักกับเรื่องกล้องวงจรปิด
อยากจะแอบดื่มน้ำเย็นสักหน่อย เพิ่งยัดหลอดเข้าปากก็มีสายตรงเข้ามาทันที เสียงที่ดังขึ้นไม่ใช่โทรศัพท์เธอแต่เป็นโทรศัพท์บ้าน หลังคนรับใช้รับสายก็รีบเดินมาแย่งแก้วน้ำเย็นจากมือเธอไปทันที
“คุณนาย นายท่านบอกว่าถ้าคุณนายแอบดื่มน้ำเย็นอีก พรุ่งนี้จะยกตู้เย็นในบ้านออกไป”
“…”
ไป๋ซู่เย่นึกครึ้มในใจ โอดครวญผ่านกล้องวงจรปิด ถลึงตาจ้องเขา ใจร้าย!ใจร้ายมากๆ!
ไม่ใช่แค่ห้ามดื่มน้ำเย็น เดินเท้าเปล่าบนพื้นสองก้าวก็จะมีคนรับใช้เอารองเท้าแตะมาให้ทันที“คุณนาย ความเย็นส่งผ่านฝ่าเท้า นายท่านให้คุณนายใส่รองเท้าแตะ”
……
“คุณนาย นายท่านให้คุณนายใส่เสื้อเพิ่ม”
……
“คุณนาย นายท่านให้คุณนายทานอีกสองคำ บอกว่าคุณยังผอมเกินไป”
…………
หลังถูก ‘จับตามอง’ และ ‘ควบคุม’ผ่านกล้องวงจรปิดตลอด 360 องศามาสองสัปดาห์เต็ม ไป๋ซู่เย่ที่หมดความอดทนได้พยายามยกบันไดมา ปีนบันไดเพื่อถอดกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง
คนรับใช้ที่บ้านตกใจจนหน้าซีด “คุณนาย รีบลงมาเถอะ!ตอนนี้คุณท้องอยู่นะ!”
“ตอนนี้ฉันยังท้องไม่ถึงสามเดือน ท้องยังไม่โต พวกเธอไม่ต้องตกใจ รออยู่ข้างล่างนั่นแหละ” อีกอย่างอดีตเธอเป็นคนของกระทรวงความมั่นคงเชียว คิดว่าจะไร้ฝีมือกับเรื่องแค่นี้หรือ?
ท้องยังไม่โตอย่างชัดเจน ดังนั้นถือว่าเธอปีนป่ายบันไดได้ราบรื่นดี
“พระเจ้า!เร็ว รีบไปโทรหานายท่าน!” คนรับใช้ตกใจจนหน้าขาวซีด ทุกคนรู้ดีว่านายท่านเป็นห่วงเธอขนาดไหน เป็นห่วงลูกขนาดไหน หากเกิดอะไรขึ้นหรือคุณนายเป็นอะไรไป พวกเขาคงรับผิดชอบไม่ไหว!
เพิ่งสิ้นเสียงทางนี้โทรศัพท์ก็แผดเสียงดังทันที คราวนี้ไม่ใช่เสียงของโทรศัพท์บ้านแต่เป็นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ติดตัวเธอ
เพิ่งกดรับสายเสียงที่ระงับอารมณ์โกรธของใครบางคนก็ดังแว่วมาจากอีกฟาก “ลงมา!ผมให้เวลาคุณสามวินาที!”
คนท้องอารมณ์มักแปรปรวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถูกควบคุมเข้มงวดขนาดนี้ แม้รู้ว่าหวังดีต่อเธอแต่การโดนคุมทุกย่างก้าวก็ออกจะน่าเบื่อไปหน่อย “ฉันถอดกล้องวงจรปิดแล้วนะ”
“…ช่วงนี้ผมตามใจคุณมากไป ใช่มั้ย?” เสียงเย่เซียวเย็นกระด้างขึ้นอย่างชัดเจน
ทั้งคู่แต่งงานกันเกือบครบหนึ่งปีเขาแทบไม่เคยคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงนี้มาก่อน พอเธอได้ยินจึงเริ่มน้อยอกน้อยใจ “เย่เซียว คุณไม่ได้ตามใจ แต่กำลังควบคุม คนท้องไม่ได้มีกฎระเบียบมากขนาดนั้น คุณระแวงขนาดนี้ฉันยังไม่ทันคลอดก็จะเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว”
“อยู่กับผมก็มีกฎระเบียบมากขนาดนี้แหละ ลงมา!”
โทษเขาระแวงเกินไปไม่ได้ อย่างแรกถังซ่งมักบ่นข้างหูเขาตลอดว่าสุขภาพเธอไม่ดี ต้องระวังนั่นระวังนี่ อย่างที่สองเมื่อเคยเกิดเรื่องคราวก่อน เขาจำเป็นต้องรอบคอบระวัง
ไป๋ซู่เย่ตัดสายเย่เซียวทันที จากนั้นยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อ ต่อให้ดังขนาดไหนเธอก็ไม่รับ
เธอให้คนรับใช้ส่งกรรไกรให้เธอก่อนจะตัดสายกล้องวงจรปิดอย่างเด็ดขาด
ทางนั้นหน้าจอดับลง ใบหน้าเย่เซียวเรียบนิ่งเย็นชาจนน่ากลัว
เขาโยนโทรศัพท์ไปอีกข้าง คว้ากุญแจรถเปิดประตูก้าวขายาวออกไปจากห้องทำงาน
“นายน้อย ใกล้จะประชุมแล้ว ท่าน…”
“เลื่อนไปก่อน” เย่เซียวพูดขัดเสียงของเลขา เดินจากไปโดยไม่หันกลับมา
——————
สายกล้องวงจรปิดถูกตัดขาด ในที่สุดไป๋ซู่เย่ก็รู้สึกสบายใจสักที
แต่คนรับใช้ทั้งบ้านต่างหวั่นใจ กลัวนายท่านกลับมาระเบิดอารมณ์ ความเย็นชาของเย่เซียวทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ
ขณะที่คิดอยู่อย่างนั้นเสียงของรถยนต์ก็ดังมาจากข้างนอก
ตามด้วยเสียงกระแทกประตู
เสียงฝีเท้าดังแว่วมาจากข้างนอก
ไป๋ซู่เย่นอนบนโซฟา กอดหมอนข้างแกล้งหลับ
“พวกนายเข้ามาต่อสายให้ฉันเดี๋ยวนี้!ใช้เสร็จเอาบันไดนี่ไปทิ้งซะ!ทิ้งได้ยิ่งไกลยิ่งดี!” เย่เซียวยังไม่ทันเข้ามาเสียงออกคำสั่งก็แว่วมาก่อน เสียงเย็นยะเยือกสัมผัสได้ถึงไฟโทสะที่ระงับอยู่
…………………………