อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 816 ตอนอวสานเย่ซู่
ไป๋ซู่เย่เป็นคือคุณแม่ใจดีอย่างถูกต้องตามเกณฑ์
ส่วนเย่เซียวคือคนที่จะหน้าบูดบึ้งคนนั้น แม้บนใบหน้าเขาดูเคร่งขรึมมากแต่กับลูกชายนั้นความจริงแล้วนับว่าใส่ใจมากเช่นกัน
ในวันเกิดอายุครบสี่ขวบ เย่เซียวเตรียมปาร์ตี้วันเกิดให้เขาโดยเฉพาะ ตกแต่งบ้านเป็นสีสันสดใส
ต้าไป๋กับเสี่ยวเสี่ยวไป๋ต่างก็มากันพร้อมหน้ารวมถึงเพื่อนๆ อีกกลุ่มร่วมโรงเรียนอนุบาลเดียวกับเขา ถังซ่งถังเจวี๋ยไม่มาแต่ให้คนส่งของขวัญมา
บรรยากาศภายในบ้านคึกคัก เย่เยี่ยนเองก็มีความสุขเป็นพิเศษพลางวิ่งเล่นกับกลุ่มเพื่อนที่ชั้นล่างอย่างบ้าบิ่น
ไป๋ซู่เย่กำลังหั่นผลไม้ให้พวกเด็กๆ ในห้องครัว เย่เซียวเดินเข้าไปกอดเธอจากข้างหลัง
“เหนื่อยมั้ย? มีเด็กที่ต้องดูเยอะขนาดนี้”
“มีแม่คอยช่วยไม่เหนื่อยเลยสักนิด อีกอย่างเห็นพวกเขามีความสุขฉันก็มีความสุข” เหนื่อยแค่ไหนก็ยอม “ตอนนี้เด็กๆ กำลังทำอะไรอยู่?”
“หยูอันกับหลี่สือเพิ่งเอาของขวัญมาให้เป็นคันรถ ตอนนี้พวกเขากำลังแกะจนมือไม้อ่อน”
ไป๋ซู่เย่เอือมระอา“เป็นแบบนี้ทุกปี เดี๋ยวเย่เยี่ยนก็เสียนิสัยหรอก”
เย่เซียวกัดหูเธอที“ใครตามใจให้เขาเสียนิสัยก่อน?”
หากจะบอกว่าตามใจ เธอต้องเป็นคนแรกอยู่แล้ว
ไป๋ซู่เย่รู้สึกว่าตนควรสำนึกแล้วจริงๆ เธอหันข้างมองเย่เซียวพลางหยิบผลไม้มาป้อนใส่ปากเขา จู่ๆ ถามขึ้น “เย่เซียว คุณจะโทษฉันมั้ย?”
“โทษอะไรคุณ?”
“ตั้งแต่มีเย่เยี่ยนฉันก็สนใจแต่เขา ฉันกลัวจะเพิกเฉยต่อคุณไปบ้าง”
“อืม ที่แท้คุณก็รู้จักสำนึกผิดอยู่บ้าง” แม้จะหึงหวงแต่พอเข้าใจได้
ไป๋ซู่เย่เอียงตัวซบอกเขาเบาๆ “คืนพรุ่งนี้เราไม่กลับมาดีมั้ย? ฝากคุณแม่เลี้ยงเย่เยี่ยนสักคืน”
“คุณทำใจได้เหรอ?”
เธอพยักหน้า “ฉันอยากใช้เวลาสองต่อสองกับคุณ”
นัยน์ตาเขาเข้มขึ้น
“โอเค คุณอยากไปไหน?”
“เราไปดูพลุดอกไม้ไฟที่ห้องเดิม ดีมั้ย?”
“…ต้องการพอดี”
เธอหัวเราะ หมุนตัวกลับมาแนบพิงอกเขาอีกครั้ง สองมือเลื่อนไปตรงเอวกระชับกอดเขาแน่น
“เย่เซียว…”
“หืม?”
“ฉันโชคดีจังที่ได้เจอคุณ…”
เย่เซียวใจสั่นรุนแรง “ผมก็เหมือนกัน”
ชีวิตของพวกเขาหากไม่มีอีกฝ่ายบางทีคงเป็นเพียงภาพขาวดำ ไร้สิ่งน่าสนใจ
——————
หลังจากนั้นเย่เยี่ยนโตแล้ว
น่าจะสืบทอดสายเลือด‘ดีเด่น’จากคุณพ่อเขามาที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนพ้อง ที่โรงเรียงไม่ตั้งใจเล่าเรียนกลับเอาชนะใจลูกน้องได้กลุ่มใหญ่ แน่นอนว่าที่เอาชนะใจลูกน้องได้เพราะเขาเองก็มีชื่อเสียงเลื่องลือจากการต่อสู้ที่โรงเรียน
เด็กผู้ชายที่อ่อนแอที่สุดคนหนึ่งของห้องเขาถูกรุ่นพี่รังแก ต่อยตีจนหน้าช้ำหน้าปูดแล้วยังไม่กล้าฟ้องคุณครู เย่เยี่ยนไม่สามารถทนมองคนถูกรังแกอย่างไม่ทราบสาเหตุได้ เลยวิ่งไปลากรุ่นพี่เหล่านั้นจากถิ่นของพวกเขาเพียงลำพัง ฟัดพวกเขาแต่ละคนจนไม่เหลือสภาพ ลากกับมาที่ห้องเรียนตัวเองเพื่อกล่าวคำขอโทษต่อเด็กผู้ชายคนนั้นถึงยอมรามือ
สุดท้ายเขายังโทรเรียกสายด่วนให้พวกเขาอย่างไม่ขาดตกพร่อง ให้คนที่โรงพยาบาลมาลากพวกเขาไปทำแผล
นับจากนั้นมาไม่มีใครกล้าหาเรื่องเย่เยี่ยน คนที่ชื่นชมยกย่องเขามีกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะชอบสร้างเรื่องใหญ่โตความจริงกลับเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน คนที่มักเรียกเขา ‘พี่เยี่ยน’อยู่ล้อมหน้าล้อมหลัง ปกติเขาไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไร
หญิงสาวที่ชอบเขียนจดหมายสารภาพรักให้เขาสามารถจับเรียงแถวตั้งแต่โรงเรียนพวกเขาไปถึงโรงเรียนข้างๆ ค่อยอ้อมโรงเรียนข้างๆ มายังโรงเรียนพวกเขาอีกที แต่เขาไม่เคยปรายตามองสักคน จดหมายเหล่านั้นจะถูกเขาพับเป็นจรวดบินไปมุมใดสักมุมของโรงเรียนยามเขาเบื่อหน่าย และแน่นอนว่าบางครั้งจะตกไปอยู่ในมือของครูฝ่ายปกครอง
ถึงขั้นที่ว่า…
เย่เซียวกับไป๋ซู่เย่มักถูกคุณครูเชิญไปประชุมผู้ปกครอง
แน่นอนว่าการประชุมผู้ปกครองครั้งแรก เย่เซียวเป็นคนไปเอง
ทำให้ผลสุดท้าย…
การประชุมผู้ปกครองครั้งนั้นดำเนินไปอย่าง ‘รื่นรมย์’
เขาไปยืนในท่าทางเย็นชา คุณครูไม่กล้าพูดตำหนิเย่เยี่ยนแม้ประโยคเดียวกลับชมเย่เยี่ยนว่ามีความคิดสร้างสรรค์ไม่ขาดปาก มีความเป็นผู้นำ อีคิวสูง ไอคิวสูง
ความจริง…
ความหมายของคำกล่าวคือ ปกติไม่ตั้งใจเรียน สร้างสรรค์ผลงานจากการพับจรวดกระดาษ ความเป็นผู้นำ? ทุกครั้งยกพวกไปตีคนกลุ่มใหญ่ หากไม่มีความเป็นผู้นำคงรวมกลุ่มไม่ได้ อีคิวสูง แน่นอนสิ วันๆ ได้รับจดหมายรักตั้งมากมาย อีคิวต่ำแค่ไหนก็กลายเป็นสูงได้ทั้งนั้น ไอคิวสูง? นี่เป็นจุดที่สร้างความปวดใจแก่คุณครูที่สุด คราวที่วัดผลไอคิว ทั้งที่เขาได้คะแนนสูงสุดของห้อง ไม่สิ สูงสุดของเมือง สูงจนน่าตกตะลึง แต่เขาดันไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ เวลาสอบชอบเขียนลวกๆ ให้คะแนนพอผ่านเกณฑ์ เวลาที่เหลือใช้ฟุบนอนกับโต๊ะ ช่างเสียของมากจริงๆ!
แต่คำเหล่านี้คุณครูไม่กล้าบอกเย่เซียว ผู้อำนวยการโรงเรียนก็ไม่กล้าพูด ดังนั้นวันนั้นเย่เยี่ยนเลยเชิดหน้ากลับบ้านอย่างภาคภูมิใจ
นับจากนั้นมาเย่เซียวไม่ไปร่วมการประชุมผู้ปกครองอีก แต่เปลี่ยนให้ไป๋ซู่เย่ไป
ต่อมา…
หลังไป๋ซู่เย่กลับจากโรงเรียนเย่เยี่ยนจะถูกสั่งสอน ปกติจะโดนเย่เซียวทำโทษให้วิ่งรอบบ้าน วิ่งไม่ครบหนึ่งร้อยจบห้ามกลับมา
ระหว่างทางเย่เยี่ยนจะแกล้งทำตัวอ่อนแอ แกล้งปวดท้อง หาทุกวิถีทางแต่ไม่ได้ผลสักทาง กระทั่งน้องสาวคนเล็กเย่หลันไปคุยให้ สีหน้าเย่เซียวถึงผ่อนคลายลงบ้าง เห็นแก่หน้าน้องสาวอย่างมาก
พูดถึงเย่หลัน เย่เซียวรักเธอมากที่สุด ปีที่เธอคลอดเป็นปีที่เย่เยี่ยนอายุครบแปดปี
เย่หลันกลับเป็นเด็กดีมากกว่าเย่เยี่ยน
มีปีหนึ่งวันเกิดเย่เซียว เย่หลันตั้งใจลงครัวทำบะหมี่ให้เขาหนึ่งถ้วย เย่เซียวเห็นแล้วดวงตาสั่นไหวอย่างซาบซึ้งใจก่อนอุ้มเธอมาวางหน้าตัก ลูบจับผมถักเปียสองข้างของเธอดั่งคุณพ่อใจดี สายตาอบอุ่น
สุดท้ายบะหมี่ถ้วยนั้นกลับยื่นมาตรงหน้าเย่เยี่ยน
“นี่เป็นน้ำใจของหลันหลันของเรา มา ทานมันซะ”
เย่เยี่ยน “…”
นับแต่นั้นมาเมื่อถึงวันเกิดของคุณพ่อหากเย่หลันบอกว่าจะลงครัว ต่อให้ตายอย่างไรเย่เยี่ยนก็จะห้าม เพื่อไม่ให้ถูกประโยคของคุณพ่อที่ว่า ‘ทานของยากลำบากได้ จะอยู่เหนือผู้อื่นได้’ ทรมานเอา
——
ปีที่เย่เยี่ยนครบสิบแปดปีได้ทำความผิดอีกหนึ่งข้อ จนไป๋ซู่เย่ที่อารมณ์ดีเสมอยังโกรธได้ ไม่ทำโทษให้วิ่งแต่ทำโทษโดยการให้เขายกกระเป๋าคุกเข่ากับพื้น
เย่เซียวกลับมาเห็นภาพนี้ก็แปลกใจอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้น?” นานทีเธอจะโกรธขนาดนี้
“ลูกชายคุณทำความดีมา” ไป๋ซู่เย่เงียบไปครู่ใหญ่ก่อนเปล่งเสียงเรียบนิ่งออกมา “ลูกสาวบอกว่าเมื่อคืนเขา…เมื่อคืนเขาไปนอนกับเด็กผู้หญิงห้องเดียวกับเขาคนหนึ่ง”
เย่เยี่ยนด่าว่าเย่หลันทรยศ เย่เซียวหน้าเรียบตึง
เย่เยี่ยนกลับยังคงท่าทางมีเหตุมีผล “พ่อ พ่ออย่าโกรธเลย ผมก็ฟังคำสอนของพ่อไงถึงทำแบบนี้”
“พูดเหลวไหล!ฉันเคยสอนให้แกทำเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“พ่อเคยบอกผมตั้งแต่ตอนอายุสามขวบไม่ใช่เหรอ? อยากนอนกับผู้หญิงก็ไปหาเอาเอง ตอนนี้ผมก็นอน…”
เย่เยี่ยนยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเย่เซียวผลักออกไปทันที“วิ่ง ไสหัวไปวิ่งสามร้อยรอบ”
เจ้าเด็กสารเลว!ไม่มีความละอายใจบ้างเลย?!
เย่เยี่ยนหน้าหนาอย่างกับกำแพงเมือง ขณะวิ่งอยู่ข้างนอกพอนึกถึงเรื่องที่ตนเพิ่งนอนกับเด็กผู้หญิงมายังยิ้มหน้าระรื่นได้ ความคิดในหัวไหลไปไม่จบไม่สิ้น ซึ่งแน่นอนว่ารอวิ่งถึงรอบที่ร้อยร่างกายก็เริ่มอ่อนล้า ต่อให้อยากฝันลามกต่ออีกขนาดไหนก็ไม่มีแรงพอ
สุดท้ายจำต้องคลานกลับไปอ้อนวอน คุกเข่าไปอีกครึ่งค่อนคืน
——
กลางคืน ไป๋ซู่เย่เอายาไปให้เย่เยี่ยนใช้ประคบหัวเข่าที่ถลอก
“เขาเป็นยังไงบ้าง?” เย่เซียวอาบน้ำออกมาใช้ผ้าขนหนูเช็ดผม
“ก็อย่างนั้นแหละ ไม่รู้นิสัยเหมือนใครถึงได้ซนขนาดนี้” ไป๋ซู่เย่ปวดหัวกับลูกชายตัวเองเหลือเกิน
เย่เซียวรั้งเธอมากอดพูดเชิงปลอบ “พอแล้ว อย่าเครียดมากเลย นอนก่อนพรุ่งนี้วันอาทิตย์ผมจะลองคุยกับเขาดีๆ”
ไป๋ซู่เย่นอนบนแขนเย่เซียวซุกตัวในอ้อมอกเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขายังคงรักกันดี วันเวลาในชีวิตค่อยๆ ผ่านพ้นไป ระหว่างพวกเขาไม่มีอาถรรพ์เจ็ดปี ความรักไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่กลับพึ่งพาอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องการอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ เอาใจใส่อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ความรัก ท้ายที่สุดก็ผลิบานออกเป็นดอกไม้ในชีวิตคู่
………………………
(จบบริบูรณ์)