A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1366
นั่นก็คือไข่มุกอสนีที่หานลี่หลอมขึ้น และโยนออกไปทีเดียวสี่เม็ด
หลังจากที่ไข่มุกเหล่านี้ผ่านการหลอมขึ้นด้วยเคล็ดวิชาลายอสนี ทุกเม็ดก็มีพลังการโจมตีเทียบเท่ากับการโจมตีของผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาเต็มกำลัง ประกอบกับพลังอสนีที่มีอยู่เดิม ดังนั้นถึงได้มีอานุภาพที่น่าสะพรึงเช่นนี้
ตอนนี้ดูแล้วการกระทำนี้คงจะเป็นการกระทำที่ถูกต้อง
หากไม่ได้ใช้สมบัติเหล่านี้ขวางกิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์พันตาเอาไว้ เกรงว่าถึงแม้จะเคลื่อนย้ายหนีออกมา ครู่ต่อมาก็คงไม่อาจสลัดตัวให้หลุดได้
เมื่อกิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์พันตาเห็นผลวิญญาณถูกคนแย่งไป ก็เผยความโกรธเกรี้ยวดุจฟ้าฟาดออกมา แต่กลับถูกพลังของไข่มุกอสนีขวางเอาไว้อยู่ที่เดิม
เมื่อเห็นอานุภาพที่น่ากลัวของไข่มุกอสนี พวกของหล่งตงและสตรีพลันสะดุ้งโหยง แต่ทันใดนั้นก็ทยอยกันสำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีพุ่งหนีไปด้วยความดีใจ
ระหว่างทางก็สำแดงเคล็ดวิชาอำพรางกายระหว่างทาง ทำให้ลำแสงหลีกหนีหายวับไป
ที่เดิมนอกจากไข่มุกอสนีและเสียงคำรามดังกึกก้องด้านในแล้ว ชั่วพริบตาก็ไร้ซึ่งผู้คน
หานลี่กระตุ้นปีกวายุอสนีที่แผ่นหลังจนถึงขีดสุด หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง ก็มาปรากฏตัวที่ขอบฟ้า
เพื่อความปลอดภัย หานลี่แม้กระทั่งพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมากหยดหนึ่ง สำแดงเคล็ดวิชาเงาอสนีหลีกหนี ชั่วพริบตาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เช่นนั้นกิ้งก่ายักษ์และมนุษย์ยักษ์ที่ใช้พลังช้างศาลหนีออกมาจากการขัดขวางได้แล้ว เมื่อเห็นว่าทุกคนหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ถึงแม้ว่าปากจะกู่ร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น แต่กลับไม่อาจไล่ตามหานลี่ได้ทัน
สองสามชั่วยามต่อมาห่างออกไปสองสามหมื่นลี้บนยอดเขาแห่งหนึ่ง หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น หานลี่ที่มีประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวล้อมรอบอยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ
เขาหันหน้าไปกวาดสายตาไปด้านหลังแวบหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมา
ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเสี่ยงไปหน่อย และยังต้องเสียปราณแท้ไปเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ได้ผลวิญญาณมาอยู่ในมือ
แต่เพื่อความปลอดภัย หานลี่จึงแผ่จิตสัมผัสไปรอบๆ ภูเขาหิน หลังจากไม่พบความผิดปกติแล้ว ถึงได้ร่อนลงมาบนเนินเขา
เขาพลิกฝ่ามือมือหนึ่งหยิบขวดหยกออกมาหนึ่งขวด เทยาลูกกลอนสีแดงสดออกมาสองเม็ด แล้วกรอกใส่ปาก
ถึงแม้ว่าเขาจะใช้เงาโลหิตหลีกหนีไปเพียงเล็กน้อย แต่เมื่ออยู่ในสถานที่ที่อันตราย ก็กินยาลูกกลอนชดเชยปราณแท้ที่เสียไปไว้จะดีกว่า
เมื่อยาลูกกลอนเข้าปากไปแล้ว พลังเย็นที่บริสุทธิ์ก็ไหลเวียนไปตามแนวชีพจรทันที
หานลี่มีสีหน้าผ่อนคลายลง แล้วถึงได้ขยับมือข้างหนึ่งอีกครั้ง กล่องหยกที่แวววาวดุจน้ำแข็งปรากฏขึ้นในมือ
เปิดฝากล่องออกเล็กน้อย เผยผลสีม่วงพวงหนึ่งออกมา ทุกลูกมีขนาดเท่ากำปั้น ดูสดใหม่เป็นอย่างมาก
เขาพิจารณาผลวิญญาณนั้นด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ ฉับพลันนั้นพลันใช้นิ้วสองนิ้วคีบผลวิญญาณขึ้นมาเบาๆ พลางพิเคราะห์อย่างละเอียด
ชั่วครู่เขาถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
ไม่เลว นี่คือผลเห็ดมังกรของจริง! ผลวิญญาณชนิดนี้ผลที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่ชนิดของสมุนไพรวิญญาณระดับหลอมสุญตา ประกอบกับการเร่งการเจริญเติบโตซ้ำไปซ้ำมา คือหนึ่งในสมุนไพรวิญญาณที่เขาสนใจมาเนิ่นนานแล้ว
มิเช่นนั้นเขาจะเสี่ยงอันตรายขนาดนี้เพราะอันใด
ครานี้ได้สมุนไพรวิญญาณมาอยู่ในมือ หานลี่พลันหยักยิ้มที่มุมปากออกมาเล็กน้อย
ขอแค่หาวัตถุดิบอีกอย่างที่มีชื่อเรียกว่า ‘ยางขี่เมฆ’ เมื่อนำทั้งสองมาผสมกับบวกกับสมุนไพรอื่นๆ ก็สามารถหลอมยาลูกกลอนมังกรกระโจนที่ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาน้ำลายไหลได้แล้ว
หานลี่ขบคิดเช่นนั้น สายตาพลันอดที่จะฉายแววตื่นเต้นดีใจขึ้นมาไม่ได้
แต่ในตอนนั้นเองเขาพลันขมวดคิ้ว ฉับพลันนั้นพลันหันไปหน้าไปมองขอบฟ้าอีกด้านแวบหนึ่ง พริบตานั้นสีหน้าก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นราบเรียบ
ครู่ต่อมาสายรุ้งสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งทะยานแหวกอากาศเข้ามา
หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง สายรุ้งสีขาวก็มาอยู่เหนือศีรษะของหานลี่ หลังจากหม่นแสงลง ก็เผยร่างบุรุษหนุ่มคนหนึ่งออกมา
นั่นก็คือหล่งตง
ครานี้เกราะเกล็ดสีเหลืองบนร่างของเขาหายไปแล้ว แต่หลังจากที่สายตากวาดมายังผลวิญญาณ ก็เผยสีหน้ายินดีออกมา
“ฮ่าๆ เคล็ดวิชาหลีกหนีของสหายหานน่าทึ่งดังคาด คิดไม่ถึงว่าจะนำมันมาถึงที่นี่ได้อย่างปลอดภัย ให้ข้าน้อยดูหน่อยซิว่าผลชนิดนี้คือผลเห็ดมังกรจริงหรือไม่”
ปากของชายหนุ่มไฝแดงเอ่ยขึ้นร่างกายพลันพลิ้วไหว แล้วร่อนลงบนยอดเขา คิดจะเข้ามาประชิด
“พี่หล่งไม่ต้องรีบร้อน รอให้สหายคนอื่นมาแล้ว ค่อยดูก็ไม่สาย” หานลี่ยิ้มบางๆ ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบในมือ กล่องหยกหายวับไป
“อ๋อ…สหายหานพูดถูก ผู้แซ่หล่งใจร้อนไปหน่อย” หล่งตงได้ยินพลันหน้าเปลี่ยนสี สายตาโหดเ**้ยมที่สัมผัสได้ยากฉายแวบผ่านไป แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
ดังนั้นเขาจึงสาวเท้าก้าวออกไปสองสามก้าว อยู่บนก้อนหินห่างจากหานลี่ไปสิบจั้งเศษแล้วนั่งสมาธิลงด้วยสีหน้าราบเรียบ
หานลี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม สองมือไพล่หลังขณะรอคนอื่นๆ
หลังจากรออีกเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ชายหนุ่มคิ้วขาวและหญิงสาวก็มาพร้อมกัน เมื่อได้ยินว่าหานลี่ได้ผลวิญญาณมาแล้วจริงๆ ก็ดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
ทว่าก่อนที่ทุกคนจะมาครบ พวกเขาก็ทำได้เพียงระงับความตื่นเต้นเอาไว้ นั่งสมาธิรอคนสุดท้ายอยู่ด้านข้างเงียบๆ
ผ่านไปอีกหนึ่งเค่อเต็มๆ ทุกคนก็เริ่มเอ่ยพึมพำ ใบหน้าของหล่งตงเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเล็กน้อย แล้วถึงได้เห็นว่าบนขอบฟ้ามีลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็หยุดอยู่กลางอากาศเหนือทุกคน
“ขออภัยที่ปล่อยให้เหล่าสหายรอนาน ครั้นเมื่อน้องหญิงผ่านป่าทึบแห่งหนึ่ง ได้บังเอิญพบไม้วิญญาณมรกตหมื่นปีโดยบังเอิญ จึงเสียเวลานิดหน่อยถึงได้เด็ดมันมาพร้อมรากได้” หญิงสาวชุดขาวหัวเราะคิกคักขณะเอ่ย ทันใดนั้นลำแสงหลีกหนีก็เปล่งประกาย ร่อนลงมาด้านล่าง
“ไม้วิญญาณมรกตหมื่นปี? นั่นคือวัตถุดิบในการหลอมยุทธภัณฑ์ธาตุไม้ระดับสุดยอด สหายช่างมีบุญวาสนาไม่น้อย” เสี่ยวหงตะลึงงันไปเล็กน้อย
“จุ๊ๆ พี่หญิงเสี่ยวล้อเล่นแล้ว เทียบกับผลเห็ดมังกรแล้ว ไม้วิญญาณมรกตท่อนหนึ่งจะมีค่าอะไร พี่หานคงได้ผลวิญญาณมาแล้วสินะ” หญิงสาวชุดขาวหัวเราะอย่างแผ่วเบา กลอกตาไปมาตกลงบนร่างของหานลี่
“ได้มาแล้ว เหล่าสหายลองตรวจสอบก่อนก็แล้วกัน” หานลี่พยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ มือหนึ่งปัดไปที่กำไลเก็บของ กล่องหยกปรากฏขึ้นอีกครั้ง และเปิดฝากล่องออก ใช้มือถือเอาไว้
กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยเข้ามาปะทะจมูก สายตาของทุกคนหดเล็กลง ต่างจ้องเขม็งไปยังผลวิญญาณในนั้น จิตสัมผัสสองสามสายล้อมรอบผลวิญญาณเอาไว้พลางแยกแยะอย่างละเอียด
“น่าจะไม่ผิด สมุนไพรวิญญาณนี่เป็นของจริง” เสี่ยวหงมีสีหน้าดีอกดีใจฉายแวบผ่าน แล้วเอ่ยตัดสินเป็นคนแรก
ชั่วครู่คนที่เหลือก็เก็บจิตสัมผัสกลับไป ทยอยกันพยักหน้าเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นของจริง พวกเราก็แบ่งกันเถิด ทว่าผลเห็ดมังกรพวงนี้มีหกลูก ต่อให้พวกเราแบ่งกันคนล่ะลูก ก็ยังเหลืออีกลูกที่ไม่รู้ว่าจะแบ่งอย่างไร” หานลี่กวาดสายตาไปบนกล่องหยกแวบหนึ่ง แล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ
เมื่อได้ฟังคำพูดของหานลี่ คนอื่นๆ ก็ขมวดคิ้ว
“ผลวิญญาณหกลูกนั้นแบ่งยากจริงๆ ทว่าพักเรื่องนี้ไว้ก่อน แบ่งให้ทุกคนคนล่ะลูกก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด” ชายหนุ่มคิ้วขาวกลับทนไม่ไหวแล้ว
“พี่หลี่พูดถูก! สหายหาน แบ่งให้พวกเราก่อนเถิด” เสี่ยวหงเองก็หัวเราะคิกคักขณะเอ่ยสนับสนุน
หล่งตงและหญิงสาวชุดขาวเองก็ไม่มีเจตนาคัดค้าน
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันฉีกยิ้มจางๆ ออกมา
เขาใช้มือหนึ่งถือกล่องหยกเอาไว้ ร่างกายพลิ้วไหวแล้วมาอยู่เบื้องหน้าปีศาจสตรีเสี่ยวหง ชูสองนิ้วขึ้น เด็ดผลเห็ดมังกรออกมาลูกหนึ่ง คีบเอาไว้เบื้องหน้าสตรี
สตรีรู้สึกดีอกดีใจหยิบกล่องไม้ออกมา คิดจะรับผลนั้นเอาไว้
แต่หานลี่กลับคีบผลวิญญาณเอาไว้แน่นไม่ปล่อย แค่ฉีกยิ้มให้สตรีโดยไม่พูดอะไรอย่างมีเลศนัย
สตรีตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถึงบางอ้อ
ทันใดนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล่มเล็กสีทองที่มียันต์สองแผ่นแปะอยู่ปรากฏขึ้นในมือ ฉีกยันต์ออกแล้วโยนกลับมา
นั่นก็คือกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาของหานลี่!
หานลี่อ้าปากออกดูดเข้าไป กระบี่เล่มเล็กกลายเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งเข้าไปในปาก
ในเวลาเดียวกันนิ้วพลันคลายลง ผลวิญญาณเม็ดนั้นค่อยๆ ร่อนลงบนกล่องไม้ของสตรี
เสี่ยวหงตรวจสอบผลวิญญาณด้วยสีหน้าดีใจ หานลี่เองก็พลิ้วกายไปอีกด้าน ส่งผลวิญญาณอีกเม็ดให้ชายหนุ่มคิ้วขาว
ปีศาจผู้บำเพ็ญเพียรผู้นี้เห็นฉากเมื่อครู่ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร ไม่รอให้หานลี่เอ่ยปาก ก็กำจัดอาคมบนกระบี่เล่มเล็กอีกเล่มเช่นกัน แล้วโยนให้หานลี่
เช่นนั้นชั่วพริบตาผลวิญญาณในมือของหานลี่ก็เหลือเพียงสองลูก
หลังจากที่หานลี่เก็บของตัวเองไปลูกหนึ่งแล้ว ก็วางกล่องหยกเอาไว้บนพื้นตรงของทุกคน ส่วนตัวเองก็ยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชา
สำหรับเขาแล้ว สมุนไพรวิญญาณชนิดนี้มีลูกหนึ่งก็เพียงพอแล้ว มีมากไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อเขามากนัก
แต่การกระทำอย่างรู้จักวางตัวของเขานั้นทำให้เหล่าสตรีตะลึงงัน สายตาที่มองไปยังเขาอดที่จะอ่อนโยนขึ้นเป็นอย่างมากไม่ได้
“ตอนนี้เหลือผลวิญญาณหนึ่งลูก เช่นนั้นพวกเรามาประมูลกันเป็นอย่างไร? ผู้ใดให้ศิลาวิญญาณมากที่สุด ผลวิญญาณก็เป็นของผู้นั้น ส่วนศิลาวิญญาณนั้นพวกเราก็นำมาแบ่งกันอย่าเท่าเทียม” หล่งตงกระแอมไอออกมาเบาๆ แล้วเสนอขึ้น
“หึ แผนนี้ของสหายหล่งจะดีไปหน่อยกระมัง ผู้ใดไม่รู้บ้างว่า ตระกูลหล่งของพวกเจ้าร่ำรวยขนาดไหน พวกเราสี่คนรวมกัน เกรงว่าศิลาวิญญาณที่พกมาคงยังไม่มากเท่านายท่านคนเดียวกระมัง” ชายหนุ่มคิ้วขาวแค่นเสียงหึออกมา ปฏิเสธด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อ๋อ เช่นนั้นมีความคิดเช่นไร?” ชายหนุ่มไฝแดงเองก็ไม่ได้โมโห แต่กลับเอ่ยถามยิ้มๆ
“ผู้ที่อยากได้ผลวิญญาณนี้ ต้องเอาของมาแลก ไม่ว่าจะเป็นยาลูกกลอน หรือวัตถุดิบ ขอแค่เอาของที่เพียงพอให้ทุกคนแบ่งกันออกมาได้ และยิ่งไปกว่านั้นราคายังไม่ต่างกันมาก ถึงจะเอาผลวิญญาณลูกสุดท้ายไปได้ เหล่าสหายคิดว่าแบบนี้สมเหตุสมผลหรือไม่?” เสี่ยวหงม้วนปอยผมที่ปรกลงมาบนหน้าผาก แล้วฉีกยิ้มอ่อนหวานขณะเอ่ย
ชายหนุ่มคิ้วขาวได้ยินก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
หญิงสาวชุดขาวเอียงหัวขบคิด สายตากลอกไปมาแสดงออกว่าเห็นด้วย
หานลี่จึงยิ่งไม่ปฏิเสธ
“คำพูดของเซียนเสี่ยวมีเหตุผล เช่นนั้นก็ทำตามคำพูดของเซียนก็แล้วกัน” ถึงแม้ว่าหล่งตงจะไม่ยินยอม แต่เมื่อเห็นที่เหลืออีกสี่คนต่างเห็นด้วยกับวิธีนี้ ก็ทำได้เพียงตอบตกตะลึงด้วยรอยยิ้มฝืนๆ
หนึ่งชั่วยามผ่านไป รถเหาะสีเขียวความยาวสิบจั้งเศษคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็สั่นไหวกลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป
สองสามชั่วอึดใจ รถเหาะคันนี้ก็ปรากฏห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง กะพริบวาบอีกสองสามครั้งแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่นั่งอยู่ค่อนไปทางท้ายของรถเหาะ มือหนึ่งควงไม้กลมๆ สีเขียวมรกตท่อนเล็กๆ เล่นอยู่
ไม้ท่อนนี้มีความยาวแค่สองสามฉื่อ แต่ผิวกลับเนียนใส เปล่งแสงจางๆ ออกมา เมื่อพินิจอย่างละเอียด ด้านในก็มีเส้นไหมวิญญาณสีเงินเปล่งแสงระยิบระยับอยู่
“ไม้วิญญาณมรกต เจ้าสิ่งนี้หากถูกกระตุ้นเป็นเวลานานสักหน่อย ก็อาจจะมีประโยชน์มากจริงๆ” หานลี่ขบคิดอย่างสงบ