A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1371
“เคล็ดวิชาลวงตา?” หานลี่เห็นฉากนี้พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็สะบัดแขนเสื้อทั้งสอง ชั่วขณะนั้นกระบี่เล่มเล็กสีทองยี่สิบสามสิบเล่มพลันบินออกมาราวกับมัจฉาที่แหวกว่ายในสายธาร พลิ้วไหวเล็กน้อยแล้วทยอยกันกลายเป็นกระบี่สีทองความยาวสองสามฉี่อ
เขาร่ายอาคมกระตุ้นกระบี่อยู่ในใจ กระบี่บินทุกเล่มรางเลือนไปเล็กน้อย แบ่งตัวออกเป็นกระบี่ลำแสงสองสามสายที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว จากนั้นก็ทยอยกันหมุนวนเริงระบำ
ครานี้ลำแสงสีทองปกคลุมเต็มท้องฟ้า ไอกระบี่ตัดสลับกัน อสูรประหลาดที่อยู่ในระยะยี่สิบสามสิบจั้งล้วนถูกสับออกเป็นชิ้นๆ
ซากโลหิตอสูร เสียงคำรามของอสูร ปรากฏขึ้นทั้งซ้ายและขวาของหานลี่
แต่หานลี่กลับขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย!
ไม่ว่ารสสัมผัสที่กระบี่บินสับลงไป หรือว่าทุกอย่างที่ตัวเองเห็น ล้วนเสมือนจริง อสูรประหลาดเหล่านี้ไม่เหมือนกับภาพลวงตาเลยสักนิด ทำให้ผู้คนไม่อาจแยกแยะได้ว่าจอมปลอมอย่างไร
เขารู้สึกตกตะลึงระคนสงสัยอยู่หลายส่วน ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก กระบี่บินทั้งหมดที่กลายเป็นกระบี่ลำแสงไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย ปกป้องร่างของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
นักพรตชราที่ยืนอยู่บนตัวอสูรเซิ่นห่างออกไปเห็นเช่นนี้ ใบหน้าพลันเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา
อสูรที่ปรากฏขึ้นรอบด้านดูเหมือนจะมีอย่างไม่สิ้นสุด และกระบี่ลำแสงของหานลี่ก็แหลมคมอย่างหาที่เปรียบ ชั่วพริบตาก็สับอสูรประหลาดไปได้สองสามร้อยตัว
ทว่าซากอสูรที่จบชีวิตไปเหล่านี้ กลับทยอยกันลอยขึ้นกลางอากาศ และไม่ยอมตกลงมา เช่นนั้นกลอื่นคาวเลือดจึงยิ่งคละคลุ้งขึ้นเรื่อยๆ แสบจมูกเป็นอย่างมาก
ชั่วครู่เมื่อหานลี่พบความผิดปกติ อสูรเซิ่นใต้เท้าของนักพรตชรากลับเปล่งเสียงร้องออกมา ชั่วพริบตาซากอสูรทั้งหมดพลันกลายเป็นหมอกหนาๆ สีดำหมุนวนพุ่งมาหาหานลี่
กระบี่ลำแสงสองสามร้อยสายเริงระบำไปทั้งสี่ด้าน บางครั้งก็แหวกหมอกสีดำออก แต่กลับมีหมอกสีดำพันรัดเอาไว้ กระบี่บินทั้งหมดชะงักค้าง
แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างขนาดใหญ่ของอสูรเซิ่นพลันพลิ้วไหว กลายเป็นไอสีดำสายหนึ่งพุ่งออกไป จมหายเข้าไปในหมอกสีดำแล้วอำพรางกายไป
ครู่ต่อมาเงาสีแดงยาวๆ สองสามดีดออกมาจากหมอกสีดำโดยไม่มีสัญญาณมาก่อน หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็มาปรากฏเบื้องหน้าของหานลี่ สายหนึ่งพุ่งไปหาศีรษะของหานลี่ เส้นหนึ่งทะลวงไปทางทรวงอก การเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายฟ้า
หากไม่ใช่เพราะหานลี่โคจรพลังยุทธ์อยู่ทั่วร่าง ดวงตาสองข้างเปล่งแสงสีฟ้า ใช้ความสามารถของเนตรวิญญาณวารีกระจ่าง อาศัยเพียงจิตสัมผัสก็ไม่อาจจับการโจมตีที่รวดเร็วเช่นนี้ได้จริงๆ
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ต้องใช้สมบัติใดๆ ลำแสงสีทองพลันฉายวาบบนใบหน้า สองมือดูเหมือนช้าแต่ตะปบออกไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาเดียวกันสองมือพลันเปลี่ยนเป็นสีทองเรืองรอง ราวกับสร้างขึ้นจากทองคำอย่างไรอย่างนั้น
เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น มือสีทองสองข้างตะปบลิ้นสีแดงสดที่มีก้อนเนื้ออยู่ตรงปลายเอาไว้ พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งถูกส่งมายังท่อนแขน
แต่หัวไหล่ของหานลี่แค่สั่นไหว ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเห็นฉากนี้ นักพรตชราพลันตะลึงงัน แววตาฉายแววตื่นตะลึง
ต้องเข้าใจว่าอสูรเซิ่นตัวนี้ไม่เพียงจะเชี่ยวชาญในการสร้างภาพลวงตา เป็นผู้ที่เชื่อเสียงว่ามีพลังมหาศาลในเผ่าเงา ยอดเขาร้อยจั้งที่ถูกลิ้นทั้งสองดีดไปเมื่อครู่ ก็แสดงให้เห็นถึงพลังมหาศาลของมันแล้ว
ชายหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้าดูแล้วไม่สะดุดตาเลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะใช้แค่สองมือจับลิ้นคู่ของอสูรเซิ่นเอาไว้ แล้วยังมีท่าทีสบายๆ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ทว่านักพรตชรากลับไม่ได้กังวลใจอะไร อสูรเซิ่นไม่ได้มีแค่พละกำลังมหาศาล
ลิ้นทั้งสองตกลงในมือของหานลี่ดังคาด หลังจากที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเลยสักนิด ลำแสงสีขาวพลันสว่างวาบ ชั่วครู่ก็สร้างภาพลวงตาเป็นงูเหลือมยักษ์สีแดงสดสองตัว อ้าปากออกอย่างดุดัน ฉับพลันนั้นพลันกระโจนเข้ามากัดศีรษะของหานลี่
หานลี่แค่รู้สึกว่านิ้วทั้งสิบสั่นเทา จุดที่ตะปบลงไปเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบและเรียบลื่นอย่างหาที่เปรียบ คาดไม่ถึงว่างูเหลือมตัวนี้จะมีท่าทีดิ้นรนขัดขืน
ลำแสงสีฟ้าในแววตาฉายวาบ สองมือสีทองของหานลี่พลิ้วไหว กลายเป็นสีดำขาวสองสี จากนั้นฝ่ามือยักษ์สีดำสนิทพลันมีเงาลวงตารูปภูเขาสีเงินปรากฏขึ้น ในเวลาเดียวกันนิ้วทั้งห้าพลันหนาขึ้นสองสามเท่า
เสียง “แควก” ดังขึ้น โลหิตสดๆ กระเซ็นออกมา ฉีกงูเหลือมออกเป็นสองส่วน
มือหยกยักษ์ที่แวววาวและนิ้วทั้งห้าสร้างหัวกะโหลกสีขาวขึ้นห้าหัว ดีดออกไปกักไปตรงหัวของงูเหลือม
หัวกะโหลกขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกัดออกไปสองสามครั้ง ตัวของงูเหลือมเปลี่ยนเป็นซูบผอมถูกดูดโลหิตบริสุทธิ์ไปจนหมด
นี่คือผลที่หานลี่นำภูเขาเทวะดูดปราณ ห้ามารใจเดียวและสองมือของตนเองหลอมเข้าเป็นหนึ่ง
การกระทำเช่นนี้กลับเป็นวรยุทธ์เฉพาะที่บันทึกเอาไว้ในคัมภีร์ร้อยชีพจรหลอมสมบัติทำให้แขนกลายเป็นสมบัตินั้นต้องใช้เวลานานมาก แต่หากใช้สมบัติที่มีทำอีกชนิดหนึ่ง กลับเป็นเรื่องที่ใช้เวลาเพียงสั้นๆ
ส่วนผลที่เขาฝึกฝนวิชานี้ ไม่เพียงจะอาศัยพลังของสมบัติสองชิ้นหลอมความสามารถให้แขนทั้งสอง และยิ่งไปกว่านั้นตอนที่ต่อกรกับศัตรู เมื่อนำแขนทั้งสองและพลังของสมบัติทั้งสองผนึกรวมกัน แน่นอนว่าจึงใช้ได้อย่างชำนาญ อานุภาพสูงกว่าอาศัยพลังต่อกรกับศัตรูเพียงอย่างเดียว
หานลี่สังหารลิ้นทั้งสองที่อสูรเซิ่นสร้างขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึง
นักพรตชราเองก็ไม่คิดว่าจะได้ผลเช่นนี้ ภายใต้ความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว ยังไม่ทันได้ทำอะไร ท่ามกลางไอสีดำก็มีเสียงร้องคำรามอันเจ็บปวดของอสูรดังขึ้น ทันใดนั้นไอสีดำพลันแยกออก อสูรเซิ่นพลิ้วกายกระโจนออกมา แต่ร่างกายกลับรางเลือนแล้วหายวับไปกลางทาง
อสูรตัวนี้มีความสามารถในการอำพรางกาย
หลังจากนั้นชั่วครู่รอบด้านของหานลี่ก็มีเสียงคำรามของอสูรดังขึ้น ทำให้ผู้คนไม่อาจแยกแยะตำแหน่งที่แม่นยำได้
ครั้งนี้ถึงแม้ว่าสองตาของเขาจะมีลำแสงสีฟ้าไหลเวียนอยู่ แต่ก็ยังคงไม่อาจมองทะลุได้เลยสักนิด
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น หานลี่กลับหัวเราะน้อยๆ ออกมา
สะบัดแขนเสื้อทั้งสองไปรอบๆ ด้าน ชั่วขณะนั้นตรงแขนเสื้อพลันมีเสียงหึ่งๆ ขึ้น จากนั้นลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมา
เมื่อลำแสงสีทองเหล่านี้พุ่งออกมา ร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้นทันที แล้วทยอยกันกลายเป็นแมลงเกราะยักษ์ขนาดครึ่งฉื่อ
นั่นก็คือสิ่งที่หานลี่เลี้ยงดูมาอย่างหนัก ในที่สุดก็โตเต็มวัยอย่างแมลงกลืนทอง
แมลงกลืนทองยักษ์เหล่านี้มีมากกว่าพันตัว บินอยู่รอบๆ เต็มไปหมด
เช่นนั้นแค่ชั่วพริบตา อสูรประหลาดก็ถูกแมลงยักษ์เต็มท้องฟ้าชนเข้าหลายตัว และปรากฏกายขึ้น
ไม่ต้องให้หานลี่กระตุ้นแมลงวิญญาณ แมลงกลืนทองทั้งหมดพลันเปล่งเสียงร้องออกมาแล้วกระโจนเข้าไป ชั่วพริบตาเมฆสีทองพลันกลืนหายเข้าไปในฝูงอสูรประหลาด
อสูรเซิ่นเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงสวบดังขึ้น ร่างกายอันใหญ่โตกลายเป็นไอสีดำดำกลุ่มหนึ่งหมุนวนแล้วหนีไป
แมลงธรรมดาเจอกับร่างกายที่ไร้รูปร่าง แน่นอนว่าจึงไม่รู้จะทำอย่างไร
ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!
หมอกสีดำเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมาจากซอกของแมลงกลืนทอง แต่แมลงเกราะที่น่ากลัวเหล่านี้ กรงเล็บสองสามกรงเล็บเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะติดอยู่กับหมอกสีดำ จากนั้นก็ก้มหน้าลงแทะอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
แมลงยักษ์นับพันตัวรุมกันกัดแทะ ถึงแม้ว่าอสูรยักษ์จะแปลงเป็นหมอกสีดำอันกว้างใหญ่ แต่ก็ถูกกักไปหนึ่งในสิบส่วนในชั่วพริบตา
ชั่วขณะนั้นเสียงร้องอันน่าอเนจอนาถพลันดังออกมาจากหมอกสีดำ ไอสีดำหมุนวน อสรพิษยาวสีทองเงินสิบตัวพุ่งออกมา ทุกตัวมีความยาวสองสามจั้ง ทุกตัวต่างกลืนกินแมลงยักษ์สิบตัวลงไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
หัวอสรพิษสะบัดออกและเลือนรางอีกครั้ง แมลงสีทองสิบตัวทยอยกันหายวับไปในปากของอสรพิษ
แต่ทันใดนั้นปากของอสรพิษทองเงินสิบตัวพลันเปล่งเสียงซือๆ ออกมา แล้วทยอยกันล้มตึงไปกับพื้น ชั่วพริบตาพลันกลายเป็นกลุ่มหมอกสีดำ
แมลงยักษ์สีทองบินออกมาจากหมอกสีดำตัวแล้วตัวเล่า หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็สิงไปบนร่างของมันอีกครั้งแล้วกัดกินต่อ
แมลงวิญญาณเหล่านี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
จากนั้นหมอกสีดำพลันกลายเป็นอสูรประเภทที่ต่อกรกับอสูรแมลงได้ แต่ไม่ว่าจะกลายเป็นชนิดไหนก็ไม่อาจทำลายแมลงกลืนทองได้เลยสักนิด กลับล่าช้าไปเพียงชั่วครู่ หมอกสีดำเหล่านี้ถูกฉีกทึ้งไปกว่าครึ่ง ความเร็วในการแปลงกายของอสูรจึงเชื่องช้าลงเรื่อยๆ
จากตอนที่หานลี่ปล่อยฝูงแมลงออกมา ไปจนถึงตอนที่หมอกสีดำถูกกำจัดไป เกิดขึ้นแค่ชั่วอึดใจเท่านั้น นักพรตชราที่อยู่ไกลออกไปตาค้าง จ้องเขม็งไปยังแมลงยักษ์สีทองเหล่านั้น ใบหน้าค่อยๆ เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
“แมลงกลืนทอง แมลงกลืนทองโตเต็มวัย!” นักพรตชราเอ่ยพึมพำ ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันตบไปที่เหนือศีรษะอย่างไม่ลังเล
ลำแสงสีแดงสว่างวาบ เงาสีแดงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากเหนือศีรษะ หมุนวนรอบหนึ่ง กลายเป็นสายรุ้งที่เจิดจ้าจนแสบตา
หนีไปด้านล่างร้อยจั้งเศษ หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้ง ก็หายไปที่ปลายฟ้า
ส่วนร่างของนักพรตชราที่อยู่ที่เดิม พลันกลายเป็นซากแห้งๆ ซากหนึ่ง ลมพายุบริสุทธิ์พัดมา ซากปลิวไปตามลมแล้วกลายเป็นเถ้าถ่านกองหนึ่ง
“เอ๋” หานลี่ที่ยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน เปล่งเสียงร้องอุทานออกมาเบาๆ จ้องเขม็งไปยังทิศทางที่สายรุ้งหายไป ใบหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส
“คาดไม่ถึงว่าแม้แต่อสูรประหลาดตัวนี้ยังไม่สน หรือว่าแมลงกลืนทองโตเต็มวัยมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่จริงๆ?”
เมื่อเอ่ยความฉงนจบ หานลี่ก็หันหน้าไป มองหมอกสีดำที่ถูกกลืนกินไปเกือบหมดแล้ว
หานลี่ลูบใต้คาง ฉับพลันนั้นพลันชูมือขึ้นกวักออกไป ชั่วขณะนั้นแมลงกลืนทองที่อยู่ไกลออกไปพลันบินขึ้น หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งถึงได้ทยอยกันหดเล็กลงจนมีขนาดเท่าเมล็ดข้าว จากนั้นก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว หานลี่ก็หันกายคิดจะบินจากไป แต่ครานั้นเขาพลันพลิ้วกายสองสามครั้งด้วยหน้าที่เปลี่ยนสี หลังจากเซถลาไปก็เกือบจะตกลงสู่พื้น
“จะเป็นไปได้ได้อย่างไร ข้าจะสูญเสียจิตสัมผัสไปมากขนาดนี้ได้อย่างไร จิตวิญญาณดั้งเดิมเกือบจะบาดเจ็บ” หานลี่โคจรลมปราณตรวจสอบภายในร่างอย่างรวดเร็ว สีหน้าตกตะลึงและซีดขาวกว่าเดิม
จากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าระดับหลอมสุญตาในครานี้สูญเสียไปเจ็ดแปดส่วน จนเกือบจะหมด และขั้นตอนที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
“หรือว่าคือ…”
หานลี่คือผู้ใด นึกถึงการควบคุมแมลงกลืนทองโตเต็มวัยได้ในทันที สีหน้านึกออกและดูไม่ได้อยู่หลายส่วน
เขาสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง ลำแสงสีทองจุดหนึ่งบินออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นก็กลายเป็นแมลงเกราะยักษ์ สองปีกกระพือออกบินวนคลอเคลียอยู่กับเขา
หานลี่แผ่จิตสัมผัสออกไปตรวจสอบ ชั่วครู่ร่างทั้งร่างก็แข็งค้างอยู่ที่เดิม
ในเวลาเดียวกันที่ปล่อยแมลงเกราะยักษ์ออกมา จิตสัมผัสของเขาก็สูญเสียไปอย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าจะดูแล้วไม่ได้น่ากลัว แต่นี่เป็นเพียงแมลงกลืนทองตัวเดียวเท่านั้น หากควบคุมแมลงกลืนทองนับร้อยนับพันตัวพร้อมกัน จะสูญเสียจิตสัมผัสไปมากขนาดไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
จากจิตสัมผัสระดับหลอมสุญตาของเขาในตอนนั้น ไม่มีทางควบคุมได้นานแน่ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ นอกเสียจากว่าตัวเองจะสำรวจจิตสัมผัสของตัวเอง มิเช่นนั้นการสูญเสียไอวิญญาณอย่างเงียบเชียบนี้ เขาก็ไม่อาจสัมผัสได้เลยสักนิด