A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1376
พฤกษาวิญญาณสองสามตนพลันตะลึงงัน บ้างก็เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ โล่และเกราะป้องกันพฤกษาปรากฏขึ้น บ้างก็อ้าปากออกพร้อมกัน พ่นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งออกมา คิดจะต้านทานเส้นไหมโลหิตเอาไว้
แต่ไม่รู้ว่าเส้นไหมโลหิตเหล่านี้สร้างขึ้นจากสิ่งใด มันทะลุผ่านเครื่องป้องกันเหล่านั้นไปราวกับเงาลวงตา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของพฤกษาวิญญาณเหล่านั้น
พฤกษาวิญญาณเหล่านั้นมีลำแสงสีโลหิตปรากฏขึ้นบนเรือนร่าง ชั่วพริบตาก็ถูกเส้นไหมโลหิตห่อหุ้มเอาไว้เป็นตาข่าย ครานั้นไม่มีทางดิ้นรนหลบหนีได้
ในเวลาเดียวกันซากของต้นไม้โบราณสองส่วนที่ถูกหานลี่ใช้ไอกระบี่ผ่าออก ก็หมุนวนแล้วกลายเป็นเงาสีทองจางๆ สองสายกระโจนเข้าไปหามู่รุ่ย
มู่รุ่ยแค่นเสียงในลำคอ จากนั้นพลันชี้นิ้วไป
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเงินสองสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วดีดตัวออกโจมตีไปยังเงาสีทองอย่างพอดิบพอดี
เสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น เงาสีทองระเบิดออก จุดลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ ห่อหุ้มพฤกษาวิญญาณระดับเงินเอาไว้
เสียงคำรามดังสนั่นขึ้น รอบด้านของมู่รุ่ยมีเขตอาคมที่ก่อตัวขึ้นจากอักขระสีทองปรากฏขึ้น ท่ามกลางลำแสงวิญญาณพลันห่อหุ้มพฤกษาวิญญาณระดับสูงเอาไว้ข้างใน
มู่รุ่ยแววตาเปล่งแสงสีม่วง สองมือประกบเข้าหากัน ในมือมีลำแสงสีเงินที่เจิดจ้าจนแสบตาปรากฏขึ้น จากนั้นลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ระเบิดออกแล้วพุ่งไปทั้งสี่ทิศ
เสียงตูมๆ ดังสนั่นขึ้น ลำแสงสีเงินและยันต์สีทองพัวพันตัดสลับกัน ไม่รู้ว่าอักขระสีทองเหล่านั้นคือความสามารถประหลาดอะไร มันต้านทานการโจมตีของพฤกษาวิญญาณระดับเงินเอาไว้ มีเพียงอักขระส่วนน้อยที่ถูกโจมตีตนสลายออก
ฉากนี้ทำให้พฤกษาวิญญาณระดับสูงอย่างมู่รุ่ยรู้สึกตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว
ไม่ต้องขบคิด ระหว่างฝ่ามือสองมือพลันมีลำแสงสีเงินปรากฏขึ้นอีกครั้ง ลำแสงที่ผนึกตัวรวมกันแค่มองก็รู้ว่าเปล่งแสงเจิดจ้ากว่าครั้งที่แล้วหลายส่วน
แต่ครานี้เมื่อเห็นพฤกษาวิญญาณระดับเงินและพฤกษาวิญญาณระดับสูงตนอื่นๆ ถูกกักเอาไว้ แม้ว่าหานลี่และหล่งตงจะตกใจ แต่ไหนเลยจะนิ่งรอความตายต่อ ทันใดนั้นจึงทยอยกันสำแดงความสามารถปกป้องชีวิตออกมาด้วยความดีใจ แล้วพุ่งออกไปทั้งสี่ทิศทันที
สตรีผู้นั้นใช้สองมือร่ายอาคม ร่างกายหมุนวนพุ่งลงไปยังพื้นดิน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นหงส์เพลิงที่งดงามเป็นพิเศษ รอบกายมีเปลวเพลิงปีศาจสีดำห่อหุ้มอยู่ พุ่งเข้าไปหาฝูงวานรพฤกษา ทุกแห่งที่บินผ่านยุทธภัณฑ์ต่างๆ ของวานรยักษ์ที่เข้ามาประชิดตัวพลันกลายเป็นเถ้าถ่าน
ชั่วพริบตาหงส์ตัวนั้นก็ออกห่างมาในระยะร้อยจั้งเศษ
ภายใต้สีหน้าเคร่งขรึมของหล่งตง กลับกลืนยาลูกกลอนห้าสีลงไปเม็ดหนึ่ง ทันใดนั้นปากพลันบริกรรมคาถา บนร่างมีเกราะสงครามติดปีกคู่หนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง
สองปีกกระพือ เกราะสงครามมีเงาลวงตามังกรทองห้ากรงเล็บตัวหนึ่งปรากฏขึ้น
มังกรตัวนี้เปล่งเสียงกู่ร้องกับท้องฟ้า จากนั้นก็หมุนวนรอบหนึ่งแล้วจมหายเข้าไปในร่างของหล่งตง
ทันใดนั้นร่างของชายหนุ่มไฝโลหิตก็เปล่งแสงสีทองออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีทองยาวสิบจั้งเศษพุ่งทะยานออกไป ขณะที่ลำแสงสีทองกะพริบวาบมังกรสีทองห้ากรงเล็บก็สะบัดหัวสะบัดหาง ทุกแห่งที่ลำแสงสีทองกวาดออกไป สิ่งของที่ต้านทานอยู่เบื้องหน้าทั้งหมดต่างกลายเป็นฝนโลหิตโปรยปรายลงมาทันที
เทียบกับทั้งสองคนก่อนหน้าที่หนีไปอย่างสะเทือนฟ้าสะเทือนดินแล้ว การเคลื่อนไหวของหานลี่กลับเงียบเชียบ แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ปีกขนนกสีเขียวขาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น
จากนั้นเขาพลันอ้าปากออก พ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาสองสามหยด โคจรอยู่ล้อมรอบเขา แล้วกลายเป็นหมอกโลหิตผืนใหญ่ห่อหุ้มเรือนร่างเอาไว้
ขณะที่หมอกโลหิตหมุนวนสองสามรอบ ก็หดเล็กลง ด้านในมีเงาโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็ทะลุผ่านอสูรวานรพฤกษาที่หนาแน่นไปราวกับไร้รูปร่าง ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า
หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้ง เงาโลหิตถึงได้หายวับไป
หานลี่สำแดงเงาโลหิตหลีกหนีของระดับเทพแปลงออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเร็วกว่าหงส์ทมิฬและลำแสงสีทองที่หล่งตงสร้างขึ้นหลายเท่า
ทำให้ทั้งสองคนที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีมองเห็นอยู่ไกลๆ แล้วอดที่จะตกตะลึงจนตาค้างไม่ได้
หญิงสาวชุดขาวกลับอยู่อีกด้าน แค่ใช้มือหนึ่งโบกสะบัดไป มีดสั้นสีแดงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ และไม่เห็นว่านางจะร่ายอาคมใดๆ แค่โบกสะบัดมีดเล่มนั้นไปทางที่มีอสูรวานรพฤกษาเยอะที่สุดเบาๆ
ชั่วขณะนั้นบรรยากาศรอบๆ ก็สั่นคลอน มีดลำแสงสีแดงสดยาวร้อยจั้งเศษพราวกับเสายักษ์ค้ำฟ้าพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ และสับลงมาอย่างรุนแรง
ทุกแห่งที่มดลำแสงสับลงไป อสูรวานรพฤกษาที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้พลันเกิดความโกลาหลขึ้น ทยอยกันร้อนรนคิดจะหนีออกห่างจากที่เดิม
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ ชั่วพริบตาร่างทั้งหมดของวานรพฤกษาเพิ่งจะเคลื่อนไหว ร่างกายก็สั่นเทาแล้วมอดไหม้ไป ชั่วพริบตาอสูรวานรพฤกษาร้อยตนก็กลายเป็นผุยผงท่ามกลางลำแสงเพลิงสีแดง
เบื้องหน้ามีทางเดินยาวๆ สายหนึ่งปรากฏขึ้น
มีดลำแสงขนาดยักษ์ยังไม่สับลงมา ก็หายวับไปอย่างแปลกประหลาด
ในตอนนั้นเองรากของต้นไม้โบราณที่มีคัมภีร์ซ่อนเอาไว้ พลันมีวิหคเพลิงสีเขียวขนาดเท่ากำปั้นพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นลำแสงสีเขียวจมหายเข้าไปในร่างของหญิงสาว
หญิงสาวชุดขาวเห็นเช่นนั้นกลับมีสีหน้ายินดี สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ร่างกายพลิ้วไหวหายไปจากที่เดิม แต่หลังจากกะพริบวาบครั้งหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นตรงกลางทางเดิน แต่เมื่อเคลื่อนไหว คนก็หายวับไป ปรากฏขึ้นตรงปลายทางของทางเดิน
ทันใดนั้นหญิงสาวพลันเงียบกริบ กลายเป็นสายรุ้งสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป ลำแสงกะพริบวาบๆ ชั่วลมหายใจก็หายวับไปจากขอบฟ้าเช่นกัน
เคล็ดวิชาหลีกหนีของสตรีผู้นี้ดูเหมือนว่าจะไม่ด้อยไปกว่าเงาโลหิตหลีกหนีของหานลี่เลย
ครานี้มู่รุ่ยที่ถูกยันต์อาคมสีทองกักเอาไว้ พลันมีลำแสงสีเงินระเบิดออกมาจากบนฝ่ามืออีกครั้ง
ครั้งนี้ลำแสงสีเงินมีอานุภาพมากกว่าครั้งที่แล้ว ภายใต้การโจมตีคาดไม่ถึงว่าจะทำลายยันต์สีทองไปกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือก็ล้อมรอบพฤกษาวิญญาณตนนั้นเอาไว้ไม่หยุด
พฤกษาวิญญาณตนนี้มีสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่ลำแสงสีม่วงพลันเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นในแววตา ฉับพลันนั้นพลันเงยหน้าขึ้นเปล่งเสียงร้องแหลมๆ อันไพเราะออกมา
ชั่วขณะนั้นพลันเกิดอื้ออึงขึ้นในบรรดาอสูรวานรพฤกษาที่อยู่ใกล้เคียง แบ่งออกเป็นสองสามกลุ่ม แล้วทยอยกันไล่ตามพวกของหานลี่ไปอย่างรีบร้อน
แทบจะในเวลาเดียวกัน ตรงจุดที่ไกลออกไปจุดอื่นในป่าสีดำ เสียงกรีดร้องเหมือนกันราวกับกำลังขานรับกันพลันดังขึ้น…
หานลี่ไม่ได้ใช้เงาโลหิตหลีกหนีนานนัก หลังจากสลัดเหล่าอสูรออกไปโดยไม่เห็นเงาแล้ว ทันใดนั้นก็เห็นลำแสงโลหิต แล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป
แต่เช่นนั้นสีหน้าของเขาก็ยังซีดขาวกว่าเดิมสองสามส่วนอย่างเห็นได้ชัด
ดูจากท่าทางแล้ว การสำแดงเงาโลหิตหลีกหนีติดต่อกันสองครั้ง จะทำให้เขาสูญเสียปราณแท้ไป
ทว่าเมื่อคิดว่าด้านหลังอาจจะมีพฤกษาวิญญาณระดับเงินไล่ตามมา เขาก็ไม่กล้าหย่อนยานเลยสักนิด นั่นเท่ากับสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ของเผ่ามนุษย์ ต่อให้เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองขนาดไหน ระดับที่แตกต่างกันขนาดนี้ ก็ไม่กล้าหวังว่าหากประมือกันแล้วจะมีโอกาสชนะ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในอันดับที่รองจากอันดับเงินตนหนึ่งก็ตาม
ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะมีคนแอบลงมือช่วย ฉับพลันนั้นพลันใช้เคล็ดวิชาลับกักพฤกษาวิญญาณระดับเงินเอาไว้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่มีโอกาสได้หนีแน่
แต่เห็นได้ชัดว่ายันต์เขตอาคมสีทองนั่นไม่อาจกักสิ่งมีชีวิตระดับนั้นได้นานนัก ขณะที่ทุกคนกำลังแยกกันหลบหนี ผู้ใดก็อาจจะถูกพฤกษาวิญญาณระดับเงินระบุเป้าได้ เขาจึงยิ่งไม่กล้าหยุดพัก!
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงาโลหิตหลีกหนีอีก แต่หานลี่ที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีสีเขียว ปีกวายุอสนีที่แผ่นหลังกระพือขึ้นลงไม่หยุด ทุกครั้งต่างมีลำแสงสว่างวาบ ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วน หลังจากกระพือสิบกว่าครั้ง ความเร็วก็ไม่ต่างอะไรกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา
ทว่าเช่นนั้นหานลี่ก็ยังไม่กล้าหันหลังกลับไป แค่ก้มหน้าก้มตาบึ่งไปด้านหน้าเท่านั้น
เสียง “สวบๆ” แหวกผ่านอากาศดังขึ้นจากด้านล่าง ทันใดนั้นวายุสองสามสายก็พุ่งออกมาช่างแปลกประหลาดหนัก
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึมลำแสงหลีกหนีหยุดชะงักกลางอากาศ
ลำแสงหลีกหนีสามสายเปล่งแสงสว่างวาบพลางแฉลบผ่านไปจากทางด้านหลัง ระยะห่างจากตัวเขาไปแค่สองสามฉื่อ
หากเมื่อครู่หานลี่ไม่ได้หยุดลำแสงหลีกหนี เกรงว่าคงถูกลำแสงสีเขียวสามสายทะลุผ่านร่างไปแล้ว
ครานี้ลำแสงสีเขียวสามสายพลันหมุนวน กลายเป็นคนของเผ่าพฤกษาสามคน แต่ละคนถือหอกไม้สีเขียวเอาไว้ ต้านเอาไว้เบื้องหน้าอย่างไร้ความรู้สึก
แววตาของหานลี่กวาดไปที่เอวของทั้งสาม พบว่าเอวของพฤกษาวิญญาณสามตนนี้เป็นสีเหลืองอ่อน ทันใดนั้นก็รู้สึกผ่อนคลายลง
นั่นหมายความว่าทั้งสามคนมีพลังเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลง แน่นอนว่าเขาจึงไม่เห็นอยู่ในสายตา
หานลี่เองก็ไม่เห็นว่าเขาจะลงมืออะไร ปีกวายุอสนีที่แผ่นหลังกระพือเล็กน้อย กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งพุ่งออกไป
สายฟ้าฉับไวขนาดไหน แค่กะพริบวาบ คนก็มาอยู่ตรงกลางของพฤกษาวิญญาณ
พฤกษาวิญญาณมีใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่ลำแสงสีม่วงพลันเปล่งแสงสว่างวาบในแววตาอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าจะคว้าหอกไม้เอาไว้อย่างไม่หวาดกลัว แล้วพุ่งไปที่ท้องส่วนล่างของหานลี่
หอกไม้ยังไม่ทันประชิดตัว ก็ระเบิดลำแสงสีเขียวสองสามสายออกมา ราวกับว่าจะแทงหานลี่ให้เป็นพรุนในพริบตา
แวววตาของหานลี่ฉายแววเย็นชา ใบหน้าและแขนทั้งสองเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า ชั่วพริบตาก็มีเกล็ดสีทองโปร่งแสงปรากฏขึ้น ลำแสงสีเขียวเหล่านั้นทิ่มแทงเรือนร่าง คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงเหมือนโลหะทองกระทบกันออกมา ล้วนถูกดีดกลับมา ไม่มีผลเลยสักนิด
แทบจะในเวลาเดียวกัน หานลี่พลันยื่นแขนข้างหนึ่งออกไป คาดไม่ถึงว่าจะคว้าหัวหอกที่แหลมคมเอาไว้ ปล่อยให้พฤกษาวิญญาณเบื้องหน้าพยายามดึงกลับมา แต่กลับไม่เป็นขยับเขยื้อน
ใบหน้าของพฤกษาวิญญาณมีไอสีเขียวสว่างวาบ คลายหอกไม้ออกอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ร่างกายพุ่งออกไปด้านหลัง การเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจดาวตก ไม่เรียกว่าว่องไวไม่ได้
แต่แขนอีกข้างของหานลี่กลับเปล่งเสียง “แควกๆ” ออกมาขยายใหญ่ขึ้นสองสามฉื่อ ปรากฏขึ้นตรงทรวงอกของพฤกษาวิญญาณราวกับเคลื่อนย้ายกาย นิ้วทั้งห้าเลือนรางราวกับกระบี่ จมหายเข้าไปด้านใน
เสียงไพเราะดังขึ้น ร่างกายของไม้วิญญาณราวกับกระดาษบางๆ ถูกหานลี่อาศัยกายที่แข็งแกร่งทะลวงผ่านไป นิ้วทั้งห้าทะลุผ่านแผ่นพลังของพฤกษาวิญญาณ กลับบีบผลึกสมบัติที่มีรูปร่างเหมือนศิลาสีเหลืองอ่อนเอาไว้
ตั้งแต่ที่หานลี่โจมตีพฤกษาวิญญาณที่อยู่ตรงกลาง ไปจนถึงตอนที่เขามาโจมตีอยู่เบื้องหน้า ทะลวงผ่านทรวงอกไป เป็นเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
นอกจากนี้พฤกษาวิญญาณอีกสองตนที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น ปากก็เปล่งเสียงกรีดร้องแหลมๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะอ้าปากออก พ่นลำแสงสีเหลืองกลุ่มหนึ่งออกมา อีกมือหนึ่งโบกสะบัดหอสีเขียวในมือ กลายเป็นเงาลวงตาสองสามสายห่อหุ้มเรือนร่างกว่าครึ่งของหานลี่เอาไว้
หานลี่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา หดมือทั้งสองกลับไป คิดจะเก็บแขนทั้งสองข้างกลับมาต่อกรกับศัตรู
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงพลันปรากฏขึ้น
มือหนึ่งของเขาที่ปักลงไปในร่างของพฤกษาวิญญาณและแขนอีกข้างหนึ่งที่คว้าหอกไม้เอาไว้ เปล่งแสงสีเขียวออกมาในเวลาเดียวกัน พลังแรงดูดมหาศาลที่น่าเหลือเชื่อปรากฏขึ้น
แขนทั้งสองของเขาสั่นเทา ไม่อาจเคลื่อนไหวและดึงออกมาได้เลยสักนิด
และเมื่อได้รับสิ่งนี้ ชั่วพริบตาลำแสงสีเหลืองก็มาปรากฏเบื้องหน้า เงาลวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนมีลำแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา แล้วแทงลงมา
หานลี่มีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน ในเวลาเดียวกันมุมปากพลันขยับ ดูเหมือนว่าจะเอ่ยอะไรออกมา
ชั่วขณะนั้นบนร่างของเขาพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ เงาลวงตาใต้ซี่โครงเปล่งแสงสว่างวาบ แขนสีทองที่เลือนรางสี่ข้างปรากฏขึ้นอย่างแปลกประหลาด