A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1381
หานลี่จ้องไปกลางอากาศด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ มังกรทองและหงส์หลากสีที่อยู่บนท้องฟ้า กำลังโรมรันกันจนแยกไม่ออก
เช่นนั้นหรือว่าจะกลายเป็นการต่อสู้อย่างไม่หยุดพักสามวันสามคืน?
หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ชักสายตาไป พิจารณาหญิงสาวชุดขาวและเยี่ยฉู่ที่นั่งสมาธิอยู่ในเขตอาคม สีหน้าพลันตะลึงงัน
หญิงสาวกำลังหลับตาสองมือร่ายอาคม บนร่างมีลำแสงห้าสีโคจรไปมาไม่หยุด ดูไม่ออกว่ามีจุดใดที่ผิดปกติเลยสักนิด ส่วนเยี่ยฉู่ยังคงพ่นลำแสงสีเขียวออกมาใส่ร่างของหญิงสาวไม่หยุด แต่สีผิวกลับเปลี่ยนไป
ผิวสีเขียวมรกตที่ดูเหมือนพฤกษาวิญญาณในตอนนี้ขาวนวล ราวกับหยกงามอย่างไรอย่างนั้น
หญิงสาวผู้นี้กลายเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาสดใสดุจหงส์ ท่าทางมีอายุแค่สิบแปดสิบเก้าปี
เหมือนว่าจะรู้สึกถึงการจับจ้องของหานลี่ สตรีผู้นั้นชำเลืองมองหานลี่ด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง สายตาไร้ซึ่งความรู้สึก เย็นชาเป็นอย่างมาก
สัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของสตรีผู้นี้ หานลี่พลันฉีกยิ้มตอบรับ ทันใดนั้นก็หันกลับไป
ในตอนนั้นเองกลางอากาศพลันมีเสียง “” ดังขึ้น
หานลี่ใจหายวาบมองไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง
เห็นเพียงสถานการณ์บนท้องฟ้าเปลี่ยนไป พลังพายุเฮอร์ริเคนกลายเป็นลำแสงสีฟ้า กลายเป็นดอกบัวน้ำแข็งยักษ์กิ่งโปร่งใสผลิบานอยู่ พลังเย็นยะเยือกที่สามารถแช่แข็งท้องฟ้าได้พลันเข้าสู่การต่อสู้ในพริบตา
เมื่อพลังเย็นเยียบกลุ่มนี้ปะทะกับเปลวเพลิงสีขาว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีพลังขับไล่เลยสักนิด กลับตรงกันข้ามกับพลังฟ้าดิน เมื่อช่วยเสริมกันและกันแล้ว อานุภาพก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า
ชั่วขณะนั้นลูกไฟสีขาวและดอกบัวน้ำแข็งสีฟ้าพลันพัวพันสลับกัน ทอดตัวไปครึ่งฟ้า กดพลังอสนีให้ล่าถอยไป
ไม่รู้ว่าหงส์หลากสีสำแดงเคล็ดวิชาอัศจรรย์อะไร หลังจากเปลี่ยนพลังวายุเป็นพลังน้ำแข็งเย็นยะเยือกแล้ว ก็ได้เปรียบในการต่อสู้เป็นอย่างมาก
“เหอๆ เปลี่ยนเบญจธาตุ เป็นหนึ่ง! ในที่สุดเจ้าก็สำแดงคาถาหยินหยางระดับสุดยอดออกมาแล้ว? เยี่ยม เยี่ยมมาก ในที่สุดวันที่ข้ารอคอยก็มาถึง” มังกรยักษ์สีทองที่อยู่กลางอากาศดูจะสู้ไม่ได้ แต่ไม่เพียงจะไม่ลนลาน กลับเอ่ยคำพูดของมนุษย์ที่ฟังดูอู้อี้ออกมา เปล่งเสียงหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าจะมีความสุขเป็นอย่างมาก
“เจ้ารู้จักเคล็ดวิชานี้?” ร่างกายของหงส์หลากสีแข็งค้าง ปากก็เปล่งเสียงร้องด้วยความสงสัยออกมา
นั่นก็คือเสียงของหญิงสาวชุดขาว
แต่มังกรยักษ์ที่อยู่กลางอากาศกลับไม่ตอบคำพูดของหงส์หลากสี กลับอ้าปากเปล่งเสียงคำรามกระทบโสตประสาทออกมา ทันใดนั้นฉากที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงก็ปรากฏขึ้น
ลำแสงสีทองที่อยู่บนร่างของมังกรยักษ์ลดลง กลายเป็นสีแดงโลหิตสดๆ ทันใดนั้นมังกรพลันอ้าปาก พ่นเสาโลหิตหนาๆ ออกมาต้นหนึ่ง
เมื่อเสาโลหิตสัมผัสกับอากาศ ก็หมุนติ้วๆ รวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ยักษ์ยาวสิบจั้งเศษ
กระบี่เล่มนี้มีตัวเรือนสีแดงโลหิต หัวเป็นมังกรตัวเป็นหงส์ กลิ่นคาวโลหิตคละคลุ้งทะลักออกมาจากตัวกระบี่ ทำให้ผู้คนรู้สึกคลื่นเ**ยนเวียนเกล้า
“กระบี่ผลึกโลหิตมหาภารตะ คิดไม่ถึงว่าสมบัติชิ้นนี้จะตกอยู่ในมือของพวกเจ้า! หรือว่าพวกเจ้าคิดจะ…” เมื่อเห็นกระบี่เล่มนี้คืนร่างเดิม หงส์หลากสีก็ร้องอุทานชื่อของมันออกมาด้วยความตกใจ แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นพลันลนลาน สยายปีกทั้งสองออกแล้วบินหนีออกมา
“จะหนีตอนนี้ ก็สายไปแล้ว!” เสียงเย็นชาดังออกมาจากปากของมังกรยักษ์ ทันใดนั้นร่างกายก็กระโจนมาข้างหนึ่ง ฉับพลันนั้นร่างพลันหดเล็กลงสองสามเท่า คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลำแสงโลหิตความยาวสองสามจั้ง จมหายเข้าไปในตัวกระบี่โลหิต
ทันใดนั้นกระบี่เล่มนี้ก็สับลงมาหาหงส์หลากสีที่อยู่ไกลออกไป
ลำแสงสีโลหิตอ่อนๆ สว่างวาบ เงาโลหิตยาวร้อยจั้งเศษสายหนึ่งสับผ่านร่างของหงส์หลากสีอย่างรวดเร็ว ทำให้หงส์หลากสีตัวนั้นไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง
หลังจากเปล่งเสียงร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว ร่างอันใหญ่โตของหงส์หลากสีที่ดูเหมือนว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เงาลวงตาหงส์โลหิตขนาดสองสามฉื่อกลับถูกเงากระบี่สับแล้วพุ่งออกมาจากร่างกาย จากนั้นเงากระบี่สีโลหิตก็พุ่งไปด้านหลังแล้วหมุนวนกลับมา กลายเป็นลำแสงสีโลหิตห่อหุ้มเงาลวงตาหงส์โลหิตเอาไว้ พุ่งไปด้านหลังแล้วกลับมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลับมาอยู่ในกระบี่โลหิต
ลำแสงกระบี่โลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ เปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ต่ำๆ ออกมา
ร่างของหงส์หลากสีเปล่งเสียง “กึกๆ” ออกมา ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นลำแสงวิญญาณสลายหายไปจากกลางอากาศ มีเพียงลำแสงโลหิตส่วนเล็กๆ ที่ร่อนลงมาจากลำแสงวิญญาณ ชั่วพริบตาก็จมหายเข้าไปในร่างของหญิงสาวที่อยู่ด้านล่าง
ร่างกายของเยี่ยอิ่งสั่นเทา ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่อ
“โลหิตของหงส์สวรรค์ โลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้ของพวกเราถูกกระบี่เล่มนั้นดูดไปกว่าครึ่ง” น้ำเสียงของหญิงสาวแห้งผาก ไม่อาจรักษาสีหน้าราบเรียบอย่างเดิมเอาไว้ได้อีกแล้ว
“นายหญิงน้อยไม่จำเป็นต้องตกใจ โลหิตของหงส์สวรรค์ไม่ใช่สิ่งที่จะชิงไปได้ง่ายๆ ตอนนี้แค่ถูกกระบี่เล่มนั้นกักเอาไว้ชั่วคราวเท่านั้น ถึงแม้ว่าคนของตระกูลหล่งจะใช้จิตวิญญาณดั้งเดิมควบคุมโลหิตของมังกรเที่ยงแท้ให้เข้าไปในกระบี่เล่มนั้น เพื่อหมายจะชิงโลหิตวิญญาณไปจริงๆ แต่ก็ไม่อาจทำสำเร็จได้ในทันที ขอแค่ชิงกระบี่เล่มนั้นกลับมาได้ พวกเราก็มีโอกาสชิงกลับคืนมาแล้ว แม้กระทั่งอาจจะชิงโลหิตมังกรเที่ยงแท้ของอีกฝ่ายมาได้อีกด้วย” หลังจากนั้นเยี่ยฉู่กลับหยุดลำแสงวิญญาณ สายตาเย็นชาขณะเอ่ย
“ใช่แล้วตอนนี้ข้ายังสัมผัสได้ถึงโลหิตวิญญาณส่วนนั้น อีกฝ่ายยังทำไม่สำเร็จ พวกเรารีบไปชิงกระบี่เล่มนั้นมาเถิด พี่หาน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงธรรมดาๆ ครั้งนี้ขอแค่ช่วยข้าชิงโลหิตวิญญาณคืนมา ข้ายอมตกลงว่าวันข้างหน้าตระกูลเยี่ยจะยอมตอบแทนสิ่งที่ทำได้ให้เจ้าเป็นการตอบแทนแน่” หญิงสาวชุดขวาได้ฟังคำพูดของเยี่ยฉู่ ในที่สุดก็ฟื้นฟูสีหน้ากลับมาเป็นนิ่งสงบ ขบคิดเล็กน้อย กลับหันหน้าไปเอ่ยคำสัญญากับหานลี่
เยี่ยฉู่ได้ยินแล้วพลันตะลึงงัน ส่วนหานลี่กลับขมวดคิ้ว เผยท่าทีลังเลออกมา
“สหายอย่าคิดว่าตระกูลหล่งจะปล่อยเจ้าไป หากพวกเราพลั้งมือถูกสังหาร เจ้าก็ไม่อาจหนีการไล่ล่าของอีกฝ่ายได้ตามลำพังแน่ และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อครู่เจ้ากับข้าแสดงออกแล้วว่าอยู่ฝั่งเดียวกัน ต่อให้โชคดีหนีกลับไปในเผ่ามนุษย์ได้ แต่วันข้างหน้าตระกูลหล่งก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่ มีเพียงต้องรับการคุ้มครองจากตระกูลเยี่ยของพวกเรา ถึงจะไม่เป็นไร” เยี่ยฉู่แววตาเปล่งประกายขณะเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“ข้าน้อยยังมีตัวเลือกอื่นอีกหรือ” หานลี่ลูบใต้คาง เอ่ยด้วยท่าทีจนปัญญาเล็กน้อย
“เหตุใดพี่หานถึงได้พูดเมื่อฝืนใจขนาดนั้น ผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ที่อยากสานสัมพันธ์กับตระกูลเยี่ยของพวกเรา” หญิงสาวชุดขาวหัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา ทันใดนั้นร่างกายก็เคลื่อนไหว กลายเป็นลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ส่วนหญิงสาวเยี่ยฉู่ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวไล่ตามหลังไปติดๆ
หลังจากที่หญิงสาวผู้นี้มีลำแสงวิญญาณไหลวนโคจรอยู่ ผิวก็กลายเป็นสีเขียวอีกครั้ง มองไกลๆ ไม่ต่างอะไรกับพฤกษาวิญญาณเลยสักนิด
หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางลำแสงสีเขียวก็บินเข้าไปหากระบี่โลหิตบนท้องฟ้า
เพราะว่ามังกรทองและหงส์โลหิตสลายหายไป สายฟ้า เมฆสีดำ ดอกบัวน้ำแข็ง เปลวเพลิงสีขาวบนท้องฟ้าจึงหายวับไป เผยท้องฟ้าสีครามออกมาอีกครั้ง
หากไม่ใช่เพราะกลางอากาศมีกระบี่โลหิตขนาดยักษ์ที่สะดุดตาลอยอยู่ การต่อสู้ก่อนหน้าก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่และพวกต่างรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาทำสำเร็จได้ง่ายๆ แน่ ระหว่างที่ทั้งสามพุ่งออกไป สองฝั่งของกระบี่โลหิตก็มีไอคลื่นปรากฏขึ้น ท่ามกลางลำแสงสีเงิน ผู้บำเพ็ญเพียรสองคนที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกันพลันปรากฏขึ้น
ทั้งสองคนสวมชุดผ้าไหม สวมผ้าคาดสีม่วงบนศีรษะ มองทั้งสามด้วยสีหน้าเย็นชา
“หลงอวี่ หลงหลิน! พวกเจ้าสองคน!” เมื่อเห็นทั้งสองปรากฏตัว ดวงตางดงามของเยี่ยฉู่กลับหดเล็กลง ตะโกนชื่อทั้งสองคนออกมา
หญิงสาวชุดขาวใจเต้น ลำแสงหลีกหนีที่อยู่ห่างจากกระบี่โลหิตไปร้อยจั้งเศษหยุดชะงักลง จากนั้นก็แผ่จิตสัมผัสไปที่ผู้บำเพ็ญเพียรวัยกลางคนทั้งสองด้วยความตกใจ
“อันใด? พี่หญิงฉู่รู้จักสองคนนั้น”
“พันปีก่อนข้าและทั้งสองคนอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นต้นเหมือนกัน เคยพบกันในการรวมตัวของตระกูลจิตวิญญาณเที่ยงแท้ครั้งหนึ่ง สองคนนี้เชี่ยวชาญเคล็ดวิชาเลี้ยงผีควบคุมมาร ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ ตระกูลหล่งส่งพวกเขามา ดูแล้วคงต้องเอาโลหิตของหงส์สวรรค์จากนายหญิงน้อยไปให้ได้” เยี่ยฉู่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เคล็ดวิชาเลี้ยงผีควบคุมมาร ต่อกรได้ยากจริงๆ” หญิงสาวชุดขาวรู้สึกจิตใจหนักอึ้ง
“พวกเราพี่น้องยังคิดว่า ตระกูลเยี่ยส่งชนชั้นสูงผู้ใดไปเป็นสายลับในเผ่าพฤกษา ที่แท้ก็เซียนฉู่นี่เอง
ตอนนั้นเซียนมีชื่อเสียงเกรียงไกรมาก จู่ๆ ก็หายตัวไป พวกเรายังรู้สึกว่าแปลกๆ ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าสหายจะฝึกฝนอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นปลายแล้ว เห็นได้ชัดว่าเซียนจะต้องได้ประโยชน์ในเผ่าพฤกษาแน่” ทั้งสองมองไปบนเรือนร่างของเยี่ยฉู่แวบหนึ่ง หนึ่งในนั้นเอ่ยพร้อมกับหัวเราะ อีกคนหนึ่งกลับเงียบกริบ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร
“สหายทั้งสองฝึกฝนแค่พันปีก็อยู่ในระดับขั้นกลาง ก็นับว่าไวเช่นกัน แต่ครั้งนี้กลับมาลงมือกับนายหญิงน้อยของพวกเรา ช่างโอหังเกินไปหน่อยกระมัง” เยี่ยฉู่เลิกคิ้ว พลางเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ
“ฮ่าๆ นายน้อยของตระกูลเราเพิ่งจะฝึกฝนเคล็ดวิชาสำเร็จ มีได้ทั้งโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ของมังกรและหงส์ มีหวังที่จะบรรลุระดับผสานอินทรีย์แล้ว อีกอย่างพูดเรื่องนี้ไปจะมีประโยชน์อะไร” ชายวัยกลางคนที่พูดหัวเราะอย่างพึงพอใจออกมา
“คาถาหยินหยางระดับสุดยอดนั้น พวกเจ้าจงใจขายพวกเราหรือเปล่า มิเช่นนั้นถึงแม้ว่าจะมีกระบี่ผลึกโลหิตมหาภารตะ โลหิตหงส์สวรรค์จะถูกแยกออกได้ง่ายๆ ได้อย่างไร” หญิงสาวชุดขาวแววตาเย็นเยียบ ฉับพลันนั้นพลันเอ่ยถามทั้งสองอย่างโหดเ**้ยม
เมื่อได้ยิน ผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลหล่งทั้งสองพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แต่ทันใดนั้นคนหนึ่งก็หัวเราะออกมา
“หยุดพล่ามไร้สาระได้แล้ว! มีพี่น้องอย่างเราอยู่ที่นี่ ทั้งสองอย่าคิดจะรบกวนคุณชายของเราเลย” ทั้งสองคนไม่คิดจะตอบคำถามนี้
“นายน้อย ลงมือเถิด พูดไปก็ไม่มีประโยชน์” เยี่ยฉู่แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา ทันใดนั้นร่างกายก็เปล่งแสงสีเขียวมรกต ลำแสงสีเขียวกระจายออกมาบนเรือนร่าง ด้านในมีเงาต้นไม้และพุ่มไม้ปรากฏขึ้นรางๆ
สองมือของสตรีผู้นี้พลันร่ายอาคม ชั่วพริบตาลำแสงสีเขียวก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ห่อหุ้มทั้งสองคนเอาไว้
หล่งตงและพวกทั้งสองเห็นเช่นนั้น ก็แทบจะสะบัดแขนเสื้อในเวลาเดียว สำแดงคัมภีร์โบราณสีแดงสดม้วนหนึ่งและม้วนรูปภาพสีดำสนิทม้วนหนึ่งออกมา
คนหนึ่งชูมือหนึ่งขึ้น ชี้ไปที่คัมภีร์โลหิตด้วยความเคร่งขรึม
ขณะที่คัมภีร์สีโลหิตพลันหมุนวน อักขระสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ทันใดนั้นก็กลายเป็นเงามารสีแดงสดเป็นสายๆ เงยหน้าอ้าปากออกกับท้องฟ้า ลำแสงสีโลหิตโจมตีไปยังลำแสงสีเขียวด้านล่าง
ผู้บำเพ็ญเพียรวัยกลางคนอีกคนหนึ่งพลันร่ายอาคมในใจ ม้วนภาพสีดำสนิทเปิดออก ไอหมอกด้านหมุนวน วายุสีดำกลุ่มหนึ่งเปล่งเสียงหวีดร้องออกมา แล้วม้วนไปทางลำแสงสีเขียวเช่นกัน
ภายใต้ลำแสงโลหิตและวายุสีดำที่พัวพันกัน ต้านทานลำแสงสีเขียวที่น่ากลัวเอาไว้กลางอากาศ ทั้งสองระเบิดออกเกิดเป็นเสียงดังสนั่นไม่หยุด
หญิงสาวชุดขาวเห็นเช่นนั้นพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม สองมือพลันพลิกฝ่ามือ มีดสีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ ลำแสงสีทองเปล่งประกาย อีกมือหนึ่งกลับมีแหวนกลมๆ สีเขียวมรกตปรากฏขึ้น
สองมือโบกสะบัด ทั้งสองพลันพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศในเวลาเดียวกัน