A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1394
“เหล่าสหายโปรดระวังหน่อย ในหมอกมีวิหคประหลาดนรินามอยู่ชนิดหนึ่ง โชคดีที่กำลังไม่นับว่าสูงนัก ขอแค่ระวังของเหลวที่พวกมันพ่นออกมา ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ส่วนหมอกน้ำนั้นก็มอบให้พวกเราสองสามีภรรยากำจัดมันทิ้งซะ” ชายหนุ่มแซ่จู้ที่บินอยู่ด้านหน้าสุดพลันเอ่ยขึ้น
จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มผมเงินอ้าปากออกพ่นขวดหยกยาวๆ สีขาวนวลใบหนึ่งออกมาจากปากท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ หมุนติ้วๆ ปากขวดชี้ไปที่หมอกสีขาวเบื้องหน้าอย่างพอดิบพอดี
สองมือของชายหนุ่มพลันร่ายอาคม ปากบริกรรมคาถา ขวดหยกเปล่งแสงสว่างจ้า
เสียง “กึกๆ” ดังขึ้น พ่นพายุสีเขียวกลุ่มหนึ่งออกมาจากปากขวด
เมื่อพายุชนิดนี้ถูกพ่นออกมา ก็ยังคงเป็นลำแสงสีเขียวอ่อน แต่หลังจากที่พ่นออกไปได้สองสามจั้ง ก็เปล่งเสียงคำราม ชั่วพริบตาก็กลกายเป็นพายุเฮอร์ริเคนลูกใหญ่พัดออกไปเบื้องหน้า
ชั่วขณะนั้นหมอกบนผิวน้ำพลันหมุนวนอย่างรุนแรงแล้วทยอยกันล่าถอยไปด้านหลัง
ทางเดินที่ชัดแจ้งสายหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางกลุ่มหมอก
“ไปกันเถิด!”
ชายหนุ่มแซ่จู้ออกคำสั่ง ตนเองและคู่รักก็บินล่วงหน้าเข้าไปในทางเดินก่อน ตั้งแต่ต้นจนจบขวดยักษ์พลันหมุนติ้วๆ อยู่เหนือศีรษะของเขา พ่นพายุที่โหมกระหน่ำออกมาไม่หยุด
เมื่อคนอื่นๆ เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกผ่อนคลายลง และทยอยกันบินตามเข้าไปอย่างไม่ลังเลอีก
เหมือนกับที่ชายหนุ่มแซ่จู้กล่าวเอาไว้ หลังจากที่บินเข้ามาในทะเลสาบแค่สิบกว่าลี้ ท่ามกลางไอหมอกก็เริ่มมีวิหคสีขาวขนาดสองสามฉื่อบินออกมา ทุกตัวล้วนมีปากแบนๆ และปีกยาวๆ มีกรงเล็บที่แหลมคมสีเขียวมรกตงอกออกมาจากส่วนท้องคู่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าวิหคเหล่านี้เข้ามาผู้บำเพ็ญเพียรทุกคน เมื่อออกจากม่านหมอก ก็อ้าปากออก พ่นธนูสีดำดอกแล้วดอกเล่าเข้าใส่ทุกคน
ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำๆ นั้น ฝูงชนก็ทยอยกันปล่อยสมบัติของตนเองออกมา บ้างก็ทำให้กระบี่บินกลายเป็นลำแสงขนาดเท่าล้อรถ บ้างก็มีโล่โบราณปรากฏขึ้นสองสามด้าน…
เมื่อธนูวารีสีดำเหล่านี้มาประชิดเขา ก็กลายเป็นกลุ่มควันสีดำแล้วสลายหายไป ไม่ว่ากระบี่บินหรือว่าสมบัติชิ้นอื่น เมื่อถูกพ่นออกมา ก็จะมีหลุมตื้นๆ ปรากฏขึ้นเต็มไปหมด
นายของสมบัติเหล่านี้พากันหน้าเปลี่ยนสี ร้องตะโกนโหวกเหวกขึ้นมาในทันที
“รีบลงมือสังหารเจ้าพวกนี้ซะ ของเหลวของพวกมันสามารถกัดก่อนสมบัติของพวกเราได้”
เมื่อได้ฟัง คนอื่นๆ พลันรู้สึกใจหายวาบ ล้วนสำแดงความสามารถทั้งหมดออกมา สายรุ้งที่น่าตกตะลึงสายแล้วสายเล่าและลำแสงต่างๆ พุ่งเข้าไปหาวิหคประหลาดเหล่านั้นพร้อมกัน
จุดที่สายรุ้งกวาดผ่านไป วิหคประหลาดเหล่านั้นพลันกลายเป็นฝนโลหิตสาดลงมา ชั่วพริบตาก็ถูกสังหารไปจนเกลี้ยง
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ผู้คนที่แต่เดิมรู้สึกหวาดกลัวก็รู้สึกผ่อนคลายลง
ความจริงแล้ววิหคประหลาดเหล่านี้อ่อนแอดังคาด
แต่ครู่ต่อมา ท่ามกลางเสียงกรีดร้องประหลาดในกลุ่มหมอก ฉับพลันนั้นวิหคประหลาดสีขาวที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วฝูงแล้วฝูงเล่าก็พ่นธนูวารีสีดำออกมา
ท่ามกลางความตกตะลึงของฝูงชนผู้บำเพ็ญเพียร จึงรีบปล่อยสมบัติที่เก็บลงไปเมื่อครู่ออกมาอีกครั้งเป็นพัลวัน ภายใต้การต้านทานอีกระลอก ใช้ความสามารถสังหารพวกมันจนเกลี้ยง
แต่สถานการณ์ที่เหมือนกันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อวิหคประหลาดตัวสุดท้ายกลายเป็นฝนโลหิตแล้ว ก็จะมีเงาวิหคปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่นท่ามกลางกลุ่มหมอก
เกิดเสียงโหวกเหวกโวยวายขึ้นท่ามกลางทุกคน คนจำนวนไม่น้อยเริ่มเผยสีหน้าไม่สบายใจออกมา
หานลี่ขมวดคิ้วกวาดจิตสัมผัสไปในม่านหมอก กลับพบว่าในม่านหมอกมีวิหคประหลาดชนิดนี้เรียงรายอยู่เต็มท้องฟ้า และไม่รู้ว่ามีมากถึงกี่หมื่นตัว
ถึงแม้ว่าหานลี่จะเคยเห็นพายุคลื่นจำนวนมาก แต่ก็อดที่จะสูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปไม่ได้
“ทุกคนไม่ต้องกลัว! ตอนนี้วิหคประหลาดชนิดนี้แค่ลองทดสอบการโจมตีเท่านั้น หากการโจมตีสิบกว่าระลอกก่อนหน้านี้ไม่ได้ผล พวกมันจะรู้ว่ารับมือยากและสลายตัวไปเอง” เบื้องหน้ามีเสียงอันเคร่งขรึมของชายหนุ่มแซ่จู้ดังขึ้น
เมื่อได้ยินคำนี้คนอื่นๆ พลันถึงบางอ้อ ทันใดนั้นก็เสกสมบัติต่างๆ ออกมา โจมตีไปที่วิหคสีขาวทั้งหมดจนไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว
หลังจากที่โจมตีอย่างต่อเนื่องไปสิบสามสิบสี่ระลอก ฝูงวิหคที่แต่เดิมรวมตัวกันอยู่ในม่านหมอกก็เปล่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา ชั่วขณะนั้นวิหคสีขาวทั้งหมดพลันกระจายออก บินแตกกระเจิงออกไปจากม่านหมอก
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ทุกครั้งถึงใจวางใจขึ้นจริงๆ ทันใดนั้นก็รีบบินไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ
ครึ่งวันต่อมาเมฆหมอกรอบกายกลุ่มคนก็สลายออก เบื้องหน้าของทุกคนเปล่งประกาย เบื้องหน้ามีภูเขายักษ์ที่อยู่ในทะเลสาบปรากฏขึ้น สูงประมาณหมื่นจั้ง ตีนเขาจมอยู่ใต้ทะเลสาบ
ส่วนที่เผยออกมาของภูเขาลูกนี้ล้วนเป็นภูเขาสีดำเขียว ด้านบนนอกจากตะไคร่อสนีแล้ว ทุกแห่งก็โล้นโกร๋น
“ที่นี่แหละ! หึๆ กว่าจะหาที่นี่เจอเซียนอิ๋งและพวกคงลำบากมาก” หลังจากที่ทุกคนหยุดลำแสงหลีกหนีลง ชายหนุ่มแซ่จู้ก็มองไปยังภูเขายักษ์ ปากก็เอ่ยชื่นชมออกมา
“นี่เป็นเพราะคราวก่อนชนรุ่นหลังและพวกได้ไล่ตามอสูรประหลาดตัวหนึ่งมา จึงบุกเข้ามาที่นี่ด้วยความบังเอิญ นับว่าดวงของชนรุ่นหลังอย่างพวกเราไม่ธรรมดาสินะ” หญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าหัวเราะร่วนขณะเอ่ย
“แน่นอน หากไม่ใช่ความบังเอิญ คงพบสถานที่ลึกลับนี้ไม่ได้ง่ายๆ ทว่าก็เพราะเช่นนั้น ถึงได้เหลืออสูรคางคกเที่ยงแท้ฝูงหนึ่งไว้ให้พวกเรา หากอยู่ข้างนอกล่ะก็ เกรงว่าคนถูกผู้อื่นพบไปแล้ว ไหนเลยจะเหลือมาถึงมือพวกเราได้” ชายหนุ่มผมสีเงินได้ยินพลันหัวเราะฮ่าๆ แววตาฉายแววตื่นเต้นยินดี
ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ก็ทยอยกันพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“รังของคางคกเที่ยงแท้เหล่านั้น อยู่ในถ้ำใต้ภูเขาลูกนี้ พวกเราทำตามแผน ดึงดูดมดโลหิตดำเหล่านั้นมาสังหารก่อนเถิด ทุกคนโปรดระวัง ถึงแม้ว่ามดโลหิตดำเหล่านี้จะมีพละกำลังแค่อสูรระดับแปด แต่มันสามารถทำลายลำแสงป้องกันและโล่ป้องกันชนิดต่างๆ ของผู้บำเพ็ญเพียรอย่างพวกเราได้ และยิ่งไปกว่านั้นในร่างของมันยังมีพิษโลหิตดำ จากกำลังของพวกเราหากถูกกัด จะต้องกินยาถอนพิษทันที มิเช่นนั้นก็อาจจะถึงแก่ชีวิต เอาล่ะ ทุกคนเตรียมตัวเถิด ข้าจะจุดธูปไม้จันทน์ก่อน!” ชายหนุ่มแซ่จู้ออกคำสั่งอีกสองคำ แล้วถึงได้พลิกฝ่ามือมือหนึ่ง ในมือมีกระถางธูปขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้น ด้านในมีธูปไม้จันทน์สีเขียวมรกตความยาวครึ่งฉื่อปักอยู่ดอกหนึ่ง
เมื่อโยนกระถางธูปขึ้นไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นพลันลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วหมุนคว้างกลางอากาศไม่หยุด
ชายหนุ่มชูมือขึ้นอีกครั้ง ชี้นิ้วไปที่ธูปหอม ลำแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งแฉลบผ่านไป ธูปหอมสีเขียวพลันติดไฟ ควันสีเขียวโชยขึ้นไปบนท้องฟ้า
หานลี่จ้องเขม็งไปที่ธูปหอม ใบหน้าฉายแววแปลกประหลาด
นี่คือ ‘ธูปไม้จันทน์’ ดูแล้วไม่สะดุดตาเลยสักนิด และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีกลิ่นเลยด้วย จะมีผลต่อมดโลหิตดำจริงๆ หรือ?
หานลี่ขบคิดในใจ
ครานี้ไม่ต้องให้ใครออกคำสั่งอะไร ทุกคนก็บินแยกย้ายกันออกไป จากนั้นก็ทยอยกันสำแดงเคล็ดวิชาอำพรางกาย
หานลี่เองก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่ออยู่สูงร้อยจั้งเศษถึงได้หยุดลำแสงหลีกหนีลง คราที่กำลังร่ายอาคมนั้น ข้างกายพลันมีสายรุ้งสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนอรชรอ้อนแอ้นอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นใกล้ๆ
หานลี่พลันตะลึงงัน มองปราดไป พบหญิงสาวหน้าตาหมดจดคนหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเป็น ‘เซียนเสี้ยว’ ผู้นั้น
สตรีผู้นี้ดูเหมือนว่าจะประหลาดใจที่หานลี่มาปรากฏตัวที่นี่เช่นกัน แต่ทันใดนั้นก็ฉีกยิ้มรับ แล้วเอ่ยอย่างมีมารยาทว่า
“พี่หาน ข้ามีธงลำแสงลวงตาอยู่ มีประโยชน์ในการอำพรางกายที่เยี่ยมยอด มิสู้ให้ข้าสำแดงอำพรางกายของสหายไปด้วยกันหรือไม่”
“หึๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นก็ต้องรบกวนสหายแล้ว” หานลี่เอ่ยอย่างมีมารยาทประโยคหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คัดค้าน
“เรื่องจิ๊บๆ พี่หานไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรอก!” สตรีแซ่เสี้ยวฉีกยิ้มน้อยๆ ชูมือหนึ่งขึ้น ธงสีขาวด้ามหนึ่งบินออกมาก หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง แล้วมาอยู่เหนือหัวของทั้งสอง
ทันใดนั้นสตรีผู้นั้นก็ร่ายอาคม หลังจากที่ธงด้ามเล็กพลิ้วไหวแล้ว ก็ปล่อยลำแสงสีขาวนวลออกมา ลำแสงนั้นเจิดจ้าจนบาดตา ชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มทั้งสองคนเอาไว้ข้างใน
ครู่ต่อมาลำแสงสีขาวก็หายวับไป ที่เดิมกลับว่างเปล่า ไม่เห็นร่างของหานลี่และสตรีแซ่เสี้ยวเลยสักนิด
หานลี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่ยื่นมือออกไปดูมือที่กำลังล่องหนของตนเอง แววตาฉายแววสีฟ้าสว่างวาบ แต่กลับมองไม่เห็นอะไร
เขามีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่านไปบนใบหน้า พลางเอ่ยชื่นชมหนึ่งประโยคว่า
“สมบัติของสหายช่างอัศจรรย์เสียจริง ร้ายกาจกว่าสมบัติอำพรางกายธรรมดาๆ เป็นอย่างมาก”
“สหายล้อเล่นแล้ว ธงลำแสงลวงตานี้มีพลังในการอำพรางกายที่ร้ายกาจมาก แต่ขอแค่มีคนใช้จิตสัมผัสกวาดมา ก็ไม่อาจปิดบังอะไรได้ และใช้ได้แค่กับอสูรแมลงที่มีจิตสัมผัสไม่แข็งแกร่งเท่านั้น” หญิงสาวแซ่เสี้ยวได้ยินกลับฉีกยิ้มบางๆ ออกมา
หานลี่พลันตะลึงงัน ทันใดนั้นพลันแผ่จิตสัมผัสไปที่สตรีผู้นั้น มองเห็นเงาร่างของอีกฝ่ายดังคาด ในใจจึงรู้สึกผ่อนคลายลง และรู้สึกเสียดายเล็กๆ
สมบัติของอีกฝ่ายนั้นแม้แต่เนตรวิญญาณวารีกระจ่างยังไม่อาจมองทะลุผ่านได้ หากแม้แต่จิตสัมผัสก็สามารถปกปิดได้ ก็คงเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา
ครานี้คนอื่นๆ ก็อำพรางกายและเก็บกลิ่นอายลมปราณในร่างไปพร้อมๆ กัน
ครานี้ที่นี่นอกจากธงหอมขนาดไม่ใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก
ธูปไม้จันทน์ดอกนี้มีผลดังคาด ทุกคนเฝ้ารอได้ไม่นาน หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร เบื้องหน้าภูเขายักษ์ก็มีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ทันใดนั้นตรงถ้ำที่ไม่สะดุดตาบนสันเขาก็มีมดบินขนาดยักษ์ติดปีกที่แผ่นหลังฝูงหนึ่งบินออกมา
มดบินเหล่านี้มีขนาดตัวประมาณสองสามฉื่อ มีเขี้ยวโค้งงอ ประกอบกับปีกขนนกสีเขียวมรกตคู่หนึ่งที่แผ่นหลัง ดูแล้วจึงไม่ต่างอะไรกับวิหคตัวหนึ่ง ช่างน่าตกตะลึงเสียจริง
เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของมดยักษ์เหล่านี้ก็คือธูปหอม เมื่อบินออกมาจากภูเขายักษ์แล้วก็เปล่งเสียงร้องไม่หยุดพลางบินตรงเข้ามา ความเร็วไม่เชื่องช้าเลยสักนิด ชั่วครู่ก็บินมาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของทุกคน
“ลงมือ!” ฉับพลันนั้นใกล้กับธูปหอม ก็มีชายหนุ่มผมสีเงินและหญิงงามปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ปากพลันออกคำสั่งอย่างเย็นชา
ชั่วขณะนั้นรอบๆ พลันมีลำแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นสมบัติยี่สิบกว่าชิ้นพลันถูกสำแดงออกมา กลายเป็นลำแสงม้วนมายังฝูงมดอย่างโหดเ**้ยม หนึ่งในนั้นยังมีลูกบอลเพลิงประจุไฟฟ้ารวมอยู่ด้วย
ดูแล้วทุกคนต่างสำแดงความสามารถออกมาจนหมด หมายว่าจะต้องกำจัดมดโลหิตดำเหล่านี้ให้ได้
เสียง “ตูมๆ” พลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฝูงมดทั้งหมดถูกระเบิดห้าสีสันกลืนกินเข้าไป ทันใดนั้นวายุระเบิดร้อนเย็นก็ตัดสลับกันและแผ่ออกมาจากใจกลาง แรงกดของวายุขนาดยักษ์ ถึงแม้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดจะอยู่ห่างออกมาร้อยจั้ง ก็ยังอดที่จะเปลี่ยนสีพลางถอยร่นออกมาสองสามก้าวไม่ได้
เมื่อลำแสงและวายุที่บ้าคลั่งหายวับไป ตำแหน่งที่มดโลหิตดำเหล่านั้นอยู่ก็ว่างเปล่า แม้แต่ฝุ่นควันก็ไม่เหลือ