A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1401
เขตอาคมลำแสง
หานลี่และสตรีผู้นี้วางเขตอาคมมหากระบี่ทองคำและเขตอาคมธงนิรนามเอาไว้ตั้งนานแล้ว
ครานี้เมื่อกระตุ้น แม้ไม่รู้ว่าเขตอาคมธงเหล่านั้นมีคุณสมบัติอย่างไร แต่อาศัยแค่พลังของเขตอาคมมหากระบี่ทองคำแล้วก็กักทาสทั้งสองไว้ข้างในในทันที
ทาสตนหนึ่งเห็นเช่นนั้นพลันตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นแววตาพลันฉายแววเย็นเยียบ แขนขาทั้งสี่เคลื่อนไหว กลายเป็นเงาโลหิตจางๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบ ฝืนทะลวงออกมาจากเขตอาคมกระบี่
เห็นได้ชัดว่าจากความเจ้าเล่ห์ของทาส แน่นอนว่ารู้ว่าหากอยู่ในนี้ต่อคงไม่ใช่เรื่องที่ดีอะไรแน่
เขตอาคมมหากระบี่ทองคำมีความอัศจรรย์ถึงขั้นไหน แม้นว่าทาสจะมีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว แต่ขอบของเขตอาคมกระบี่ เส้นไหมสีทองสองสามร้อยสายพลันปรากฏขึ้น แล้วม้วนไปข้างหน้าในเวลาเดียวกัน
เสียง “ตูม” ดังขึ้น ก้อนโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกมา ทันใดนั้นพลันพลิ้วไหว ทารกผนึกรวมตัวกันอีกครั้ง
แต่ไม่รอให้ตัวประหลาดตัวนี้พุ่งออกมาจากเขตอาคมอีกครั้ง รอบด้านพลันเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า เส้นไหมสีทองหนาๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และผนึกเข้ากับร่างของมันอย่างรวดเร็วดังสายฟ้าฟาด
ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ สับทาสตนนั้นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น ชิ้นเนื้อทั้งหมดระเบิดออกโดยอัตโนมัติ และจากรูปร่างของหมอกโลหิตที่ยังคงม้วนวนอยู่ด้านนอกเขตอาคมกระบี่นั้น
มันกลับสับไปที่เส้นไหมกระบี่รอบด้านไม่หยุด ไม่สนใจเลยสักนิด
หานลี่ที่อยู่ด้านนอกเห็นเช่นนั้น แววตาพลันฉายแววสว่างวาบ
กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาของเขาไม่ได้มีความสามารถแค่นี้ ทันใดนั้นจึงกระตุ้นอาคมกระบี่ในใจ สำแดงความสามารถของกระบี่บินที่อยู่รอบๆ
เห็นเพียงเส้นไหมกระบี่ที่เดิมเปล่งแสงสีทองเรืองรอง สั่นเทาแล้วกลายเป็นสีขาวราวกับหิมะ ไอเย็นเยียบบางๆ ทะลักออกมาจากเส้นไหมกระบี่เหล่านั้นไม่หยุด
เช่นนั้นแม้นว่าหมอกโลหิตนั้นจะไร้รูปร่าง แต่เมื่อถูกเส้นไหมกระบี่ธาตุเย็นที่หนาแน่นสับออกแล้ว ชั่วพริบตาตรงผิวก็มีชั้นน้ำแข็งปรากฏขึ้น สุดท้ายเสียง “แกรก” ก็ดังขึ้น หมอกโลหิตกลายเป็นก้อนผลึกน้ำแข็งก้อนหนึ่ง ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยสักนิด
เสียงฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยงๆ” ระหว่างเส้นไหมกระบี่มีประจุไฟฟ้าบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวออกมาพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นท่ามกลางลำแสงสีทอง น้ำแข็งทั้งก้อนพลันกลายเป็นผุยผง ปลิวว่อนไปทั่วทุกสารทิศ
หานลี่หยักมุมปากขึ้น อดที่จะเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมาไม่ได้
แต่ครู่ต่อมารอยยิ้มพลันแข็งค้างในชั่วพริบตา
เห็นเพียงผุยผงเหล่านั้นมีลำแสงสีโลหิตชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นและทยอยกันหลอมละลาย กลายเป็นสีแดงสดราวกับโลหิต ไม่รอให้เส้นไหมรอบๆ สับลงมาอีกครั้ง ก็พุ่งกลับไปด้านหลังทั้งหมด
จากนั้นใจกลางของเขตอาคมพลันมีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ รวมตัวกันกลายเป็นทาสตนนั้นอีกครั้ง
และในตอนนั้นเองแม้นว่าลำแสงโลหิตบนร่างของทาสจะหม่นแสงลงส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ค่อยชัดเจนนั้น
แม้นว่าเขตอาคมมหากระบี่ทองคำจะทำให้ตัวประหลาดถอยออกไป แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำให้มันบาดเจ็บจริงๆ ได้
ความหวาดกลัวในใจของหานลี่พลันเพิ่มพูนขึ้น!
ทันใดนั้นเขาก็ไม่ได้ปริปากใดๆ โคจรลมปราณในร่างกายไม่หยุด กระตุ้นพลานุภาพของเขตอาคมกระบี่จนถึงขีดสุด ชั่วขณะนั้นในเขตอาคมกระบี่พลันมีเส้นไหมสีทองปรากฏขึ้นเป็นชั้นๆ ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ มีเกือบสองสามพันสาย ล้วนปรากฏขึ้นรางๆ ล้อมตรงใจกลางเอาไว้
ความเร็วมากกว่าเดิมเท่าหนึ่ง ชั่วครู่ก็ปิดผนึกเอาไว้
ถือโอกาสนี้หานลี่เหลือบตาไป เห็นสตรีแซ่เสี้ยวที่อยู่ด้านนอกเขตอาคมกระบี่ หลับตาทั้งสองข้างลงตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
แต่มือหนึ่งกลับถือจานอาคมเอาไว้ ปากบริกรรมคาถาไม่หยุด ไม่รู้ว่ากำลังแสดงความสามารถอะไรอยู่ คาดไม่ถึงว่าต้องใช้เวลากระตุ้นเขตอาคมธงนานขนาดนี้
ธงอาคมสามสิบหกด้ามนั้นมีอักขระสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนโคจรอยู่ สั่นเทาน้อยๆ ไม่หยุด
อักขระเหล่านั้นล้วนเป็นตัวอักษรลูกอ๊อดสีเงิน!
หานลี่หน้าเปลี่ยนสี แต่ในตอนนั้นเอง ทาสอีกตนหนึ่งในเขตอาคมกระบี่กลับลงมือแล้ว
ทาสตนนี้ไม่เหมือนกับทาสตนแรก แขนขาทั้งสี่ไม่ได้ขยับเลยสักนิดในเขตอาคมกระบี่ แต่ปีกคู่ที่แผ่นหลังพลันกระพือ ส่วนต่างๆ ของร่างกายมีหนวดสีแดงโลหิตยี่สิบสามสิบเส้นพุ่งออกมา ทุกเส้นมีความยาวสองสามจั้ง บางเบาเป็นอย่างมาก
ยังไม่รอให้หานลี่มองออกว่าคือเคล็ดวิชาอะไร เส้นไหมสีโลหิตเหล่านั้นก็สะบัดเริงระบำขึ้นพร้อมกัน กลายเป็นแส้เงารางๆ ที่รุนแรงราวกับพายุฝนกระหน่ำกลุ่มหนึ่ง ห่อหุ้มตนเองเอาไว้
มองจากไกลๆ แส้เงาเหล่านี้ดูเหมือนลูกบอลสีโลหิตขนาดยักษ์เส้นหนึ่ง และขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
เช่นนั้นชั่วพริบตาลูกบอลโลหิตก็โจมตีไปยังเส้นไหมกระบี่ที่ล้อมอยู่รอบๆ
เสียงเสียดสีอันแสบแก้วหูดังขึ้น ลำแสงสีทองและลำแสงสีโลหิตตัดสลับกัน อานุภาพของเขตอาคมกระบี่ของหานลี่ถูกแส้เงาต้านทานเอาไว้ได้อย่างคาดไม่ถึง ไม่อาจผ่าออกได้ดังเดิม
รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง สองมือพลันร่ายอาคม
เส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนรอบๆ ด้าน แผ่กลิ่นอายเย็นเยียบสีขาวออกมาอีกครั้ง ม้วนกระโจนเข้าไปหาเงาสีโลหิต
เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น หานลี่มีสีหน้าดูไม่ได้
เมื่อไอเย็นเยียบสีขาวโพลนสัมผัสกับแส้เงาสีโลหิต ก็ถูกพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งดีดกลับมา แม้นว่าหนวดเหล่านั้นจะถูกไอเย็นเยียบผนึกเอาไว้เป็นน้ำแข็ง แต่แค่ขยับก็แตกสลายออกหายวับไปจากไร้ร่องรอย
คาดไม่ถึงว่าไอเย็นเยียบจะไม่มีผล
ในตอนนั้นเองบนร่างของทาสตนนั้นพลันมีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ หนวดยี่สิบสามสิบเส้นพุ่งออกมาอีกครั้ง แล้วเข้าร่วมการเริงระบำ
ชั่วขณะนั้นลูกบอลโลหิตพลันเปล่งเสียงระเบิดปังๆ ออกมา กระบี่เส้นไหมที่แต่เดิมยืนกรานอยู่กับลูกบอลโลหิต คาดไม่ถึงว่าจะพัวพันเข้ากับหนวด เริ่มถูกบีบให้ล่าถอยไป และยิ่งไปกว่านั้นความเร็วยังเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนทาสอีกตนนั้นดูเหมือนว่าจะถูกการเคลื่อนไหวของสหายกระตุ้นอะไรบางอย่าง หลังจากที่ร่างกายหมุนวน ร่างกายก็กลายเป็นเงาโลหิตรางๆ กลุ่มหนึ่ง ทะลวงเข้าหาเส้นไหมสีทองอีกด้าน
เส้นไหมสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนผิวของเขา หมุนโคจรพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
ผลคือฉากที่เหมือนกันพลันปรากฏขึ้น เส้นไหมสีทองทยอยกันถูกเงาโลหิตรางๆ บีบจนต้องล่าถอยไปเรื่อยๆ ไม่อาจต้านทานได้
หานลี่สูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง ดูแล้วเขตอาคมมหากระบี่ทองคำคงไม่อาจต่อกรกับทาสสองตนนี้ได้แล้ว
สะบัดแขนเสื้อ ลูกบอลกลมๆ สีทองเงินสิบกว่าลูกม้วนวนเข้ามาอยู่ในมือ
หานลี่ซ่อนไข่มุกอัสนีเอาไว้ในแขนเสื้อ จ้องเขม็งไปยังสถานการณ์ในเขตอาคมกระบี่ สีหน้าดำคล้ำอย่างหาที่เปรียบ
พริบตานั้นเสียงบริกรรมคาถาเบาๆ แต่เดิมพลันหยุดชะงัก แล้วหยุดลง
หานลี่ดีใจหันหน้ากลับไปมองอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียงสตรีแซ่เสี้ยวกระตุ้นเขตอาคมเสร็จแล้วดังคาด จานอาคมในมือเปล่งแสงสีทองบาดตาออกมา อักขระสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนล้อมเรือนร่างของสตรีผู้นี้เอาไว้ ในเวลาเดียวกันท้องฟ้าก็มืดครึ้มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รอบๆ มีพายุทะมึนพัดเข้ามา แม้นจะลูกไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อสัมผัสกันกลับหนาวเย็นจนทิ่มแทงกระดูกราวกับสามารถแช่แข็งหัวใจได้อย่างไรอย่างนั้น
การสำแดงของสตรีผู้นี้คาดไม่ถึงว่าจะเป็นการใช้พลังวิญญาณฟ้าดิน
นอกจากนี้จานอาคมในมือของสตรีแซ่เสี้ยวยังมีพลังที่แข็งแกร่งมากกลุ่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ทำให้หานลี่ใจหายวาบ ความรู้สึกประหลาดที่ลึกล้ำยากจะคาดเดาตอนที่เผชิญหน้ากับราชันย์สามง่ามราตรีทั้งสองเมื่อครู่จะเป็นความจริง
หานลี่ตะลึงงัน จ้องจานอาคมในมือของสตรีแซ่เสี้ยว กลับถูกลำแสงที่เจิดจ้าจนแสบตาทำให้ตาพร่าเลือน
ไม่ทันต้องคิดมาก แววตาของเขาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ สำแดงความสามารถของเนตรวิญญาณวารีกระจ่างขั้นสุด ชั่วขณะนั้นสถานการณ์ในจานอาคมพลันปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน
“อักษรจ้วนทอง”
หานลี่ตะลึงงันร้องอุทานด้วยน้ำเสียงแห้งผากออกมา
ผิวของจานอาคมมีอักษรสีทองปรากฏขึ้น! แม้นว่าจะไม่รู้จักสักตัว แต่ดูจากรูปร่างของมันและพลังวิญญาณอันน่ากลัวที่แฝงอยู่ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นอักษรจ้วนทองที่ลึกลับกว่าอักษรลูกอ๊อดสีเงินในตำนาน
อักษรในตำนานชนิดนี้ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงในแดนวิญญาณ ก็รู้จักเพียงไม่กี่คน
ดูเหมือนว่าจะสัมผัสได้ถึงการจับจ้องของหานลี่ สตรีแซ่เสี้ยวฉีกยิ้มเบิกบานให้หานลี่ ฉับพลันนั้นสองมือที่ถือจานอาคมเอาไว้พลันชูขึ้นบนท้องฟ้า
ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
จานอาคมที่มีลำแสงสีทองห่อหุ้มอยู่ หมุนวนติ้วๆ อยู่กลางอากาศ ตรงใจกลางมีลูกบอลลำแสงสีทองขนาดเท่ากำปั้นปรากฏออกมา พลังแรงกดสูงเสียดฟ้า
ชั่วพริบตาบรรยากาศรอบๆ ก็ดำทะมึน ชั่วครู่พายุก็ก่อตัวขึ้น
สอดคล้องกันธงยักษ์สามสิบหกด้ามด้านล่างพลันเปล่งเสียงร้องคำรามของมังกรและพยัคฆ์ออกมา จุดลำแสงต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบๆ ทะลักเข้าไปรวมตัวกันที่ธง
ชั่วพริบตาธงทั้งหมดก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมา ครู่ต่อมาก็สั่นเทา เปล่งเสาลำแสงสามสิบหกสายออกมาพร้อมกัน หนาเท่าปากชาม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเมฆสูงกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นเมฆสีดำกลางอากาศพลันมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ทันใดนั้นเขตอาคมลำแสงขนาดยักษ์ร้อยจั้งเศษก็ปรากฏออกมาจากเมฆสีดำ ใจกลางของเขตอาคมลำแสงนั้นตรงกับจานอาคมกลางลำแสงสีทองที่อยู่ด้านล่างอย่างพอดิบพอดี จากนั้นก็พ่นเส้นไหมสีทองบางๆ ออกมาสายหนึ่ง จมหายเข้าไปในลำแสงสีทองที่พ่นออกมาจากจานอาคม ชั่วขณะนั้นลูกบอลกลมๆ สีทองก็ลอยขึ้น ตรงไปหาใจกลางของเขตอาคมลำแสงยักษ์
จนถึงครานี้หานลี่พลันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
เขตอาคมธงมีอานุภาพขนาดไหน ก่อนหน้านี้สตรีแซ่เสี้ยวไม่ได้บอกอะไรกับเขามากนัก แค่ให้ยื้อเวลาให้นางเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูแล้วแม้ว่าเขตอาคมนี้จะสำแดงความสามารถที่แท้จริงออกมาหรือไม่ แต่ก็ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน อานุภาพเหนือกว่าเขตอาคมมหากระบี่ทองคำของเขา
ทว่าสตรีแซ่เสี้ยวที่มือถือจานอาคมเอาไว้ตลอดในครานี้กลับมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาราวกับเม็ดฝน ใบหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต ท่าทางซวนเซเหมือนจะล้มลง
ในที่สุดลูกบอลลำแสงสีทองก็ถูกดูดเข้าไปในใจกลางของเขตอาคมลำแสง ชั่วขณะนั้นก็รวมตัวกันท่ามกลางเสียงหึ่งๆ เขตอาคมลำแสงที่แต่เดิมน่าตกตะลึงอยู่แล้ว เปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ อาณาเขตขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า แทบจะปกคลุมท้องฟ้าทั้งผืนเอาไว้
พลังแรงกดที่แผ่ออกมาจากเขตอาคมลำแสง ต่อให้เป็นหานลี่เองร่างกายก็ยังพลิ้วไหว อดที่จะถอยร่นออกไปสองสามก้าวไม่ได้
ในเวลาเดียวกันราชันย์สามง่ามราตรีสองตนที่อยู่ห่างออกไปสองสามพันลี้ พลันมองสบตากันด้วยความตกตะลึง ร่างกายพลิ้วไหวโดยไม่เอ่ยปากใดๆ ทั้งสองคนเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปจากกลางอากาศ
ครานี้ในที่สุดทาสทั้งสองก็ร้องคำรามขณะพุ่งออกมาจากเขตอาคมมหากระบี่ทอง ลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ กระโจนเข้าไปหาพวกของหานลี่
หานลี่พลันตกตะลึงตอนที่กำลังคิดจะปล่อยไข่มุกอัสนีในมือออกไปนั้น เขตอาคมลำแสงกลางอากาศกลับพ่นเสาลำแสงสีขาวนวลสองสายออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปยังร่างของทาสทั้งสองตน
ทาสทั้งสองตนที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งส่งเสียงกึกๆ ออกมา ชั่วครู่ก็หายวับไปจากกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
“เขตอาคมส่งตัว”
สายตาของหานลี่อยู่ในระดับใด มองปราดเดียวก็รู้ว่าทาสทั้งสองไม่ได้ถูกสังหารไป แต่ถูกส่งตัวไปที่ไหนสักแห่งในชั่วพริบตาท่ามกลางลำแสงสีขาว
สตรีแซ่เสี้ยวยิ้มอย่างพึงพอใจ หันหน้าไปคิดจะเอ่ยอะไรกับหานลี่ กลับหน้าเปลี่ยนสี กลายเป็นสายรุ้งสายหนึ่ง พุ่งตรงไปยังเขตอาคมลำแสงที่อยู่กลางอากาศ
แม้นว่าหานลี่จะรู้สึกตกตะลึงระคนสงสัย แต่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น ในหัวก็มีความคิดผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวไล่ตามสตรีผู้นั้นไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
และในตอนนั้นเองกลางอากาศห่างออกไปรอยจั้งสองจุดก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ฉับพลันนั้นเงาร่างยักษ์สองสายก็กระพือปีกยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบ มองเห็นการเคลื่อนไหวของพวกของหานลี่เข้าพอดี
ทันใดนั้นเสียงคำรามสองเสียงพลันดังขึ้น สามง่ามราตรีตนหนึ่งควงกำปั้นเข้าโจมตี สามง่ามราตรีอีกตนหนึ่งกลับมีลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นในมือ ลำแสงขนาดยักษ์สับออกไป