A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1412
“พวกเราจะกล้าทำอย่างนั้นได้อย่างไร ท่านอรหันต์ทั้งสามเชิญตรวจสอบอายุของสมุนไพรวิญญาณด้วยตัวเอง” อสูรน้อยตกตะลึง แล้วเอ่ยตอบอย่างรีบร้อน
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น วานรยักษ์ขนสีทองก็พลิกฝ่ามือที่มีขนปกคลุมทั้งสอง ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบที่เบื้องหน้า กล่องหยกที่มีดอกกระดิ่งพฤกษาบรรจุอยู่เต็มกล่องสองกล่องปรากฎขึ้นตรงหน้า จากนั้นก็ส่งมาด้วยมือทั้งสองมือ
บุรุษที่อายุน้อยของเผ่าวิหคสวรรค์รับกล่องหยกทั้งสองใบมาดูด้วยความเชื่อครึ่งมิเชื่อครึ่ง และเปิดฝาพวกมันออก
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงเรืองรอง ในเวลาเดียวกันกลิ่นหอมกรุ่นก็โชยมาปะทะจมุก
คนของวิหคสวรรค์สามคนพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกปิติยินดี
“เป็นดอกกระดิ่งพฤกษาอายุมากกว่าพันปีจริงๆ คุณภาพชั้นหนึ่ง” สตรีวัยเยาว์ของเผ่าวิหคสวรรค์หยิบดอกกระดิ่งพฤกษาออกมาดอกหนึ่ง หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ใช่แล้ว หรือว่าครั้งนี้พวกเจ้านำดอกไม้คุณภาพสูงเช่นนี้มาได้ เครื่องบรรณาการอื่นก็ลดลงหน่อย ลองพูดมาให้ข้าฟังซิ” คนของวิหคสวรรค์อายุสามสิบกว่าปีเก็บสีหน้าปิติยินดี แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
ปีศาจทั้งสี่เห็นเช่นนั้นพลันผ่อนคลายลง รู้ว่าครั้งนี้คงจะผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว
ทันใดนั้นพวกมันก็ควักเครื่องบรรณาการแต่ละชิ้นออกมา ให้คนของวิหคสวรรค์ทั้งสามตรวจสอบอย่างละเอียด
“อืม แมลงผลึกกระดูกทองและทรายปะการังทองตัวเมียขาดไปหน่อย จำนวนของไม้ลำแสงสีเขียวมีแค่ครึ่งหนึ่ง…” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์วัยเยาว์นับจำนวนเครื่องบรรณาการที่มีไม่ครบ
“ก็พอได้ ของที่ขาดไปไม่ถือว่ามากมายนัก ดอกกระดิ่งพฤกษาที่เพิ่มมาก็พอจะชดเชยส่วนที่ขาดได้ ครั้งนี้นับว่าพวกเจ้าส่งมอบเครื่องบรรณาการครบ นี่คือรางวัลยาสมุนไพรที่ช่วยสะกดเครื่องหมายทาสของพวกเจ้า ครั้งหน้าตอนที่พวกเรามาอีกครั้ง จำนวนของดอกกระดิ่งพฤกษายิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์อายุสามสิบปีพยักหน้า ในเวลาเดียวกันก็สะบัดแขนเสื้อ ขวดหยกสีเขียวสี่ขวดบินออกมา ตกลงในฝ่ามือของทั้งสี่คน
ปีศาจทั้งสี่ทยอยกันรับขวดนั้นไว้ ปากก็เอ่ยขอบคุณอย่างต่อเนื่อง
คนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเก็บเครื่องบรรณาการไป ไม่ได้มีเจตนาจะรั้งรออยู่นานอีก หยัดกายลุกขึ้นแล้วออกจากถ้ำพำนักของอสูรน้อยทันที
ปีศาจทั้งสี่ไปส่งคนของวิหคสวรรค์ที่ประตุใหญ่อย่างนอบน้อม มองดูคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามกลายเป็นวิหคยักษ์สามตัวบินจากไปแล้ว ถึงได้กลับมายังถ้ำพำนักด้วยความผ่อนคลาย แล้วปรึกษาเรื่องใหญ่กันต่อ
แน่นอนว่าปีศาจเหล่านี้ไม่รู้ว่ามุมหนึ่งของห้องโถง มีแมลงสีทองตัวหนึ่งหมอบอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันนิ่งงันไม่ขยับ ราวกับไม่มีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
ในเวลาเดียวกันหานลี่กลับอำพรางกายไล่ตามวิหคยักษ์สามตัวไป แววตาเปล่งประกายไม่หยุด
เมื่อครู่ในถ้ำพำนักของอสูรน้อย เขาเห็นสถานการณ์ที่คนของวิหคสวรรค์เก็บเครื่องบรรณนาการไปอย่างชัดเจน เดาว่าพวกเขาจะต้องกลับไปรวมตัวที่เผ่าวิหคสวรรค์แน่
สิ่งที่เขาต้องทำในครานี้ก็คือตามคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามคนไปสักระยะหนึ่ง หาเส้นทางกลับไปยังแผ่นดินเทียนหยวนที่ปลอดภัย
ถึงอย่างไรเสียน่านน้ำผืนนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าจะมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ หานลี่ไม่อยากให้ตนเองพุ่งเข้าไปในอาณาเขตของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอะไรโดยที่ไม่รู้ตัว
และยิ่งไปกว่านั้นคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินเหล่านี้ดูแล้วก็คล้ายคลึงกับเผ่ามนุษย์ หาที่รวมตัวของคนของเผ่าวิหคสวรรค์พบ จากความสามารถของเขา การแฝงตัวเข้าไปรวบรวมข่าวสารและวัตถุดินสมุนไพรที่ต้องการ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ไม่แน่ว่าเผ่าประหลาดเหล่านี้อาจจะมีสมบัติล้ำค่ายอย่างแมลงผลึกกระดูกทองอยู่ไม่น้อย
ถึงอย่างไรเสียเผ่าประหลาดวิญญาณเหาะเหินและเผ่ามนุษย์ก็ไม่เหมือนกัน ของที่เหมือนกัน อาจจะมีค่ากับเผ่ามนุษย์ แต่อาจจะเป็นแค่ของธรรมดาของเผ่าวิญญาณเหาะเหิน
เมื่อขบคิดเช่นนี้หานลี่ก็รู้สึกเร่าร้อน ยิ่งไล่ตามคนของวิหคสวรรค์ไปด้วยความระมัดระวังตัวยิ่งขึ้น
จากความสามารถของหานลี่ขอแค่ทั้งสามคนไม่ได้ออกนอกอาณาเขตจิตสัมผัสเขาเกินร้อยลี้ ก็ไม่อาจสลัดเขาทิ้งได้ง่ายๆ
ดังนั้นวิหคสามตนและคนหนึ่งคนก็บินลัดไปตามขอบของครึ่งเกาะไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปสองเดือนกว่า ในที่สุดหานลี่ก็มองเห็นเส้นสีดำสายหนึ่งที่ขอบฟ้า
ในที่สุดเขาก็มาถึงริมฝั่งของแผ่นดินใหญ่เทียนหยวน
ครานี้วิหคสวรรค์ทั้งสามคนที่อยู่เบื้องหน้าพลันบินเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ตั้งนานแล้ว
ริมทะเลที่ติดกับแผ่นดินใหญ่มีเนินเขาน้อยใหญ่เชื่อมต่อกันอย่างสลับซับซ้อน
หานลี่ไม่กล้าดูแคลนรีบร้อนเร่งความเร็วตามไปสองสามส่วน เข้าไปใกล้มากกว่าครึ่ง
แต่ในตอนนั้นเองเบื้องหน้ากลับมีสิ่งแปลกประหลาดปรากฎขึ้น!
เบื้องหน้าคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามพลันมีวิหคยักษ์สองหัวตัวหนึ่งและเผ่าประหลาดมีปีกที่แผ่นหลังเช่นกันอีกเจ็ดแปดคนปรากฎขึ้น
เมื่อพวกเขาปรากฎตัวก็ล้อมคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเอาไว้ทันที ท่าทางไม่เป็นมิตร
หานลี่พลันตกตะลึง แต่ร่างกายก็ไม่ได้หยุดยั้ง ชั่วครู่ก็บินออกมาจากที่เกิดเหตุกว่าสองร้อยจั้ง แล้วหยุดลำแสงหลีกหนีลงเงียบๆ
เห็นเพียงวิหคยักษ์สองหัวตัวนั้นโหดเ**้ยมเป็นอย่างยิ่ง ขนาดตัวสิบจั้ง หัวหนึ่งคล้ายกับหัวเสือ หัวกลับหนึ่งกลับคล้ายมังกรวารี ขนห้าสีสลับกันอย่างแพรวพราว เผยความงดงามออกมา ส่วนคนติดปีกเจ็ดแปดคนนั้นต่างก็มีหน้าโหดเ**้ยมเช่นกัน ปีกที่แผ่นหลังไม่เพียงใหญ่กว่าคนของวิหคสวรรค์ และยิ่งไปกว่านั้นขนยังเปล่งประกายสีแดงเพลิง
ชั่วพริบตาคนของวิหคสวรรค์สามคนก็คืนร่างเดิม ยืนเคียงบ่ากันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เทียนหมิง มีเจตนาใด? ที่นี่คืออาณาเขตของเผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเรา เผ่าแดงสดอย่างพวกเจ้ามาปรากฎตัวที่นี่ด้วยเหตุอันใด และยังมาขวางทางพวกเราอีก หรือว่าไม่กลัวการลงทัณฑ์สิบประการ?” บุรุษของเผ่าวิหคสวรรค์อายุสามสิบปีเศษ เอ่ยตำหนิชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่เข้ามาล้อมไว้
ชายร่างใหญ่ผู้นี้สวมชุดสีแดง ร่างกายสูงใหญ่ บนศีรษะไม่มีเส้นผมสักเส้น
“หึๆ ในเมื่อพวกเรามาปรากฎตัวที่นี่ แน่นอนว่าต้องไม่กลัวการลงทัณฑ์สิบประการอะไรนั้นอยู่แล้ว ส่งของมาซะดีๆ แล้วก็ยอมสยบให้แก่เผ่าแดงสดของพวกเรา ไม่แน่ว่าอาจจะยอมปล่อยพวกเจ้าไปสักครั้ง” ชายร่างใหญ่หัวเราะหึๆ ออกมา“ของอะไร?” เฟิงเสี้ยวหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ฟื้นฟูสีหน้ากลับมาเป็นปกติ
“เหตุใดพี่เฟิงเสี้ยวต้องปิดบังด้วย แน่นอนว่าต้องเป็นดอกกระดิ่งพฤกษาอยู่แล้ว” ชายร่างใหญ่หัวโล้นเอ่ยอย่างเ**้ยมเกรียม
“ดอกกระดิ่งพฤกษามีค่าขนาดไหน พวกเราสามคนจะพกติดตัวได้อย่างไร เทียนหมิง หรือว่าสมองของเจ้าเลอะเลือน” คนของเผ่าวิหคสวรรค์เอ่ยปฏิเสธ
“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวข้าก็จะไปค้นตัวของพวกเจ้าเอง ใช่แล้ว ลืมบอกพวกเจ้าไป ประมุขที่มีเลือดเนื้อของวิหคมัจฉาคนสุดท้ายของเผ่าวิหคสวรรค์ของพวกเจ้า เพลี้ยงพล้ำจากการฝ่าวงล้อมของอสูรเจิงหนิงที่แดนสามหัวเมื่อสี่เดือนก่อนแล้ว อีกไม่ช้าก็เร็วเผ่าวิหคสวรรค์ก็จะถูกลบทิ้งไปจากเผ่าวิญญาณเหาะเหิน” ชายร่างใหญ่ผู้นั้นเอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา
เมื่อได้ฟังคนของวิหคมัจฉาสามตนก็ตกตะลึง
“เหลวไหล ประมุขวิหคมัจฉามีความสามารถขนาดไหน ต่อให้ไม่สามารถสู้รบได้ แต่หากคิดหนีจะถูกอสูรเจิงหนิงสามตัวขวางไว้ได้อย่างไร” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์ที่อ่อนเยาว์มีท่าทีไม่เชื่อถือ
“หึๆ หากแค่อสูรเจิงหนิงนั้นไม่อาจขวางประมุขเผ่าวิหคมัจฉาได้ แต่หากร่างกายได้รับบาดเจ็บหนัก ปีกทั้งสองถูกทำลายอย่างหนัก ก็ไม่อาจแปลงกายบินหนีได้” ชายร่างใหญ่หัวโล้นสยายปีกสีเพลิงออก แล้วเอ่ยอย่างไม่เป็นมิตร
“เจ้าคิดว่ากล่าวเช่นนี้ พวกเราจะเชื่อหรือ เหลวไหว ต่อให้กล่าวว่าท้องฟ้าจะพังทลายลงมา ก็อย่าคิดว่าพวกเราสามคนจะมอบของให้เจ้า” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์อายุสามสิบปีเศษ กลับเคร่งขรึมขึ้น แล้วตอบกลับอย่างเย็นชา
บุรุษและสตรีวัยเยาว์อีกคู่หนึ่งเองก็มีลำแสงอัสนีเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนร่าง ท่าทางไม่ยอมประนีประนอม
ชายร่างใหญ่หัวโล้นของเผ่าแดงสดเห็นเช่นนั้น พลันแค่นเสียงหึ แววตาเปล่งประกายโหดเ**้ยมไม่หยุด
เขาเองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงขั้นกลาง คนอื่นๆ ล้วนมีกำลังในระดับเทพแปลงขั้นต้น ประกอบกับวิหคยักษ์สองหัวตนหนึ่ง มองอย่างไรกำลังก็เหนือกว่าคนของวิหคสวรรค์หลายเท่า ทว่าหากคนของวิหคสวรรค์คิดจะหนี พวกเขากลับไม่มั่นใจว่าจะจับอีกฝ่ายทั้งหมดได้
ถึงอย่างไรเสียเผ่าแดงสดก็ไม่ได้มีความสามารถด้านความเร็ว หากไล่ตามพวกที่อยู่ในระดับเดียวกัน กว่าครึ่งก็คงถูกอีกฝ่ายสลัดทิ้ง ทว่าในเมื่อชายร่างใหญ่นำกำลังมาซุ่มโจมตีที่นี่ แน่นอนว่าก็ต้องขบคิดถึงจุดนี้แล้ว
ใบหน้าโหดเ**้ยมฉายแววสว่างวาบ ชายร่างใหญ่โบกมือมือหนึ่ง
คนของเผ่าแดงสดที่เหลือพลิกฝ่ามือ ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีกระบอกไม้ไผ่สั้นๆ สีฟ้าปรากฎขึ้นเล็งไปทางด้านหลังพร้อมกัน
หลังจากเสียงแหวกอากาสดัง “ฟิ้วๆ” ดังขึ้น ลูกบอลลำแสงสีฟ้าเป็นกลุ่มๆ ก็พุ่งออกมา
“แย่แล้ว นั่นคือกระบอกกักมาร รีบหนีเร็ว!” บุรุษเผ่าวิหคสวรรค์ที่อายุมากกว่าเห็นฉากนี้ก็ร้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
สะบัดปีกทั้งสองอย่างไม่ต้องปริปากใดๆ ร่างทั้งร่างกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินสายหนึ่งพุง่ออกไป
คนที่เหลือทั้งสองได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี หลังจากนั้นก็มีเสียงฟ้าคำรามไล่ตามเขาไปติดๆ
แต่กลับสายไปเสียแล้ว
ลูกบอลลำแสงสีฟ้าสองสามลูกรอบด้านระเบิดออก กลายเป็นตาข่ายสีฟ้า ขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด
ชั่วพริบตาตาข่ายเส้นไหมทั้งหมดก็ผนึกต่อกัน กักทั้งหมดในรัศมีสองสามร้อยจั้งเอาไว้ กลายเป็นกรงขนาดยักษ์
เมื่อกรงยักษ์ปรากฎขึ้น ลำแสงไฟฟ้าสามสายกลับไม่ได้หนีออกมาจากตาข่าย
ลำแสงไฟฟ้าหม่นแสงลง ร่างของวิหคสวรรค์ทั้งสามปรากฎขึ้น แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้าซีดขาว
แม้นว่าจะเป็นแค่ตาข่ายกักมารระดับต่ำที่สุด แต่ก็กักพวกเจ้าได้ระยะหนึ่งแน่ เฟิงเสี้ยวเจ้าคิดว่าจะมีเวลาฉีกตาข่ายกักมารโดยที่มีพวกเราล้อมไว้อีกหรือ ยอมให้จับเสียแต่โดยดี ข้าจะแนะนำเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่ตกลง ก็อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี” ชายร่างใหญ่หัวโล้นเห็นตาข่ายกักมารกักคนของวิหคสวรรค์ทั้งสามเอาไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก็เอ่ยอย่างยินดีออกมา
“พวกเราร่วมมือกัน รีบทลายตาข่ายกักมารเร็วเข้า!” เฟิงเสี้ยวกลับไม่สนใจชายร่างใหญ่ กลับออกคำสั่งกับสหายร่วมทางอีกสองตนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นพลันถูมือเข้าหากัน ชูขึ้นอีกครั้ง ประจุไฟฟ้าหนาๆ สองสายพุ่งออกมา โจมตีไปยังตาข่ายยักษ์สีฟ้าเบื้องหน้า
ส่วนบุรุษและสตรีเผ่าวิหคสวรรค์วัยเยาว์คู่นั้นก็อ้าปากออกโดยไม่ได้พูดอะไร พ่นประจุไฟฟ้าหนาเท่าปากชามสายหนึ่งออกมา เข้าร่วมการโจมตี
ชั่วขณะนั้นเสียงตูมๆ พลันดังสนั่นขึ้น ตาข่ายเส้นไหมลำแสงสีฟ้าลำแสงสีเงินพลันตัดสลับกัน ตาข่ายกักมารทั้งผืนพลันสั่นเทา
ชายร่างใหญ่หัวโล้นเทียนหมิงเห็นเช่นนี้ กลับตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวทันที
“ลงมือ อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
ทันใดนั้นเขาพลันหมุนวนกลางอากาศ ชั่วครู่ก็กลายเป็นวิหคยักษ์สีแดงยาวสองสามจั้งตัวหนึ่ง กระพือปีกทั้งสองข้าง กลายเป็นเปลวเพลิง ตรงไปหาคนของวิหคสวรรค์สามคนที่อยู่กลางอากาศ
คนของเผ่าแดงสดที่เหลือก็ทำเช่นเดียวกัน กลายเป็นวิหคเพลิงล้อมโจมตีเอาไว้
เช่นนั้นคนของวิหคสวรรค์สามคนก็ไม่สนใจจะโจมตีตาข่ายกักมาอีก แค่แปลงกายเป็นวิหคสีเงินขนาดยักษ์ ปากก็พ่นอัสนีไปโจมตีกับศัตรู
ครานี้เปลวเพลิงที่อยู่กลางอากาศพลันหมุนวน เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น บรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนเป็นร้อนฉ่า
มีเพียงวิหคยักษ์ศองหัวตัวนั้น ที่หยุดการเคลื่อนไหวอยู่ที่เดิมอย่างทระนง
หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ท่าทางหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก
เขาในครานี้ติดอยู่ในอาณาเขตของตาข่ายกักมารเสียแล้ว