A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1451 ราชันย์ปีศาจน้ำแข็งทมิฬ
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1451 ราชันย์ปีศาจน้ำแข็งทมิฬ
ความจริงแล้วเป็นเพราะอสูรเกล็ดมิคาทนตัวนี้มีพลังยุทธ์เทียบเท่าแค่กับผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิด ดังนั้นหลังจากถูกกำราบแล้ว ก็ไม่ค่อยได้ปล่อยออกมาจัดการกับศัตรู ทว่าหลังจากที่อสูรตัวนี้ติดตามหานลี่มาแล้วก็ได้กินยาลูกกลอนล้ำค่าอย่างต่อเนื่อง ช่วงที่ผ่านมาพลังยุทธ์จึงเพิ่มขึ้นไม่น้อย จนอยู่ในระดับยอดสุดของอสูรปีศาจระดับสิบแล้ว หากเพิ่มขึ้นอีกขั้นก็จะทะลุจุดคอขวดกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพแปลงแล้ว
ตามหลักการแล้วส่วนใหญ่อสูรที่อยู่ในระดับอสูรปีศาจระดับแปดจะต้องผ่านเคราะห์อัสนี และกลายร่างเป็นมนุษย์พร้อมกับเบิกเนตร
แต่อสูรวิญญาณแปลงกายเหล่านี้และอสูรที่มีชีพจรโลหิตพิเศษกลับเป็นข้อยกเว้น พวกมันบ้างก็เอาการแปลงกายไปไว้ในความสามารถเกือบท้ายๆ บ้างก็ไม่อาจแปลงกายได้ตลอดชีวิต แต่ตรงกันข้ามนั้นเมื่ออสูรเหล่านี้พัฒนาระดับขั้น สติปัญญาและความสามารถจะเหนือกว่าอสูรในระดับเดียวกัน แม้รกะทั่งอาจจะสังหารศัตรูที่อยู่คนละระดับได้
อสูรเกล็ดมิคาทนนั้นแต่เดิมก็เป็นอสูรวิเศษที่ได้รับถ่ายทอดเชื้อสายชีพจรโลหิตมาจากกิเลน ภายใต้ความประจวบเหมาะนั้น หลังจากผ่านการกลายพันธุ์ครั้งหนึ่ง วันข้างหน้าจะมีโอกาสแปลงกายได้หรือไม่ ก็มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้
ทว่าตอนนี้ดูแล้วไอน้ำแข็งทมิฬจากร่างของปีศาจน้ำแข็งทมิฬเหล่านี้คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อสูรตัวนี้ทะลวงจุดคอขวดได้
หานลี่ไม่ต้องขบคิดอะไรมาก ก็เข้าใจว่าอสูรตัวนี้เผชิญหน้ากับอะไรอยู่อย่างรวดเร็ว จึงอดที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ในใจไม่ได้
หากอสูรตัวนี้ทลายจุดคอขวดในเวลาอื่น แน่นอนว่าก็เป็นเรื่องที่หายาก แต่ตอนนี้กลับมาทลายจุดคอขวดในหุบเหว ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนักจริงๆ
ผู้ใดจะรู้ว่าตอนที่อสูรตัวนี้พัฒนาระดับ จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่
แม้นว่าเหลยหลันและพวกจะไม่รู้สถานการณ์ของอสูรเกล็ดมิคาทน แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำแสงสีขาวบนร่างของอสูรน้อยยิ่งเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ กลิ่นอายก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าย่อมทำให้ทุกคนตกตะลึง
และในครานี้กลุ่มของหานลี่ก็เข้ามาในส่วนลึกของแดนน้ำแข็งทมิฬแล้ว ว่ากันตามระยะทางก็นับว่าเดินทางมาได้เกือบครึ่งทางแล้ว
หลังจากที่อสูรเกล็ดมิคาทนกลืนน้ำแข็งทมิฬระดับกลางไปอีกกลุ่มใหญ่ ก็หมอบนิ่งอยู่บนหัวไหล่ของหานลี่ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทด้วยท่าทางเกียจคร้าน
แต่ลำแสงสีขาวบนร่างของอสูรตัวนี้กลับไม่หายไปเลยสักนิด ยิ่งไหลเวียนอยู่บนร่างของมันจนสะดุดตามากขึ้นเรื่อยๆ
ครานี้เมื่อทุกคนบินผ่านภูเขาน้ำแข็งไป เบื้องหน้าพลันมีหุบเขาที่ทอดตัวยาวเหยียดปรากฎขึ้น วายุสีดำพัดเข้ามาเป็นระลอกๆ แทบจะกลืนกินท้องฟ้าทั้งหมดเอาไว้ หุบเขาเพียงหนึ่งเดียวยังคงเงียบสงัดเป็นพิเศษ
เมื่อเผชิญหน้ากับภูมิทัศน์เช่นนี้ หานลี่และพวกต่างก็ไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจอะไรออกมา
สถานการณ์เช่นนี้พวกเขาเคยพบระหว่างการเดินทางก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว คนกลุ่มนี้จึงขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีบินเข้าไปในหุบเขาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
หุบเขานี้ไม่นับว่ากว้างนัก มีความกว้างแค่สามสี่ร้อยจั้ง แต่กลับลึกถึงพันจั้ง ประกอบกับที่มีเสียงวายุสีดำหวีดหวิวอยู่เหนือศีรษะไม่หยุด คนที่บินอยู่ท่ามกลางลำแสงหลีกหนีย่อมรู้สึกบีบคั้นหัวใจอย่างแปลกประหลาด
โชคดีที่หานลี่และพวกเป็นผู้ที่ไม่ธรรมดา แน่นอนว่าาจึงไม่ได้ถูกรบกวนจิตใจด้วยเหตุนี้ ล้วนนิ่งสงบอยู่ภายในลำแสงหลีกหนี
ฉับพลันนั้นเสียงคำรามต่ำๆ พลันดังขึ้น
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี อดที่จะหันหน้าไปมองไม่ได้
เห็นเพียงอสูรเกล็ดมิคาทนที่เดิมทีหมอบอยู่บนไหล่ หยัดกายลุกขึ้นดัง “พรึ่บ” ดวงตาทั้งสองเบิกโพลง ขนลุกชัน ราวกับว่าพบกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่พลันตะลึงงัน!
ก่อนหน้านี้อสูรตัวนี้พบกับปีศาจน้ำแข็งทมิฬจำนวนมาก ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้ ครานี้เหตุใดถึงมีปฏิกิริยาเช่นนี้ หรือว่า…
ชั่วพริบตาเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ ลำแสงหลีกหนีอดที่จะหยุดชะงักลงไม่ได้
เมื่อหานลี่ผู้ซึ่งเป็นผู้นำหยุดลง เหลยหลัน ฉินเสี่ยวและพวกก็หยุดลงตาม แต่พลันใช้สายตาสงสัยกวาดมองไป
หานลี่เงียบขรึม แค่ดวงตามีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบพลางมองไปข้างหน้า
ไม่รอให้เขาได้เอ่ยถามอะไร มือหนึ่งก็โบกไปกลางอากาศเบื้องหน้า
ลำแสงสีทองสายหนึ่งพ่นออกมาจากฝ่ามือ สับลงไปยังส่วนลึกของหุบเขาที่ไม่รู้ว่าอยู่ห่างไปอีกไกลเท่าไหร่
หลังจากเสียงดังสนั่นขึ้น ลำแสงสีทองที่อยู่กลางความมืดมิดพลันเปล่งประกาย คาดไม่ถึงว่าจะสับไปที่ตีนของหุบเขา เผยรอยแยกน้ำแข็งขนาดยักษ์ยาวๆ แคบๆ สายหนึ่งออกมา
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกมจากใต้ดิน ทันใดนั้นไอสีดำกลุ่มใหญ่ก็ทะลักออกมาจากรอยแยก ชั่วพริบตาก็ผนึกรวมกันกลายเป็นหมอกลูกกลมๆ สีดำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสิบจั้ง
“ราชันย์น้ำแข็งทมิฬ ราชันย์ปีศาจน้ำแข็งทมิฬ! ที่นี่มีปีศาจตนนี้อยู่จริงๆ” ไป๋ปี้กลับร้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
เหลยหลันและฉินเสี่ยวได้ฟังก็พลันตกตะลึงในทันที
และในตอนนั้นเอง ลูกบอลหมอกยักษ์พลันหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ เกล็ดน้ำแข็งจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ห่อหุ้มลูกบอลหมอกแวววาวเอาไว้
ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างจ้า!
หงส์น้ำแข้งสีดำขนาดยี่สิบจั้งตัวหนึ่งปรากฎขึ้น เรือนกายสีดำมะเมื่อม ดวงตาทั้งสองมีลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ จ้องเขม็งไปยังหานลี่
ไม่สิ น่าจะจ้องเขม็งไปยังอสูรน้อยที่อยู่บนไหล่ของหานลี่ เผยท่าทางราวกับพบศัตรูคู่อาฆาตออกมา
อสูรเกล็ดมิคาทนเห็นเช่นนั้น ปากก็ร้องคำรามต่ำๆ ออกมา แต่สีเขียวมรกตในแววตาของอสูรกลับเผยแววอยากลิ้มลองออกมา
หานลี่กลับขมวดคิ้วขบคิดเล็กน้อย
ฉับพลันนั้นเขาพลันพลิกฝ่ามือตะปบออกไป คว้าอสูรน้อยบนไหล่เข้าไปอยู่ในมือ จากนั้นก็ออกแรงบีบท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน คาดไม่ถึงว่าจะโยนอสูรน้อยขึ้นไปเหนือศีรษะ
จากนั้นปีกที่แผ่นหลังพลันสยายอก เสียงฟ้าร้องดังขึ้น กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งสลายหายไป
ครู่ต่อมาเหนือหัวของหงส์น้ำแข็งก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น หานลี่ปรากฎตัวออกมาอย่างแปลกประหลาด แต่หัวไหล่กลับยักขึ้นเล็กๆ เงาลวงตาเป็นสายปรากำขึ้นด้านล่างหงส์น้ำแข็งยักษ์
หงส์น้ำแข็งพลันตะลึงงัน ทันใดนั้นก็เปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว กรงเล็กยักษ์ข้างหนึ่งยื่นออกไป คิดจะตะปบมดในสายตาของมันให้ตายคามือ
กรงเล็บยักษ์สีดำสนิทคู่หนึ่งมีขนาดสองสามจั้ง หลังจากตะปบลงมา ก็ห่อหุ้มร่างของหานลี่เอาไว้
แต่หานลี่กลับทำเป็นมองไม่เห็นกรงเล็บยักษ์นั้น แขนทั้งสองข้างลางเลือน เงากำปั้นสีดำขาวปรากฎขึ้นเต็มไปหมด พุ่งขึ้นไปกลางอากาศราวกับห่าฝน
เสียง “ปัง” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลำแสงสีดำขาวสองสีระเบิดออกท่ามกลางกรงเล็บยักษ์
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฎขึ้น!
กรงเล็บยักษ์ทั้งสองระเบิดออก เสียงราวกับเครื่องลายครามปริแตกดังขึ้น แหลกออกเป็นชิ้นๆ ชั่วพริบตาก็หายวับไป
หงส์น้ำแข็งสีดำกรีดร้องเสียงแหลมสะเทือนเลื่อนลั่น อ้าปากออก วายุเย็นเยียบสีดำกลุ่มหนึ่งทะลักออกมา ชั่วพริบตาก็มาอยู่เหนือศีรษะของหานลี่ ม้วนเอาเขาเข้าไปข้างใน
แต่หานลี่พลันแววตาเปล่งประกายสว่างวาบ ในเวลาเดียวกันที่หงส์สีดำมาประชิดตัว ชั่วครู่ก็หายวับไปตามวายุ
หงส์น้ำแข็งพลันตกตะลึง อดที่จะมองซ้ายมองขวาหมายจะหาอีกฝ่ายให้พบไม่ได้
แต่ในครานั้นเองด้านหลังของหงส์สีดำพลันมีวายุประหลาดพัดมา เงาร่างคนสายหนึ่งปรากฎขึ้นอย่างเงียบเชียบ
ร่างกายพลิ้วไหวคนเหยียบอยู่บนแผ่นหลังของหงส์น้ำแข็งราวกับภูตผี กำปั้นสีดำขาวทั้งสองเปล่งแสงสว่างวาบ โจมตีไปยังแผ่นหลังของหงส์น้ำแข็งพร้อมกับวายุที่โหดเ**้ยมกลุ่มหนึ่ง
เสียง “ปังๆๆๆ” ดังสนั่นขึ้น ลำแสงสีดำขาวสองสีอาบย้อมไปทั่วแผ่นหลังของหงส์น้ำแข็ง ห่อหุ้มร่างของหงส์น้ำแข้งตัวนั้นเอาไว้
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด ร่างอันใหญ่โตของหงส์น้ำแข็งราวกับกรงเล็บยักษ์เมื่อครู่อย่างไรอย่างนั้น รอยแยกเป็นสายๆ ปรากฎขึ้น จากนั้นเสียง “แกร๊ก” ก็ดังขึ้น แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นน้ำแข็งแวววาวโปรยปรายลงสู่พสุธา
ไอหมอกสีดำขนาดใหญ่เผยออกมากลางอากาศอีกครั้ง แต่แค่ไม่มีรูปร่างอะไรอีก และเปล่งลำสแงสีดำประหลาดออกมา
เสียง “สวบ” ดังขึ้น เงาร่างเล็กๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็กระโจนเข้าไปในหมอกสีดำ กลืนลงไปในคำเดียวพร้อมกับแขนขาทั้งสี่ที่โอบกอดเอาไว้ เปล่งเสียงครางในจมูกด้วยความตื่นเต้นดีใจออกมา
นั่นก็คืออสูรน้อยที่ถูกหานลี่โยนขึ้นไปกลางอากาศ!
หลังจากนั้นอสูรตัวนี้ก็ร่อนลงมา เมื่อเห็นว่าหานลี่ทำให้หงส์น้ำแข็งกลายเป็นหมอกสีดำที่แหลกเป็นชิ้นๆ แน่นอนว่ายอมไม่มีทางปล่อยของขวัญชิ้นใหญ่ไป! ชั่วขณะนั้นพลันกระโจนเข้าไปด้วยความยินดี และพยายามฉีกทิ้งกัดกินม่านหมอกกลุ่มนั้น
ในเมื่อหมอกสีดำนั้นสร้างมาจากสิ่งที่เรียกว่าราชันย์ปีศาจน้ำแข็งทมิฬ แน่นอนว่าย่อมไม่ยอมถูกอสูรน้อยกลืนกินไปเช่นนี้ ไม่เพียงจะยื่นหนวดสีดำออกมาจากร่างพลางสะบัดไปมาไม่หยุด ในเวลาเดียวกันบนพื้นยังมีน้ำแข็งสีดำจำนวนนมากผุุดลอยขึ้นมา พุ่งไปหาเขาอีกครั้ง หมายจะผนึกร่างขึ้นอีกครั้ง
หนวดสีดำเหล่านี้ไม่ทันได้สัมผัสกับอสูรเกล็ดมิคาทน ก็ถูกกรงเล็บลำแสงของอสูรน้อยสับจนแหลกเป็นชิ้นๆ
ส่วนน้ำแข็งสีดำเหล่านั้น เมื่อหานลี่สะบัดแขนเสื้อก็ถูกลูกไฟสีเงินขนาดเท่าหัวแม่มือจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีออกไปกลายเป็นวารีบริสุทธิ์ร่อนลงบนพื้น
ตั้งแต่ที่หานลี่ลงมือโจมตีหงส์น้ำแข็งสีดำไปจนถึงแหลกละเอียด มันผ่านไปเพียงแค่สองสามชั่วลมหายใจเท่านั้น
แม้ว่าเหลยหลันและพวกจะไม่ได้เห็นหานลี่ลงมือเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังคงถูกวิธีการลงมือของเขาทำให้ตกใจจนขวัญกระเจิง ใบหน้าอดที่จะเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาไม่ได้!
ไอหมอกสีดำหมุนวนไปมาขณะที่อสูรน้อยกำลังกลืนกิน เดี๋ยวใหญ่บ้างเดี๋ยวเล็กบ้าง แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ กรงเล็บทั้งสี่ของอสูรน้อยวางอยู่ด้านบน นิ่งงันราวกับรากงอกติดลงไปอย่างไรอย่างนั้น
ชั่วพริบตาไอสีดำขนาดใหญ่ก็ถูกกลืนเข้าไปกว่าครึ่ง
จากนั้นอสูรน้อยก็เปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมา ร่างกายเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นสองสามครั้ง ชั่วครู่ก็กระโจนจากหมอกสีดำลงมายยืนนิ่งบนพื้น
หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย มือหนึ่งพลิกฝ่ามือโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ขวดหยกสีขาวปรากฎขึ้น โยนไปทางหมอกสีดำที่เหลือ ปากพลันบริกรรมคาถา
ขวดหยกหมุนติ้วๆ ปากขวดเทลง พ่นลำแสงสีเขยวออกมาจากด้านในกลุ่มหนึ่ง
หมอกลำแสงนี้ม้วนวน ชั่วขณะนั้นหมอกที่เหลือก็กลายเป็นไอสีดำ ถูกดูดเข้าไปในขวดหยก
ไป๋ปี้และพวกของเหลยหลันที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้น ก็อดที่จะเผยแววตาอิจฉาออกมาไม่ได้
แม้นว่าสิ่งที่เรียกว่าราชันย์ปีศาจน้ำแข็งทมิฬจะมีชื่อเรียกว่าราชันย์ปีศาจ แต่ความจริงแล้วกลับมีความสามารถธรรมดาๆ ระดับเทพแปลงทั่วๆ ไปก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ปีศาจตนนี้กลับหายากมาก ไอน้ำแข็งทมิฬที่สร้างมันขึ้นนั้นบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ไม่ว่านำไปหลอมยุทธภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งฝึกฝนความสามารถของเคล็ดวิชาลับต่างๆ ก็มีประโยชน์มาก เหนือกว่าที่ปีศาจน้ำแข็งทมิฬทั่วๆ ไปจะเปรียบเทียบได้
แต่ในเมื่อหานลี่เป็นผู้จัดการปีศาจตนนี้ด้วยตนเอง แม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดอะไร ก็ไม่กล้าเอ่ยปากออกมา
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ไอน้ำแข็งทมิฬก็ถูกขวดหยกดูดเข้าไปจนเกลี้ยง
หานลี่พลันกวักมือ ขวดหยกกลายเป็นลำแสงสีขาวสายหนึ่งจมหายเข้าไปในแขนเสื้ออย่างไร้ร่องรอย
ครานี้พลันกลอกตาไปมา แล้วถึงได้ตกลงบนร่างของอสูรน้อยที่อยู่บนพื้นด้วยความกังวลใจ
อสูรเกล็ดมิคาทนในครานี้ร่างกายหดเล็กลง ลำแสงสีขาวบนผิวของมันกระพริบวาบๆ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท
จากการเชื่อมโยงกันนั้นหานลี่รู้ว่าอสูรน้อยตัวนี้ทั้งตื่นเต้นดีใจ หวาดกลัว ร้อนรนผสมปนเปกันไปหมด
ถอนหายใจออกมาเบาๆ เฮือกหนึ่ง คนร่อนลงบนพื้นดิน อยู่ข้างกายของอสูรน้อย และนั่งคุกเข่าลง
ยกมือขึ้นลูบไปบนศีรษะของอสูรน้อย แล้วใช้มือลูบไปบนขนอสูรที่นุ่มเป็นพิเศษบนร่างของมัน จากนั้นก็ปลอบโยนมันผ่านจิตสัมผัสที่เชื่อมโยงกัน
อสูรเกล็ดมิคาทนยื่นลิ้นน้อยๆ สีชมพูออกมา เลียไปที่หลังมือของหานลี่ ในที่สุดก็ค่อยๆ สงบนิ่งลงกลับมาเป็นปกติ