A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1466-1 ถ้ำแก่นพฤกษา
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1466-1 ถ้ำแก่นพฤกษา
ไผ่อัสนีทองที่เขาเร่งโตโดยไม่ได้ตั้งใจในและหลอมเป็นกระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่มในปีนั้น สามารถยืมพลังของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายที่อยู่ในกระบี่พิชิตศัตรูได้ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า อัสนีชนิดนี้จะมีที่มาใหญ่โตเช่นนี้ ทั้งยังมีวิธีการควบคุมที่พิเศษอีกด้วย
หากเป็นอย่างที่ปีศาจในเหวพสุธาเหล่านี้กล่าวจริง อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายคือหนึ่งในอัสนีแท้ทั้งห้าวิถีในแดนวิญญาณที่เรียกว่า “อัสนีเทวาพฤกษา” อะไรนั่น หากอานุภาพสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึงสิบเท่าขึ้นไป เช่นนั้นความยิ่งใหญ่ของอานุภาพก็ยากที่จะเชื่อได้แล้วจริงๆ สามารถเป็นหนึ่งในไม้ตายของเขาได้เลยทีเดียว
แต่ถึงแม้เรื่องอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายจะเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง แต่เขาต้องไปยังแม่น้ำอเวจีอะไรสักอย่าง อีกทั้งราชาปีศาจเหล่านี้ได้หลอมทหารภูตและหุ่นเชิดอย่างไม่หวาดหวั่นเช่นนี้ ความเสี่ยงที่ใหญ่โตน่าจะพอคาดคิดได้ หากหานลี่ไม่ระวังนิดเดียว เป็นไปได้มากว่าอาจจะร่วงตายอยู่ในนั้น
โชคดีที่ฟังจากการพูดของอีกฝ่าย อย่างน้อยก็ยังเตรียมตัวเป็นเวลาหกเจ็ดปี เขายังสามารถพิจารณาอย่างละเอียด ดูว่าจะมีวิธีอะไรที่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้
การที่ได้พบหยวนเหยาในที่แห่งนี้อีกครั้ง ไม่สามารถเรียกว่าเป็นวาสนาได้แม้แต่น้อย
ในปีนั้นหยวนเหยาทำลายตานทองของตัวเองอย่างไม่เสียดายเพื่อให้เหยียนลี่หวนคืนวิญญาณ ย่อมเป็นเรื่องที่คุ้มค่าแก่การเคารพเลื่อมใส อีกฝ่ายยังมีน้ำใจไมตรีหนักแน่นเช่นนี้หรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่นอน
ถึงอย่างไรใจคนก็เปลี่ยนง่ายที่สุด
แต่ดูจากเจตนาของหยวนเหยา จึงรู้ได้ว่านางไม่ยินดีที่จะเปิดเผยเรื่องที่รู้จักกับตน
เรื่องนี้ทำให้หานลี่แอบรู้สึกโล่งอก
แม้ว่าเรื่องที่สวมรอยเป็นเผ่าวิญญาณเหาะเหินจะไม่นับว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องปิดบัง แต่หานลี่ก็ยังไม่อยากให้ประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของตัวเองถูกราชาปีศาจในเหวพสุธาพวกนี้รู้
หานลี่ครุ่นคิดในใจอย่างเงียบๆ
พูดถึงหยวนเหยา ในหัวเขาก็เริ่มคิดทบทวนถึงสถานการณ์ที่พบเจอนางหลายครั้งในตอนแรกอย่างละเอียด
พอนึกถึงสถานการณ์ที่เห็นหญิงผู้นี้อาบน้ำในน้ำพุวิญญาณภายในห้องลับของพระราชวังนภาสูญ เรือนร่างอันสมบูรณ์ไร้ตำหนิของหญิงผู้นี้ก็แล่นเข้ามาในหัวสมองอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้ในใจหานลี่เกิดอาการหวั่นไหว
แต่ทันใดนั้นร่างของหนานกงหว่านก็ปรากฏขึ้นในก้นบึ้งของจิตใจ ฉับพลันก็ชัดเจนขึ้นอย่างผิดปกติ ภาพก็เต็มอยู่ในหัวของหานลี่
ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ หากทุกอย่างราบรื่น นางก็น่าจะเข้าสู่ระดับเทพแปลงที่แดนมนุษย์แล้วกระมัง
ไม่รู้ว่าเมื่อใด เขาถึงจะได้พบกับภรรยาสุดที่รักในแดนวิญญาณอีกครั้ง
ใบหน้าและน้ำเสียงของหนานกงหว่านยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของหานลี่ไม่หยุด ฉากที่อยู่เคียงคู่กัน เหาะเหินคู่กับภรรยาที่รักในนภาทักษิณ ยิ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
ใบหน้าของหานลี่ปรากฏรอยยิ้มออกมา ตัวเขาได้จมอยู่ในห้วงความทรงจำอันแสนอบอุ่น
ผ่านไปพักใหญ่ หลังจากที่เสียงและใบหน้าของหนานกงหว่านค่อยๆ หายไป ใบหน้างดงามไร้ที่ติอีกหน้าหนึ่งก็ปรากฏภายในจิตใจของหานลี่ ทำให้เขาหวนนึกถึงความทรงจำในอดีตเช่นกัน…
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด หลังจากที่ถอนหายใจยาวๆ ออกมาคราหนึ่ง ในที่สุดหานลี่ก็ได้สติกลับมา ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจื่อน
คิดไม่ถึงว่าจะถูกเรื่องในอดีตของหยวนเหยากระตุ้นแล้ว ถึงกับทำให้จิตสัมผัสของเขาเสียการป้องกันเป็นเวลานานเช่นนี้ โชคดีที่บริเวณใกล้ๆ นี้ไม่มีผู้ไม่หวังดีคอยจับตาอยู่ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายแล้ว
ทว่าในเมื่อเขายังไม่สามารถออกจากเหวพสุธาได้ในขณะหนึ่ง จะต้องมีโอกาสได้พบกับหยวนเหยาอีกครั้งแน่ แต่เรื่องที่จะติดต่อกับนางอีกครั้ง ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
หานลี่ครุ่นคิดในใจอย่างช้าๆ ใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาอีกครั้ง…
สามวันต่อมา หานลี่ยืนอยู่เบื้องหน้าภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง กำลังมองดูผนังภูเขาประหลาดสีเขียวมรกตที่ดูแล้วแม้แต่ก้อนหินก็แทบจะใสแจ๋ว ภายในดวงตาพลันมีสีของความประหลาดใจพาดผ่าน
“ที่นี่ก็คือถ้ำแก่นพฤกษาที่ข้าใช้เก็บตัวฝึกฝน ความเข้มข้นของปราณวิญญาณพฤกษาในที่แห่งนี้แม้ว่าทั่วทั้งแดนวิญญาณจะพบไม่มาก แต่สำหรับผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุไม้ เมื่อฝึกฝนในถ้ำแห่งนี้ สามารถเพิ่มผลการฝึกฝนได้หลายเท่า” มู่ชิงที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยท่าทางทระนงตัว
สามวันให้หลังที่หานลี่มาพบมู่ชิงตามที่กำชับ หญิงผู้นี้ได้พาเขาอ้อมเขาใหญ่หลายลูก และหลังจากเข้ามาในหมอกหนาทึบที่เต็มไปด้วยอาคมต้องห้าม ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่สถานที่ประหลาดแห่งนี้
ที่นี่ห่างไกลจากที่พักก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าหญิงผู้นี้จะตั้งสถานที่ฝึกฝนไว้ที่นี่ เกิดความคาดหมายของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก
ทว่าผนังหินสีเขียวเบื้องหน้าที่เรียบราวกับกระจกนี้ เป็นถ้ำได้ที่ไหนกัน
หานลี่ใช้จิตสัมผัสกวาดมองอยู่หลายรอบ ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ใบหน้าก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
มู่ชิงก้าวเข้ามาข้างหน้าผนังภูเขาสองสามก้าว พลันสะบัดมือข้างหนึ่งใส่เบาๆ
หลังจากที่บนผนังหินมีม่านแสงสีเขียวปรากฏขึ้น ก็แตกออกเป็นโพรงกว้างอย่างไร้สุ้มเสียง เผยให้เห็นถึงเส้นทางสีเขียวมรกตทอดตรงเข้าไปในนั้น
ที่ปากทางเข้าเส้นทางถูกม่านแสงสีเขียวสลัวๆ ปิดผนึงอยู่ชั้นหนึ่ง ขณะเดียวกันรอบด้านของทางเข้า ก็มีอักขระแปลกประหลาดจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นเลือนรางบนผนังหินบริเวณใกล้เคียง แลดูลึกลับเป็นอย่างยิ่ง
หานลี่เต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด
เบื้องหลังผนังหินมีเส้นทางเช่นนี้อยู่ ด้วยจิตสัมผัสอันแข็งแกร่งของเขาจะมองไม่ออกได้อย่างไร
เป็นอย่างที่คาดไว้ ดูเหมือนราชาปีศาจในเหวพสุธาเหล่านี้จะมีอิทธิฤทธิ์ที่น่าอัศจรรย์บางอย่างอยู่ ต้องระวังมากขึ้นแล้วจริงๆ
หานลี่รู้สึกใจหายวาบ!
ร่างของมู่ชิงพลิ้วไหว รุดหน้าเข้าไปในเส้นทาง ม่านแสงสีเขียวก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับนางแม้แต่น้อย
หานลี่ลังเลครู่หนึ่ง ย่อมต้องตามนางไปอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มู่ชิงใช้วิธีอะไร ม่านแสงจึงไม่ขัดขวางเขาแม้แต่น้อยเช่นกัน
หลังจากที่ทั้งสองคนเข้ามาในม่านแสงได้ไม่นาน กำแพงหินตลอดทั้งแถวเปล่งแสงเรืองรอง ทางเข้าเส้นทางก็หายไป
ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากผ่านไปไม่ใน แสงบนกำแพงหินสีมรกตทั้งแถวก็มือลงจนดูธรรมดาไม่แปลกตาขึ้นมา
อีกด้านหนึ่ง หานลี่เดินตามมู่ชิงในเส้นทางอยู่พักหนึ่งจึงค่อยเห็นแสงสว่างที่เบื้องหน้า และมาปรากฏภายในห้องโถงห้องหนึ่งที่ไม่ใหญ่นัก
ภายในโถงว่างเปล่าไร้ผู้คน นอกจากระเบียงเชื่อมต่อไปยังประตูสถานที่อื่นอีกเจ็ดแปดทางแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก
แต่หานลี่ที่อยู่ในที่แห่งนี้ สามารถสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากใต้ดินและผนังสี่ด้าน ในใจก็รู้สึกทั้งดีใจและกลุ้มใจ
ที่ดีใจก็คือ ปราณวิญญาณพฤกษาในสถานที่นี้เข้มข้นเช่นนี้ ภายในสองปีสามารถเชี่ยวชาญวิธีควบคุมอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายได้นั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนที่กลุ้มใจคือ มู่ชิงผู้นี้แม้แต่สถานที่วิญญาณเช่นนี้ก็ยอมสละให้ตนใช้ แสดงว่านางจำเป็นต้องใช้เขาจริงๆ ภายภาคหน้าคิดจะหลุดพ้นจากการควบคุมของราชาปีศาจตนนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างแน่นอน
“ตามข้ามา ข้าจะจัดการที่พักให้เจ้า ภายในเวลาสองปีหลังจากนี้ เจ้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ ห้ามออกจากถ้ำแก่นพฤกษาแม้แต่ก้าวเดียว รอบๆ นี้ข้าได้วางอาคมต้องห้ามที่ร้ายกาจไว้ชนิดหนึ่ง หากข้าไม่เปิดมันด้วยตัวเอง เจ้าก็ออกจากที่นี่ไม่ได้” มู่ชิงกล่าวอย่างเรียบๆ ภายในน้ำเสียงเผยถึงความมั่นใจในตัวเอง
หานลี่มุมปากกระตุกคราหนึ่ง ไม่กล่าวอะไร เพียงแต่เดินตามหญิงผู้นี้เข้าไปอีกเส้นทางหนึ่งอย่างเงียบๆ
พอผ่านสวนดอกไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าแปลกประหลาด หานลี่ก็ถูกพามาอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่สีเหลืองอ่อนที่ไม่รู้ว่าหลอมมาจากโลหะชนิดใดบานหนึ่ง
มู่ชิงพลันหยุดฝีเท้า
“ที่นี่ก็คือห้องลับที่ข้าใช้ฝึกฝันเป็นประจำ ให้เจ้ายืมพักอาศัยและฝึกฝนเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ทุกเจ็ดวัน ข้าจะชี้แนะหลักแห่งการควบคุมอัสนีของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายให้เจ้าครั้งหนึ่ง ตอนกลางวันในเจ็ดวันให้หลัง เจ้ามาหาข้าที่โถงก็ได้แล้ว เอาล่ะ เจ้าเข้าไปเองเถอะ ข้าจะไปที่ห้องลับอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่นอกจากอาคมต้องห้ามที่ข้าปูไว้ไม่กี่แห่งแล้ว สถานที่ที่เหลือเจ้าสามารถเข้าออกได้” มู่ชิงแสดงท่าทีใจกว้างอย่างผิดปกติ
“ขอบคุณพระคุณสำหรับความเมตตาของอาวุโสเป็นอย่างยิ่ง” หานลี่รีบกล่าวคำขอบคุณ
ทว่าหลังจากมู่ชิงพูดจบ นางแค่มองหานลี่อย่างเรียบเฉยคราหนึ่ง แล้วหมุนกายจากไป
เมื่อเห็นว่าหญิงผู้นี้เดินเลี้ยงบนเส้นทางเล็กๆ ร่างของนางก็หายไป หานลี่จึงค่อยถอนหายใจเบาๆ พลันผลักประตูโลหะสีทองบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วเข้าไปในห้องลับ
…
เวลาเปรียบดังกระสวยที่วิ่งพาดผ่าน ภายในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว
ในวันนี้ ท่ามกลางหมอกหนาทึบ จู่ๆ บนท้องฟ้าเหนือยอดเขาขนาดเล็กที่ดูธรรมดาก็มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน!
เมฆดำจำนวนนับไม่ถ้วนได้มารวมตัวที่ชั้นบรรยาต่ำ ตามด้วยประกายอัสนีสีเขียวเปล่งแสงวูบวาบ ส่งเสียงฟ้าร้องดังแผ่วๆ ออกมาจากเมฆเป็นระลอกๆ ราวกับภายในเมฆดำกำลังกำเนิดอสูรดุร้ายที่น่ากลัวตนหนึ่ง
ทันใดนั้นบนพื้นผิวของยอดเขาขนาดเล็ก มีเขตอาคมสีดำกว้างสิบจั้งเศษปรากฏขึ้น พื้นผิวเปล่งแสงสีดำวาบหนึ่ง ฉับพลันก็มีคนสองคนปรากฏตัวออกมาจากในนั้น
คนหนึ่งมีม่านแสงสีดำปกคลุม รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ส่วนอีกคนหนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีเขียว ใบหน้าอ่อนเยาว์
คือหานลี่กับมู่ชิงนั่นเอง!
พริบตาที่สองคนนี้ปรากฏตัว ในอากาศก็ส่งเสียงฟ้าร้องดังลั่น เมฆดำพลิกตัวอย่างรุนแรง ประกายอัสนีสีเขียวที่ปรากฏภายในเมฆเปลี่ยนเป็นหนาแน่น อานุภาพน่าสะพรึงอย่างผิดปกติ
มู่ชิงเงยหน้ามองไปยังชั้นบรรยากาศต่ำ พลางพูดด้วยท่าทางสงบนิ่งผิดปกติ “คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเช่นนี้ ทัณฑ์สวรรค์ของเจ้าจะมาถึงในเวลานี้ แต่เจ้ามีอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายอยู่กับตัว อีกทั้งเข้าใจหลักแห่งการควบคุมอัสนีขั้นแรกแล้ว คิดว่าทัณฑ์อัสนีระดับนี้น่าจะสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย กลับยังสามารถฉวยโอกาสพิสูจน์การฝึกฝนเพิ่มได้อีก มีประโยชน์มากสำหรับอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายที่แท้จริงของเจ้า เจ้าดูแลตัวเองดีๆ ก็แล้วกัน” มู่ชิงพูดคำนี้จบ เขตอาคมที่ใต้เท้าก็เปล่งแสงวาบ ร่างของนางก็หายไปอย่างฉับพลัน
ในชั่วพริบตา บนยอดเขาก็เหลือเพียงหานลี่คนเดียว
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ได้แต่หัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง
ทัณฑ์สวรรค์เล็กครั้งที่สองของตนมาเยือนที่แดนวิญญาณ คิดไม่ถึงว่าจะมาเวลานี้ ทำให้เขารู้สึกเกินคาดเป็นอย่างมาก
โชคดีที่เขากินยาสลายธุลีมาโดยตลอด อีกทั้งยังกินจนหมดเกลี้ยงแล้ว ทัณฑ์สวรรค์ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ทัณฑ์อัสนีสองสีที่น่ากลัวสุดๆ แต่เป็นอัสนีสวรรค์สีเขียวทั่วไปเท่านั้น
แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หานลี่ก็ยังไม่กล้าผ่อนคล้ายแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนี่ก็คือทัณฑ์อัสนีครั้งที่สองของเขา จึงไม่กล้าประมาทเกินไป
หานลี่อ้าปากออก ทันใดนั้นเตาจิ๋วสีเขียวใบหนึ่งก็ถูกพ่นออกมาด้านนอก ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็ลูบไปที่หลังศีรษะคราหนึ่ง ม่านแสงสีเทาสลัวๆ ก็ม้วนออกมา กลายเป็นม่านแสงปกป้องรอบก้ายหนึ่งชั้น
จากนั้นเขาจึงค่อยส่งเสียงร้องเบาๆ คราหนึ่ง สองมือพลันกำหมัด ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ประกายอัสนีสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ดีดออกจากร่าง แล้วพวยพุ่งไปในอากาศ
ครู่ต่อมา ตาข่ายสายฟ้าสีทองผืนหนึ่งก็ปรากฏที่ชั้นนอก บนพื้นผิวเปล่งประกายสายฟ้าระยิบระยับ ส่งเสียงฟ้าแลบไม่หยุด
ในเวลาเดียวกัน ประกายอัสนีสีเขียวในอากาศมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และสว่างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็ส่งเสียงดังเกริกก้องไปทั่วพื้นปฐพี ประกายแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนโหมจู่โจมลงมาจากกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง เป้าหมายคือหานลี่ที่อยู่บนยอดเขาเล็ก
ประกายอัสนีหนาเท่านิ้วหัวแม่โป้ง คล้ายกับงูเล็กสีเขียวที่กระโจนลงมาทีละตัวๆ ราวกับห่าฝน พุ่งเข้าใส่ตาข่ายสายฟ้าสีทองที่อยู่ชั้นนอกสุด
ดวงตาของหานลี่เปล่งแสงประหลาดวาบหนึ่ง พลันตั้งท่าร่ายคาถามือเดียว ตาข่ายสายฟ้าสีทองก็แผดเสียงฟ้าร้อง ก่อนที่บนตาข่ายจะมีอักขระสีทองปรากฏออกมาอย่างเลือนราง ครั้นหมุนโคจรรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นม่านแสงสีทองราวกับระลอกคลื่นเป็นผืนๆ อย่างฉับพลัน
ฉากที่น่าประหลาดพลันปรากฏขึ้น!
เมื่อกายอัสนีสีเขียวกับม่านแสงเหล่านี้แตะถูกกัน มีเพียงแสงอัสนีสว่างวาบ แล้วหายไปข้างในทั้งหมดอย่างไร้ร่องรอย
ตลอดขั้นตอนไร้สุ้มเสียง ราวกับถูกม่านแสงสีทองกลืนหายไป
ชั่วพริบตา ประกายอัสนีสีเขียวนับร้อยนับพันก็ถูกม่านแสงสีทองดูดกลืนเข้าไปภายในกว่าครึ่ง มีส่วนน้อยที่ถูกตาข่ายสายฟ้าสีทองดีดออก ส่งเสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่น
ทัณฑ์อัสนีระลอกที่หนึ่งพลันตกลงมา หานลี่ไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว สามารถรับเอาไว้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ