A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1466-2 เก็บอัสนี
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1466-2 เก็บอัสนี
ตาข่ายสีทองที่ดูดกลืนประกายอัสนีสีเขียวไปมากเช่นนี้ ก็ขยายใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะหานลี่หลายเท่าตัว พื้นที่สามสิบจั้งเศษล้วนถูกปกคลุมลงมา
เมื่อประกายอัสนีระลอกที่หนึ่งหยุดลง อัสนีสวรรค์ระลอกที่สองก็ก่อตัวกลางอากาศอีกครั้ง กลายเป็นประกายอัสนีสีเขียวที่มีความหนากว่าระลอกก่อนหน้าหลายส่วน ร่วงลงมาอีกครั้ง
หานลี่ตั้งท่าร่ายคาถามือเดียว พลันยื่นนิ้วหนึ่งวาดอากาศฉวัดเฉวียนหลายครา
แสงสีทองพลันสว่างวาบ อักขระสีทองแวววาวตัวหนึ่งปรากฏออกมาจากนิ้วมือ ครั้นส่งเสียงราวอัสนีบาตร ก็กลายเป็นประกายแสงสีทองพุ่งออกไปในอากาศ
ภายในชั่วพริบตา อักขระทั้งหมดก็กลายเป็นประกายอัสนีจมหายเข้าไปในตายข่ายสายฟ้าสีทอง
ทันใดนั้น ตาข่ายสายฟ้าก็สั่นไปทั้งผืน รัศมีแสงหลายดวงที่ลอยพลิ้วอยู่ในนั้นพลันหมุนเคว้งรอบหนึ่ง ก่อนที่จะมารวมตัวกันในที่แห่งหนึ่ง ก่อตัวเป็นรัศมีแสงมหึมาสีทองสลัวๆ
ภายในนั้น อักขระพลิ้วไหวเลือนรางไม่หยุด
ในตอนนี้ ประกายอัสนีระลอกที่สองก็ตกลงมาอย่างดุดัน
และแล้วฉากแบบเดียวกันก็ปรากฏขึ้น!
ประกายแสงสีเขียวที่มีอานุภาพเพิ่มมากขึ้น จมเข้าไปในรัศมีแสงราวกับตัวแมงเม่าบินเข้ากองเพลิง หายไปอย่างไร้ร่องรอย
อานุภาพของอัสนีสวรรค์ระลอกที่สอง ระลอกแรกไม่อาจเทียบได้อย่างเห็นได้ชัด
ด้วยการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของอัสนีสวรรค์ที่มีจำนวนมหาศาล หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา รัศมีแสงที่รอยเคว้งอย่างเงียบๆ ในตอนแรกก็สั่นระริกขึ้น แม้กระทั่งภายในรัศมีแสงยังส่งเสียงดังหึ่งๆ ออกมา และดังขึ้นเรื่อยๆ
แต่ตาข่ายสายฟ้าสีทองที่อยู่เบื้องล่างมีพื้นที่ใหญ่ขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง ขณะที่ประกายแสงสีทองเปล่งประกายผสมผสานกัน ก็ส่งเสียงดัง “เปรี้ยะๆ”
ผ่านไปอีกพักหนึ่ง เกิดเสียงดังอื้ออึงขึ้นคราหนึ่ง ในที่สุดรัศมีแสงก็ปรากฏรอยสีขาวออกมาทีละเส้น ภายใต้การจู่โจมอย่างบ้าคลั่งของอัสนีสวรรค์ ก็ค่อยๆ สลายหายไปทีละน้อย
ประกายอัสนีที่ไม่มีสิ่งกีดขวางแล้ว ก็ผ่าลงบนตาข่ายสายฟ้าโดยตรง
เมื่อสองสิ่งปะทะกัน ลำแสงสีทองกับแสงสีเขียวก็ผสานรวมเป็นหนึ่ง พร้อมแผดเสียงระเบิดดังก้องไปครึ่งท้องฟ้า
ด้วยความมหึมาของตาข่ายสีท้องในอากาศ แม้ว่าอัสนีสวรรค์จะดุดันผิดปกติ แต่ก็ยังลอยคว้างกลางอากาศได้อย่างมั่นคง ชั่วขณะหนึ่งก็สามารถขวางประกายอัสนีสีเขียวที่ร่วงลงมากว่าครึ่งได้
ส่วนอัสนีสวรรค์บางส่วนที่เล็ดลอดในบางครั้ง ก็ถูกแสงเทวะดูดปราณที่อยู่เบื้องล่างกวาดหายจนไม่เหลือร่องรอย
หานลี่ที่ยืนอยู่บนยอดเขานั้น ได้เห็นสถานการณ์ในอากาศ กลับไม่เจตนาจะใช้อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายออกมา ดูเหมือนจะมีความตั้งใจอย่างอื่น
เวลาผ่านไปชั่วหนึ่งมื้ออาหาร ในที่สุดตาข่ายยักษ์สีทองก็ส่งเสียงระเบิดพร้อมปริแตกทีละชุ่นๆ
ในที่สุดทัณฑ์อัสนีระลอกที่สองก็หยุดลง
ทว่าเมฆดำกลางอากาศในตอนนี้เป็นสีดำทมึนราวกับน้ำหมึก การพลิกตัวยิ่งรุนแรงขึ้น แทบจะในเวลาชั่วอึดใจ ภายในก้อนเมฆก็ปรากฏบอลสายฟ้าสีเขียวออกมาทีละลูกๆ
แต่ละลูกมีขนาดประมาณกำปั้น พื้นผิวมีแสงสีเขียวพุ่งออกมารอบด้าน ในขณะเดียวกัน ภายในเมฆที่หมุนตัวอย่างช้าๆ อานุภาพของประกายอัสนีก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาหลายส่วน ฝ่ามือสีขาวดำแยกกันชัดเจนสองข้างพลันกดไปในอากาศพร้อมกัน
ทันใดนั้น ม่านแสงสีเทากลางอากาศก็แข็งตัวขึ้น เงาลวงตาภูเขาขนาดเล็กสีดำขมุกขมัวลูกหนึ่งก็ปรากฏภายในแสงสีเทาอย่างน่าประหลาด
เกือบจะในเวลาเดียวกัน บนแสงสีเทาพลันปรากฏเงาลวงตาโครงกระดูกห้าร่างออกมา แต่ละตัวมีขนาดเท่าล้อรถ อ้าปากออกมาพร้อมกัน
เพลิงแสงห้าสีที่พ่นออกมาจากปาก ในชั่วพริบตาก็ก่อรูปร่างเป็นม่านคุ้มกันอยู่เบื้องบนแสงเทวะดูดปราณ
จากนั้นหานลี่ก็ส่งเสียงร้องเบาๆ คราหนึ่ง เตาจิ๋วสีเขียวที่ลอยวนเหนือศีรษะก็เปล่งแสงวิญญาณเจิดจ้า ขยายใหญ่ขึ้นอย่างบ้าคลั่งหลายเท่าตัว กลายเป็นเตามหึมาขนาดจั้งกว่าใบหนึ่ง
ภายในเตามีแสงอรุโณทัยสีเขียวโหมซัดสาด พร้อมส่งเสียงดังครั่นครืนออกมาแว่วๆ
อัสนีสวรรค์ระลอกที่สามจู่โจมลงมาอย่างไม่ปรานีแม้แต่น้อย!
บอลสายฟ้าสีเขียวแต่ละลูกราวกับลูกเห็บมหึมา แผดเสียงฟ้าร้องประหลาด อานุภาพเหนือกว่าอัสนีสวรรค์สองระลอกก่อนหน้ายิ่งนัก
หานลี่ที่สามารถต้านทานทัณฑ์อัสนีสองสีได้ทั้งที่เป็นระดับเทพแปลงขั้นต้น ย่อมไม่มีทางไม่สามารถต้านทานไม้ได้แม้แต่การโจมตีระดับนี้
เมื่อบอลสายฟ้าเหล่านี้กระทบเข้าไปในเพลิงแสงห้าสี ฉากที่คาดคิดไม่ถึงก็ปรากฏขึ้น!
ภายใต้ลำแสงประหลาดห้าสีที่เปล่งประกาย อานุภาพของบอลสายฟ้าทั้งหมดที่ร่วงลงมาก็ดูอ่อนลงเป็นอย่างมาก พากันถูกกักไว้ในเพลิงแสง
ภายในชั่วพริบตา ภายในเพลิงแสงเปล่งแสงสีเขียวไม่หยุด บอลสายฟ้าร้อยกว่าลูกก็ราวกับถูกตรึงไว้กลางอากาศพร้อมกัน
หานลี่หน้าเปลี่ยนสี เงาลวงตาภูเขาขนาดเล็กสีดำภายในม่านแสงสีเทาก็หมุนเคว้งรอบหนึ่ง ทันใดนั้นแสงสีเทารอบๆ ก็กวาดไปในอากาศ
หลังจากที่แสงเทวะดูดปราณกวาดบอลสายฟ้าที่ปกคลุมทั่วผืนฟ้า บอลเหล่านั้นก็ไม่เห็นร่องรอยอีก
ในขณะเดียวกัน เตามหึมาที่อยู่เบื้องล่างเปล่งแสงสีเขียวสว่างพร่างครู่หนึ่ง บอลสายฟ้าจำนวนมากก็มาปรากฏที่ปากเตาอย่างน่าประหลาด ครั้นแผดเสียงระเบิดคราหนึ่ง ก็ถูกเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนดึงเข้าไปในเตาทั้งหมด…
หานลี่เห็นสถานการณ์ดังนี้ ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา
…
ครึ่งชั่วยามต่อมา เมฆดำที่อยู่กลางอากาศของภูเขาขนาดเล็กก็ค่อยๆ กระจายหายไปอย่างช้าๆ ทัณฑ์อัสนีได้สิ้นสุดนานแล้ว
ตอนนี้เงาร่างของหานลี่มาอยู่ภายในห้องลับของถ้ำแก่นพฤกษาแล้ว
เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อกลมผืนหนึ่ง เตาจิ๋วสีเขียวลอยเคว้งอยู่เบื้องหน้า
เตาจิ๋วในตอนนี้ ฝาของมันเปิดกว้าง ส่งเสียงฟ้าร้องทุ้มต่ำพร้อมกับเปล่งประกายสายฟ้าวิบวับเป็นพักๆ
หานลี่จ้องเขม็งไปที่เตานี้ครู่หนึ่ง พลันกวักมือข้างหนึ่ง
เตาจิ๋วพุ่งทีหนึ่ง ก็ค่อยๆ ร่วงมาที่มืออย่างช้าๆ
เมื่อใช้มือตบเบาๆ เตาทั้งใบก็สั่นสะเทือน พลันพ่นบอลสายฟ้าขนาดเท่าไข่ไก่ลูกหนึ่งออกมา
บอลสายฟ้าลูกนี้เปล่งแสงระยิบระยับ พื้นผิวหดขยายไม่หยุด แต่ถูกเส้นไหมสีเขียวห่อหุ้มไว้ภายใน ไม่สามารถหลุดออกมาได้
ที่แท้ก็คืออัสนีของทัณฑ์สวรรค์ที่หานลี่เก็บมา
อัสนีสวรรค์นี้แม้ว่าจะเทียบกับอัสนีสวรรค์สีทองเงินที่เก็บในตอนแรกไม่ได้ แต่ในด้านอานุภาพก็แข็งแกร่งกว่าอัสนีทั่วไปมาก
เมื่อมีโอกาสนี้ หานลี่ย่อมใช้อัสนีจำนวนมากที่เก็บมาได้เหล่านี้ ถือโอกาสหลอมลูกแก้วอัสนีจำนวนหนึ่งอีกครั้ง
อาศัยเพียงลูกแก้วอัสนีหนึ่งถึงสองลูก บางทีก็ทำได้เพียงขู่เข็ญตัวตนระดับหลอมสูญได้ แต่ถ้าหากเรียกสิบกว่าลูกออกมาพร้อมกัน แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ก็ต้องถ้อยหนีไปสามฉื่อ
นอกจากอัสนีสวรรค์สองระลอกในตอนเริ่มแล้ว เขาก็ใช้ความรู้ใหม่ของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายต้านทานไว้ อัสนีสวรรค์ที่เหลืออยู่จึงถูกเขาใช้เตานภาสูญเก็บเข้าไปข้างใน
อัสนีสีเขียวที่มีปริมาณมากเช่นนี้ เพียงพอที่จะหลอมลูกแก้วอัสนีหลายสิบลูกในรวดเดียว
แต่ด้วยอานุภาพของอัสนีสวรรค์ อานุภาพของลูกแก้วอัสนีเหล่านี้จึงด้อยกว่าก่อนหน้าเล็กน้อย
ลูกแก้วอัสนีจำนวนมากเช่นนี้ เพียงพอที่จะกลายเป็นไม้ตายที่เขาใช้เผชิญกับอันตรายที่ไม่ทราบได้
แต่แม้ว่าทัณฑ์สวรรค์ในครั้งนี้จะไม่ได้คุกคามเขาแม้แต่น้อย แต่ด้วยความร้ายกาจของทัณฑ์สวรรค์ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละครั้ง หลังจากผ่านไปอีกเจ็ดแปดครั้ง เขาไม่อาจผ่อนคล้ายได้เช่นนี้อีก
สำหรับทัณฑ์สวรรค์ใหญ่หลังจากที่เข้าสู่ระดับหลอมสูญนั้น แค่เริ่มครั้งแรกก็อันตรายสุดๆ แล้ว ตัวตนระดับหลอมสูญไม่เคยขาดคนที่ร่วงตายตั้งแต่เผชิญกับทัณฑ์ครั้งแรก
เหนือกว่าทัณฑ์สวรรค์เล็กจนไม่อาจเทียบได้
ทว่าเรื่องเหล่านี้ก็ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องเผชิญคือปัญหาใหญ่ที่จะหลุดพ้นจากเหวพสุธาแห่งนี้ไปได้อย่างไร
เมื่อหานลี่นึกถึงอันตรายที่ต้องพบเจอในภายภาคหน้า สีหน้าก็มืดครึ้มลง
หนึ่งปีมานี้ มู่ชิงที่ชี้แนะหลักการควบคุมอัสนีให้เขานั้น ยังถือว่าพยายามสุดกำลังจริงๆ
บวกกับความรู้ลึกซึกเกี่ยวกับอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของเขา ดังนั้นภายในระยะเวลาอันสั้นก็สามารถมั่นใจในวิธีการปลดปล่อยและวิธีการเรียกอัสนีได้แน่นอน
ดูเหมือนการจะบรรลุความต้องการของมู่ชิงภายในสองปี น่าจะไม่เป็นปัญหาแล้ว
บางทีด้วยเหตุนี้ มู่ชิงอาจจะแสดงท่าทีอ่อนโยนกับเขามากขึ้น ปกตินอกจากถ่ายทอดหลักการควบคุมอัสนีจบแล้ว ก็มักจะชี้แนะปัญหาในการฝึกฝนเป็นบางครั้ง
ด้วยระดับของหญิงผู้นี้ ชี้แนะให้กับระดับเทพแปลงกระจอกๆ คนหนึ่ง ย่อมทำให้เขาได้รับประโยชน์ไม่น้อย
แน่นอนว่าหานลี่ไม่มีทางอยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟังเพราะสาเหตุนี้จริงๆ
ในระหว่างนี้ เขาได้ลองสำรวจทางออกรอบๆ หลายครั้ง ดูว่าอาคมต้องห้ามรอบๆ มีช่องโหว่ให้เจาะได้หรือไม่ และค้นหาวิธีขจัดสัญลักษณ์ทั้งสี่ภายในร่างออก
หากสองสิ่งนี้มีวิธีแก้ไขได้จริงๆ เขาก็หนีไปลอยนวลไปได้อย่างแน่นอน
แต่ผลลัพธ์ก็ทำให้หานลี่ตื่นตระหนกตกใจเป็นการใหญ่
อาคมต้องห้ามรอบๆ ถ้ำแก่นพฤกษานี้ล้ำลึก เหนือกว่าที่เขาจะจินตนาการมาก เพียงแค่ถูกมู่ชิงกักตัว ทั้งถ้ำก็แทบจะกลายเป็นกรงขังมหึมาแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาไม่สามารถออกไปได้แม้แต่น้อย
แน่นอน ไม่ใช่ว่าหานลี่ไม่สามารถทำลายอาคมต้องห้ามของสถานที่นี่ได้จริงๆ ไม่ว่าจะแสงเทวะดูดปราณหรือเพลิงสวรรค์กลืนวิญญาณ การทำลายอาคมต้องห้ามนั้นล้วนได้ผลดีเยี่ยมอย่างไร้ที่เปรียบ
แต่หากสำแดงอิทธิฤทธิ์สองชนิดนี้ฝืนทำลายอาคม เกรงว่าทางฝั่งเขาลงมือ ก็จะถูกทางฝั่งมู่ชิงรับรู้ได้ทันที จุดจบเป็นอย่างไรก็แค่คิดก็รู้แล้ว!
สำหรับสัญลักษณ์ที่สี่มหาราชาปีศาจได้ฝังไว้ในร่างเขานั้น เป็นสิ่งที่ยุ่งยากยิ่งกว่า สัญลักษณ์เหล่านี้ราวกับฝังเข็มภายในร่างของเขา ใช้ทุกวิถีทางก็ยังไม่สามารถกระตุ้นมันได้แม้แต่น้อย
มีวิธีการเพียงอย่างเดียว คือต้องใช้เพลิงทารกภายในร่างหลอมทีละนิดๆ
แต่สัญลักษณ์ของราชาปีศาจระดับผสานอินทรีย์จะหลอมได้ง่ายดายเช่นนี้เสียที่ไหนกัน!
อย่าว่าแต่เขาแตะสัญลักษณ์แล้วจะถูกเจ้าของสัญลักษณ์รู้ตัวในทันที ต่อให้เขาฝืนหลอมมันขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำสำเร็จได้ในสามสี่ปี
เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่ให้เขากลุ้มใจอย่างหนักได้อย่างไร
ทว่าหานลี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน ภายใต้ความครุ่นคิดอย่างหนัก ก็ยังหาทางออกชั่วคราวได้ทางหนึ่ง
สามารถใช้ในยามจำเป็นได้ โดยการใช้พลังของแสงเทวะดูดปราณและอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายอำพรางการรับรู้ของสัญลักษณ์ทั้งสี่ภายในร่างได้
แม้ว่าจะทำเพราะกลัวแหวกหญ้าให้งูตื่น หานลี่ก็ยังไม่เคยลองว่าวิธีนี้จะใช้ได้ดีหรือไม่ แต่ด้วยความรู้ความเข้าใจอิทธิฤทธิ์ทั้งสองชนิดนี้เป็นอย่างดี อย่างน้อยเขามั่นใจได้ถึงเจ็ดส่วนว่าสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้
แน่นอนว่าการอำพรางเช่นนี้ทำได้แค่ตอนทีเผลอเท่านั้น เป็นวิธีการชั่วคราว เมื่อถูกสี่มหาราชาปีศาจพบ และเรียกสัญลักษณ์ในระยะห่างที่แน่นอน คาดว่าเขาก็ไม่สามารถอำพรางได้นานนัก
นี่ก็คือวิธีการอย่างหนึ่งที่จนปัญญา
หานลี่ถอนหายใจยาวคราหนึ่ง ราวกับความกลัดกลุ้มทุกข์ใจทั้งหมดได้คายออกมาจากร่าง ก่อนที่จะโยนเตาจิ๋วในมือไปเบื้องหน้าแล้วเริ่มหลอมลูกแก้วอัสนี
แม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ฝึกฝนของมู่ชิงมาก่อน แต่ก็ถูกเขาวางอาคมต้องห้ามไว้ใหม่แล้ว จึงไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะแอบจับตาดูอยู่
ทันทีที่ภายในห้องลับเกิดเสียงฟ้าร้องดังลั่น หานลี่ก็เริ่มหลอมลูกแก้วอัสนีขึ้นทีละลูกๆ
หลายวันต่อมา ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งพวยพุ่งมาจากสวนดอกไม้ ภายในชั่วพริบตาก็จมหายเข้าไปในประตูใหญ่ของห้องลับอย่างไม่เห็นร่องรอย
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ประตูใหญ่สีเหลืองพลันเปิดออก หานลี่เดินออกมาจากห้องลับด้วยใบหน้าขมวดคิ้วจางๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
ตอนนี้ยังไม่ถึงเจ็ดวันที่ถ่ายทอดหลักแห่งการควบคุมอัสนี มู่ชิงจะใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงเรียกเขาไปได้อย่างไร
นี่คือเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหนึ่งปีนี้
ในใจพลันปรากฏความสงสัย หานลี่จึงเดินไปยังเส้นทางภายในสวนดอกไม้อย่างช้าๆ
ภายในกำลังเก็บของบนข้อมือของเขา มีลูกแก้วสีเขียวสามสิบกว่าลูก แต่ละลูกมีขนาดเท่าหัวแม่มือ เปล่งแสงสีเขียวแวววาว
ลูกแก้วอัสนีเหล่านี้ ได้ใช้อัสนีสวรรค์ที่หานลี่เก็บไปกว่าครึ่งแล้ว หากไม่ใช่เพราะมู่ชิงเรียกไปหา เขาเตรียมที่จะหลอมอัสนีสวรรค์ในเตานภาสูญทั้งหมดแล้ว
ทว่าขณะที่หานลี่เดินมาถึงในห้องโถง ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
เนื่องจากภายในโถงแห่งนี้ นอกจากมู่ชิงที่นั่งอยู่ในนั้นแล้ว ข้างๆ ยังมีชายชุดโลหิตคนหนึ่งนั่งอยู่
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ย
“สหายหาน ที่สหายตี้เซวี่ยมายังที่แห่งนี้ ตั้งใจมาหาเจ้าโดยเฉพาะ” มู่ชิงถือถ้วยชาไว้ในมือข้างหนึ่ง พลางพูดกับหานลี่อย่างเยือกเย็น