A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1486 รวมตัวอีกครั้ง
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1486 รวมตัวอีกครั้ง
ขุนพลเกราะสีม่วงและหุ่นเชิดสองหัวได้ยินเช่นนี้ ล้วนพยักหน้าอย่างไม่มีข้อคิดเห็นเลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะหุ่นเชิดนี้จะเป็นเจ้าเรื่องที่แท้จริง
น้ำเสียงของหุ่นเชิดสามตาไม่ได้จงใจลดระดับลง ไม่ต้องพูดถึงมู่ชิงและหญิงงาม แม้แต่หานลี่ หยวนเหยาและพวกทั้งสามก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน!
มู่ชิงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา หญิงงามหยักมุมปากขึ้น เผยสีหน้ายิ้มเยาะออกมา
“หึๆ น้องหญิงมู่ ในเมื่อเขาอยากรอผู้ช่วย พวกเราก็รอหน่อยเป็นอย่างไร?” หญิงงามผมขาวหันหน้ามาเปล่งเสียงหัวเราะๆ ให้กับมู่ชิงขณะเอ่ย
“น้องหญิงเองก็ไม่มีข้อคิดเห็นอะไร เอาตามที่พี่หญิงหลันกล่าวก็แล้วกัน!” มู่ชิงหัวเราะน้อยๆ เอ่ยอย่างเห็นด้วย
หญิงงามผมขาวพยักหน้าสองมือหดเข้าไปในแขนเสื้อ เงาภูตขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นที่ด้านหลัง และกำลังพลิ้วกายไปมา
มู่ชิงเองก็เอามืองกอดอกนิ่งอยู่บนดอกไม้สีทอง
ท่าทางของทั้งสองคือไม่คิดลงมือ!
ส่วนปีศาจระดับสูงและพวกของหานลี่ที่ยืนอยู่ด้านหลังของพวกนางนั้น ในสภาวะการณ์ที่ไม่มีคำสั่ง ย่อมยืนมองทุกอย่างอยู่ด้านข้างเช่นกัน
ขุนพลหุ่นเชิดสามตนที่อยู่ตรงข้ามเห็นเช่นนั้น แววตาพลันฉายแววประหลาดใจ ทว่าวิธีการของสตรีทั้งสองเองก็ตรงตามเจตนาของพวกมันพอดี พวกมันเองก็ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ระยะประชิด แค่มองหญิงงามและพวกทั้งสองอย่างเย็นชาอยู่ไกลๆ เท่านั้น
ระหว่างดาบลำแสงและเงากระบี่ พายุทมิฬและลำแสงสีโลหิตโรมรันกันอยู่กลางอากาศไม่หยุด ระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง
บางครั้งก็มีหุ่นเชิดที่แหลกเป็นชิ้นๆ และทหารภูตที่กลายเป็นหลานท่อนร่วงลงมาจากท้องฟ้า หลังจากเสียงปังดังขึ้น พลันกลายเป็นไอสีดำเป็นกลุ่มๆ แล้วสลายหายไป
แต่ความแข็งแกร่งระดับหลอมร่างห้าตนกลับยืนคุมเชิงอยู่ไกลๆ ต่างรู้สึกหวาดกลัวซึ่งกันและกัน
ทางด้านหุ่นเชิดเกราะโลหิตนั้นมีอยู่จำนวนมาก และยิ่งไปกว่านั้นยังเชี่ยวชาญการร่วมมือกัน ส่วนทางด้านทหารภูตเกราะทมิฬนั้น เห็นได้ชัดว่ามีพละกำลังกว่าเท่าหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีราชันย์ภูตแปดตนผสมเข้าไปด้วย ก็ยิ่งเพิ่มพลังให้มากขึ้น ครานั้นกลับทำให้หุ่นเชิดสองสามพันถอยร่นไป ท่าทีดูเสียเปรียบมาก
หากไม่ใช่เพราะนักรบเกราะบนรถสงครามนับร้อยคันทางฝั่งหุ่นเชิดเกราะโลหิตไม่น่าหวาดกลัว และยิ่งไปกว่านั้นรถสงครามและอสูรประหลาดหุ้มเกราะล้วนมีอิทธิฤทธิ์อยู่เล็กน้อย พัวพันราชันย์ภูตกว่าครึ่งเอาไว้ เกรงว่าสถานการณ์คงย่ำแย่กว่านี้
หานลี่เห็นเช่นนั้น ใบหน้าพลันเผยสีหน้าขบคิดออกมาแวบหนึ่ง
หุ่นเชิดเกราะโลหิตธรรมดาเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า เห็นได้ชัดว่ามีปฏิกิริยาตอบสนองไม่เพียงพอ เป็นแค่หุ่นเชิดธรรมดาๆ เท่านั้น และไม่ได้ถูกจิตวิญญาณอะไรสิงร่างอยู่ ส่วนภูตทมิฬเกราะจันทราที่หญิงงามผมขาวฝึกฝนมาในครานี้นั้นพลันเผยพลานุภาพออกมา ภายใต้การโจมตีจากอาวุธใบมีดและพายุทมิฬเป็นระลอกๆ และหุ่นเชิดของฝ่ายศัตรูที่เข้ามาปิดล้อมเอาไว้นั้น ไม่แข็งเป็นน้ำแข็งสีดำก็ถูกใบมีดพายุสับัจนเป็นเจ็ดแปดส่วน
ราชันย์ภูตเกราะทมิฬแปดตนยิ่งสำแดงอิทธิฤทธิ์ออกมายิ่งกว่าเดิม ล้วนพ่นหมอกเมฆาออกมา กลายเป็นภูตยักษ์เกราะสีดำสูงสิบจั้งเศษ บนหัวมีเขาโคขนาดยักษ์งอกออกมา หน้าตาโหดเ**้ยม
แม้ว่าหุ่นเชิดเหล่านี้จะพยายามต้านทานอย่างสุดชีวิต ก็ยังถูกราชันย์ภูตเหล่านี้สับออกเป็นหลายส่วนอย่างง่ายดาย
ขุนพลหุ่นเชิดสามตนกลับไม่แยแสสถานการณ์นี้เลยสักนิด!
ดูเหมือนว่าลูกน้องที่ถูกทำลายไปจะไม่สำคัญต่อพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
หญิงงามขาวและมู่ชิงเห็นทหารภูตตกเป็นฝ่ายได้เพียง แน่นอนว่าย่อมรับชมต่อไปด้วยความสบายอารมณ์
หลังจากผ่านไปอีกชั่วครู่ หุ่นเชิดเกราะโลหิตก็เสียหายไปกว่าครึ่ง รถสงครามนับร้อยคันล้วนถูกพังราบ ส่วนทหารภูตเกราะจันทราก็เสียหายไปเกือบครึ่งเช่นกัน แปดราชันย์ภูตเองก็มีบาดแผลอยู่เต็มตัว
หญิงงามผมขาวเห็นเช่นนั้นแววตาพลันฉายแววเย็นเยียบ หันหน้าไปมองปีศาจระดับสูงตนอื่นๆ ด้านหลังแวบหนึ่ง ดูเหมือนว่าหมายจะออกคำสั่งอะไรสักอย่าง
แต่ในตอนนั้นเองส่วนลึกของไอหมอกพลันมีระลอกคลื่นที่ไร้สุ้มเสียงส่งออกมา หานลี่และพวกที่อยู่ในบริเวณนั้นพลันสั่นเทาอย่างแปลกประหลาดราวกับอากาศสั่นไหว
ท่าทางแปลกประหลาดเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้เหล่าขุนพลเกราะสีม่วง พวกหุ่นเชิด และเหล่าหญิงงามพากันสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกหนึ่ง
แต่ทะเลหมอกที่อยู่ไกลออกไปนอกจากจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแล้ว ภายใต้สีเทาตุ่นๆ ก็มองไม่เห็นสิ่งแปลกประหลาดอะไร
ในคราที่หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ก็มีสีหน้าตกตะลึงระคนสงสัยไม่แน่นอน เสียงร้องทุ้มต่ำดังออกมาจากจุดที่ไกลแสนไกล
ไกลออกไปมีลำแสงสีขาวสว่างวาบ เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังมา ท่ามกลางทะเลหมอกมีพระอาทิตย์สีขาวปรากฎขึ้น ทันใดนั้นพลันขยายใหญ่ขึ้น ชั่วพริบตาลำแสงสีขาวที่เจิดจ้าจนแสบตาก็ห่อหุ้มทะเลหมอกทั้งผืนเอาไว้
หลังจากที่ลำแสงสีขาวดับแสงลง พลังแรงกดที่ลึกล้ำยากจะคาดเดาจากพระอาทิตย์สีขาวก็สลายหายไปอย่างแปลกประหลาด สร้างความหายนะขึ้นอย่างกำเริบเสิบสานไม่กลัวเกรง
“แย่แล้ว!”
หลังจากที่พวกของหญิงงามและหุ่นเชิดสามตนหลับตาลงอย่างไม่รู้สึกตัวแล้ว ก็สัมผัสได้ถึงพลังแรงกดที่น่ากลัว ร่างกายแทบจะพลิ้วไหวไปมาพร้อมกันอย่างไม่ต้องคิด กลายเป็นสายรุ้งสองสามสายพุ่งออกห่างจากม่านหมอก
ปฎิกิริยาตอบสนองของหานลี่ก็ไม่ได้เชื่องช้ากว่าคนเหล่านั้นเท่าไหร่นัก
ปีกที่แผ่นหลังสะบัด กลายเป็นประจุไฟฟ้าสายหนึ่งหายวับไปจากที่เดิม
ส่วนหยวนเหยาและเหยียนลี่กลับเคลื่อนกายเข้าใกล้กัน ทันใดนั้นหมอกสีเทาก็หมุนวน ควบคุมพายุทมิฬกลุ่มหนึ่งบินหนีออกมา
ส่วนปีศาจระดับสูงตนอื่นๆ นั้นก็พากันตะเกียกตะกายแยกย้ายหลีกหนี
เสียงอัสนี “เปรี้ยงๆๆๆ” ดังมาจากจุดที่ไกลออกไปอย่างต่อเนื่อง พายุหมุนสีขาวกลุ่มหนึ่งพวยขึ้นไปบนท้องฟ้าจากกลางทะเลหมอก ราวกับมังกรเที่ยงแท้สีขาวตัวหนึ่งร้องคำรามแล้วกระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้า
แต่ทันใดนั้นเสาพายุต้นนั้นก็สั่นกระเพื่อมท่ามกลางเสียงอัสนีฟ้าฟาด ฉับพลันนั้นก็แตกพร่างกระจายหายไป
เสียงกรีดร้องดังขึ้น พายุหมุนม้วนวนไปรอบด้าน ทุกจุดที่พายุพัดผ่านไป ราวกับชั้นบรรยากาศถูกฉีกขาด เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้น!
แม้หมอกเหล่านั้นจะถูกวางเขตอาคมลึกลับเอาไว้ แต่เมื่อถูกพายุลูกใหญ่กวาดผ่านไป ก็สลายตัวออกอย่างไร้ซึ่งแรงต้าน หายวับไปท่ามกลางพายุ
ครั้นเมื่อหานลี่ปรากฎตัวอีกครั้งห่างออกไปพันจั้งเศษ และหันมามองที่เดิมพลันรู้สึกตกตะลึงอยู่ในใจ
เห็นเพียงทะเลหมอกหนาๆ ที่มองไม่เห็นปลายทางแต่เดิมนั้นไม่มีอยู่แล้ว เห็นเพียงพายุสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนไปรอบด้านไม่หยุด
ตำแหน่งเดิมที่พวกเขาอยู่กลายเป็นโลกแห่งพายุหมุน เสียงกรีดร้องท่ามกลางพายุดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตาเนื้อจำนวนนับไม่ถ้วนไม่อาจมองเห็นมีดพายุที่กำลังโบยบินอยู่เต็มท้องฟ้าได้ พายุหมุนลูกนี้รุนแรงเป็นอย่างมาก!
หุ่นเชิดทหารภูตที่เดิมกำลังต่อสู้กันนั้นหลบหนีไม่ทัน จึงถูกม้วนเข้าไปในพายุ ครานี้กำลังดิ้นรนอยู่ท่ามกลางพายุหมุน
แต่เสียงระเบิดตูมๆๆ และเสียงกรีดร้องที่ดังออกมาจากพายุ ไม่ว่าจะเป็นซากหรือกระดูกของหุ่นเชิดและทหารภูตเกราะจันทราก็แทบจะหายวับไปจนหมด
มีเพียงร่างของแปดราชันย์ภูตที่เปล่งแสงสีดำสว่างวาบ และยังพยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง แต่ก็มีท่าทีจะพ่ายแพ้อยู่รอมร่อ
หญิงงามเห็นสถานการณ์เช่นนี้ สีหน้าพลันดูไม่ได้ ฉับพลันนั้นปากก็เปล่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงออกมา
ชั่วขณะนั้นแปดราชันย์ภูตพลันร้องคร่ำครวญด้วยเสียงแหลมสูง ร่างกายพลิ้วไหวกลายเป็นลูกบอลสีดำเป็นกลุ่มๆ พุ่งไปยังจุดเดียวกัน ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ลูกบอลลำแสงแปดลูกกลายเป็นลูกเดียว
จากนั้นผิวของลูกบอลลำแสงพลันมีลำแสงประหลาดๆ ไหลเวียน แล้วกลายเป็นภูตยักษ์สูงยี่สิบสามสิบจั้งตนหนึ่ง
เมื่อภูตตนนี้ปรากฎกายขึ้น ร่างกายพลันทะยานออกไป หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะกระโจนออกจากอาณาเขตของพายุหมุน จากนั้นก็พุ่งตรงไปหาหญิงงามผมขาวโดยไม่แม้แต่จะหันหัวกลับมา
ครานี้หุ่นเชิดขุนพลสามตนกลับมองไปยังพายุหมุนด้วยแววตาที่เปล่งประกาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ฉับพลันนั้นเสียงฝีเท้าอันหนักอึ้ง “ตึง” “ตึง” พลันดังออกมาจากส่วนลึกของพายุหมุน พื้นดินสั่นเทาเล็กน้อย เสียงฝีเท้าหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ ประชิดเข้าเรื่อยๆ ราวกับยักษ์กำลังเดินมาทางที่หานลี่และพวกด้วยความเร็วที่แปลกประหลาด
ไม่ใช่แค่พวกของหญิงงาม มู่ชิงและหุ่นเชิดทั้งสามตนที่มองไปยังพายุหมุนแล้วเผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เงาสีดำขนาดเท่าภูเขาขนาดย่อมก็ปรากฎขึ้นท่ามกลางพายุ และเปล่งแสงสว่างวาบขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า
พายุที่รุนแรงเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อเงาสีดำ
หลังจากที่แววตาของหานลี่ฉายแสงสีฟ้าสว่างวาบ ใบหน้าก็เผยสีหน้าเข้าใจได้ออกมา
ชั่วพริบตาเสียงคำรามก็ดังออกมาจากพายุหมุน เงาสีดำพลิ้วไหว มนุษย์ยักษ์สีม่วงแดงสูงพันจั้งกระโดดออกมาจากด้านใน
หุ่นเชิดสีม่วงแดงของตัวประหลาดตี้เสวี่ยปรากฎออกมา
ครานี้บนหัวไหล่ของหุ่นเชิดทั้งสองฝั่ง มีผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตสองคนปรากฎขึ้นบนไหล่ ส่วนบนศีรษะของหุ่นเชิดนั้นมีผู้ที่สวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่ นั่นก็คือผู้ที่ลึกลับที่สุดในบรรดาสี่ราชันย์ปีศาจ ลิ่วจู๋!
เมื่อเห็นผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตและลิ่วจู๋ หญิงงามผมขาวก็มีแววตาดีใจฉายแวบผ่าน ยังไม่ทันได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น หุ่นเชิดสามตนที่อยู่ไกลออกไปกลับมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ หุ่นเชิดที่มีสามตาหนึ่งในนั้นพลันร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง
“เจ้าพวกสองคนรอดชีวิตออกมาได้อย่างไร คนอื่นล่ะ!”
“คนอื่น? เจ้าหมายถึงเจ้าพวกนั้นหรือ?” ลิ่วจู๋เอ่ยอย่างราบเรียบ ทันใดนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ฉับพลันนั้นลูกกลมสี่ลูกก็กลิ้งลงมาจากร่างของหุ่นเชิดสีม่วงโลหิต
หานลี่จ้องเขม็งไป คาดไม่ถึงว่าจะเป็นศีรษะสีแดงโลหิตสองสามหัว บ้างหัวยังสวมหมวกรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์อยู่
“เจ้าสังหารพวกเขา! เป็นไปไม่ได้ กำลังของพวกเขาสี่คนยังมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำ และยังมีภูตคอยช่วยเหลือจำนวนมาก” เมื่อเห็นศีรษะเหล่านั้น หุ่นเชิดเกราะสีม่วงพลันตกตะลึง ท่าทางไม่ยากจะเชื่อ
“หึๆ หากตัวตนของพวกเจ้าอยู่ที่นี่ แมลงเม่าทองเจ็ดตนร่วมมือกัน ข้าก็อาจจะต้องล่าถอย แต่การสิงอยู่ในหุ่นเชิดนั้น ควบคุมกำลังได้ครึ่งหนึ่งก็นับว่าไม่เลวแล้ว จะทำอะไรข้าได้ สหายหลัน สหานมู่! ลงมือ สังหารพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือ” ลิ่วจู๋หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ออกคำสั่งอย่างโหดเ**้ยม จิตสังหารปะทุขึ้นมา
หุ่นเชิดสามตาได้ฟังแววตาหวาดผวาก็ฉายแวบผ่าน ปากก็ร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงเ**้ยมโหดว่า
“ไป แยกกันหนี!”
คำพูดเพิ่งเปล่งออกมา หุ่นเชิดสามตนก็กระตุ้นอสูรประหลาดใต้ฝ่าเท้า กลายเป็นสายรุ้งหลากสีสามสายแยกย้ายกันพุ่งออกไป
หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้งก็อยู่ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง คิดไม่ถึงว่าอสูรประหลาดใต้ร่างของพวกมันจะมีเคล็ดวิชาหลีกหนีพิเศษ ช่างแปลกประหลาดนัก!
แต่ลิ่วจู่และพวกดูเหมือนว่าจะปรึกษากันมาตั้งนานแล้ว หญิงงามเปล่งเสียงหัวเราะประหลาดๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งไปหาหุ่นเชิดเกราะสีม่วง ภูตยักษ์ระดับหลอมร่างด้านหลังก็กลายเป็นลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งตามไปติดๆ
มู่ชิงตบเท้าข้างหนึ่งไปบนดอกไม้สีทองใต้ร่าง ชั่วขณะนั้นเขตอาคมลำแสงสีดำพลันปรากฎขึ้น เปล่งแสงสว่างวาบ คนและดอกไม้หายวับไป ครู่ต่อมาก็มาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง แต่กลับอยู่ห่างจากหุ่นเชิดสองหัวไปไม่ไกลนัก
ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตคนหนึ่งเปล่งเสียงร้องยาวๆ ออกมา หุ่นเชิดสีม่วงโลหิตสาวเท้ายาวๆ ก้าวไป เปลวเพลิงลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วครู่ก็พุ่งออกไปร้อยจั้งเศษ ตรงไปหาหุ่นเชิดสามตาที่เป็นผู้นำ
คนสามคนไล่ตามกันไปไกลแสนไกลท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้ง แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ชั่วพริบตาที่เดิมก็เหลือเพียงหานลี่ หยวนเหยาและพวกทั้งสอง รวมทั้งปีศาจระดับสูงสิบกว่าตน
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันใจเต้นระรัว ในตอนนั้นเองข้างหูพลันมีเสียงไพเราะดังขึ้น
“สหายหาน ถือโอกาสนี้หนีกันเถิด ปีศาจที่เหลืออยู่ที่นี่ไม่อาจขวางเจ้าได้แน่”