A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1525 ปลูกกระบี่
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1525 ปลูกกระบี่
เมื่อได้ข้อสรุปแล้วหานลี่ย่อมไม่ลังเลอีก มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ คัมภีร์ที่ชายชราแซ่เจียงมอบให้ปรากฏขึ้นในมือ
ครั้งนี้เขาไม่เรียนรู้คาถากระบี่ แต่เริ่มศึกษาวิธีหลอมกระบี่บินแทน
ครั้งที่แล้วอ่านผ่านๆ ไปรอบหนึ่ง แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้หานลี่ย่อมต้องอ่านให้ละเอียดอีกครั้ง
ไม่นานนักหานลี่ก็ถอนจิตสัมผัสออกมา ดวงตาทั้งสองหรี่ลงเล็กน้อย พลางครุ่นคิด
ตามที่คัมภีร์กล่าวหากจะกำจัดสิ่งโสมมในกระบี่บินให้เกลี้ยงมีอยู่สามวิธีที่ทำได้
วิธีที่หนึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และเป็นวิธีที่อันตรายน้อยที่สุด
ทว่าวัตถุดิบต่างๆ ของกระบี่บินของเขาในตอนนี้ถูกหลอมเข้าไปในร่างแล้ว หากจะฝืนแยกออกมาหลอมอีกจะยาวนานแค่ไหน ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว เกรงว่าภายในเวลาสามสี่ร้อยปีคงไม่อาจเห็นผลสำเร็จได้ และยิ่งไปกว่านั้นในเวลานี้จำเป็นต้องกระตุ้นเพลิงทารกวิญญาณไม่หยุด รบกวนการฝึกฝนของตนเองเป็นอย่างมาก
ระยะเวลายาวนานเช่นนี้หานลี่แทบจะโยนวิธีนี้ทิ้งเป็นอันดับแรก
วิธีที่สองก็คือเคล็ดวิชาในคัมภีร์ที่เรียกว่า ‘คาถาเก้าเปลวเพลิงหลอมทอง’ หากสามารถรวบรวมยาลูกกลอนธาตุเพลิงที่พิเศษสองสามชนิดได้ จากนั้นก็กักตนสักเจ็ดสิบแปดสิบปีก็จะสามารถใช้เคล็ดวิชานี้ประกอบกับพลังของยาลูกกลอน กำจัดสิ่งโสมมในกระบี่ตัวต่อเขียวเมฆาได้
ทว่าวิธีเช่นนี้เป็นอันตรายมากและยังต้องทำให้ธาตุไม้ส่วนหนึ่งในกระบี่บินเสียหาย ทำให้ปราณแท้ของกระบี่บินได้รับความเสียหายหนัก ยิ่งไปกว่านั้นยาลูกกลอนธาตุเพลิงเหล่านั้นก็ล้ำค่ามากไม่ได้รวบรวมมาได้ง่ายๆ
ครานั้นชายชราแซ่เจียมได้เอ่ยว่าจะช่วยเขาหลอมกระบี่บินเพื่อเตรียมจะใช้วิธีนี้
วิธีที่ทำลายตนเองเช่นนี้ แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่สนใจ
ด้วยเหตุนี้จึงเหลือเพียงวิธีสุดท้าย และเป็นวิธีที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนทั่วๆ ไป เป็นวิธีที่ใช้เวลายาวนานที่สุด
ชายชราแซ่เจียงได้กล่าวเอาไว้ในตอนท้ายของวิธีนี้ว่า วิธีเช่นนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเขา ไม่ได้ทดลองด้วยตนเอง ทว่าขอแค่ทำตามในคัมภีร์ ก็น่าจะมั่นใจได้แปดเก้าส่วน และหลังจากที่ทำสำเร็จ ประโยชน์ที่ได้รับก็น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
วิธีเช่นนี้ถูกชายชราเรียกว่าวิธีการย้ายดอกไม้รับพฤกษาอย่าง “ปลูกกระบี่”
ในคัมภีร์กล่าวว่าขอแค่ตามหาต้นกล้าวิญญาณของเหล่านี้ได้ ปลูกมันในแดนที่มีไอวิญญาณหนาแน่น จากนั้นก็ใช้วิธีการลับผนึกกระบี่บินไว้ข้างในพฤกษาวิญญาณเหล่านั้น ก็จะสามารถทำให้วัตถุดิบอื่นๆ ของกระบี่บินค่อยๆ กลายเป็นธาตุไม้อย่างช้าๆ ไม่จำเป็นต้องกำจัดอะไรออกจากตัวกระบี่บิน
และหลังจากที่พฤกษาวิญญาณโตเต็มวัย เป็นเพราะใช้พฤกษาวิญญาณเหล่านั้นบ่มเพาะเป็นเวลานาน กระบี่บินเหล่านั้นไม่เพียงจะไม่เสียหาย และยิ่งไปกว่านั้นความบริสุทธิ์ในตัวของมันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ
แม้ว่าจะไม่เห็นว่าอานุภาพของกระบี่บินจะเพิ่มขึ้นในทันที แต่วันข้างหน้าหากหานลี่หลอมเพิ่มขึ้นสักหน่อย ก็จะสามารถทำให้กระบี่บินทั้งหมดไปอยู่ในระดับโปร่งใสได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าวิธีที่ดีทั้งสองฝ่ายนั้น ชายชราแซ่เจียงยังไม่ได้ใช้ และยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นแค่การคาดเดา แน่นอนว่าจึงมีช่องโหว่ถึงตายได้
นั่นก็คือวิธีวิธีนี้ต้องเสียเวลาเป็นอย่างมาก!
ในคัมภีร์กล่าวว่า ตั้งแต่ที่ปลูกกระบี่บินไปจนถึงตอนที่เปลี่ยนวัตถุดิบของกระบี่บินนั้น ระยะเวลายย่อมยาวนานกว่าทั้งสองชนิดด้านบน
ถึงอย่างไรเสียพฤกษาวิญญาณก็ต้องใช้เวลาเติบโตทีละนิดๆ ต่อให้เป็นพฤกษาวิญญาณที่ธรรมดาแค่ไหน ไม่ผ่านการบ่มเพาะเป็นพันปี ก็ไม่อาจโตเต็มวัยได้
และในช่วงเวลานี้ ไม่เพียงจะไม่อาจใช้กระบี่บินได้เลยสักนิด ยังต้องรับประกันว่าพฤกษาวิญญาณทั้งหมดจะไม่ตายไปด้วยเหตุอื่นก่อนถึงจะได้ มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้น ก็จะสูญเสียุทกอย่าง แม้ว่าจะนำกระบี่บินไปหลอมในพฤกษาวิญญาณอื่น ก็ไม่อาจชดเชยได้
ส่วนการปลูกกระบี่ต้องใช้เวลาเท่าไหร่กันแน่นั้น ก็ไม่มีขอบเขตเฉพาะอะไร แต่มีความเป็นไปได้อยู่อย่างหนึ่งที่มั่นใจได้ว่า ปลูกกระบี่ยิ่งนานเท่าไหร่ พฤกษาวิญญาณยิ่งล้ำค่าเท่าไหร่ ความบริสุทธิ์ในท้ายที่สุดของกระบี่บินก็จะยิ่งงดงามมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่หานลี่อ่านวิธีการเหล่านี้จบ ก็พลันรู้สึกดีใจ ตัดสินใจใช้วิธีการนี้ทันที
บางทีวิธีการปลูกกระบี่อาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคนอื่น แต่สำหรับเขาที่มีกำลังในการกระตุ้นพืชพรรณแล้ว กลับเป็นเรื่องที่เหมาะสมพอดี
ขอแค่ใช้ขวดเล็กนี้มากพอ ไม่ต้องพูดถึงพฤกษาวิญญาณพันปี ต่อให้เป็นพฤกษาวิญญาณหมื่นปีสำหรับเขา ก็เป็นเรื่องเล็กเพียงเรื่องหนึ่ง
แต่วิธีการอาศัยขวดเล็กกระตุ้นการเจริญเติบโตของพฤกษาวิญญาณจะมีประโยชน์ต่อการปลูกกระบี่หรือไม่ เขาก็สงสัยอยู่เล็กน้อย
ทว่าถึงอย่างไรเสียวิธีนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาทุ่มเทอะไร แค่เสียเวลาหน่อยก็เห็นผลลัพธ์ที่งดงามแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องลองดูสักครั้ง
หากไม่ได้จริงๆ ล่ะก็ ค่อยเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งจากทั้งสองวิธีข้างบนก็ไม่สาย
เมื่อตัดสินใจแล้ว หานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อ กล่องหยกสีเขียวมรกตใบหนึ่งปรากฎขึ้น
ฝากล่องบินออกมา ด้านในมีไม้สีเขียวแห้งๆ ดูธรรมดาๆ ต้นหนึ่งวางอยู่ ท่อนล่างมีรากงอกออกมาเล็กน้อย
นี่คือไผ่อัสนีทองพร้อมรากที่หานลี่จงใจเก็บเอาไว้ส่วนหนึ่ง หลังจากหลอมกระบี่บินในตอนแรก เพื่อเก็บเอาไว้ใช้ในภายหลัง
แม้ในคัมภีร์จะไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่ใช้พฤกษาวิญญาณประเภทเดียวกับวัตถุดิบหลักในการหลอมกระบี่บิน แน่นอนว่าย่อมต้องเห็นผลดียิ่งกว่า และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรู้ว่าใบไผ่อัสนีทองสามารถนำมาอัญเชิญจินกังทลายมารอัสนีที่ร้ายกาจกว่าเดิมได้ ก็ยิ่งเป็นผลพลอยได้ เอาไว้ใช้เป็นทางเลือกสำรองได้
หัวใจเต้นตึกตัก หานลี่เรียกทารกวิญญาณที่สองมาอีกครั้ง และส่งกล่องไม้และกระบี่บินเล่มหนึ่งให้มัน
ให้มันนำกระบี่บินเล่มนี้ไปลองทดสอบก่อนแล้วค่อยว่ากัน หากสำเร็จ แน่นอนว่าเขาจะกระตุ้นไผ่อัสนีทองจำนวนมาก และนำกระบี่บินที่เหลือปลูกเข้าไปในต้นไผ่
หลังจากรอให้ทารกวิญญาณที่สองรับกล่องหยกและกระบี่บินจกาไป หานลี่ก็หลับตาลงทำสมาธิชั่วครู่ หลังจากเบิกตาขึ้นอีกครั้ง ก็หยิบขวดเล็กสีขาวนวลใบหนึ่งออกมา
แหงนหน้าขึ้น ของเหลวคางคกเที่ยงแท้ไหลออกจากขวดเข้าไปในปาก ในที่สุดหานลี่ก็เริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง
แม้ว่าสมบัติจะดีขนาดไหน คาถาเคล็ดวิชาจะมหัศจรรย์ขนาดไหน หากไม่มีพลังปราณคอยประคอง ก็เหมือนกับแหนที่ไร้รากอย่างไรอย่างนั้น
จุดนี้หานลี่รู้ดีมาเนิ่นนานแล้ว
เห็นเพียงสองมือของเขาร่ายอาคม ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ในเวลาเดียวกันรูปปั้นมารเที่ยงแท้ที่แผ่นหลังปรากฎขึ้นอีกครั้ง
แขนทั้งหกของรูปปั้นสามหัวหกแขนพลันเคลื่อนไหว ทำสัญลักษณ์อาคมประหลาดๆ ในเวลาเดียวกันสองขาที่ขัดสมาธิอยู่ ก็ทำท่าฝึกบำเพ็ญเพียร
ในเวลาเดียวกันที่ร่างของหานลี่เปล่งแสงสีทองออกมา รูปปั้นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ก็มีรัศมีสีทองปรากฎขึ้น
รัศมีนี้ใหญ่มโหฬารอย่างไร้ที่เปรียบ ห่อหุ้มรูปปั้นทั้งหมดเอาไว้ พลันมีอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากมือสีทองที่กำลังร่ายคาถาไม่หยุด จากนั้นพลันหมุนวนโคจรรอบรัศมีรอบหนึ่งก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในร่างของรูปปั้น
หานลี่มีสีหน้าไร้ความรู้สึก เกล็ดสีทองบนร่างปรากฏขึ้นลางๆ ลำแสงวิญญาณไหลเวียนไปมาอยู่บนผิวไม่หยุด ดูลึกลับเป็นอย่างมาก…
การฝึกบำเพ็ญเพียรนับวันแรมปีผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา ประตูใหญ่ของห้องลับกลับไม่เคยเปิดออกมาเลยสักครั้ง
และในช่วงเวลานี้ก็เห็นเพียงทารกวิญญาณที่สองกำลังควบคุมหุ่นเชิดวานรยักษ์ตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในสวนสมุนไพรเป็นบางครั้ง จากนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ด้านนอกถ้ำพำนัก ปีศาจระดับกลางของภูเขาเร้นทมิฬเหล่านั้นก็นำวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมากมาแลกเปลี่ยนกับดอกกระดิ่งพฤกษาด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลนสองสามครั้ง
ผลคือทารกวิญญาณที่สองเสียเวลาเร่งการเจริญเติบโตของดอกกระดิ่งพฤกษาไปเล็กน้อย แล้วให้วิญญาณครวญแปลงกายเป็นหานลี่ตบตาปีศาจเหล่านั้น ก็ทำการแลกเปลี่ยนได้อย่างง่ายดาย
เห็นวิญญาณครวญนำดอกกระดิ่งวิญญาณออกมาได้จำนวนมาก ปีศาจเหล่านั้นก็ผ่อนคลายลงสีหน้าลุกลี้ลุกลนสลายหายไปไม่น้อย
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป สารทฤดูพัดผ่านไป เหมันต์ฤดูพัดผ่านมา เวลาร้อยกว่าปีผ่านไปอย่างเชื่องช้า
บนเกาะยักษ์ไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร ราวกับว่าจะเงียบสงบเช่นนี้ต่อไปอย่างไรอย่างนั้น
แต่วันนี้เหนือภูเขาของถ้ำพำนักหานลี่ มีปรากฏการณ์พิสดารปรากฏขึ้น
เห็นเพียงจู่ๆ กลางอากาศก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นกลางวันแสกๆ อย่างต่อเนื่อง จากนั้นเมฆวิญญาณสีขาวนวลเป็นก้อนๆ ก็ปรากฏขึ้น จากนั้นพลันไปรวมตัวกันที่ยอดเขา
ในรัศมีหมื่นลี้ของยอดเขามีลำแสงหลากสีปรากฏขึ้นในใต้ดินของต้นไม้พร้อมกัน และพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ เมื่อถึงระดับที่มั่นคงลำแสงเหล่านี้ก็ขยายใหญ่ขึ้นทยอยกันปริแตกกันราวกับฟองสบู่ กลายเป็นม่านลำแสงห้าสีพุ่งไปยังถ้ำพำนักของหานลี่อีกครั้ง
แทบจะในเวลาหนึ่งในถ้วยน้ำชาภูเขายักษ์ที่หานลี่พำนักอยู่ก็ถูกปกคลุมด้วยม่านลำแสงห้าสีหนาๆ เป็นชั้นๆ ถูกย้อมเอาไว้ราวกับมีห้าสีอย่างไรอย่างนั้น
และกลางอากาศกลับมีปรากฏการณ์อีกชนิดปรากฏขึ้น!
เห็นเพียงเมฆวิญญาณสีขาวนวลเหล่านั้นจนกลายเป็นวงแหวนเมฆเมฆายักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางร้อยลี้เศษ และตรงกลางของวงแหวนเมฆาพายุหมุนสีเขียวพลันก่อตัวขึ้นเป็นกลุ่มๆ เสียงกรีดร้องดังขึ้นม่านลำแสงห้าสีด้านล่างทยอยกันหมุนวนพวยพุ่งเข้าไปในวงแหวนเมฆา จากนั้นก็ฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ แล้วผสมผสานกันอีกครั้ง
จากความรุนแรงของพายุหมุน ลำแสงวิญญาณห้าสีที่ถูกม้วนเข้าไปจึงยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายสีของพายุหมุนก็เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นห้าถึงหกสี แต่ม่านลำแสงห้าสีที่บินออกมาจากรอบๆ ในระยะหมื่นลี้กลับไม่ลดลงเลยสักนิด ม่านลำแสงที่ปกคลุมภูเขายักษ์ทั้งลูกกลับหนาขึ้นกว่าเดิมสองสามส่วน
แน่นอนว่าปรากฏการณ์ที่พิสดารเช่นนี้ย่อมทำให้อสูรทั้งหมดรวมทั้งปีศาจระดับต่ำและกลางที่มีสติปัญญาเล็กน้อยในภูเขาเร้นทมิฬพากันตกตะลึง
อสูรธรรมดาสัมผัสได้ถึงแรงกดมหาศาลที่ส่งออกมาจากปรากฏการณ์บนท้องฟ้าก็ถูกทำให้ขวัญกระเจิงจนลงไปหมอบกับพื้นด้วยความสั่นเทาไม่หยุด อสูรที่มีนิสัยดุร้ายพากันตกใจจนขวัญกระเจิง ร่างกายอ่อนยงบ แขนขาไร้เรี่ยวแรง
ส่วนปีศาจระดับต่ำและกลางที่มีสติปัญญาอยู่บ้างก็ทยอยกันบินออกมาจากที่พักแล้วพุ่งไปทางถ้ำพำนักของหานลี่อย่างรีบร้อน
แต่หลังจากที่อยู่ห่างจากปรากฏการณ์ไปพันลี้ ปีศาจทั้งหมดก็ดูเหมือนว่าจะประสบกับเส้นกั้นเขตแดนที่ไร้รูปร่าง ทยอยกันร่อนลำแสงลงมาไม่ได้ตรงเข้าไปอีก
พวกมันมองไปทางภูเขายักษ์ห้าสีรวมทั้งวงแหวนเมฆาประหลาดกลางอากาศที่อยู่ไกลออกไป ทุกตนล้วนเผยท่าทีขวัญผวาออกมา
อสูรน้อยหัววัว งูหลามยักษ์สามหัวและปีศาจที่เคยแลกเปลี่ยนกับหานลี่ก็ทยอยกันปรากฏตัวในบริเวณรอบ
แน่นอนว่าพวกมันย่อมจำได้ว่าสถานที่ใต้ปรากฏการณ์สวรรค์นั้นคือที่ใด ทันใดนั้นก็มารวมตัวกันด้วยความตกตะลึง อดที่จะมองสบตากันไปมาไม่ได้
“หรือว่าคนผู้นั้นพัฒนาระดับขั้นแล้ว! ปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ หรือว่าคนผู้นั้นบรรลุระดับผู้บัญชาการวิญญาณแล้ว?” หัวตรงกลางของงูเหลือมยักษ์สามหัวเปล่งเสียงแหบแห้งที่ฟังได้ยากออกมาชิงเอ่ยขึ้น
“คงจะเป็นเช่นนั้นกระมัง การพัฒนาระดับขั้นเล็กๆ ไม่มีทางมีปรากฏการณ์เช่นนี้แน่” อสูรน้อยหัววัวมองไปยังวงแหวนเมฆาที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจออกมา