A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1547 ผลึกท้องฟ้าเมฆา
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1547 ผลึกท้องฟ้าเมฆา
หลังจากกะพริบวาบอีกครั้ง เส้นไหมบางพลันหดตัวกลับมา ไม่อาจขัดขวางได้เลยสักนิด
เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของหานลี่พลันเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา ทันใดนั้นพลันร่ายอาคมกระตุ้น
พ่นเส้นไหมสีทองเงินออกมาจากปากของวิหคเพลิงอีกครั้ง เป้าหมายกลับเปลี่ยนเป็นเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งในห้อง
เหตุการณ์ทำให้หานลี่รู้สึกใจหายวาบพลันปรากฏขึ้น!
หลังจากเส้นไหมบางเปล่งแสงสว่างวาบผ่านเก้าอี้ไม้ไป เก้าอี้ไม้แต่เดิมแผ่กลิ่นอายของพฤกษาจางๆ ออกมา ชั่วพริบตาพลันเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท จากนั้นกลายเป็นควันสีเขียวกลุ่มหนึ่งแล้วสลายหายไป
เส้นไหมสีทองเงินนี้มีพิษร้ายแรง!
หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง มือหนึ่งร่ายอาคม วิหคเพลิงสีเงินหมุนโคจรรอบหนึ่ง พุ่งไปตรงหาเขา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างกายอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนหานลี่พลันหลับตาทั้งสองข้าง ดูเหมือนว่าจะอยากเข้าสู่ภวังค์สมาธิ
แต่ครู่ต่อมาฉับพลันนั้นเขาพลันลืมตาทั้งสองข้างขึ้น ในเวลาเดียวกันพลันขมวดคิ้วมุ่นน้อยๆ
ในคราวเดียวกันนั้นเขาพลันมีสีหน้าแปลกพิกล คำพูดหนึ่งดังมาจากด้านนอก
“ชนรุ่นหลังชิงเสี่ยว มาคารวะท่านหาน หวังว่าท่านหานจะยอมออกมาพบสักหน่อยเจ้าค่ะ!”
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเสียงของสตรีที่แปลกหูคนหนึ่ง ค่อนข้างทุ้มต่ำ แต่ก็เต็มไปด้วยความดึงดูดใจ ชวนให้รู้สึกว่าไม่อาจปฏิเสธได้
“ชิงเสี่ยว?” หานลี่รู้สึกฉงนเล็กน้อย มั่นใจได้ว่าเขาเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก
เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่พลันแผ่จิตสัมผัสออกไปนอกเขตอาคม ทัศนียภาพนอกห้องปรากฏขึ้นสู่ครรลองสายตา
เห็นเพียงที่สวนด้านนอก ไม่รู้ว่ามีหญิงสาววัยแรกแย้มสวมชุดชาววังสีเขียวปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ได้ อายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปี หน้าตางดงามสะคราญ และแฝงเอาไว้ด้วยความสูงศักดิ์สง่างาม
หลังจากหานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนเรือนร่างของนางแล้ว ก็พบว่าสตรีผู้นี้ดูท่าจะอายุอานามไม่มากนัก คาดไม่ถึงว่าจะอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นกลาง นับว่ามีพลังยุทธ์ไม่อ่อนแอ
เขาขบคิดเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า
“สหายคือผู้ใด ไม่ใช่คนเผ่าเพลิงอาทิตย์บนเกาะเมฆาเพลิงสินะ! รู้ว่าผู้แซ่หานอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
“ชนรุ่นหลังคือท่านอาจารย์ของไป๋จูเอ๋อร์แห่งเผ่าเพลิงอาทิตย์ เดิมทีได้ยินว่าเผ่าเพลิงอาทิตย์ประสบวิกฤต ดังนั้นจึงได้รีบมาช่วยเหลือ แต่คิดไม่ถึงว่า ท่านจะลงมือช่วยให้เผ่าของลูกศิษย์ข้าฟาดเคราะห์ไปแล้ว ชนรุ่นหลังได้ยินลูกศิษย์กล่าวว่า ท่านมีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรนัก อาจจะเป็นอาวุโสที่จัดอยู่ในอันดับสามของเผ่าเบื้องบน ดังนั้นจึงมาเยี่ยมเยียนสักหน่อย หวังว่าท่านจะยอมชี้แนะสักครั้ง” หญิงสาวเอ่ยด้วยสีหน้าอมยิ้ม ในน้ำเสียงเผยความซื่อสัตย์ออกมา
“เจ้าคืออาจารย์ของแม่หนูผู้นั้น? เอาล่ะ เดิมที่ข้าคิดว่าจะออกจากการกักตนอีกสองสามวัน หาสหายร่วมวิธีในละแวกนี้สอบถามเรื่องราวสักหน่อย ในเมื่อสหายมาที่นี่แล้ว ข้าก็คงต้องพบหน้าสักหน่อย” หานลี่ได้ฟังพลันรู้สึกประหลาดใจเล็กๆ แต่ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา
ชิงเสี่ยวได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนั้นพลันตะลึงงัน ไม่รอให้ตอบกลับอะไร ฉับพลันนั้นลำแสงสีขาวที่เดิมครอบคลุมบ้านไม้อยู่พลันสลายตัวออก จากนั้นประตูไม้พลันเปล่งเสียง “แอ๊ด” ดังขึ้น เปิดออกโดยอัตโนมัติ
หลังจากหญิงสาวตรึกตรองเล็กน้อย ก็สาวเท้าเดินเข้าไปด้วยสีหน้าราบเรียบ
เมื่อเข้าไปในบ้านไม้ สตรีผู้นี้มองปราดเดียวก็เห็นหานลี่ที่นั่งอยู่บนเตียงไม้ด้านหนึ่งของบ้าน ดวงตาคู่งามฉายแววประหลาดใจ
เห็นได้ชัดว่าหน้าตาของหานลี่ดูอ่อนเยาว์มาก ทำให้เซียนชิงเสี่ยวผู้นี้รู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อนางกวาดจิตสัมผัสไปบนร่างของหานลี่อีกครั้ง ใบหน้าพลันเผยสีหน้าเคารพนบน้อมออกมา ทำความเคารพหานลี่พลางเอ่ยว่า
“ท่านอาวุโสอยู่ในอันดับสามของเผ่าเบื้องบนดังคาด ดูแล้วครั้งนี้ชนรุ่นหลังคงมาถูกแล้ว”
“ลมปราณของสหายเองก็ไม่ได้อ่อนแอ นั่งคุยกันก่อนเถิด!” แววตาของหานลี่มีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ พลางพิจารณาหญิงสาวสองสามวูบ หลังจากชักสายตากลับมา ก็เอ่ยอย่างราบเรียบ
ชิงเสี่ยวเอ่ยปากขอบคุณ นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเตียงไม้
“สหายชิงฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุวายุสินะ!” ฉับพลันนั้นหานลี่พลันเอ่ยถามเช่นนี้ออกมา
ประโยคที่เปล่งออกมาทำให้หญิงสาวหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจ
“ท่านอาวุโสทราบได้อย่างไร หรือว่าท่านอาวุโสเคยพบชนรุ่นหลังมาก่อน!” ชิงเสี่ยวอดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
“เปล่า ทว่าลมปราณที่โคจรอยู่บนร่างของสหายนั้นวิเศษมาก ในเรือนร่างแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายสมบัติที่มีธาตุวายุหนักหน่อย ถึงได้เอ่ยถามเช่นนี้” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบ
หานลี่ตอบกลับอย่างผ่อนคลายเช่นนี้ แต่หญิงสาวกลับตะลึงงัน ต้องเข้าใจว่าการมองปราดเดียวก็รู้ระดับพลังยุทธ์ของผู้คนนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่หากธาตุของสมบัติที่ซ่อนอยู่ในร่างก็ยังมองออกในปราดเดียว นั่นไม่ใช่สิ่งที่ชนชั้นสูงธรรมดาๆ จะทำได้
ทันใดนั้นสตรีผู้นี้พลันรู้สึกร้อนใจ ใบหน้าเผยสีหน้าเคารพนบน้อมขึ้นหลายส่วน แล้วจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า
“ท่านอาวุโสช่างมีสายตาเฉียบแหลมนัก! ชนรุ่นหลังฝึกเคล็ดวิชาธาตุวายุเป็นหลักจริงๆ จูเอ๋อร์ของข้ากล่าวว่า ท่านอาวุโสเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่คนหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่คนในน่านน้ำเกาะปะการังเพลิงของพวกเรา ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสมาจากน่านน้ำแห่งใด หรือว่ามาจากแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี”
หานลี่ได้ฟังคำถามนี้ กลับหัวเราะออกมา
“ข้าน้อยทั้งไม่ได้มาจากในน่านน้ำละแวกนี้ ทั้งไม่ได้มาจากแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี”
เมื่อได้ฟังคำตอบของหานลี่ สตรีผู้นั้นพลันขมวดคิ้วดำขลับ แต่ฉับพลันนั้นกลับนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงอดที่จะเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งไม่ได้
“ท่านอาวุโสกล่าวเช่นนี้ หรือว่ามาจากแผ่นดินใหญ่แห่งอื่น?”
“เซียนชิงเป็นผู้ที่ชาญฉลาดโดยแท้” หานลี่ตอบกลับพร้อมกลั้วหัวเราะ
ได้ฟังคำยอมรับของหานลี่ หัวใจของสตรีผู้นั้นพลันเต้นระรัว ชั่วครู่สีหน้าตกตะลึงถึงได้ค่อยๆ หายไป แต่กลับพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง
“ท่านอาวุโสมาจากแผ่นดินใหญ่อื่นได้ อิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่แค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว มิน่าล่ะเผ่าราชันย์ตาข่ายทมิฬสองตนนั้นถึงได้ถูกท่านอาวุโสหานสังหารได้อย่างง่ายดาย ท่านอาวุโสเป็นผู้บำเพ็ญเพียรจากแผ่นดินใหญ่อื่นที่มาในน่านน้ำของเราเป็นคนแรกในรอบหมื่นปี”
“หึๆ เช่นนั้น! ผู้แซ่หานก็ควรจะรู้สึกเป็นเกียรติสินะ ทว่าที่ข้าน้อยมาปรากฏตัวที่นี่ ล้วนเป็นอุบัติเหตุ ไม่ได้คิดมาที่นี่” หานลี่กระตุกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา
“ไม่ว่าท่านอาวุโสจะมาที่นี่ได้อย่างไร คิดดูแล้วเคล็ดวิชาและอิทธิฤทธิ์ของท่านอาวุโสจะต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ ส่วนชนรุ่นหลังนั้นช่วงนี้พบปัญหาในการฝึกบำเพ็ญเพียร ขอท่านอาวุโสโปรดชี้แนะได้หรือไม่” ชิงเสี่ยวแย้มยิ้มเบิกบาน
“ชี้แนะคงมิกล้า ผู้แซ่หานเองก็รู้สึกว่าเคล็ดวิชาของแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีดูลึกลับ และรู้สึกสนใจเช่นกัน เราสองคนน่าจะแลกเปลี่ยนกันได้”หานลี่แทบจะไม่ได้ขบคิดอะไร ก็พยักหน้าอย่างราบเรียบ
ชิงเสี่ยวได้ยินพลันรู้สึกยินดี ทันใดนั้นปากพลันเอ่ยขอบคุณเป็นพัลวัน
แน่นอนว่าสตรีผู้นี้ย่อมรู้ดีว่า แม้หานลี่จะเอ่ยอย่างเกรงใจ แต่พลังยุทธ์ของทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวหากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการฝึกบำเพ็ญเพียรกัน แน่นอนว่าผู้ที่พลังยุทธ์ต่ำกว่าย่อมได้เปรียบ
ดังนั้นเวลาต่อจากนั้นสตรีผู้นี้จึงเริ่มขอคำชี้แนะเรื่องปัญหาในการฝึกบำเพ็ญเพียรกับหานลี่ แม้ว่านางและหานลี่มีเคล็ดวิชาที่แตกต่างกัน แต่ในด้านการฝึกบำเพ็ญเพียรนั้นการพบกับจุดคอขวดและความยากในการเรียนรู้เคล็ดวิชาก็เชื่อมโยงกันได้
หานลี่กลับไม่ได้ปิดบัง หลังจากฟังและขบคิดเสร็จแล้ว ก็ชี้แนะให้อย่างละเอียด
แม้นว่าหานลี่จะพูดไม่มากนัก แต่จากฐานะผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาของเขา แน่นอนว่าย่อมทำให้ข้อสงสัยจำนวนไม่น้อยของสตรีกระจ่างชัดขึ้น
สิ่งที่ทำให้เสี่ยวหงดีใจจนบ้าคลั่งก็คือ เมื่อตั้งใจฟังอย่างละเอียด ดวงตาคู่งามพลันมีความสำเร็จโดดเด่นปรากฏขึ้นไม่หยุด
แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้ สตรีจึงเผยความลึกลับจุดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงของเคล็ดวิชาที่ตนเองฝึกฝนออกมาสองสามส่วน
จุดที่ลึกลับหน่อย ทำให้หานลี่ซึมซับและเชื่อมโยงกัน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ประโยชน์
การพูดคุยกันของทั้งสองในรอบนี้ใช้เวลาไปครึ่งวัน เมื่อหานลี่ตอบปัญหาข้อสงสัยข้อสุดท้ายของสตรีแล้ว หลังจากที่เสี่ยวหงหลับตาคู่งามลงเรียนรู้ชั่วครู่ ฉับพลันนั้นพลันเบิกตาทั้งสองข้างขึ้นหยัดกายลุกขึ้น คารวะหานลี่ยกใหญ่ ปากก็เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจว่า
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่ชี้แนะ สิ่งเหล่านี้เพียงพอจะทำให้ชนรุ่นหลังฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างหนักไปได้อีกยี่สิบสามสิบปี”
“ไม่เป็นไรหรอก นี่ก็เป็นวาสนาของสหายเอง อีกอย่างผู้แซ่หานก็มีเรื่องอยากจะซักถามสหายเช่นกัน ถือว่าเราแลกเปลี่ยนกันก็แล้วกัน” หานลี่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ท่านอาวุโสมีปัญหาตรงไหนก็พูดมาเถิด หากชนรุ่นหลังทราบ จะต้องบอกอย่างไม่ปิดบังเจ้าค่ะ!” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรมาก ข้าน้อยแค่อยากถามเซียนชิงหน่อยว่า แดนแห่งนี้ของพวกเจ้ามีเขตอาคมส่งตัวระยะไกลที่สามารถส่งไปยังแผ่นดินใหญ่อื่นได้หรือไม่” เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา หานลี่พลันมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นสองสามส่วน
“เขตอาคมส่งตัว! หรือว่าท่านอาวุโสอยากกลับไปยังแดนของตนเอง!” ชิงเสี่ยวย่อมเดาเจตนาของหานลี่ออก
“ใช่แล้ว อาการบาดเจ็บของข้าน้อยฟื้นฟูกลับมาพอสมควรแล้ว และมาอยู่ที่นี่ด้วยความบังเอิญจริงๆ จากประสบการณ์ที่ข้ารู้มา ปกติแล้วสถานที่ที่มีผู้ฝึกฝนอาศัยอยู่จำนวนมาก จะมีเขตอาคมส่งตัวระยะไกลอยู่” หานลี่พลันพยักหน้า
“แม้ว่าสิ่งที่ท่านอาวุโสกล่าวจะมีเหตุผล แต่คำพูดของข้า เกรงว่าคงจะทำให้ท่านอาวุโสผิดหวัง” หญิงสาวได้ฟังคำนี้ของหานลี่ ใบหน้ากลับอดที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาไม่ได้
“อะไร พวกเจ้าไม่มีเขตอาคมส่งตัวหรือ!” หานลี่รู้สึกจิตใจหนักอึ้ง พลางเอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึม
“หากท่านอาวุโสมาไวสักสองสามพันปี เกาะปะการังเพลิงของพวกเราก็ยังมีเขตอาคมส่งตัวอยู่แห่งหนึ่ง ที่สามารถส่งไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีได้ แต่สองสามพันปี เขตอาคมนี้กลับถูกอสูรยักษ์ที่มาจากน่านน้ำอื่นทำลายลง และยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงสองสามคนที่คอยปกปักรักษาเขตอาคมนี้ก็ยังถูกอสูรตัวนั้นกลืนกิน นอกเสียจากว่าท่านอาวุโสจะมั่นใจว่าสามารถบินจากที่นี่กลับไปยังแผ่นดินเสียงเพรียกอัสนีได้ภายในรวดเดียว ความจริงแล้วยามนี้น่านน้ำผืนนี้ได้กลายเป็นทางตันไปแล้ว ข้าคิดว่านี่คงเป็นสาเหตุที่ชาวตาข่ายทมิฬเหล่านั้นปรากฏตัวอย่างไม่กลัวเกรง และทำการโจมตีเผ่าตระกูลวา” ชิงเสี่ยวถอนหายใจขณะเอ่ย
“หรือว่าเขตอาคมส่งตัวนั้นซ่อมแซมไม่ได้?” หานลี่พลันตะลึงงันไปชั่วครู่ แล้วถึงได้ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าดูไม่ได้
“หากวัตถุดิบครบถ้วนละก็ การซ่อมแซมก็ไม่ใช่ปัญหา” หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด
“ฟังจากความหมายของเซียนชิงแล้ว ไม่มีทางเสาะหาวัตถุดิบให้ครบได้!” หานลี่เลิกคิ้วพลันเอ่ยถาม
เขามั่นใจว่าในตัวตนเองมีวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมาก แน่นอนว่าในใจจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“วัตถุดิบอื่นยังพอว่า สิ่งเดียวที่ต้องมาทำเป็นแกนกลางเขตอาคมส่งตัวคือผลึกท้องฟ้าเมฆาก้อนหนึ่ง เจ้าสิ่งนี้เป็นของที่หายากเกินไป ในแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีของพวกเราก็มีเหมืองแร่ชนิดนี้อยู่แค่สองสามแห่ง ไม่มีทางหาพบที่นี่ได้” หญิงสาวอธิบายอย่างละเอียดยิบ
“ผลึกท้องฟ้าเมฆา!” หานลี่ได้ยินชื่อนี้ ชั่วขณะนั้นพลันขมวดคิ้วแน่น
เขาเพิ่งจะเคยได้ยินวัตถุดิบนี้เป็นครั้งแรก
นั่นก็ไม่แปลก เขตอาคมส่งตัวเป็นของลึกลับขนาดนั้น เกรงว่าวิธีการวางของแต่ล่ะแผ่นดินก็คงไม่เหมือนกัน วัตถุดิบที่ใช้แน่นอนว่าย่อมแตกต่างกัน
เมื่อเห็นสีหน้าของหานลี่เคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ ฉับพลันนั้นชิงเสี่ยวพลันเอ่ยประโยคที่ทำให้หานลี่ตะลึงงัน ทันใดนั้นก็รู้สึกดีอกดีใจขึ้นมา