A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1548-1 เกาะทะเลสาบสีฟ้า
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1548-1 เกาะทะเลสาบสีฟ้า
“อะไรนะ ผลึกท้องฟ้าเมฆาถูกอสูรมหาสมุทรตัวนั้นกลืนลงท้องไปแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นอสูรมหาสมุทรยังคงแหวกว่ายอยู่ในน่านน้ำบริเวณนี้” หานลี่รู้สึกยากจะเชื่อโดยแท้
“ใช่แล้ว ตอนนั้นอสูรมหาสมุทรตัวนั้นอาศัยกระแสน้ำขึ้นลงสร้างปัญหา ถึงได้เข้ามาในเขตอาคมส่งตัวได้ และกลืนเขตอาคมส่งตัวกว่าครึ่งลงไป ผลึกท้องฟ้าเมฆาก็อยู่ในนั้น แต่เดิมอสูรตัวนี้ออกจากน่านน้ำแห่งนี้แล้ว แต่ร้อยกว่าปีก่อน ไม่รู้เพราะสาเหตุใดจึงมีคนพบอสูรตัวนี้ที่ส่วนลึกของมหาสมุทรทางทิศใต้ เผ่าเบื้องบนสิบกว่าคนที่พบในตอนนั้น หนีออกมาได้แค่สองคน คนที่เหลือล้วนเพลี่ยงพล้ำไป ยี่สิบสามสิบปีต่อมา เพื่อสร้างเขตอาคมส่งตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง คนของน่านน้ำของพวกเราได้รวบรวมกำลังคนหมายจะไปสังหารอสูรตัวนี้อยู่สองสามครั้ง แต่อสูรตัวนี้มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรนัก และยิ่งไปกว่านั้นยังเจ้าเล่ห์เพทุบาย เมื่อคนอยู่มากก็ซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องทะเล เมื่อคนน้อยก็ทำการโจมตีผู้ที่อยู่ลำพัง ข้าจึงสูญเสียกำลังคนไปไม่น้อย” ชิงเสี่ยวถอนหายใจออกมา เอ่ยอย่างรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย
“อสูรตัวนี้มีอิทธิฤทธิ์ลมปราณชนิดใด ถึงได้รับมือยากปานนั้น”หานลี่เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
จากความรู้ทั่วไปแล้ว อสูรมหาสมุทรตัวนั้นต่อให้มีพลังยุทธ์สูงส่งแค่ไหน หากถูกผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งไล่สังหาร ก็ไม่มีทางโชคดีรอดพ้นได้
“อสูรตัวนี้จัดอยู่ในอสูรประเภทไหน ยามนี้พวกเราก็ยังไม่อาจแยกแยะได้ ดูเหมือนว่าจะเป็นอสูรมหาสมุทรกลายพันธุ์ตัวหนึ่ง มองไกลๆ ดูเหมือนปลาวาฬยักษ์ตัวหนึ่ง แต่สามารถหดตัวเล็กใหญ่ได้ตามอำเภอใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสำแดงเคล็ดวิชาวารีหลีกหนีได้ เมื่อกลายพันธุ์จนแข็งแกร่งขึ้น ก็สามารถเคลื่อนย้ายระยะพันลี้ได้ในพริบตา ต่อให้พวกเราบีบให้อสูรตัวนี้อับจนหนทาง มันแค่สำแดงเคล็ดวิชานี้ออกมา ก็สามารถทะลวงฝ่าวงล้อมออกมาได้อย่างง่ายดาย ไม่อาจกักขังมันได้จริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นอสูรมหาสมุทรตัวนี้มีนิสัยดุร้ายมาก นอกจากฆราวาสฉลามสีเงินอันดับหนึ่งในน่านน้ำของพวกเราแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีผู้ใดกล้าเผชิญหน้ากับอสูรตัวนี้ตามลำพัง” สตรีขมวดคิ้วดำขลับขณะเอ่ย ดูเหมือนว่าจะกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อฟังเรื่องเหล่านี้ สีหน้าดีใจของหานลี่พลันหม่นหมองลง และรู้สึกว่ารับมือได้ยาก
แต่เมื่อเขาพิจารณาอย่างละเอียด จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยอีกว่า
“หลายปีขนาดนี้ ผลึกท้องฟ้าเมฆาก้อนนั้นยังอยู่ในร่างของอสูรมหาสมุทรจะไม่ได้รับความเสียหายหรือ? ไม่ใช่ถูกดูดซับหรือหลอมไปหมดแล้วกระมัง”
“เรื่องนี้ท่านอาวุโสหานโปรดวางใจ ผลึกท้องฟ้าเมฆามีธาตุมิติเวลา นอกเสียจากใช้พลังมิติเวลาโจมตีมันเช่นกัน มิเช่นนั้นก็ไม่อาจทำลายมันได้ แม้ว่าอสูรมหาสมุทรตัวนั้นจะมีธาตุที่ค่อนข้างซับซ้อน แต่ตัวมันไม่มีความสามารถด้านมิติเวลา จุดนี้พวกเราที่ผ่านมาไล่สังหารมันมาหลายปี สามารถมั่นใจได้แล้ว” หญิงสาวเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างมาก
หานลี่พลันพยักหน้า ในที่สุดก็กำจัดความกังวลในใจไปได้ แล้วเริ่มขบคิดไม่ได้ปริปากใดๆ
“สหายชิง เจ้ารู้ตำแหน่งที่อสูรมหาสมุทรตัวนั้นปรากฏตัวคร่าวๆ หรือไม่?” หานลี่เอ่ยซักถาม
“ท่านอาวุโสคิดจะสังหารอสูรตัวนี้” หญิงสาวแววตาเปล่งประกาย แล้วเอ่ยถามอย่างเคร่งขรึม
“ใช่แล้ว หากบินไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีย่อมเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้บินไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีอย่างไม่หยุดพัก อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้ครึ่งปี หากท่องอยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทรในเวลานานขนาดนั้น นอกเสียจากว่าข้าจะมีอิทธิฤทธิ์มากกว่าเดิมสักสิบเท่า มิเช่นนั้นแปดเก้าส่วนก็คงต้องเพลี่ยงพล้ำระหว่างทาง แต่หากอยากหาวิธีกลับไปยังแผ่นดินใหญ่เดิม ก็ต้องไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน ที่นั่นถึงจะอาจจะมีเขตอาคมส่งตัวระดับสุดยอดที่ข้ามผ่านแผ่นดินใหญ่ได้ พวกเจ้าวางแผนจัดการกับอสูรมหาสมุทรตัวนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพื่ออยากซ่อมแซมอาคมส่งตัวสินะ”หานลี่ลูบใต้คางไปมา แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ท่านอาวุโสพูดถูกเจ้าค่ะ! แม้นว่าน่านน้ำแห่งนี้จะมีชีพจรวิญญาณ แต่สมุนไพรวิญญาณและวัตถุดิบช่วยเสริมที่ต้องใช้ในการฝึกฝนต่างๆ ก็ขาดแคลนไปมากแล้ว คนจำนวนไม่น้อยล้วนติดอยู่ที่จุดคอขวด ไม่อาจพัฒนาได้ หากผ่านไปอีกสักสองสามพันปี คิดดูแล้วที่นี่คงขาดแคลนยาลูกกลอนแล้ว หากท่านอาวุโสหมายตาอสูรตัวนี้จริงๆ ไม่สู้ร่วมมือกับพวกเราเป็นอย่างไร” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ หญิงสาวพลันหยุดชะงัก หลังจากฉีกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยอย่างสงบเยือกเย็น
“ไม่ปิดท่านอาวุโส ครั้งนี้ที่ข้าออกจากจวน ก็เพราะฆราวาสฉลามสีเงินอันดับหนึ่งในน่านน้ำของเรา อยากรวบรวมคนไปสังหารอสูรมหาสมุทรตัวนั้นอีกสักครั้ง ที่ชนรุ่นหลังมาเยี่ยมเยียนคารวะท่านอาวุโส ความจริงแล้วก็มีเจตนามาเชื้อเชิญเจ้าค่ะ”
“หากพวกเจ้าสามารถซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัวได้จริงๆ ผู้แซ่หานก็ไม่รังเกียจที่จะร่วมมือด้วยสักครั้ง” หานลี่ฉีกยิ้ม และตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด
“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ วัตถุดิบที่เหลือและปรมาจารย์ด้านเขตอาคม พวกเรามิได้ขาดแคลน ขอแค่มีผลึกท้องฟ้าเมฆา จะต้องซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัวให้เป็นดังเดิมได้อย่างแน่นอน” ชิงเสี่ยวได้ยินพลันรู้สึกยินดีปรีดาขึ้นมา
“แบบนั้นจะดีที่สุด!” หานลี่พยักหน้า
“ครั้งนี้หากมีท่านอาวุโสลงมือช่วยเหลือละก็ คิดดูแล้วก็มีโอกาสสำเร็จเป็นอย่างมาก ฆราวาสฉลามสีเงินนัดหมายเอาไว้แล้วว่าสี่เดือนให้หลัง ให้ไปรวมตัวกันที่เกาะทะเลสาบสีฟ้าทางทิศใต้ ถึงยามนั้นค่อยตามหาอสูรมหาสมุทรตัวนั้นพร้อมกัน หากท่านมีเจตนาจะเข้าร่วมภารกิจนี้ ก็เก็บเทียบเชิญของฉลามสีเงินเอาไว้ แล้วนำไปด้วยก็พอ” ชิงเสี่ยวพลิกฝ่ามือ หยิบแผ่นป้ายสีเงินเรืองรองออกมา ส่งมอบให้
หานลี่กวักมือเรียก แผ่นป้ายนั้นถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือทันที แล้วก้มหน้าลงพิจารณาสองแวบ
ตัวป้ายเป็นแสงสีเงินระยิบระยับ ราวกับทำมาจากเงินบริสุทธิ์ก็ไม่ปาน ผิวของมันสลักคำว่า ‘ฉลาม’ ตัวใหญ่เอาไว้
หานลี่ไม่มีสีหน้าประหลาดใจ พลางเก็บแผ่นป้ายกลับไป
เมื่อเห็นหานลี่ตอบรับด้วยความตรงไปตรงมากเช่นนี้ ชิงเสี่ยวพลันรู้สึกยินดี หลังจากสนทนาปราศรัยกับหานลี่อีกชั่วครู่ ในที่สุดก็ยืนขึ้นอย่างนอบน้อมแล้วขอตัวลา
เมื่อหญิงสาวกลายเป็นลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องออกจากบ้านไปแล้ว ในห้องไม้พลันเปล่งแสงของเขตอาคมปรากฏขึ้นอีก ในเวลาเดียวกันประตูไม้ก็ค่อยๆ ปิดลงอีกครั้ง
สองเดือนต่อมา เสียงหวีดร้องอันไพเราะดังขึ้นที่ตีนเขาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดจนได้ยินไปทั่วทุกสารทิศ
มนุษย์อสรพิษเผ่าเพลิงอาทิตย์บนเกาะล้วนได้ยินเสียงหวีดร้องนี้แทบทุกคน ไม่ว่าจะตำแหน่งสูงต่ำ ล้วนมองไปด้วยสีหน้าฉงนสงสัย
ในขณะที่มนุษย์ฮูหยินกำลังปรึกษางานราชการกับมนุษย์อสรพิษเผ่าเพลิงอาทิตย์ระดับสูงอยู่ในวิหารนั้น เมื่อได้ยินเสียงนี้ พลันเดินออกมาจากวิหารพร้อมกับหน้าที่เปลี่ยนสี ยืนอยู่กลางจัตุรัส แล้วมองไปทางภูเขาขนาดย่อมลูกนั้นพร้อมกัน
นางแววตาเปล่งประกายสว่างวาบ สีหน้าเปลี่ยนสีไปมา
ชั่วครู่เสียงร้องยาวๆ พลันหยุดลง
ทันใดนั้นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากตีนเขา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็มาอยู่สูงสุด จากนั้นหลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็บินไปยังริมขอบเกาะ
ไม่นานนักสายรุ้งสีเขียวพลันปรากฏขึ้นบนผิวน้ำห่างจากเกาะเพลิงเมฆาไปพันลี้ และพุ่งตรงไปยังทิศใต้โดยไม่คิดจะหยุดพัก
หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางลำแสงหลีกหนีนั้นมีสีหน้าไร้ความรู้สึก ควบคุมลำแสงหลีกหนีตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วไปพลาง ขบคิดถึงเรื่องของตนเองไปพลาง
ถ้าหากครั้งนี้สามารถร่วมมือกับคนในน่านน้ำแห่งนี้สังหารอสูรมหาสมุทรตัวนั้นได้อย่างราบรื่นจะเป็นการดีที่สุด เช่นนั้นก็สามารถไปยังแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีได้แล้ว จากนั้นก็ตามหาวิธีการกลับไปยังแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวน
หากไม่สำเร็จละก็ เขาก็มีเพียงต้องอยู่ในน่านน้ำแห่งนี้ชั่วคราว รอโอกาสอื่นหรือค่อยไปไล่สังหารอสูรตัวนั้นต่อในวันข้างหน้า
ถึงอย่างไรเสียจากขวดเล็กและยาลูกกลอนจำนวนมากที่เขาพกติดตัวมา ก็เพียงพอจะประคับประคองการฝึกฝนไปได้ระยะหนึ่ง
แต่จะว่าไปแล้ว!
ออกมาจากเผ่ามนุษย์นานขนาดนี้ หานลี่ก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของชาวเผ่ามนุษย์ในตอนนี้เป็นอย่างไร
จะมีสงครามกับชนต่างเผ่าอื่นอีกหรือไม่ เมืองเทวะสวรรค์ยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า?
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของเผ่ามนุษย์แม้นว่าจะอยู่อาศัยในเมืองเทวะได้ไม่นาน แต่ก็ไม่มีทางทนเห็นเผ่ามนุษย์ถูกทำลายแน่
ทว่าอีกสาเหตุสำคัญที่เขาอยากกลับไปเผ่ามนุษย์ ก็เพราะกังวลใจว่าหนานกงหวั่นจะขึ้นมายังแดนวิญญาณได้
แม้ว่าจากการคาดเดาแล้ว การที่หนานกงหวั่นจะอาศัยพลังของข้อขึ้นมาในแดนวิญญาณ จะยังทำไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ
แต่บางสิ่งผู้ใดก็ไม่อาจมั่นใจได้เต็มร้อย
หากภรรยาที่น่ารักของเขาผู้นี้มีวาสนาอะไร บรรลุระดับเทพแปลงได้ในระยะเวลาอันสั้น ยามนี้มาปรากฏตัวในแดนมนุษย์ ก็อาจจะเป็นได้
และจากความสามารถและพลังยุทธ์ของเขาในเวลานี้ ก็เพียงพอจะพึ่งพาตนเองได้ในแดนมนุษย์แล้ว สามารถปกป้องคุ้มครองหนานกงหวั่นได้
เมื่อคิดถึงหน้าตาภรรยารักของตน แม้ว่าหานลี่จะฝึกฝนจนมาอยู่ในระดับที่หัวใจเปรียบดังวารีเหือดแห้ง ก็อดที่จะใจลอยไม่ได้
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาพลันรวบรวมสติ เพ่งสมาธิไปกับการมุ่งไปข้างหน้า
การเร่งเดินทางในครั้งนี้ ราบรื่นกว่าที่หานลี่คิดเอาไว้
นอกจากสังหารวิหคปีศาจที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงไปสองตัวระหว่างทางแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้พบกับอสูรมหาสมุทรเลยสักนิด หลังจากผ่านไปเดือนกว่า ในที่สุดเขาก็มาถึงน่านน้ำที่แปลกตาตามในแผนที่
เวลานี้เขากำลังเหาะเหินไปพลาง แผ่จิตสัมผัสตรวจสอบผิวน้ำรอบๆ ไปพลาง
ตามแผนที่แล้ว เขาน่าจะอยู่ใกล้กับ ‘เกาะทะเลสาบสีฟ้า’แต่เมื่อทอดสายตาออกไป ผิวน้ำในบริเวณโดยรอบกลับว่างเปล่าไม่มีร่องรอยของเกาะเลยสักนิด
หานลี่รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่หลังจากบินไปได้อีกร้อยกว่าลี้ ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ปรับความเร็วขึ้นพุ่งออกไป
ผลคือหลังจากผ่านไปหนึ่งมื้ออาหาร หานลี่พลันเข้ามาในน่านน้ำที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง
ท้องฟ้าเปลี่ยนไปในพริบตา บนผิวน้ำมีหิมะปกคลุมอยู่ หิมะสีขาวโพลนจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวพลิ้วปะปนไปกับสายลมเย็นยะเยือก ให้ความรู้สึกหนาวเย็นจนเสียดแทงกระดูก
สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ ด้านล่างผิวน้ำกลับไม่มีเค้าลางจะแข็งตัวเลยสักนิด และมีความร้อนระอุแฝงอยู่
บรรยากาศแปลกประหลาดทั้งร้อนและหนาวสองอย่างตัดสลับกันไปมานั้น ทะเลหมอกสีขาวจึงค่อยๆ หนาแน่นขึ้น
หานลี่บินอยู่ท่ามกลางพายุหิมะไปสักระยะหนึ่ง ตะปบมือไปยังอากาศเบื้องหน้า วารีมหาสมุทรกลุ่มหนึ่งถูกสูบเข้ามาอยู่ในมือ คาดไม่ถึงว่าจะร้อนระอุ อุณหภูมิสูงลิ่ว
หานลี่ขมวดคิ้วมุ่น มองไปยังหมอกสีขาวหนาทึบไกลออกไป ลำแสงหลีกหนีกลับไม่หยุดพักเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายเข้าไปในส่วนลึกของทะเลหมอก
เมื่อหานลี่เข้าไปในส่วนลึก พายุหิมะกลางอากาศพลันเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ และผิวน้ำด้านล่างกลับตรงกันข้าม ราวกับน้ำเดือดปุดๆ อย่างไรอย่างนั้น
แม้กระทั่งบางแห่งบนผิวน้ำ น้ำทะเลยังหมุนวนส่งเสียงปุดๆ ออกมา
แต่หานลี่กลับทำเป็นมองไม่เห็นสถานการณ์แปลกประหลาด แค่มุ่งตรงเข้าไปในทะเลหมอก
หลังจากที่บินอยู่ในม่านหมอกได้ยี่สิบสามสิบลี้ ฉับพลันนั้นเบื้องหน้าพลันเปล่งประกาย ม่านหมอกหายวับไป
เบื้องหน้าบนผิวมหาสมุทรพลันมีเกาะน้ำแข็งแวววาวปรากฏขึ้น
พายุหิมะกลางอากาศหยุดลงแล้ว แต่อุณหภูมิกลับหนาวเย็นกว่าก่อนหน้าสามส่วน และน้ำเทละก็เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง ปรากฏเป็นน้ำแข็งบางๆ ชั้นหนึ่ง ความร้อนระอุหายวับไป
หานลี่ไม่ต้องขบคิดอะไรให้มากความ กระตุ้นลำแสงหลีกหนี ชั่วขณะนั้นพลันพุ่งไปที่เกาะน้ำแข็ง
มองไกลๆ เกาะแห่งนี้มีขนาดไม่นับว่าเล็กนัก แม้กระทั่งยังใหญ่กว่าเกาะเพลิงเมฆาของเผ่าเพลิงอาทิตย์อยู่สองสามเท่า
เกาะแห่งนี้น่าจะเป็น ‘เกาะทะเลสาบสีฟ้า’ ตามในแผนที่
จากความเร็วของหานลี่ แน่นอนว่าย่อมมาถึงขอบของเกาะน้ำแข็งได้ในพริบตา
แต่ไม่รอให้เขาได้บินเข้าไปในเกาะ ฉับพลันนั้นในส่วนลึกของเกาะเบื้องหน้า พลันมีเสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้น
หานลี่ได้ยินเสียงคำรามนี้ พลันหน้าเปลี่ยนสี โลหิตในร่างกายของเขาเดือดพล่าน