A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1568 ปราณแท้ของกระบี่
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1568 ปราณแท้ของกระบี่
ไม่รู้เพราะเหตุใด ชายชรามองกระบี่ลำแสงห้าสีที่ดูธรรมดา คาดไม่ถึงว่าจะสัมผัสได้ถึงอันตรายในทันใด
เขาอ้าปากออกอย่างไม่ต้องขบคิด คาดไม่ถึงว่าจะพ่นกระบี่บินสีแดงเป็นประกายออกมา ความยาวสามฉื่อ เปล่งแสงแวววาว ราวกับสร้างมาจากผลึกวารีครึ่งหนึ่ง
กระบี่บินเล่มนี้แค่เปล่งประกาย ก็กลายเป็นสายรุ้งสีแดงสดสายหนึ่งสับออกไป
เป้าหมายก็คือกระบี่ลำแสงห้าสี!
เสียงแค่นหัวเราะเบาๆ ดังออกมาจากกลางอากาศ!
กระบี่ลำแสงห้าสีพลันพลิ้วไหว สับลงมาอีกครั้ง
ชั่วขณะนั้นสายรุ้งพลันสั่นเทา ชั่วครู่ก็กลับคืนเป็นกระบี่เล่มเล็กสีแดงสดเล่มหนึ่ง หมุนวนแล้วร่อนลงมา
กระบี่เล่มเล็กมีความยาวแค่สองสามชุ่น แค่กระบี่ปรากฏขึ้นก็เผยบาดแผลไม่น้อยออกมา
แม้นว่าจะไม่ถูกกระบี่ลำแสงสับออกเป็นสองส่วน แต่ก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ในเวลาเดียวกันที่ชายชราบาดเจ็บด้วยกระบี่บิน ก็หน้าซีดเผือด จิตสัมผัสที่เชื่อมโยงกัน ก็ดูเหมือนว่าจะได้บาดเจ็บเล็กน้อยเช่นกัน
ทว่ากระบี่ลำแสงห้าสีพลันสับลงมาสองครั้ง เดิมลำแสงที่เปล่งแสงเจิดจ้าพลันหม่นหมอง ในเวลาเดียวกันอักขระรอบตัวกระบี่ก็สลายหายไปไม่น้อย
ชายชราพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออกเปล่งเสียงหวีดร้องออกมา
รอบด้านมีพลังเพลิงวายุที่รุนแรง ชั่วครู่ก็ม้วนวนร่างของเขาไป
ลำแสงสามสีเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นเกราะสงครามโบราณสามสีพลันปรากฏขึ้นบนร่างของชายชรา
เกราะสงครามนี้ไม่เพียงดูเหมือนไม่ใช่ทองคำและไม่ใช่พฤกษา และยิ่งไปกว่านั้นยันห่อหุ้มเอาไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่หัวจรดเท้า แค่ทิ้งรูโปร่งแสงสองรูเอาไว้ตรงดวงตาทั้งสองข้างเท่านั้น
มองจากไกลๆ ชายชราดูเหมือนนักรบชุดเกราะที่สวมเกราะอยู่ทั่วเรือนร่าง
จากนั้นสองมือพลันพลิ้วไหว ลำแสงสามสีเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ยักษ์โบราณที่ดูเหมือนบานประตูพลันปรากฏขึ้นในมือ
ชายชราประสานมือทั้งสองข้างลงบนกระบี่ แล้วขวางกระบี่อยู่เบื้องหน้า
ชั่วขณะนั้นไอทมิฬกลุ่มหนึ่งก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า!
ถุงที่กำลังพ่นพายุทรายสีฟ้าออกมากลางอากาศและธงสีทองด้ามนั้นก็พุ่งออกไป แยกกันกลายเป็นลำแสงสีทองและฟ้าสองสีหมุนโคจรอยู่รอบตัวชายชรา
หานลี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในม่านลำแสงเห็นฉากนี้ หางตาอดที่จะกระตุกไม่ได้
เขาอาศัยเขตอาคมกระบี่ดูดซับพลังปราณฟ้าดินไปก่อนหน้า ถึงจะพอฝืนสำแดงอิทธิฤทธิ์ของเขตอาคมกระบี่ที่ชิงหยวนจื่อเรียกว่า ‘กระบี่น้ำเต้าปราณแท้’ ได้ อิทธิฤทธิ์นี้สร้างภาพน้ำเต้าลวงตาขึ้น โดยมีไอกระบี่อันแหลมคมของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาเจ็ดสิบสองเล่มเป็นศูนย์กลาง อาศัยพลังปราณฟ้าดินบ่มเพาะจนมีพลังปราณแท้ที่ไร้ขีดจำกัด
อิทธิฤทธิ์นี้ร้ายกาจอย่างหาที่เปรียบ แต่พลังปราณฟ้าดินที่ต้องการก็น่าตกใจจริงๆ
การสับลงไปสองครั้งก่อนหน้าก็ดูดซับพลังปราณแท้ไปกว่าครึ่งแล้ว
ทว่าหากเคล็ดวิชากระบี่น้ำเต้าของอีกฝ่ายมีอิทธิฤทธิ์แค่เท่าก่อนหน้า ก็เป็นการรนหาที่ตายแล้ว ใช้อิทธิฤทธิ์นี้กระตุ้นอานุภาพของปราณแท้กระบี่ แต่ต้องดูว่าจะใช้พลังปราณฟ้าดินและบรรจุพลังวิญญาณเข้าไปเท่าไหร่
การโจมตีครั้งต่อไป เขาพลันเตรียมการโจมตีแบบรวดเดียว!
เมื่อขบคิดเช่นนี้ มุมปากของหานลี่พลันฉีกยิ้มเย็นชาออกมา มือหนึ่งพลันร่ายอาคม กระตุ้นเขตอาคมกระบี่
ชั่วขณะนั้นม่านลำแสงสีเขียวรอบด้านพลันเปล่งแสงสว่างวาบ หลังจากดอกบัวสีเขียวหมุนวน พลันกลายเป็นเสาลำแสงพุ่งออกไปหากระบี่ลำแสงยักษ์
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงระยิบระยับทั่วท้องฟ้า ม่านลำแสงสีเขียวเริ่มบางตาลง และสุดท้ายพลันเปล่งเสียงหวีดร้องแล้วสลายหายไป
ชั่วพริบตาอากาศรอบตัวพลันเหลือเพียงกระบี่สีเขียวเจ็ดสิบสองเล่ม ปรากฎขึ้นกลางอากาศรางๆ
หานลี่พลันตัดสินใจ คาดไม่ถึงว่าจะนำพลังวิญญาณทั้งหมดในเขตอาคมกระบี่ใส่เข้าไปในปราณแท้ของกระบี่
และเมื่อไม่มีเขตอาคมกระบี่คุ้มกัน ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
หลังจากที่กระบี่ลำแสงดูดซับพลังวิญญาณไปจำนวนมากขนาดนี้ ร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ตัวกระบี่ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าสีจะยังคงเป็นห้าสี แต่ความเข้มของสีเขียวก็มีมากกว่าอีกสี่สี
“สับ”
หานลี่ใช้มือหนึ่งชี้ไปที่ชายชราซึ่งอยู่ด้านล่าง ปากก็เปล่งเสียงเฉียบขาดออกมา
กระบี่ลำแสงยักษ์ยกขึ้นอย่างเนิบช้า แล้วสับลงมากลางอากาศ
กลายเป็นชายชรานักรบเกราะยักษ์ และตะโกนออกมาในเวลาเดียวกัน กระบี่ยักษ์โบราณในมือสับไปทางเดียวกับกระบี่ลำแสงเช่นกัน
หลังจากเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้น เส้นลำแสงแวววาวสายหนึ่งและไอกระบี่หนาสามสีก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นตรงกลาง แต่เมื่อทั้งสองสัมผัสกันกลับเงียบเชียบ
เห็นเพียงลำแสงแวววาวเปล่งแสงสว่างวาบ ผิวของไอกระบี่สามสีเปล่งแสงสว่างวาบ ทันใดนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนไอกระบี่สามสีสายนั้น พลันเปล่งเสียง “ปัง” ออกมาเบาๆ แล้วสลายหายไป
เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ชายชราที่อยู่ด้านล่างพลันใช้กระบี่ยักษ์ในมือขวางเอาไว้เบื้องหน้าอย่างไม่ต้องขบคิด
เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น
ชายชรายืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง
แต่ครู่ต่อมาดาบยักษ์ที่ทำหน้าที่เป็นโล่ พลันมีลำแสงสีเขียวสายหนึ่งปรากฏขึ้นเอียงๆ ที่ผิว จากนั้นตัวกระบี่ครึ่งท่อนก็ร่อนลงมาอย่างเงียบเชียบ
และส่วนปลายของกระบี่ยักษ์ที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน กลับมีธงเล็กสีทองปรากฏขึ้นด้ามหนึ่ง
แต่เมื่อธงด้ามนี้สั่นเทา ก็ระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมาที่ด้าม กลายเป็นสองท่อนแล้วร่อนลงมาจากกลางอากาศเช่นกัน กลับเป็นถุงที่อยู่ในหมอกสีฟ้าด้านข้าง ที่ยังคงนิ่งสงบไร้อันตราย
ส่วนชายชราที่มีเกราะสงครามห่อหุ้มร่างกายอยู่ มองไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เกราะสงครามสามสีบนร่างดูเหมือนจะไม่ได้รับความเสียหาย ไม่เผยร่องรอยบาดเจ็บออกมาเลยสักนิด
หานลี่มองเห็นสถานการณ์เช่นนี้ รูม่านตาพลันหดเล็กลง มองไปยังศัตรูตัวฉกาจด้วยความเย็นชา
เขาชักมือข้างหนึ่งเข้ามาในแขนเสื้อ แล้วเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ร่อนลงใจกลางฝ่ามือ
“การโจมตีนี้มีชื่อเรียกอย่างไร!” เสียงอู้อี้ของชายชราดังออกมาจากเกราะสงคราม แต่เนื้อหาที่ถามมาทั้งหมดทำให้หานลี่ตกตะลึง
“แน่นอนว่ามี! รสชาติปราณแท้ของกระบี่ ไม่ค่อยน่าภิรมย์สินะ” หานลี่เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
“หึ มีอิทธิฤทธิ์อยู่บ้างจริงๆ แม้แต่ตาเฒ่าก็ไม่อาจต้านทานได้หมด!” ชายชราแค่นเสียง
เมื่อสิ้นเสียง ใจกลางของเกราะสงครามสามสีพลันมีเส้นสีเขียวอ่อนสายหนึ่งปรากฏขึ้น
จากนั้นเกราะสงครามที่ดูไม่มีรอยแตก พลันแยกออกจากเส้นสีเขียว รอยแยกมีลำแสงพุ่งออกมาราวกับกระจก ตกลงสู่พื้นดังสนั่น
เกราะสงครามที่ตกลงมาตามกัน แขนข้างหนึ่งร่อนลงมาที่พื้นตามมาเช่นกัน
โลหิตสดๆ พ่นออกมาจากไหล่ กลิ่นคาวโชยออกมา
แต่ชายชราแค่หันหน้าไปมองแขนที่ขาดด้วนของตนเองแวบหนึ่ง ขมวดไหล่พลิ้วไหวโดยไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว
แขนข้างที่ขาดข้างนั้นส่งเสียง “พรึ่บ” ออกมา แล้วบินมาที่บาดแผลโดยอัตโนมัติ
ลำแสงสีขาวเปล่งแสงเจิดจ้า แล้วต่อประสานกันได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้นชายชราพลันโคจรพลังปราณ มือข้างหนึ่งร่ายอาคม ลำแสงสีแดงเจิดจ้าเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง
บรรยากาศรอบๆ พลันร้อนระอุขึ้น
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงพลางมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย และไม่ได้ลงมือโจมตีในทันที กลับแววตาเปล่งประกาย มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา
“นายท่านคิดว่าจะหายเป็นปกติจากบาดแผลของปราณแท้กระบี่อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ?”
“อันใด เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ชายชราแซ่ถูพลันตะลึงงัน ทันใดนั้นก็มองไปที่บาดแผลบนแขนอีกครั้ง
ผลคือสีหน้าเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้
เห็นเพียงแขนที่เดิมดูเหมือนประสานกันเป็นปกติแล้ว เปื้อนโลหิตสีแดงฉานเพราะเหตุใดไม่รู้ โลหิตสีแดงฉานไหลพุ่งออกมาอีกครั้ง
“หึๆ ขอแค่นายท่านใช้พลังลมปราณ บาดแผลก็จะไม่สมานกันในทันที นี่ถึงจะเป็นจุดที่น่ากลัวอย่างแท้จริงของปราณแท้กระบี่! ไม่รู้ว่า จากนี้หากนายท่านคิดจะกดพลังปราณกว่าครึ่งเอาไว้ต่อสู้กับข้าน้อยหรือไม่ แต่การตัดสินใจเช่นนี้มันจะทำให้โลหิตไหลออกมาจนหมดตัว” หานลี่หัวเราะหึๆ จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ
เสียงหวีดร้องดังขึ้น!
ดอกไม้สีทองยี่สิบสามสิบดอกบินออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากบินออกมาจากแขนเสื้อ พลันมีขนาดครึ่งฉื่อ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแมลงเกาะยักษ์หน้าตาโหดเ**้ยมยี่สิบกว่าตัว
เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของหานลี่ ชายชราพลันมีใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก แต่ในใจกลับโกรธเกรี้ยวอย่างสุดแสน เมื่อเห็นรูปร่างของแมลงเกาะเหล่านี้อย่างชัดเจน ก็ไม่อาจรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้อีก พลันร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
“แมลงกลืนทอง! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีแมลงชนิดนี้ที่โตเต็มวัย!” ชายชราสีหน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง สายตาเผยแววหวาดผวาออกมาเป็นครั้งแรก
หานลี่กลับไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แค่ใช้สองมือร่ายอาคม แมลงกลืนทองเหล่านั้นพลันกรูกันเข้าไปหาชายชรา
แต่เขาเองก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ บนผิวมีเกล็ดสีทองเรืองรองปรากฏขึ้น หว่างคิ้วมีลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ตาปีศาจสีดำสนิทข้างหนึ่งปรากฏขึ้น
ในเวลาเดียวกันวงรัศมีสีทองก็บินออกมาจากด้านหลัง
ในวงรัศมีมีเทวรูปมารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรปรากฏขึ้น!
ร่างของหานลี่มีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นบนร่าง จากนั้นสองแขนก็ร่ายอาคมพร้อมกัน
บนฝ่ามือข้างหนึ่งมีลำแสงสีทองสว่างวาบ ภูเขาเทวะดูดปราณสีดำสนิทปรากฏขึ้นอีกครั้ง
มืออีกข้างหนึ่งกวักเรียกกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆารอบด้าน ชั่วขณะนั้นกระบี่เล่มเล็กทั้งหมดพลันพุ่งออกมา คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวเป็นกระบี่ยักษ์สีเขียวความยาวสองสามจั้งเอาไว้ แล้วร่อนลงในมือเขา
หานลี่ถึงได้สาวเท้ายาวๆ ออกไปด้วยสีหน้าเยือกเย็น คาดไม่ถึงว่าจะห่างออกไปสิบจั้งเศษ ตรงไปยังชายชราที่อยู่ด้านล่าง
แน่นอนว่าชายชราย่อมมองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน หน้าเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวคล้ำไปเล็กน้อย สายตากวาดไปยังแขนที่ไม่อาจห้ามโลหิตได้อีกครั้ง แล้วเหลือบมองแมลงยักษ์สีทองยี่สิบกว่าตัวที่เข้ามาประชิดตน
เขากัดฟัน พลันอ้าปากออก พ่นยันต์วิเศษสีม่วงออกมาแผ่นหนึ่ง
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ยันต์วิเศษพลันระเบิดออก
หมอกสีม่วงกลุ่มหนึ่งคลี่ขยายไป ห่อหุ้มเงาร่างของชายชราเอาไว้
เมื่อเห็นฉากที่คุ้นเคยนี้ ร่างของหานลี่พลันกระตุก คาดไม่ถึงว่าจะหยุดลงกลางอากาศ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทว่าแมลงกลืนทองยี่สิบสามสิบตัวนั้นกลับกรูกันเข้ามาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ชั่วพริบตา ก็ถูกหมอกสีม่วงกลืนกินเข้าไป
หานลี่สะบัดแขนเสื้อไปทางหมอกสีม่วง พายุสีขาวทะลักออกมา
เมื่อพายุหมุนวน ชั่วขณะนั้นพลันกวาดหมอกสีม่วงไปจนเกลี้ยง
เหมือนกับที่เขาคาดการณ์เอาไว้ มันว่างเปล่า
แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ กวาดไปบนพื้นอย่างรวดเร็ว ฉับพลันนั้นพลันเปล่งเสียงร้องไพเราะราวกับวิหคออกมา
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ บนพื้นดินพลันมีลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ แมลงกลืนทองยี่สิบกว่าตัวเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นมาจากดินแล้วบินออกมา หลังจากบินวนล้อมรอบหานลี่แล้วก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย
แค่การควบคุมช่วงประเดี๋ยว หานลี่ก็สัมผัสได้ว่าตนเองสูญเสียพลังจิตสัมผัสไปกว่าครึ่ง นี้ยังโชคดีที่เขาอยู่ในระดับหลอมสุญตา จิตสัมผัสของเขาจึงขยายขึ้น มิเช่นนั้นคงไม่กล้าปล่อยแมลงกลืนทองออกมาจำนวนมากอย่างง่ายดายเช่นนี้
ทว่าภายใต้การกวาดมองด้วยเนตรวิญญาณของเขา
ชายชราเผ่าแมลงมีเขาผู้นั้นกลับกลายเป็นเงาสีม่วงกลุ่มหนึ่ง บินหนีเตลิดออกไปสิบกว่าลี้
มองเห็นว่าเขาไม่แม้แต่จะหันหัวกลับมา ดูเหมือนว่าจะถูกเขาไล่จนหนีเตลิดเปิดเปิงไปจริงๆ