A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1577 เผ่าเมฆาสวรรค์
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1577 เผ่าเมฆาสวรรค์
“พี่หานหมายถึง ‘เคล็ดวิชารวมสมาธิเป็นหนึ่ง’สินะ! เคล็ดวิชานี้มหัศจรรย์จริงๆ เป็นเคล็ดวิชาลับที่เผ่าเขียวคิดค้นขึ้น แต่การฝึกฝนเคล็ดวิชานี้มันยากลำบากเป็นอย่างมาก ไม่เพียงต้องใช้พี่น้องสายโลหิตเดียวกัน และยิ่งไปกว่านั้นเคล็ดวิชาที่ฝึกฝนและพลังยุทธ์ต้องใกล้เคียงกัน ถึงจะสำแดงเคล็ดวิชานี้ได้ แต่เผ่าเขียวกับเผ่าอื่นนั้นไม่เหมือนกัน ผู้ที่ถือกำเนิดจากเผ่านั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นพี่น้องร่วมท้องกันหลายคน ท้องหนึ่งมีหกเจ็ดคนก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยมาก แต่หลังจากโตขึ้นหน่อย พวกเขาก็จะแยกกันโดยอัตโนมัติ ประตูเมืองทั้งสี่ของเมืองเมฆาล้วนมีคนของเผ่าเขียวที่รับหน้าที่ตรวจสอบผู้ที่จะเข้าเมืองอยู่ หลังจากสำแดงเคล็ดวิชานี้ รวมจิตสัมผัสของพวกเขาเป็นหนึ่ง ก็จะเพิ่มระดับให้พวกเขาสามสี่ขั้น และไม่อาจปิดบังอะไรพวกเขาได้” เจี่ยเทียนมู่ฉีกยิ้มอธิบายสองประโยค
“เช่นนี้นี่เอง! ผู้แซ่หานช่างเป็นกบในกะลาเสียจริง แต่ข้าน้อยสนใจเคล็ดวิชานี้นัก สหายรู้วิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชานี้หรือไม่” หานลี่ฟังจบ ตอนแรกพลันรู้สึกสิ้นหวัง แต่เมื่อคิดอีกที ก็ยังคงรู้สึกว่าเคล็ดวิชานี้มหัศจรรย์นัก จึงเกิดความคิดอยากดัดแปลงขึ้นมาและอดถามเช่นนั้นออกไปไม่ได้
“เคล็ดวิชาสมาธิไม่ใช่สิ่งที่เผ่าเขียวให้ความสำคัญนัก แม้จะแพร่งพรายออกไปภายนอกไม่มากนัก แต่ผู้แซ่เจี่ยก็ยังพอหาได้ชุดหนึ่ง หากสหายต้องการจริงๆ กลับไปเดี๋ยวข้าจะคัดลอกให้ชุดหนึ่ง” เจี่ยเทียนมู่เอ่ยอย่างใจกว้าง
“ขอบพระคุณขอรับ” หานลี่ได้ฟังพลันเผยรอยยิ้มออกมา และประสานกำปั้นคารวะขอบคุณ
“ฮ่าๆ เรื่องนี้เรื่องนี้ สหายหานช่วยชีวิตผู้แซ่เจี่ยเอาไว้ เรื่องแค่นี้จะเป็นไรไป ใช่แล้ว ข้าน้อยต้องไปคารวะเหล่าอาวุโสก่อน จากนี้เกรงว่าจะไม่อาจร่วมทางกับสหายได้ นี่คือตำแหน่งถ้ำพำนักในเมืองเมฆาของข้าน้อย หลังจากนี้สองสามวันสหายค่อยไปรับหุ่นเชิดสะท้านฟ้าตามคำสัญญากับข้าน้อย กล่าวอย่างไม่ปิดบัง หุ่นเชิดระดับนี้ในถ้ำพำนักของข้ามีแค่สองสามตัวเท่านั้น แต่หากมอบให้คนนอกเผ่า ข้าน้อยต้องได้อนุญาตจากเหล่าอาวุโสของเผ่าก่อน ทว่าโปรดวางใจ จากตำแหน่งของข้าน้อยในเผ่า ไม่มีทางเกิดปัญหาแน่” เจี่ยเทียนมู่ฉีกยิ้ม ยกมือขึ้นส่งแผ่นหินให้หานลี่ แล้วกล่าวลา
ยามนี้ทั้งสองคนเดินออกมาจากประตูเมือง เบื้องหน้ามีเส้นทางกว้างๆ สายหนึ่งปรากฏขึ้น สองฝั่งเป็นร้านรวงสูงใหญ่ไม่เท่ากัน มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังเดินไปมาอยู่บนถนน ไม่นับว่าคึกคัก แต่ก็ไม่ได้เงียบสงัด!
“ก็ดี ข้าน้อยเองก็มีธุระ คงต้องแยกกับสหายตรงนี้” หานลี่รับแผ่นหินมาแล้ว ก็ใช้จิตสัมผัสกวาดไป แล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ในเมืองเมฆาเป็นสถานที่อาศัยร่วมกันของเผ่าเมฆาสวรรค์อยู่ ชนต่างเผ่าก็มีอยู่ไม่น้อย บ้างก็อาศัยอยู่ถึงสองสามร้อยปีแม้กระทั่งนับพันปีก็ยังไม่ยอมจากไป ดังนั้นในเมืองนอกจากที่พักชั่วคราวแล้ว ยังมีถ้ำพำนักให้เช่า แค่ค่าใช้จ่ายไม่ธรรมดา แต่หากพี่หานพักอยู่แค่ระยะสั้นๆ คิดดูแล้วค่าใช้จ่ายคงไม่มีปัญหา นอกจากนี้สหายต้องจำเอาไว้เรื่องหนึ่ง ห้ามต่อสู้กันหรือใช้พลังวิญญาณง่ายๆ ในเมือง มิเช่นนั้นหากถูกเขตอาคมพบเข้า เบาหน่อยก็ถูกขับไล่ออกจากเมืองเมฆา หนักหน่อยก็คือกำจัดพลังยุทธ์ เรื่องนี้แม้แต่อาวุโสของสิบสามเผ่าอย่างพวกเราก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้ง่ายๆ เอาล่ะ ข้าน้อยต้องขอตัวลาแล้ว” เจี่ยเทียนมู่บอกเรื่องราวต่างๆ กับหานลี่เป็นจำนวนมาก แล้วก็หันกายจากไป
หานลี่ไม่คิดจะรั้งรออยู่นาน มองเจี่ยเทียนมู่ที่อยู่ไกลออกไปกำลังขวางรถที่ถูกอสูรวิญญาณรูปร่างคล้ายกวางเหมยฮวา[1]สองตัวลากอยู่ นั่งลงบนรถ แล้วพุ่งตรงหายไปจากมุมถนนอีกฝั่งหนึ่ง
เขาถึงได้ถอนสายตาออกมา พิจารณาสองฝั่งถนนอย่างละเอียด
ที่นี่สมกับที่เป็นเมืองสำคัญของสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ สิ่งปลูกสร้างทั้งสองฝั่งไม่เพียงแน่นขนัด ยิ่งไปกว่านั้นรูปทรงยังหลากหลาย มองแวบเดียวแทบจะไม่เห็นร้านค้าที่มีรูปทรงเหมือนกัน
สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้บ้างก็สูงถึงร้อยจั้งเศษ ราวกับภูเขาขนาดย่อม บ้างก็สูงแค่สองสามจั้ง แต่ก็วิจิตรงดงามมาก บ้างก็เป็นสี่ปลูกสร้างสี่เหลี่ยม คล้ายกับหอคอยเผ่ามนุษย์ บ้างก็ภายนอกคล้ายกับต้นไม้ยักษ์ เป็นสีเขียวมรกตระยิบระยับ…
หานลี่แค่พิจารณาชั่วครู่ ก็รู้สึกสนใจเมืองแห่งนี้
จะว่าไปแล้วสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์หมายถึงสิบสามชนเผ่า แต่ไม่รู้ว่ากี่หมื่นปีมาแล้วที่เผ่าต่างๆ ได้มาอาศัยอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าจะทำอะไรทั้งสิบสามเผ่าก็ต้องทำพร้อมกัน หากไม่นับเลือดเนื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว สิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ก็แทบจะเป็นเผ่าขนาดใหญ่เผ่าหนึ่ง
แต่แม้ว่าสิบสามเผ่าจะมีกำลังไม่แข็งแกร่งนัก ไม่อาจเทียบกับเผ่าใหญ่ในแดนวิญญาณอย่างเผ่าแมลงมีเขาได้ แต่เมื่อสิบสามเผ่าร่วมมือกัน กำลังกลับไม่แตกต่างอะไรกับเผ่าแมลงมีเขานัก มีพลังในการต่อสู้มาก
นี่คือสาเหตุที่เมฆาสวรรค์อยู่ที่กับเผ่าขนาดใหญ่อย่างเผ่าแมลงมีเขาทั้งสองด้าน แต่กลับยังคงปกป้องตนเองได้ และความจริงแล้วการสู้รบของเผ่าแมลงมีเขาและเมฆาสวรรค์ ก็แทบจะปะทุขึ้นทุกๆ ช่วงเวลา
ไม่ใช่เผ่าแมลงมีเขายึดครองอาณาเขตของเผ่าเมฆาสวรรค์ ก็เป็นสิบสามเผ่าเมฆาสวรรค์ร่วมมือกัน ชิงดินแดนที่เสียไปกลับมา
แน่นอนว่าสถานการณ์ส่วนใหญ่นั้น ยังเป็นเผ่าแมลงมีเขาที่มีกำลังมากกว่าเท่าหนึ่งเป็นฝ่ายได้เปรียบ
แต่เมื่อเผ่าเมฆาสวรรค์เรียนรู้จากกันและกันแล้ว ก็ไม่ได้เสียเปรียบมากนัก
ดังนั้นการโจมตีอย่างกะทันหันของเผ่าแมลงมีเขาในครั้งนี้ จึงไม่ได้ทำให้ชนชั้นสูงของเผ่าเมฆาสวรรค์ประหลาดใจใดๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว เริ่มรวบรวมกำลังเตรียมรับการโจมตี
คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่หานลี่บังเอิญได้ยินมาจากเจี่ยเทียนมู่ตอนที่เดินทางมาด้วยกัน
ตามที่เจี่ยเทียนมู่กล่าว เมฆาสวรรค์มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นพิเศษ แต่เผ่าใหญ่ที่อยู่ติดกันไม่ได้มีเพียงเผ่าแมลงมีเขาเพียงเผ่าเดียว ยังมีเผ่าที่กำลังไม่ด้อยไปกว่าเผ่าเมฆาสวรรค์อย่าง ‘เผ่าราตรี’รวมทั้งเผ่าที่อ่อนแอกว่าพวกเขาอย่าง ‘เผ่าระเบิดเสียงเพรียก’
แต่เผ่าที่เล็กๆ เหล่านั้นโดยปกติแล้วก็จะทำได้เพียงอาศัยหรือเข้าร่วมกับเผ่าใหญ่ๆ เพื่อให้ได้อำนาจในพื้นที่แห่งนี้ มิเช่นนั้นไม่ถูกสังหาร ก็ต้องถูกบีบออกให้ไปหาที่อยู่ที่อื่น
นี่จึงทำให้หานลี่เข้าใจเรื่องคร่าวๆ ในเผ่าต่างๆ ของที่นี่
ตอนนี้เขาพิจารณาสองฝั่งของถนนไปพลาง สาวเท้าเอื่อยเฉื่อย ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปอย่างรวดเร็วไปพลาง
ไม่ต้องสงสัยเลย เป้าหมายแรกของเขายังคงเป็นการตามหาเขตอาคมส่งตัวระดับสูงที่สามารถส่งตัวกลับไปยังแผ่นดินใหญ่เฟิงหยวนได้ แต่เขตอาคมส่งตัวระดับนี้ไม่อาจตกอยู่ในมือของใครกัน แปดเก้าส่วนคงตกอยู่ในขุมอำนาจใหญ่ๆ ใดสักแห่งหนึ่ง หากคิดจะอาศัยเขตอาคมส่งตัว เกรงว่าก็ต้องคบค้าสมาคมชนชั้นสูงของขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่
นี่คือสาเหตุที่เขาไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญของเจี่ยเทียนมู่ในตอนแรก
ทว่าจะได้รู้จักกับชนชั้นสูงของเผ่าเมฆาสวรรค์หรือไม่ ก็ต้องสืบข่าวมาให้เสร็จก่อนถึงจะรู้
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือ หาที่พักในเมืองเมฆาก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ตามหาเบาะแสไป
หลังจากตัดสินใจแล้ว หานลี่ก็ไม่ลังเลอีก สายตากวาดไปตามร้านค้ารอบด้าน เลือกร้านที่เป็นสิ่งปลูกสร้างคล้ายกับหอคอยมนุษย์มาร้านหนึ่งแล้วเดินเข้าไป
ร้านนี้ไม่นับว่าใหญ่โตนัก มีเพียงสองชั้นเท่านั้น
ด้านในมีชั้นวางของวางเรียงอยู่ มีทุกสิ่งให้เลือกสรร ดูเหมือนว่าจะเป็นร้านเบ็ดเตล็ดธรรมดาๆ ร้านหนึ่ง
เถ้าแก่ในร้านคือชายผิวสีเขียวของเผ่าหมึกเขียว เดิมทีนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นหานลี่มา ทันใดนั้นก็หยัดกายลุกขึ้นต้อนรับด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอาวุโส อยากได้อะไรขอรับ ร้านของเราขายสินค้าท้องถิ่นของเมืองเมฆาโดยเฉพาะ พื้นที่ รวมถึง…”
ชนต่างเผ่าที่ดูอายุสี่สิบกว่าปี แม้ว่าจะมีพลังยุทธ์ระดับสร้างปราณ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหานลี่กลับไม่มีความเขินอาย หลังจากคารวะแล้ว ก็แนะนำอีกเป็นพวงอย่างคล่องปาก
นั่นก็ไม่แปลกจากพลังยุทธ์ที่ต่ำต้อยของอีกฝ่าย เกรงว่าระดับก่อกำเนิดและระดับหลอมสุญตาล้วนไม่อาจแยกแยะได้ และผู้ที่มีพลังยุทธ์ลึกล้ำในเมืองเมฆาก็มีอยู่ทั่วไป จึงพบเห็นมามากแล้ว แน่นอนว่าจึงเปลี่ยนเป็นท่าทีธรรมดาๆ เช่นนี้
“เอาแผนที่เมืองเมฆามาแผ่นหนึ่ง ยิ่งละเอียดเท่าไหร่ยิ่งดี นอกจากนี้ข้าอยากจะถามอะไรเจ้าสักสองสามเรื่อง” หานลี่พิจารณาคนที่อยู่ตรงหน้าสองแวบ ฉับพลันนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ ผลึกศิลาระดับกลางก้อนหนึ่งบินออกมา ในเวลาเดียวกันก็เอ่ยอย่างราบเรียบ
“นี่คือแผนที่ที่ดีที่สุดของร้านเรา! ท่านอาวุโสมีเรื่องอะไร ก็ถามมาได้เลยขอรับ ชนรุ่นหลังจะบอกอย่างไม่มีกั๊ก!” เถ้าแก่รับผลึกศิลาไป แล้วหยิบแผ่นหินสีแดงอ่อนออกมาจากชั้นด้วยหน้าตาเบิกบานพลางส่งให้หานลี่ และเอ่ยอย่างดีใจ
……
หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยน้ำชา หานลี่ก็เดินออกมาจากร้านด้วยสีหน้าเยือกเย็น จากนั้นก็เรียกรถอสูรคันหนึ่งบนถนน แล้วบอกชื่อสถานที่กับพลขับ แล้วพลันนั่งสมาธิหลับตาอยู่ภายในรถ
ส่วนพลขับก็ควบคุมรถอสูรออกไปในทันที ห้อตะบึงออกไป
รถอสูรพาหานลี่ไปยังมุมของเมืองเมฆาที่อยู่ใกล้ที่สุด ไม่รู้ว่าข้ามผ่านถนนไปกี่สาย หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม ในที่สุดรถอสูรก็หยุดลงหน้าสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่มีรูปทรงภายนอกแปลกประหลาด
หานลี่โยนศิลาวิญญาณสองสามก้อนไป เดินลงมาจากรถ และมองสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง
นี่คือสิ่งปลูกสร้างประหลาดที่มีรูปทรงภายนอกคล้ายเนินเขาสูงใหญ่ สร้างจากวัตถุดิบสีเหลืองอ่อนคล้ายเม็ดทรายทั้งหลัง
สิ่งนี้ดูแล้วสูงพันจั้งเศษ สูงกว่าสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ในบริเวณรอบตั้งไม่รู้กี่เท่า
แต่ผิวของสิ่งปลูกสร้างนี้กลับมีประตูน้อยใหญ่อยู่เต็มไปหมด บางครั้งก็มีคนผลักประตูบินออกมาและเหาะออกไป
สิ่งปลูกสร้างที่แปลกประหลาดเช่นนี้ มองไกลๆ ก็ดูเหมือนรังผึ้งระดับเหนือชั้น!
หานลี่ตกตะลึงอยู่ที่เดิมชั่วครู่ แล้วถึงได้เลื่อนสายตาลงมา มองไปยังประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงตีนของสิ่งปลูกสร้าง
สองฝั่งของประตูใหญ่เขียนอักษรประหลาดๆ เอาไว้ แม้ว่าหานลี่จะรู้จักตัวอักษรของชนต่างเผ่าจำนวนมาก แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจแยกแยะตัวอักษรนี้ว่ามาจากเผ่าไหนได้
หานลี่ไม่ได้ลังเลนานนัก ลูบใต้คางไปมา แล้วก็สาวเท้าเดินเข้าไปในร้าน
เมื่อเดินเข้าประตูบานใหญ่ ด้านในพลันมีห้องโถงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นห้องหนึ่ง!
ห้องโถงมีความกว้างสองร้อยจั้งเศษ รอบด้านและพื้นดินปูด้วยหยกงามสีเขียวมรกต รอบด้านมีกระถางดอกไม้สูงสองสามฉื่อเรียงอยู่ ด้านในมีสมุนไพรวิญญาณและดอกไม้วิญญาณที่ดูงดงามปลูกอยู่
ตรงใจกลางของห้องโถง กลับมีโต๊ะไม้สีดำเก่าๆ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว บนโต๊ะมนุษย์เรือนผมสีขาวหิมะหมอบคลานอยู่ สวมชุดคลุมยาวสีเทา แต่กลับมองไม่เห็นใบหน้าของเขา
ดูร่างที่ไม่ยอมขยับ ดูเหมือนว่าหลับสนิทอยู่
“หาห้องเงียบๆ ให้ข้าห้องหนึ่ง ข้าจะพักสักสองสามวัน” หานลี่เดินมาหน้าโต๊ะอย่างเงียบ แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
——
[1] กวางเหมยฮวา คือกวางซิก้าเป็นกวางที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกและถูกนำเข้าไปเป็นสัตว์เลี้ยงในหลายพื้นที่บนโลก