A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1616 อีแร้งหน้าคน
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1616 อีแร้งหน้าคน
ส่วนหญิงสาวนามว่าเซียนเซียนนั้น ยังคงถูกลำแสงสีทองห่อหุ้มเรือนร่างเอาไว้ แค่นอกลำแสงสีทองมีกระจกสัมฤทธิ์ขนาดเท่าฝ่ามือแปดบานเพิ่มขึ้นมา เริงระบำวนล้อมรอบร่างของนางเอาไว้
เห็นเพียงด้านหลังกระจกเหล่านี้มีลวดลายวิจิตรโบราณอยู่ บนกระจกมีลำแสงเย็นยะเยืยก ไม่รู้ว่ามีประโยชน์ด้านใด
ทั้งสองคนนอกจากสำแดงสมบัติออกมาแล้ว ในมือก็ตะปบอีกสิ่งเอาไว้ ไม่ได้เผยออกมาให้เห็น
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองรู้ว่าในม่านหมอกมีอันตราย จึงเตรียมตัวอย่างระมัดระวัง
แม้แต่หานลี่เองฝ่ามือข้างหนึ่งในแขนเสื้อ ก็คีบไข่มุกอัสนีสีเขียวสองสามเม็ดเอาไว้ เพื่อป้องกันเวลาเจอศัตรูที่แข็งแกร่งจะได้สำแดงการโจมตีได้ทัน
ส่วนม่านหมอกสีขาวโพลนรอบๆ มันแตกต่างกับไอมารปกติเป็นอย่างมาก แต่เทียบกับทะเลหมอกสีดำด้านล่างก็แข็งแกร่งกว่าเป็นอย่างมาก
อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกมารแว้งกัดในช่วงเวลาสั้นๆ
แน่นอนว่าที่นี่ อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณของหานลี่มีจำกัด ระยะทางที่มองเห็นก็แค่ครึ่งลี้เท่านั้น
ดังนั้นแม้ว่าภายนอกของหานลี่จะเยือกเย็น แต่ในใจกลับไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย สายตากวาดไปรอบด้าน ในเวลาเดียวกันพลังจิตสัมผัสก็ปกคลุมทั้งหมดในรัศมียี่สิบสามสิบจั้งเอาไว้ เพื่อไม่ให้ถูกมารอสูรที่เชี่ยวชาญการเร้นกายอะไร เข้ามาประชิดร่าง
และทั้งสามคนนั้นตั้งแต่เข้ามาในหมอกบางๆ ผืนนี้ ล้วนไม่เอ่ยปากสนทนากันอีกอย่างรู้จักวางตัว แค่รีบเดินทางไปอย่างเงียบๆ เท่านั้น
สำหรับพวกเขาแล้ว ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแน่นอนว่าย่อมเป็นการไม่รบกวนมารอสูรที่ดำรงอยู่ แล้วออกจากเขตนี้ไปอย่างเงียบๆ
เช่นนั้นทั้งสามคนบินมาได้ครึ่งชั่วยาม เบื้องหน้ายังคงถูกหมอกจางๆ ปกคลุมเอาไว้ ไม่มีเค้าลางว่าจะบินออกจากเขตนี้เลยแม้แต่น้อย
หานลี่ยังพอว่า ยังคงมีสีหน้าราบเรียบ
เซียนเซียนกลับเผยสีหน้ากังวลออกมา ส่วนเย่ว์จงเองก็มีสีหน้าเคร่งขรึม มองแมลงประหลาดในกล่องบ่อยครั้งขึ้น
หลังจากที่หานลี่บินมาอีกชั่วครู่ ฉับพลันนั้นเสียงกรีดร้องแหลมๆ สั้นๆ ก็ดังมาจากด้านหลัง
เขาพลันตะลึงงัน ลำแสงหลีกหนีหยุดชะงักไปเล็กน้อย รีบหันมองไปด้านหลังทันที
เห็นเพียงแมลงกล่องตัวนั้นของเย่ว์จงเปล่งแสงสีเงินออกมา แมลงประหลาดตัวนั้นยกตัวท่อนบนขึ้น หัวส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง และยิ่งไปกว่านั้นปากยังเปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา
ไม่เพียงแค่นั้นลวดลายสีเงินบนผิวของแมลงยังเปล่งแสงสีเงินระยิบระยับ สัญลักษณ์หน้าผีบนหัวเปลี่ยนสีแดงโลหิต เป็นสีแดงสดเสมือนจริง
“แย่แล้ว! ในรัศมีสิบลี้มีมารปีศาจระดับสูงปรากฏขึ้น กำลังบินมาทางพวกเรา ความเร็วรวดเร็วมาก!” เย่ว์จงหน้าเปลี่ยนสี ตะโกนร้องเตือนหานลี่ด้วยเสียงอันดัง
“บอกข้ามาว่ามาจากทางไหน” หานลี่กลับเอ่ยถามอย่างราบเรียบ เผยท่าทีสุขุมออกมา
“มาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จำนวน…ทั้งหมดห้าตัว” เย่ว์จงได้ยินเสียงร้องสองสามครั้งของแมลง ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
“ห้าตัว จัดการยากไปหน่อย แล้วยังไม่รู้ว่าเป็นมารปีศาจระดับสูงชนิดไหน!” หานลี่เอ่ยพึมพำ รูม่านตาหดเล็กลง มองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้แวบหนึ่ง
ฉับพลันนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ หลังจากเสียงเพรียกอันไพเราะดังขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มก็พุ่งออกมา จากนั้นก็บริกรรมคาถา ชี้ไปทางกระบี่บินเหล่านี้อย่างรวดเร็วสองสามครั้ง
กระบี่เล่มเล็กทั้งหมดสั่นเทา หายวับไปอย่างแปลกประหลาด
จากนั้นกลางอากาศรอบๆ ด้านพลันมีดอกบัวสีเขียวปรากฏขึ้น มันรางเลือน แยกตัวออกจากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสี่ สี่เป็นแปด
กลางอากาศมีดวงลำแสงสีเขียวปรากฏขึ้นเป็นดวงๆ!
ส่วนดอกบัวสีเขียวเหล่านั้นก็หมุนวน ชั่วพริบตาก็มีขนาดสองสามจั้ง หลังจากเรียงร้อยต่อกัน ก็กลายเป็นม่านลำแสงสีเขียวชั้นหนึ่ง ชั่วครู่ก็ปกคลุมท้องฟ้าในบริเวณนั้นไว้อย่างแน่นหนา
ภายในรัศมีร้อยจั้งล้วนถูกม่านลำแสงปกคลุมเอาไว้
นี่คือหนึ่งในความสามารถที่ยิ่งใหญ่ของหานลี่ เขตอาคมกระบี่หลากวสันต์!
และมีเพียงเขตอาคมกระบี่เขตนี้ หานลี่ถึงจะมั่นใจว่าจะกักมารอสูรระดับสูงสองสามตัวเอาไว้ได้ในครั้งเดียว
มิเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าสามารถสังหารมารอสูรสองสามตัวนี้ได้ แต่กลับไม่กล้ารับประกันความปลอดภัยของหญิงสาวเผ่าผลึกและเย่ว์จง หากพลั้งมือไป ปล่อยมารอสูรระดับสูงไปตัวสองตัว ทั้งสองก็น่าจะโชคร้ายมาก
ส่วนทั้งสองคนล้วนเป็นผู้ที่ขาดไปจากการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ แน่นอนว่าหานลี่จึงใช้วิธีการที่มั่นคงที่สุด
“เขตอาคมกระบี่!”
เซียนเซียนมีประสบการณ์ไม่ธรรมดา เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้พลันตกตะลึง จากนั้นพลันรู้สึกดีใจขึ้นมา
เย่ว์จงเองก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมา เห็นได้ชัดว่ารู้จักอานุภาพของเขตอาคมกระบี่เช่นกัน
หานลี่กลับสะบัดแขนเสื้อไปกลางอากาศด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
หลังจากม่านลำแสงสีเขียวม้วนวนออกไป ม่านลำแสงกลางอากาศก็รางเลือน โปร่งแสงไปอย่างเงียบเชียบ สุดท้ายก็ล่องหนไป ราวกับว่าปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อครู่ไม่มีอยู่แล้วอย่างไรอย่างนั้น
ยามนี้เซียนเซียน และเย่ว์จงเห็นกระบี่หลากวสันต์มีอิทธิฤทธิ์ถึงเพียงนี้ ชั่วขณะนั้นจึงมั่นใจในหานลี่มากขึ้นหลายส่วน
หลังจากที่พวกเขามองสบตากันแวบหนึ่ง ก็บินเข้ามาใกล้หานลี่ทันที ลอยอยู่ด้านหลังเขา
หานลี่ไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าทั้งสองคนอยู่ห่างจากเขาไปอีกยี่สิบจั้งเศษ ไม่ได้เข้ามาประชิดอย่างไม่รู้จักวางตน
และชั่วครู่ จุดที่หานลี่มองไปก็มีเสียง “กึกๆ” ดังขึ้น
เมื่อได้ยินหานลี่ก็รู้สึกถึงความร้อนใจที่แล่นเข้ามาในจิตใจ ไม่อาจรวบรวมสมาธิได้
เขาพลันรู้สึกตกตะลึง แต่โชคดีที่ชั่วครู่ คาถาขับเคลื่อนก็โคจรอยู่ทั่วเรือนกาย หลังจากที่ความเย็นแล่นผ่านจิตใจไป จิตใจก็กลับมาเป็นปกติ
แต่เย่ว์จงและเซียนเซียนที่อยู่ด้านหลังได้ยินเสียงนี้ต่างเผยสีหน้าแตกต่างกันออกไป
ดวงตาของเย่ว์จงเปลี่ยนเป็นหย่อนหยานไม่เข้มแข็ง ในเวลาเดียวกันใบหน้าก็มีสีแดงระเรื่อปรากฏขึ้น มือทั้งสองกำแน่นตามจิตสำนึก แล้วคลายออก ราวกับงุนงงเล็กน้อย
ส่วนหญิงสาวนามว่าเซียนเซียน กลับมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบผ่านบนใบหน้า คนก็ดูเหมือนไม่เป็นอะไร
ทว่าหญิงสาวผู้นี้มีปฏิภาณไหวพริบเฉียบแหลม เมื่อพบความผิดปกติของเสียงนี้ สายตาก็กวาดไปที่ใบหน้าของเย่ว์จงที่อยู่ด้านข้างทันที สีหน้าเคร่งขรึม หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็ชูมือข้างหนึ่งขึ้นโดยไม่ได้ปริปากใดๆ
ยันต์วิเศษที่ซ่อนอยู่ในฝ่ามือของนางตั้งนานแล้วพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นไอเย็นเยียบสีขาวโพลน
“เอ๋”
เย่ว์จงพลันตกตะลึง เพราะได้รับผลกระทบทางจิตใจ ปฏิกิริยาตอบสนองจึงเชื่องช้ากว่าเดิมมาก ประกอบกับการเคลื่อนไหวของเซียนเซียน อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา
คาดไม่ถึงว่าจะถูกไอเย็นเยียบปกคลุมร่างเอาไว้
ผลคือเย่ว์จงรู้สึกเพียงว่าไอเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งแล่นจากศีรษะลงไปที่สองเท้า ชั่วขณะนั้นความร้อนใจไม่เป็นสุขพลันสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ขอบพระคุณท่านเซียนที่ช่วยเหลือ!” หลังจากเย่ว์จงกลับมาเป็นปกติ ก็รู้ความผิดปกติของตนเองเมื่อครู่ทันที ทันใดนั้นก็เอ่ยขอบคุณพร้อมประสานกำปั้นให้หญิงสาวเผ่าผลึก
“ไม่เป็นไร พี่เย่ว์ระวังหน่อย” เซียนเซียนฉีกยิ้มเบิกบาน และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ทว่าเย่ว์จงกลับรู้สึกประหลาดใจ พลังยุทธ์ของเขาเหนือกว่าท่านเซียนเซียนผู้นี้มาก ตนเองกลับถูกล่อลวงอย่างไม่รู้สึกตัว อีกฝ่ายกลับไม่เป็นอะไรเลย หรือว่าในร่างของอีกฝ่ายมีสมบัติที่ทำให้จิตใจสงบสุขระดับสุดยอดอยู่?
ไม่ต้องเอ่ยถึงเย่ว์จงที่รู้สึกกังขา หมอกบางๆ ที่หมุนวนอย่างรุนแรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เงาสีดำห่างออกไปสองสามจั้งก็ปรากฏตัวอย่างดุดันเช่นกัน
หลังจากที่พวกมันกะพริบวาบสองสามครั้ง ก็เปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมาจากม่านหมอก เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมาตรงหน้าทั้งสาม
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวิหคมารหัวโล้นราวกับอีแร้งหลายตัว แต่ใบหน้าของวิหคมารเหล่านี้กลับเป็นใบหน้าของสตรี แต่เดิมที่ควรจะมีสองตา คาดไม่ถึงว่าด้านบนและร่างจะมีดวงสีเขียวมรกตสี่ดวงเรียงตัวอยู่
เช่นนั้นใบหน้าของหญิงสาวหัวโล้นที่แต่เดิมหน้าจะสะอาดหมดจน ก็เปลี่ยนเป็นดุดันมาก
ห้าตัวในนั้นมีสี่ตัวที่มีขนสีดำขาวสลับกันน่าจะอยู่ในระดับสูญสุญตาขั้นต้น ตัวที่อยู่ตรงกลางมีขนสีขาวหิมะ กลิ่นอายแข็งแกร่งที่สุด น่าจะอยู่ในระดับสูญสุญตาขั้นสุดยอด
“หึๆ! คาดไม่ถึงว่าจะคนของแดนวิญญาณ เยี่ยมจริงๆ ครั้งที่แล้วที่กินคนของแดนวิญญาณไป มันผ่านมาสองสามร้อยปีแล้ว” วิหคมารตัวที่แข็งแกร่งที่สุดเห็นหานลี่และพวกทั้งสามคนอย่างชัดเจน ก็เอ่ยคำพูดมนุษย์ที่ฟังยากออกมา เสียงกรีดร้องหยาบเสียดหูยิ่งกว่าเดิม ฟังยากอย่างสุดๆ
หานลี่ได้ยินใบหน้าไม่มีสีหน้าผิดปกติเลยสักนิด แค่ยืนมองวิหคมารที่เป็นผู้นำด้วยสายตาเย็นชาอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ปริปากใดๆ
ทว่าวิหคมารระดับสูญสุญตาขั้นปลายตัวนี้ดูเหมือนจะมีสติปัญญาสูง ไม่ได้รีบร้อนให้สมุนทั้งสี่กระโจนเข้ามา แต่กระพือปีกทั้งสองข้างอยู่ไกลๆ ดวงตาปีศาจทั้งสี่กวาดไปมาบนร่างของหานลี่และพวกทั้งสามไม่หยุด ในเวลาเดียวกันก็กำลังชั่งพละกำลังของทั้งสองฝ่าย
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น หลังจากขมวดคิ้วมุ่น ก็เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็ชูมือข้างหนึ่งขึ้น
ไข่มุกกลมห้าเม็ดพุ่งออกมา พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นลำแสงสีเขียวขนาดเท่ากำปั้น แค่กะพริบวาบสองสามครั้ง ก็มาอยู่ตรงหน้าวิหคมารห้าตัว
วิหคมารสองสามตัวรู้สึกตกตะลึง แต่วิหคมารที่เป็นผู้นำแค่เปล่งเสียงร้อง พวกมันก็สลายตัวออก และไม่ได้มีเจตนาจะตั้งรับ หลบหนีไปอย่างง่ายดาย
ถึงอย่างไรเสียไม่ว่าวิหคมาหรือว่าวิหควิญญาณ ด้านความเร็วก็เหนือกว่าอสูรบนพื้นดินอยู่แล้ว
แต่หานลี่เห็นเช่นนั้น มุมปากกลับมีรอยยิ้มเย็นชา มือหนึ่งร่ายอาคม
หลังจากที่ลำแสงสีเขียวห้าดวงร่อนลงมาก็เปลี่ยนทิศทาง พุ่งไปตรงกลางระหว่างวิหคมารทั้งห้า
ผลคือหลังจากเสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น ชั่วพริบตาที่ลำแสงสีเขียวห้ากลุ่มปะทะกัน ก็ระเบิดออกพร้อมกัน
ชั่วขณะนั้นเสียงอัสนีฟ้าฟาดพลันดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตาก็คลี่ไปในระยะสองสามหมู่ ห่อหุ้มวิหคมารทั้งห้าที่ไม่ทันได้ป้องกันตัวเอาไว้
ประจุไฟฟ้าสับลงมาที่ร่างของวิหคมารทั้งห้าอย่างแรง ลำแสงอัสนีสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กลืนร่างของวิหคมารไปจนหมด
เย่ว์จงที่อยู่ด้านหลังของหานลี่เห็นเช่นนั้น ใบหน้าพลันเผยสีหน้ายินดีออกมา ขยับริมฝีปาก ดูเหมือนว่าคิดจะเอ่ยอะไร
แต่ในยามนั้นเองจู่ๆ เสียงกรีดร้องก็ดังออกมาจากลำแสงอัสนี จากนั้นเสียง “ตูมๆ” ก็ดังขึ้น เสาลำแสงสีขาวนวลห้าสายพุ่งออกมาจากลำแสงอัสนี
เสาลำแสงเหล่านี้กวาดไปทั่วลำแสงอัสนี ลำแสงอัสนีสีเขียวที่แต่เดิมดูเหมือนมีอานุภาพยิ่งใหญ่ ทยอยกันถูกกวาดไปจนเกลี้ยงอย่างคาดไม่ถึง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เสียงอัสนีฟ้าฟาดก็ขาดไป วิหคมารทั้งห้ากระโจนออกมาลำแสงสีเขียวที่เหลืออ จากนั้นก็หมุนวนรอบหนึ่ง ปากทยอยกันเปล่งเสียงร้องด้วยความร้อนใจออกมา
มิน่าล่ะวิหคมารเหล่านี้ถึงได้โกรธถึงเพียงนี้
วิหคมารในยามนี้ นอกจากตัวที่เป็นหัวหน้าซึ่งภายนอกดูดีหน่อย แค่ปีกข้างหนึ่งเป็นสีดำเกรียม ที่เหลือต่างก็มีบาดแผลทั่วเรือนกาย ทยอยแผ่กลิ่นไหม้เกรียมโชยมา
แม้ว่าพวกมันจะต้านทานการโจมตีเมื่อครู่ แต่ไข่มุกอัสนีของหานลี่ก็เทียบเท่ากับการโจมตีของระดับสูญสุญตาเต็มอัตรา การระเบิดสองสามเม็ด โดยไม่ทันตั้งตัว จะไม่ไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิดได้อย่างไร
ทันใดนั้นวิหคมารทั้งสี่ที่ผิวไหม้เกรียมก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น หลังจากเปล่งเสียงร้องออกมาสองสามครั้ง ก็กระโจนเข้ามาหานลี่อย่างดุดัน
พวกมันอยากสังหารหานลี่ผู้ที่เป็นตัวการผู้นี้ ครู่ต่อมก็จะฉีกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็กลืนลงท้องสดๆ