A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1626 เนตรวิญญาณวานรปีศาจ
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1626 เนตรวิญญาณวานรปีศาจ
“ฟื้นฟูมาเจ็ดแปดส่วน? เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ จากพลังยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางของเจ้า หากฟื้นฟูได้เกินครึ่งแล้ว เหตุใดต้องใช้กายเนื้อต่อกรกับศัตรู ใช้จิตวิญญาณดั้งเดิมแอบซุ่มโจมตีข้าอยู่ด้านข้างด้วยเล่า แม้ว่าจิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าจะฟื้นฟูไวกว่ากายเนื้อ แต่มากสุดก็คงได้แค่สามสี่ส่วนเท่านั้น ตอนนี้หลังจากที่จิตวิญญาณดั้งเดิมกลับมาแล้ว แม้ว่าข้าคนเดียวจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ขอแค่เรียกผู้ช่วยมาอีกสองคน ก็สังหารเจ้าได้อย่างไม่มีปัญหา” หานลี่แค่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเอ่ยเปิดโปงออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหานลี่ วานรมารที่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก็หยุดชะงัก หลังจากเกราะบนใบหน้าเปล่งแสงสีโลหิตสองดวงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นมือหนึ่งก็พลิกฝ่ามือตะปบออกมากลางอากาศ
ใบมีดชำรุดสีม่วงที่กำลังต่อกรกับแมลงกลืนทองสองตัวอยู่ไกลออกไป ก็พลิ้วไหวแล้วสลายหายไป
ครู่ต่อมาใบมีดนี้ก็มาปรากฏในมือของวานรมาร และเปล่งแสงวาววาบ ขยายใหญ่ขึ้นสองสามจั้ง กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีม่วงเล่มหนึ่ง
กระบี่ยักษ์ชี้มาทางหานลี่ดัง “สวบๆ”
รอยบากสีม่วงความหนาเท่าปากชามเจ็ดแปดสายเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมสับลงมา ชั่วพริบตาพลันมาปรากฏตรงหน้าของหานลี่
แต่หานลี่ที่เตรียมการป้องกันเอาไว้ตั้งนานแล้ว จะปล่อยให้อีกฝ่ายทำสำเร็จอีกครั้งได้อย่างไร
โล่ผลึกวารีตรงหน้าเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นม่านลำแสงแวววาวบดบังร่างของตนเองตลอดจนมาถึงด้านหลัง
เสียงอึกทึกดัง “ตูมๆ” ม่านลำแสงระเบิดออกท่ามกลางรอยบากสีม่วง
แม้ว่าการโจมตีกว่าครึ่งจะถูกม่านลำแสงแยกออกเป็นสองส่วน แต่อานุภาพของการโจมตีนี้ก็เหนือกว่าคราวก่อนหน้า อานุภาพที่เหลือก็ทำให้ม่านลำแสงสั่นคลอนส่งเสียงดังสนั่นออกมา จนมาถึงตัวของหานลี่
เสียง “สวบ” ดังขึ้น หานลี่กระเด็นออกไปราวกับว่าไม่มีพลังต้านทานเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในไอสีดำหายวับไป
“นับว่าปากดีไม่น้อย แต่อิทธิฤทธิ์แค่นี้ยังกล้ามาข่มขู่ข้า! ไม่สิ เด็กเอ๋ย! เจ้าคิดจะหนีไปไหน?”
วานรมารพลันหัวเราะเยาะออกมา แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่เมื่อเห็นว่าหานลี่ไม่ได้บินออกมาจากไอมารอีก ลำแสงสีโลหิตบนเกราะบนใบหน้าพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นก็สัมผัสอะไรได้พลางร้องตะโกนออกมา
ไอมารสีดำแดงตัดสลับพัวพันกัน พายุมารก่อตัวขึ้น มันควบคุมสายรุ้งสายหนึ่ง จมหายเข้าไปในไอมารที่หมุนวน
แต่เมื่อลำแสงหลีกหนีของวานรมารเข้าไปในนั้น ฉับพลันนั้นวายุประหลาดพลันกดลงมา ภูเขาสูงสองสามจั้งกดทับลงมาอย่างคาดไม่ถึง
ลำแสงหลีกหนีของวานรมารพลันหยุดชะงัก แต่ก็ชูแขนขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ปล่อยกำปั้นออกไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันทะลักออกมา
มารอสูรตัวนี้ไม่สนใจว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร สายตาจ้องเขม็งไปยังเบื้องหน้า
แม้ว่าสำหรับคนธรรมดาแล้ว จะไม่อาจมองเห็นทางเดินในไอมารสีดำสนิทนี้ได้ แต่สำหรับมารอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ตนนี้ กลับไม่เป็นอุปสรรคเลยสักกระผีก
ดังนั้นวานรตัวนี้จึงมองปราดออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่สองมือกลับร่ายอาคม ไอมารรอบกายทยอยกันม้วนวนล่นถอยออกไป ราวกับว่ากำลังเตรียมการสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่ร้ายกาจอะไรออกมาอย่างไรอย่างนั้น
“รนหาที่ตาย!” เมื่อเห็นท่าทางของหานลี่ วานรมารพลันเอ่ยพึมพำกับตนเอง แต่ก็ไม่ได้พุ่งออกไปในทันที แต่กวาดสายตาไปรอบๆ หานลี่ก่อนด้วยความระมัดระวัง
แต่ครู่ต่อมาเรื่องที่เกิดขึ้นเหนือศีรษะกลับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของวานรมารไปหน่อย
พลังมหาศาลที่โจมตีออกไปไปอยู่แค่ตีนเขา มันทำให้ภูเขาขนาดย่อมสั่นไหวเล็กน้อย ระดับความเร็วที่ภูเขาลดระดับลงมากลับรวดเร็วขึ้น มาอยู่เหนือศีรษะของวานรมาร และพริบตานั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นสองสามเท่า สีดำทะมึนกดลงมาประชิดศีรษะ
วานรมารพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็แค่นเสียงด้วยความเย็นชา ตวัดกระบี่ยักษ์สีม่วงในมือ
ชั่วขณะนั้นรอยบากสีม่วงสองสามสายพลันปรากฏขึ้น จากนั้นก็รวมตัวกันกลายเป็นรอยบากขนาดใหญ่ ฟันออกไปกลางอากาศ
คิดไม่ถึงว่าวานรมารจะตัดสินใจใช้กระบี่สับไปที่ภูเขาสีดำสองสามครั้ง
แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับสายไปก้าวหนึ่ง ภูเขาขนาดย่อมที่ดูดุดันพลันเปล่งแสงสีเทาสว่างวาบ แล้วสลายหายไปราวกับฟองอากาศ
กวาดรอยบากสีม่วงไปจนเกลี้ยง
วานรมารพลันตกตะลึง ความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่เข้าใจเจตนาของหานลี่อยู่เล็กน้อย
แต่ครู่ต่อมาฉับพลันนั้นมันก็ก้มหน้าลงตามความรู้สึก กวาดสายตาไปด้านหน้าอีกครั้ง
เห็นเพียงหานลี่ที่อยู่ตรงข้ามมีประจุไฟฟ้าสีทองวนล้อมรอบเรือนร่างพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าตั้งแต่เมื่อใดก็สุดจะรู้ได้
จากนั้นประจุไฟฟ้าก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น แผ่ออกไปรอบด้าน ก่อตัวกันเป็นตาข่ายไฟฟ้าวงกลมท่ามกลางลำแสงอัสนีที่น่าตกตะลึง
แทบจะในเวลาเดียวกันอักขระลำแสงสีทองก็เปล่งแสงสว่างวาบพลางทะลักออกมาจากมือทั้งสองของหานลี่ ทยอยกันจมหายเข้าไปในประจุไฟฟ้ารอบด้านแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ชั่วพริบตาที่จมหายเข้าไปในประจุไฟฟ้ารอบด้านก็ปริแตกออกอย่างเงียบเชียบ กลายเป็นวงล้อลำแสงสีทองเจิดจ้าเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง
ร่างของหานลี่ที่อยู่ท่ามกลางวงล้อเริ่มรางเลือน แต่เสียงบริกรรมคาถาที่ฟังไม่ได้ศัพท์กลับดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้วงล้อสีทองที่หมุนวนโคจร อักขระพลันหมุนคว้าง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีเสียงเพรียกดังแว่วมา ค่อยๆ แหลมเสียดแก้วหูมากขึ้นเรื่อยๆ!
เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น!
ชั่วพริบตานั้นคาดไม่ถึงว่าวงล้อที่อยู่ท่ามกลางลำแสงสีทองจะสลายหายไป
ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่มือหนึ่งพลันร่ายคาถา อีกมือหนึ่งค่อยๆ คลายนิ้วทั้งห้าออก
เหนือฝ่ามือไปสองสามฉื่อ ดวงแสงราวกับทองคำบริสุทธิ์ลูกหนึ่งลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
ผิวของดวงแสงมีลายเว้าลึกลงไปราวกับลวดลายอักขระ ลำแสงหม่นแสงลง ไร้ซึ่งพลังแรงกด ราวกับว่าเป็นแค่อาวุธธรรมดาเท่านั้น
หลังจากวานรมารเห็นรูปร่างของลูกทรงกลมสีทองอย่างชัดเจน ร่างกายกลับสั่นสะท้าน ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
“ไข่มุกอัสนีปัดเป่าภยันตราย”
จากนั้นมารตนนี้ก็ไม่ได้สงสัยใดๆ อีก ไหล่สองข้างแค่พลิ้วไหว กลายเป็นวายุมารสีดำแดงม้วนวนไปหาหานลี่
ดูเหมือนว่าจะไม่คิดให้โอกาสดวงแสงสีทองของหานลี่!
แต่หลังจากที่วานรมารพุ่งออกมาได้สิบจั้งเศษ หานลี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ บนพื้นดินกลับมีลำแสงสีทองสว่างวาบ กระบี่สองเล่ม ดาบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นจากใต้ดิน
อาวุธทั้งสองแค่ตวัด ลำแสงกระบี่สองสายและลำแสงดาบสายหนึ่งก็สับไปทางวานรมารที่อยู่ท่ามกลางวายุมาร
ทั้งสามยังไม่ทันสับลงมา ก็มีไอมารเย็นเยียบสามกลุ่มม้วนวนไปก่อน คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนแหลมคมมาก
แม้ว่าวานรมารจะมั่นใจในเกราะสงครามบนร่าง แต่แน่นอนว่าย่อมไม่รับการโจมตีตรงๆ แบบก่อนหน้าแล้ว ทันใดนั้นพลันหยุดชะงักร่างกายอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย กลางวายุมารมีเสียง “ฉับๆๆ” ดังขึ้นสามครั้ง
รอยบากสีม่วงสามสายเปล่งแสงสว่างวาบ โจมตีลำแสงกระบี่และลำแสงดาบได้อย่างง่ายดาย
แต่เมื่อวายุมารหยุดชะงักเล็กน้อย หานลี่ที่ถือดวงแสงสีทองอยู่ตรงข้าม กลับหัวเราะใส่วานรมารเบาๆ
ครู่ต่อมาวานรมารไม่ทันได้คิดจะกระตุ้นวายุมาร ฉับพลันนั้นก็รู้สึกว่าทัศนียภาพรอบด้านรางเลือน ดอกบัวสีเขียวขนาดสองสามฉื่อทะลักออกมาจากกำแพงทางเดินทั้งสี่ จากนั้นลำแสงสีเขียวก็เชื่อมต่อกัน กลายเป็นม่านลำแสงสีเขียวผืนหนึ่ง ห่อหุ้มหานลี่เอาไว้ข้างใน
วานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ตกอยู่ในอานุภาพของเขตอาคมกระบี่ หานลี่จึงกระตุ้นเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์อย่างไม่เกรงเลยสักนิด
ยามนี้พลันมีดาบกระบี่สีทองปรากฏขึ้นจากใต้ดิน มันพลิ้วไหวแล้วสลายหายไปบนพื้นดิน
และในเวลาเดียวกันจุดที่หานลี่ยืนอยู่ก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ สะท้อนเงาสีดำจางๆ สายหนึ่ง ลำแสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้า นักรบเกราะสีทองเรืองรองสองตนปรากฏออกมาจากเงา
ตนหนึ่งถือกระบี่ยาวคู่หนึ่ง อีกคนหนึ่งถือดาบด้วยมือหนึ่ง
นั่นก็คือหุ่นเชิดเงาสองตัวที่สร้างขึ้นจากยันต์เกราะปราณ!
“เขตอาคมกระบี่! นี่มันยุ่งยากแล้ว” แม้ว่าวานรมารที่ติดอยู่ในเขตอาคมกระบี่จะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีร้อนรนจนทำตัวไม่ถูก แค่เอ่ยพึมพำออกมาเท่านั้น
และในยามนั้นหานลี่ที่อยู่ด้านนอกพลันมีแววตาเย็นเยียบ ร่ายอาคมกระตุ้นในใจ เปิดใช้อานุภาพของเขตอาคมกระบี่
ฉับพลันนั้นวานรมารพลันรู้สึกว่ารอบด้านมีลำแสงสีเขียวสว่างวาบ พฤกษายักษ์สีเขียวหนาเท่าตัวคนปรากฏขึ้นกลางอากาศหลายต้น จากนั้นก็ทุบลงมาราวกับห่าฝน
วานรมารแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ลำแสงสีโลหิตบนเกราะด้านบนใบหน้าเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไป เผยใบหน้าที่โหดเ**้ยมออกมา ส่วนดวงตายักษ์ที่เหมือนระฆังคู่นั้นก็มีลำแสงสีม่วงสองดวงเปล่งแสงสว่างวาบ หากเพ่งพินิจมองก็จะพบว่าในลำแสงสีม่วงมีอักขระห้าเปล่งแสงสว่างวาบอยู่รางๆ ไม่หยุด
ดวงตาปีศาจที่ประหลาดเช่นนี้ กวาดมองไปยังพฤกษายักษ์สีเขียวที่เรียงตัวแน่นอยู่กลางอากาศแวบหนึ่ง ใบหน้ากลับเผยแววยิ้มเยาะออกมา
จากนั้นมันก็ใช้แขนข้างหนึ่งชี้ไปที่พฤกษาสีเขียวต้นหนึ่งที่กำลังลดระดับลงมา ตะปบออกไปกลางอากาศ ท่าทางไม่สนใจที่มันกำลังจะกระทุ้งลงมาหาเขาเลยสักนิด
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!
มือยักษ์เปล่งแสงเรืองรองข้างหนึ่งปรากฏขึ้น และทำลายพฤกษายักษ์ต้นอื่นๆ และฉวยเอาพฤกษาสีเขียวที่ไม่สะดุดตาต้นนั้นเอาไว้ในมือ
จากนั้นหว่างนิ้วพลันมีลำแสงสีม่วงสว่างวาบ พฤกษาสีเขียวกลายเป็นกระบี่บินความยาวสองสามฉื่อเล่มหนึ่ง เปล่งแสงสีเขียวมรกตดูเหมือนจะแหลมคมเป็นอย่างมาก
ในเวลาเดียวกันที่กระบี่บินเล่มนี้ถูกทำลายเคล็ดวิชาลวงตาออก พฤกษายักษ์ต้นอื่นๆ ที่กำลังจะกระทุ้งลงมาที่วานรยักษ์ก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไป
กระบี่บินสีเขียวเล่มนั้นลอยพลิ้วไปมาอยู่ในมือยักษ์ ท่าทางดิ้นรนอยากหลุดพ้น
แต่ใบหน้าของวานรยักษ์พลันมีสีหน้าโหดเ**้ยมปรากฏขึ้น โยนกระบี่ยักษ์สีม่วงในมือออกไป สับลงมาที่กระบี่บินสีเขียว
มองปราดเดียวก็ดูออกว่ากระบี่บินเล่มนี้เป็นกระบี่บินประจำกายของอีกฝ่าย หากสับออกเป็นสองท่อนไป แน่นอนว่าย่อมทำร้ายจิตวิญญาณของอีกฝ่ายได้
หานลี่ที่อยู่นอกเขตอาคมกระบี่เห็นเคล็ดวิชาลวงตาถูกทำลายออกเมื่อครู่ก็ตกตะลึง แต่เมื่อเห็นฉากนี้พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม จะปล่อยให้วานรมารทำสำเร็จได้อย่างไร
หากเปลี่ยนเป็นกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาที่ยังไม่ได้บ่มเพาะครั้งที่สอง ภายใต้สถานการณ์ที่พลังปราณสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ถูกอีกฝ่ายใช้เคล็ดวิชาทมิฬจับเป็นๆ เช่นนี้ บางทีก็อาจจะซวยมาก
แต่เมื่อมีอิทธิฤทธิ์ลวงตาของกระบี่วิญญาณ การทำให้กระบี่บินกลายเป็นของจริงได้ในพริบตา ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายเรื่องหนึ่ง
หานลี่แค่ใช้มือหนึ่งชี้ไปที่กระบี่บินกลางเขตอาคมกระบี่
หลังจากเสียง “ปัง” ดังขึ้น กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาเล่มนั้นก็ถูกมือยักษ์จับเอาไว้ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
ครู่ต่อมาห่างออกไปสิบจั้งเศษ ดวงไฟสีเขียวเป็นกลุ่มๆ ก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็รวมตัวกัน ชั่วขณะนั้นกระบี่บินสีเขียวพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ
กระบี่เล่มนี้เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วสลายหายไปท่ามกลางเขตอาคมกระบี่อีกครั้ง
วานรมารพลันมีสีหน้าตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นแววตาโหดเ**้ยมก็ฉายแวบผ่าน มือหนึ่งร่ายอาคม ลำแสงสีม่วงในดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นเจิดจ้า ส่วนในส่วนลึกของนัยน์ตาก็มีอักขระห้าสีกวาดผ่านไปมารางๆ ไม่หยุด
สุดท้ายสายตาพลันหยุดชะงัก คาดไม่ถึงว่าจะหยุดอยู่ที่เรือนร่างของหานลี่นอกเขตอาคมกระบี่
“เนตรวิญญาณ”
หานลี่เห็นสถานการณ์นี้พลันมีจิตใจหนักอึ้ง ความสงสัยเดิมพลันมลายหายไป
คาดไม่ถึงว่าดวงตาของวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตนนี้ จะมีอิทธิฤทธิ์ไม่ต่างอะไรกับเนตรวิญญาณวารีกระจ่างนัก
ดังนั้นถึงได้มองเคล็ดวิชาลวงตาของเขตอาคมกระบี่ของเขาออก และหาตำแหน่งของเขาพบผ่านเขตอาคมกระบี่