A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1632 ภูเขาถล่ม
แม้ว่าหานลี่จะไม่ได้มองอย่างละเอียด แต่ก็ยังคงพอเข้าใจเนื้อหาตัวอักษรลูกอ๊อดสีเงินในนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเคล็ดวิชาหลอมอาวุธลับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
แค่อ่านเนื้อหาไปเล็กน้อย ก็ให้ความรู้สึกเหลวไหลต่อเขาเป็นอย่างมาก
เพราะว่าในนั้นไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่ใช้หรือวิธีการหลอมอาวุธ ก็แทบจะเป็นสิ่งที่หานลี่ไม่เคยคิดมาก่อน
ในตอนสุดท้ายของคัมภีร์ก็ยังเรียกตัวเองว่าเป็นเคล็ดวิชาลับหลอมสมบัติ แม้กระทั่งสามารถเทียบได้กับสมบัติของสวรรค์ทมิฬ นี่ถึงได้เรียกว่าเคล็ดวิชานี้ทำมาเพื่อเคล็ดวิชาหลอมสมบัติทมิฬ
ขั้นตอนการ ‘หลอมอาทิตย์’ ‘หลอมทะเล’ นั้น คาดไม่ถึงว่าในคัมภีร์จะเอ่ยเอาไว้อย่างง่ายๆ เท่านั้น วิธีการนี้น่าจะมีแต่ในบรรดาเทพเซียนของแดนเทพเซียนเท่านั้นที่จะมีพลังสำแดงออกมาได้ สำหรับเขาแล้ว ล้วนเป็นสิ่งที่เพ้อฝัน
แม้ว่าจะไม่ได้จับตาดูอย่างละเอียด แต่หานลี่ก็รู้สึกผิดหวังในใจไปก่อนแล้ว
หากไม่ใช่เพราะคัมภีร์นี้เขียนขึ้นมาจากตัวอักษรลูกอ๊อดสีเงิน เขาก็แทบจะคิดว่าคัมภีร์นี้เป็นคัมภีร์ที่วานรมารตัวนั้นตั้งใจสร้างขึ้น
หานลี่ขบคิดอย่างไม่พอใจเล็กๆ ฉับพลันนั้นลำแสงสีฟ้าในดวงตาทั้งพลันเปล่งแสงสว่างวาบมองไปยังเตียงโลหิตอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาพลันหน้าเปลี่ยนสี คาดไม่ถึงว่าจะพบอะไรเข้าจริงๆ
ฉับพลันนั้นร่างกายของหานลี่พลันพลิ้วไหว วูบไปเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็มาปรากฏตัวเหนือเตียงโลหิต
ฝ่ามือข้างหนึ่งพลันกางนิ้วทั้งห้าออก แล้วตบไปบนเหนือเตียงโลหิต
เสียง “ตึงๆๆ” ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว กลายเป็นตาข่ายสีทองปกคลุมเตียงโลหิตเอาไว้
ชั่วขณะนั้นอักขระสีเงินพลันหดเล็กลงราวกับพบดาวมฤตยู ชั่วพริบตานั้นพลันหายวับไปจากสายตา
เมื่อประจุไฟฟ้าสีทองโจมตีมา เตียงโลหิตพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลิ่นโลหิตคละคลุ้งโชยออกมาในเวลาเดียวกัน ทำให้เขาได้กลิ่นแล้วรู้สึกคลื่นไส้อาเจียน
หานลี่พลันเลิกคิ้ว แต่นิ้วทั้งห้าที่ประกบกันพลันมีประจุไฟฟ้าสีทองทะลักออกมา
ตาข่ายอัสนีด้านล่างพลันหุบลงทันที ประจุไฟฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ไอโลหิตพลันถูกลำแสงอัสนีกวาดไปจนเกลี้ยง
จากนั้นกลางตาข่ายไฟฟ้าสีทองพลันมีแผ่นป้ายหยกสีขาวนวลขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏออกมา ด้านบนมีอักขระสีเงินหมุนวนอยู่รางๆ
“เป็นแผ่นนอกจริงๆ ดูแล้วของสิ่งนี้คงเป็นของจริง ทว่าคัมภีร์น่าจะมีต้นกำเนิดจากแดนของเผ่ามนุษย์และปีศาจ เหตุใดถึงตกมาอยู่ในแดนนอก และยังตกมาอยู่ในมือของวานรมารตนนี้”หานลี่ไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจ กลับขมวดคิ้วแล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
จะว่าไปแล้วหานลี่ก็ได้คัมภีร์สีทองนี้มาสามหน้าแล้ว แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่อยู่ในบันทึกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าสำหรับเขา หากเขาพัฒนาขึ้นไปอยู่ในระดับต้าเซิ่งได้ ไม่แน่ว่าก็อาจจะได้ใช้สิ่งนี้
ทว่าเคล็ดวิชาหลอมอาวุธสวรรค์ทมิฬก็สามารถให้เขาใช้เป็นกระจกเงาในการเรียนรู้ได้ หากเรียนรู้อะไรได้ ก็ยังคงเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก
เมื่อขบคิดเช่นนั้น หานลี่กลับรู้สึกว่านี้ไม่ใช่โอกาสดีในการศึกษาหน้ากระดาษหยกนี้อย่างละเอียด จึงสะบัดแขนเสื้อในทันใด
หมอกลำแสงสีเขียวม้วนวนลงไป!
หมอกลำแสงตรงหน้าหมายจะม้วนป้ายหยกเข้าไป สิ่งนี้กลับหมุนติ้วๆ ฉับพลันนั้นก็บินไปกลางอากาศอีกด้านราวกับของกายสิทธิ์
แต่หานลี่ที่เตรียมการป้องกันมาตั้งนานแล้ว ฝ่ามือข้างหนึ่งตะปบออกไปราวกับสายฟ้า
ชั่วขณะนั้นพลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันแผ่ตัวลงมา ห่อหุ้มเอาไว้ในรัศมีวงกลมสิบจั้งเศษ
หลังจากเสียง “สวบ”ดังขึ้น แผ่นป้ายหยกก็ถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือ
ทันใดนั้นหานลี่ก็ควักกล่องหยกออกมาจากกำไลเก็บของอีกครั้ง วางแผ่นป้ายหยกลงไปอย่างระมัดระวัง หลังจากแปะยันต์วิเศษสองสามแผ่นลงไป ถึงได้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเก็บลงไป
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ห้องโถงใหญ่ก็ไม่มีสิ่งใดรั้งเขาไว้ได้อีก
ร่างกายของเขาพลิ้วไหว แล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งไปด้านนอกห้องโถง จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้ง แล้วจมหายเข้าไปในทางเดินไอมาร
หานลี่ที่อยู่ในลำแสงหลีกหนี สองมือมีศิลาวิญญาณธาตุไม้ระดับสุดยอดปรากฏขึ้นข้างละก้อน เปล่งแสงสีเขียวมรกตระยิบระยับไม่หยุด!
และแทบจะในเวลาเดียวกันยาลูกกลอนที่กินลงไปก่อนหน้าก็เริ่มออกฤทธิ์ ไอวิญญาณบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นในร่าง และถูกดูดเข้ามาในชีพจรทีละนิดๆ
เขาในยามนี้กำลังกดไปยังตำแหน่งที่แมลงกลืนทองบินหนีออกมา
ตรงนั้นเป็นตำแหน่งที่ที่หญิงสาวนามว่าเซียนเซียน เสี่ยงอันตรายบุกเข้าไปยังเทือกเขามารสีทองที่แท้จริง
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีแผนการอะไร แต่คิดดูแล้วก็คงไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดายแน่
ยามนี้หานลี่จัดการเรื่องของตัวเองเสร็จแล้ว ก็ไม่กังวลใดๆ อีก แน่นอนว่าจึงอยากเข้าไปดูสักหน่อย
การต่อสู้กับวานรมารเมื่อครู่แม้ว่าจะอันตรายมาก แต่ความจริงแล้วกลับเสียเวลาไม่นานนัก ใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งมื้ออาหารเท่านั้น
แมลงกลืนทองที่ปล่อยออกมาไล่ล่าตัวนั้นพลันหยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งไม่ขยับเขยื้อนอีก เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวเผ่าผลึกยังทำไม่สำเร็จ เข้าไปตอนนี้น่าจะทันเวลาพอดี
แม้ว่าเขาในยามนี้จะสูญเสียพลังปราณไปไม่น้อย ร่างเทวรูปก็หดเล็กลงไปครึ่งหนึ่ง แต่หญิงสาวเผ่าผลึกมีพลังยุทธ์ต่ำต้อย แน่นอนว่าจึงไม่ต้องหวาดกลัวใดๆ
มิเช่นนั้นหากเผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังยุทธ์ใกล้เคียงกับเขา หานลี่ก็กลัวว่าในสภาพที่ตนเองสูญเสียพลังยุทธ์ไปจำนวนมาก ก็อาจจะหนีไปอย่างแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย ไม่ยอมให้มีเรื่องอะไรเพิ่มเข้ามาแน่
หานลี่บินไปด้วยความรวดเร็ว แต่บินไปได้เกือบครึ่งทาง ฉับพลันนั้นทั้งทางเดินใต้ดินก็สั่นคลอนอย่างหนัก จากนั้นความเปลี่ยนแปลงก็บังเกิดขึ้น!
ไอมารทั้งทางเดิมสูญเสียการควบคุมพลางหมุนวนอย่างหนัก ไอมารเปล่งเสียงหึ่งๆ ออกมาในเวลาเดียวกัน เกิดเป็นพายุหมุน ใบมีดวายุสีดำสนิทจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นเต็มไปหมด แค่กะพริบวาบก็พุ่งไปรอบๆ ทั่วทั้งทางเดิน
ภายใต้ความตกตะลึงของหานลี่ แขนเสื้อแค่มีลำแสงม้วนวนออกมา ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงสีเทาชั้นหนึ่งก็ห่อหุ้มเรือนร่างของเขาเอาไว้ข้างใน
แม้ว่าใบมีดวายุเหล่านั้นจะดูดุร้าย แต่เมื่อสับลงมาที่ลำแสงเทวะดูดปราณกลับทยอยกันสลายหายไป
หานลี่พลันขมวดคิ้ว ความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงร้องคำรามประหลาดๆ ราวกับเสียงม้าร้องคำรามพลันดังขึ้นที่ข้างหูราวกับอัสนีฟ้าฟาด
แค่ได้ฟังเสียงนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะรู้สึกว่าลมปราณในร่างแข็งค้าง ชั่วครู่ก็ไม่อาจควบคุมมันได้เลยสักนิด
จากลำแสงสีเทาพลันสลายออก ร่างของหานลี่ร่อนลงจากกลางอากาศ ระหว่างทางพลันมีใบมีดวายุพุ่งเข้ามาจากรอบทิศทาง ชั่วครู่ก็สับลงมาบนร่างของหานลี่ราวกับพายุระเบิดฝนกระหน่ำ
หากเปลี่ยนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมถูกสับออกเป็นหมื่นๆ ชิ้นแล้ว
แต่หานลี่มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่ามารอสูรระดับหลอมรวมแล้ว ได้ยินเพียงเสียง “ปังๆ” คาดไม่ถึงว่าเขาจะปลอดภัยอยู่ท่ามกลางลำแสงสีเขียว
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น หานลี่ก็ยังรู้สึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง จิตสัมผัสเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นคาถาขับเคลื่อนพลันกลายเป็นไอเย็นเยียบไหลโคจรไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย พลังวิญญาณในร่างสลายหายไปอย่างแปลกประหลาด
ลำแสงหลีกหนีปรากฏขึ้น กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งทะยานออกไปอีกครั้ง
และในยามนั้นเองทางเดินด้านล่างเขาพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น พ่นประจุไฟฟ้าสีดำสนิทจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา
ไม่ว่าจะเป็นไอมารหรือว่ากำแพงหินตรงอื่น เมื่อสัมผัสกับประจุไฟฟ้านี้ ก็จะสลายกลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา
หานลี่พลันตกตะลึง ศิลาวิญญาณในมือสลายหายไปทันที จากนั้นมือหนึ่งพลันร่ายอาคม หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ชุดอัสนีสีทองเงินชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนผิวกาย
แม้ว่าไฟฟ้าสีดำนี้จะพันรัดร่างของเขาไว้ แต่เมื่อประจุไฟฟ้าหลากสีสันตัดสลับกันไปมา หานลี่กลับปลอดภัยไร้กังวล
แต่จากนั้นอัสนีจำนวนนับไม่ถ้วนก็ระเบิดออกจากใต้ดินอย่างต่อเนื่อง ประจุไฟฟ้าสีดำระเบิดออกทั้งทางเดินที่มีไอมาร คาดไม่ถึงว่าจะพังทลายลงมาจนหมด
ศิลายักษ์ขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนโปรยปรายลงมาจากกลางอากาศ แม้ว่าหานลี่จะมีความสามารถไม่อ่อนแอ แต่ในขณะที่ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกศิลาจำนวนมากฝังไว้ด้านล่าง…
ด้านนอกภูเขายอดเขาทั้งลูกพังทลายลงมาด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง ราวกับว่ามือยักษ์ไร้รูปร่างข้างหนึ่งกดลงไปบนภูเขาทั้งลูก จากนั้นก็ออกแรงกดลงไปอย่างไรอย่างนั้น
ท่ามกลางรอยแยกของกำแพงภูเขา ไอมารสีดำเป็นกลุ่มๆ ถูกบีบออกมาเช่นกัน และพยายามคลี่ขยายไปทั่วทุกสารทิศ
เสียงกรีดร้องดังออกมาจากยอดเขาที่พังทลายอีกครั้ง จากนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังสนั่นขึ้น!
สายฟ้าสีดำสนิทสิบกว่าสายทยอยกันพุ่งออกมาจากรอยแยกของศิลาที่แตกละเอียด ชั่วครู่ก็กลายเป็นสายฟ้าสีดำขนาดร้อยจั้งเศษ เริงระบำอยู่กลางอากาศ
มองจากไกลๆ ดูเหมือนหนวดปลาหมึกสิบกว่าเส้นตวัดไปมาอยู่กลางอากาศไม่หยุด
จากนั้นเสียงพังทลายก็ดังขึ้น ศิลาแตกละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากภูเขายักษ์ที่พังทลาย ภูเขาทั้งลูกดูราวกับถูกปรับระดับอย่างไรอย่างนั้น ตรงจุดที่เดิมเป็นภูเขาเผยร่างอันใหญ่มหึมามากกว่าพันจั้งออกมา
คาดไม่ถึงว่าเรือนกายของสัตว์ประหลาดตัวนี้จะสร้างขึ้นจากลำแสงสีดำ แต่ผิวของมันกลับมีอัสนีสีดำน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่า ‘หนวดปลาหมึก’ สิบกว่าสายที่แต่เดิมพ่นออกมาจะเป็นแค่ส่วนที่หนาที่สุดส่วนหนึ่งเท่านั้น
ตรงใจกลางของลำแสงสีดำกลับมีใบหน้ายักษ์สีขาวขนาดสองสามหมู่ปรากฏขึ้น ดวงตากลมโตทั้งสองฉายแววเย็นเยียบดุดันออกมา
ฉับพลันนั้นเสียงมังกรคำรามก็ดังออกมาจากลำแสงสีดำ ผิวของสัตว์ประหลาดยักษ์มีลำแสงสีโลหิตสว่างวาบ มังกรวารีสีแดงโลหิตฉีกร่างสัตว์ประหลาดออกแล้วพุ่งออกมาจากด้านใน แค่กะพริบวาบครั้งหนึ่ง ก็อยู่ห่างออกไปร้อยจั้งเศษ จากนั้นก็หมุนวนรอบหนึ่ง เผยร่างบุรุษสวมชุดเกราะสีเงินแต่มีหนามแหลมเต็มไปหมดออกมา
นั่นก็คือบุรุษแซ่กุยผู้นั้น
แต่แค่เขาในยามนี้ใบหน้าไม่มีสีหน้าโหดเ**้ยมเย็นชาดังเดิมอีกแล้ว แต่สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว ในเวลาเดียวกันดวงตาก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
และในยามนั้นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่อยู่ด้านล่างก็ร้องคำรามออกมา จากนั้นร่างกายครึ่งท่อนที่สูงสองสามร้อยจั้งก็ระเบิดออก พายุหมุนสีเขียวกลุ่มหนึ่งม้วนวนออกมาจากด้านใน จากนั้นพายุหมุนก็รวมตัวกัน กลายเป็นเงาลวงตากิเลนสีเขียวขนาดร้อยจั้งเศษตัวหนึ่ง
ใบหน้ายักษ์ร้องคำรามด้วยความโกรธา หลังจากประจุไฟฟ้าสีดำที่หนาที่สุดเปล่งเสียงอัสนีฟ้าฟาดออกมาแล้ว ประจุไฟฟ้าสีดำก็สับลงมาราวกับใบมีดยักษ์ใบหนึ่ง
แต่เงาลวงตาของกิเลนยักษ์แค่เปล่งแสงสว่างวาบ ก็หายวับไปราวกับไร้รูปร่าง
ครู่ต่อมาอีกด้านหนึ่งห่างออกไปร้อยจั้งเศษ พายุสีเขียวพลันพัดผ่านมา เงาลวงตากิเลนเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ผิวของมันพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ร่างกายกลับหดเล็กลงสองสามเท่า จนมีขนาดสองสามจั้ง แต่ร่างกายกลับหนาแน่นขึ้น ราวกับเป็นของจริงอย่างไรอย่างนั้น
ยามนี้ถึงได้มองเห็นอย่างชัดเจน ตรงหว่างคิ้วของกิเลนสีเขียวมีผลึกศิลาเปล่งแสงเรืองรองปรากฏเพิ่มขึ้นมา และสิ่งที่เผยออกมาจากดวงตาทั้งสองก็เป็นสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวเช่นกัน