A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1634 อานุภาพของมารวิญญาณ
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1634 อานุภาพของมารวิญญาณ
นั่นคือแมลงกลืนทองที่หานลี่ส่งออกไปสะกดรอยตัวนั้น
แมลงตัวนั้นแค่ร่างกายพลิ้วไหว ก็จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของหานลี่อย่างไร้ร่องรอย
จิตสัมผัสเสี้ยวหนึ่งที่สิงอยู่กับร่างแมลงวิญญาณก็กลับมาในพริบตา
หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสสลับไปมา!
ข่าวสารในจิตสัมผัสเสี้ยวนั้นถูกสูบเข้ามา สิ่งที่แมลงกลืนทองได้ยินก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นราวกับเห็นด้วยตาตัวเองอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนใบหน้ายักษ์เห็นหานลี่รับการโจมตีของตนอย่างสบายๆ เช่นนี้ ก็ไม่ได้ทำการโจมตีครั้งต่อไปในทันที สายตาเย็นเยียบฉายแวววาวโรจน์ขณะพิจารณาหานลี่ ดูเหมือนว่าจะมีแววหวาดกลัวสองสามส่วน
“กลิ่นอายวานรมารตัวนั้นหายไปแล้ว หรือว่าจะถูกเจ้าสังหารไป” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เสียงเคร่งขรึมก็ดังออกมาจากปากของใบหน้ายักษ์
“อ๋อ นายท่านตอบสนองได้รวดเร็วนัก ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่ วานรมารตัวนั้นก็คงไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว” หานลี่แววตาเปล่งประกาย พลางตอบกลับอย่างแช่มช้า
“หึ เอาเปรียบเจ้าแล้ว วานรมารตัวนั้นรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่ เดิมทีก็เป็นเพราะข้าดึงดูดเขามา คิดว่ารอให้เขาฝึกฝนจนเป็นร่างวิญญาณเที่ยงแท้ ก็จะกินเขาดังสมุนไพรเพื่อชดเชย วานรมารตัวนี้ยังคิดว่าจะมีที่ที่มีไอมารบริสุทธิ์เช่นนี้ตามธรรมชาติอีก” ใบหน้าประหลาดเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อได้ยินคำนี้หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี แต่ทันใดนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ : “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็ว่าไอมารที่นี่บริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ รวบรวมจากร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บของวานรมารได้ยากนัก ที่แท้นายท่านก็เป็นคนทำ ทว่าท่านคือสิ่งใดกันแน่ ข้าน้อยชักจะสนใจแล้วสิ หรือว่าเป็นวิญญาณฟ้าดินชนิดหนึ่ง?”
“วิญญาณฟ้าดินอะไรกัน? ทว่าอาศัยพลังของวิญญาณเที่ยงแท้ กำเนิดเป็นภาพลวงตาเท่านั้น เดิมทีก็ไม่ได้มีจิตวิญญาณ เป็นแค่สิ่งโง่เขลาที่ไม่รู้อะไรทั้งนั้น แต่กลับถูกพลังจากภายนอกควบคุมและสิงร่าง ถึงได้เปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์เพทุบายเช่นนี้ พี่หานต้องระวังให้มากหน่อย” กิเลนสีเขียวพลันเอ่ยปาก
“ตอนนี้เจ้ายังเป็นท่านเซียนเซียนสินะ?” หานลี่ฟังเสียงไพเราะของสตรีจากกิเลน ก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
“แน่นอนว่าเป็นชนรุ่นหลังเจ้าค่ะ ทว่าตอนนี้ข้าอยู่ในรูปลักษณ์พิเศษ รวมจิตวิญญาณสองชนิดเข้าด้วยกันชั่วคราว เพื่อควบคุมเทวรูปกิเลน แต่สิ่งสำคัญคือยังคงเป็นข้าที่เป็นจิตวิญญาณหลัก” หลังจากที่กิเลนสีเขียวถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะตอบกลับตามความเป็นจริง
“เช่นนั้น จุดประสงค์หลักที่ท่านเซียนเซียนให้ข้ามาที่นี่ ความจริงแล้วก็เพื่อสิ่งที่เรียกว่าต้นกำเนิดของกิเลนเที่ยงแท้สินะ เรื่องของการใช้แกนมารระดับศักดิ์สิทธิ์ซ่อมแซมเกราะมาร คงไม่ได้เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมดสินะ” หานลี่จ้องกิเลนสีเขียวเขม็ง น้ำเสียงไร้ซึ่งความรู้สึก
“แน่นอนว่าไม่ใช่ การซ่อมแซมเกราะมารเหนือฟ้า ต้องใช้แกนมารระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิด ส่วนต้นกำเนิดของกิเลนเที่ยงแท้นั้น ข้ายอมรับว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากสหาย แต่ความจริงแล้วสหายหานก็ไม่ได้สูญเสียใดๆ ข้าแค่อาศัยโอกาสนี้ ส่วนวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นในเมื่อถูกสหายสังหารแล้ว คิดดูแล้วเรื่องที่ได้รับบาดเจ็บหนักก็คงเป็นเรื่องจริง” น้ำเสียงของเซียนเซียน เปลี่ยนเป็นน่าสงสารอย่างชัดเจน
“สหายพูดไม่ผิด ข้าไม่ได้รับความเสียหายอะไร แต่ตอนนี้ดูแล้ว แผนของท่านเซียนคงไม่ค่อยราบรื่น เกิดปัญหาไม่น้อย” หานลี่กวาดสายตาไปบนร่างแยกทั้งสามของบุรุษแซ่กุย แล้วมองไปยังใบหน้ายักษ์ด้านล่าง ใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
“ข้าคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ แต่ขอแค่กำจัดรังวิญญาณด้านล่างได้ ก็ยังคงเอาต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ได้ ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่กิเลนเที่ยงแท้ทิ้งเอาไว้ส่วนหนึ่งเมื่อยามถือกำเนิดจริงๆ สิ่งมีชีวิตใดได้มันไป ล้วนสามารถถอดรกเปลี่ยนกระดูกได้ ได้ประโยชน์ที่น่าเหลือเชื่อ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง หากพี่หานได้มันมาสักนิด การพัฒนาขึ้นระดับอินทรีย์ก็ไม่ใช่ปัญหา”
นับว่าสตรีผู้นี้ก็เด็ดขาดมาก! นางตัดสินใจประกาศเรื่องต้นกำเนิดของกิเลนเที่ยงแท้ออกมา”
สำหรับนางแล้วในเมื่อไม่สามารถริบเจ้าสิ่งนี้ไปลำพัง และยิ่งไปกว่านั้นตนก็เป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุด ณ ที่นั้น จึงไม่สู้ดึงหานลี่เข้ามาช่วยต่อกรกับคนอื่นๆ จะดีกว่า
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร อยากแบ่งต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ให้คนผู้นี้หรือ? หากอยากแบ่ง ก็แบ่งจากส่วนของเจ้าให้คนผู้นี้ ครึ่งหนึ่งของข้าไม่แบ่งให้ใครทั้งนั้น” บุรุษแซ่กุยที่กลายเป็นมังกรวารี เอ่ยอย่างเย็นชา
“ล้วนไม่ใช่ปัญหา พี่หาน ข้าจะทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้า เจ้าช่วยข้าสังหารรังวิญญาณด้านล่าง ข้าจะแบ่งต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ให้เจ้าส่วนหนึ่ง สหายไม่มีมีจิตสัมผัสของกิเลนเที่ยงแท้หรือ มีแค่ส่วนนี้ก็พอแล้ว หากมากเกินไปจะทำให้ได้รับบาดเจ็บไม่มีประโยชน์ และยิ่งไปกว่านั้นการหลอมพลังต้นกำเนิดนี้ ยังต้องใช้วิธีพิเศษ ถึงยามนั้นน้องหญิงจะบอกท่านอย่างหมดเปลือก” น้ำเสียงของเซียนเซียน ดังสละสลวยออกมาจากเงาลวงตากิเลน
หานลี่ได้ฟังพลันหรี่ตาทั้งสองข้างลง
ทำให้เขาพัฒนาระดับอินทรีย์ได้? ความเย้ายวนใจนี้แน่นอนว่าย่อมยิ่งใหญ่มาก ทว่าเรื่องของ ‘ต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้’ เขาก็เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก จึงเชื่อเรื่องนี้เพียงครึ่งเดียว
ทว่าไม่รอให้หานลี่ได้ตัดสินใจ ใบหน้ายักษ์ด้านล่างกลับเปล่งเสียงหัวเราะประหลาดๆ ที่ไม่ไพเราะออกมา
“แบ่งต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้! พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าตนจะมีโอกาส นับเวลาดูแล้วก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว เจ้าสองคนไม่รู้สึกว่าร่างกายมีอะไรผิดปกติหรือ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของใบหน้ายักษ์ บุรุษแซ่กุยและเซียนเซียน พลันตกตะลึง แน่นอนว่าย่อมรีบกวาดจิตสัมผัสไปตามความรู้สึก อยากค้นหาความผิดปกติในร่างกายของตน
ผลคือแทบจะในเวลาเดียวกันบุรุษแซ่กุยและร่างแยกทั้งสองเปล่งเสียงร้องอันน่าเวทนาออกมา เส้นไหมสีดำราวกับเส้นผมพุ่งออกมาจากผิวหนังจำนวนนับไม่ถ้วน ทอตัวหนาแน่น ชั่วครู่ก็ฉีกร่างแยกทั้งสองออกเป็นชิ้นๆ
ชั่วขณะนั้นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ดูเหมือนหอยเม่นสีดำสองตัวปรากฏขึ้นกลางอากาศ
จิตวิญญาณของร่างแยกทั้งสองกลายเป็นเพลิงสีเขียวสองกลุ่มถูกเส้นไหมสีดำพุ่งทะลวงผ่าน ไม่ทันได้หลบหลีกเลยสักนิด จากนั้นท่ามกลางลำแสงสีดำที่สว่างวาบ เสี้ยวจิตวิญญาณสองกลุ่มก็ถูกดูดเข้าไปจนเกลี้ยง
บุรุษแซ่กุยที่เดิมทีแปลงเป็นมังกรวารีสีเงิน แม้ว่าจะไม่ได้ถูกระเบิดร่างจนตาย แต่บนเกล็ดสีเงินแวววาวก็มีเส้นไหมสีดำปรากฏเป็นสายๆ หลังจากเปล่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ก็ร่อนลงมาจากบนท้องฟ้า ล้มลงพื้นดังตึง
ส่วนเงาลวงตากิเลนสีเขียวก็ถูกเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนทะลวงผ่านร่างเช่นกัน ร่างกายหดเล็กลงสองสามจั้ง หลังจากกะพริบวาบเป็นครั้งสุดท้าย ก็กลับคืนร่างของสตรีนามว่าเซียนเซียน ดังเดิม
แต่นางในยามนี้ผิวถูกลำแสงสีเขียวเจิดจ้าห่อหุ้มเอาไว้ ด้านในมีเส้นไหมสีดำจำนวนมากกะพริบยืดหดไปมา คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
แม้ว่าสตรีเผ่าผลึกจะไม่ได้ถูกปักลงมากลางอากาศ แต่ร่างกายอรชรอ้อนแอ้นก็สั่นเทาไม่หยุดลงมา ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้เช่นกัน
หานลี่มองเห็นเหตุการณ์นั้นพลันตกตะลึง!
“เป็นไปไม่ได้ เจ้าลงมือกับร่างของพวกเราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เซียนเซียนฝืนระงับความเปลี่ยนแปลงในร่างกายไว้ แล้วร้องแหวด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว
“ตอนไหนหรือ แน่นอนว่าเป็นตอนที่พวกเจ้าอยู่ในร่างของข้า พวกเจ้าคิดว่าข้าสังหารผู้ที่มาเอาต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ก่อนหน้าอย่างไร ขอแค่เข้ามาในร่างของข้า ในตัวของพวกเจ้าก็จะถูกอาคม มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายหรือ แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ตาย ตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างกับหุ่นไม้เท่าใดนัก ยามนี้ขอแค่จัดการเจ้าผู้ที่ก่อความวุ่นวายได้ ข้าก็พึงพอใจแล้ว”
เมื่อเอ่ยจบใบหน้ายักษ์เผยสีหน้าโหดเ**้ยมออกมา ฉับพลันนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นที่ผิวหนัง ประจุไฟฟ้าสีดำเป็นสายๆ กลายเป็นกระบี่สีดำจำนวนนับไม่ถ้วน สับลงมาที่หานลี่อย่างดุดัน
ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ กระบี่สีดำนับร้อยเล่มก็แตกกระจายออก จากนั้นก็หมุนวนราวกับรถวายุ ประจุไฟฟ้าสีดำพุ่งออกมาจากบนนั้นเป็นสายๆ จากนั้นก็เชื่อมต่อกันท่ามกลางเสียงอึกทึก
ชั่วพริบตาตาข่ายยักษ์สีดำขนาดสองสามหมู่ก็ปรากฏขึ้นรอบกายของหานลี่ ปกคลุมหานลี่เอาไว้ทั้งสี่ทิศแปดด้านอย่างแน่นหนา
“เขตอาคมกระบี่”
หานลี่หางตากระตุกพลางเอ่ยกับตนเอง เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา
เสียงร่ายคาถาประหลาดๆ ดังออกมาจากปากของใบหน้ายักษ์ ชั่วขณะนั้นเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีดำเปล่งแสงสว่างวาบอย่างบ้าคลั่ง ตาข่ายยักษ์ทั้งผืนเริ่มค่อยๆ เข้าใกล้ศูนย์กลางโดยมีกระบี่อัสนีสีดำสองสามร้อยเล่มกระตุ้น
ใบหน้าของหานลี่ฉายแววแปลกประหลาด มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศอีกด้าน
กระบี่ยักษ์สีเขียวที่อยู่อีกด้านพลันพลิ้วไหว ชั่วขณะนั้นพลันสลายหายไป ครู่ต่อมาตรงหน้าของหานลี่ก็มีระลอกคลื่นสั่นเทา กระบี่ยักษ์สีเขียวปรากฏขึ้น
มือหนึ่งชี้ไปที่กระบี่ยักษ์เบาๆ
ชั่วขณะนั้นเสียงไพเราะของมังกรพลันดังขึ้น กระบี่ยักษ์กลายเป็นกระบี่ลำแสงสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มวนโคจรล้อมรอบหานลี่
หานลี่พลันร่ายคาถาในใจ
กระบี่บินทั้งหมดสั่นเทาแล้วพลันแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่
ชั่วพริบตากระบี่ลำแสงที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วทั้งสองสามร้อยเล่มพลันปรากฏออกมา ท่ามกลางลำแสงสีเขียวเจิดจ้า กลายเป็นดอกบัวยักษ์สีเขียวแล้วล้อมรอบหานลี่เอาไว้
กลีบดอกบัวหมุนติ้วๆ ชั่วขณะนั้นกระบี่ลำแสงสีเขียวก็พุ่งออกมาราวกับพายุฝนกระหน่ำ
เสียงอึกทึกดังขึ้น ตาข่ายไฟฟ้าสีดำฉีกขาดราวกับกระดาษขณะที่ลำแสงสีเขียวสับลงมา
แต่ใบหน้าของเขากลับไม่เผยรอยยิ้มออกมาเลยสักนิด! เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีดำที่ฉีกขาดรวมตัวกันราวกับมีจิตวิญญาณ ผนึกรวมตัวกันกลายเป็นตาข่ายสีดำที่เหมือนเดิมทุกระเบียบนิ้วอีกครั้งท่ามกลางลำแสงสีดำ ยังคงพุ่งเข้ามาหาหานลี่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี
และแทบจะในเวลาเดียวกัน ใบหน้าประหลาดพลันเปล่งเสียงหัวเราะออกมา ร่างกายอันใหญ่โตบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะมีแขนขาทั้งสี่หนาๆ งอกออก ร่างกายก็สูงใหญ่ขึ้นท่ามกลางลำแสงสีดำ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกิเลนสีดำมีลำแสงรอบกายตัวหนึ่ง
กิเลนตัวนี้สูงประมาณสองสามร้อยจั้ง มองไกลๆ ดูราวกับภูเขาสีดำลูกหนึ่ง ท่าทางใหญ่กว่าก่อนหน้าสองสามส่วน
ใบหน้าประหลาดยักษ์คลุมตรงส่วนหน้าผากของกิเลนเข้าพอดี ใบหน้าบิดเบี้ยวสะดุดตานัก ทำให้อสูรตัวนี้เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาสองสามส่วน
เมื่อแปลงร่างเสร็จ ขาหน้าของกิเลนสีดำก็ชูขึ้น เหยียบย่ำอากาศมาทางหานลี่
ชั่วขณะนั้นเหนือศีรษะของหานลี่ไปสิบจั้งเศษพลันมีระลอกคลื่นบิดเบี้ยวปรากฏขึ้น ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ เท้ายักษ์สีดำราวกับน้ำหมึก ปรากฏขึ้นราวกับเสาค้ำฟ้า
ไม่รอให้เหยียบลงมาจริงๆ พลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้น และห่อหุ้มลงมา
หานลี่ที่อยู่ท่ามกลางกระบี่ลำแสงสีเขียวรู้สึกเพียงว่ารอบด้านตึงเครียด ราวกับว่าห่วงเหล็กขนาดยักษ์ตกลงมาบนร่าง ต้องการรัดเขาให้อยู่ที่เดิม แล้วสงบนิ่งยืนรอความตาย
เท้าสีดำยักษ์ตกลงมา
และในยามนั้นตาข่ายยักษ์สีดำก็เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นใกล้ๆ ประจุไฟฟ้าเปล่งเสียง “ครืน” ออกมา ราวกับเข้าประชิดแค่คืบ
ในช่วงวิกฤตนี้ใบหน้าของหานลี่ไม่ได้เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา แต่สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง บนร่างพลันมีลำแสงสีทองเจิดจ้า เกล็ดสีดำปรากฏขึ้นบนผิว แขนสีทองเรืองรองคู่หนึ่งแยกออกทั้งซ้ายและขวา
เสียง “ตึง” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง! ผูกมัดรอบด้าน คาดไม่ถึงว่าจะถูกหานลี่ใช้พลังมหาศาลทำลายไป