A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1636 อสูรลงทัณฑ์
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1636 อสูรลงทัณฑ์
ทว่าลำแสงสีทองที่อยู่บนผิวของเขาพลันเปล่งแสงสว่างวาบในตอนแรก เสียงเพรียกของวิหคดังออกมาจากแขนเสื้อของเขา เสียงของวิหคเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนร้อนใจ
หานลี่พลันตกตะลึง สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากแววตาเปล่งประกายสองสามครั้ง ทันใดนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ
เสียงหวีดร้องประหลาดๆ “ฮือๆ” ดังขึ้น
กำไลทรงกลมสีดำสนิทวงหนึ่งบินออกมาจากแขนเสื้อ หลังจากหมุนวนโคจรรอบหนึ่ง ก็มีลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากวงแหวน
ลำแสงหม่นแสง วานรสีดำตัวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหานลี่
นั่นก็คืออสูรวิญญาณครวญ!
ทว่าเห็นได้ชัดว่าวิญญาณครวญในยามนี้ตัวใหญ่กว่าปกติ มันไม่รอให้หานลี่ใช้จิตสัมผัสกระตุ้นก็ระเบิดเสียงคำรามออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางลำแสงสีดำที่ไหลวนโคจร กลายเป็นวานรยักษ์สีดำขนาดสามสิบจั้งเศษ
วิญญาณครวญดวงตาสองข้างสีแดงโลหิต กำปั้นขนาดใหญ่ทั้งสองทุบไปบนทรวงอกของตัวเอง ขนสีดำลุกชัน ชั่วขณะนั้นเขี้ยวแหลมคมพลันเผยออกมา บนหัวมีเขาประหลาด คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นภูตยักษ์สามตาตัวหนึ่ง
แผ่นหลังของภูตตนนี้มีหนามกระดูกสีดำสามแท่ง ดูทะมึนทึบน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“อสูรลงทัณฑ์”
กลางอากาศมีเสียงร้องแหลมๆ ด้วยความหวาดกลัวของใบหน้าประหลาดดังขึ้น ชั่วพริบตาชายหนุ่มชุดดำสูงสองสามฉื่อทั่วทั้งท้องฟ้าก็กลายเป็นไอสีดำเป็นกลุ่มๆ ชั่วครู่ก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่พลันกะพริบตาปริบๆ นอกเหนือความคาดหมาย และรู้สึกงุนงง
และในยามนั้นอสูรวิญญาณครวญที่กลายเป็นภูตยักษ์กลับดูเหมือนจะสูญเสียสติปัญญาไป ปากเปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมา ดวงตาปีศาจที่สามเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นเสาลำแสงสีโลหิตสายหนึ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เสียง “แค่กๆ” ประหลาดดังขึ้น เรื่องที่ทำให้หานลี่ตกใจจนสะดุ้งโหยงพลันปรากฏขึ้น
เสาลำแสงสีโลหิตพุ่งออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง แต่เมื่อปรากฏตัวก็เปล่งเสียงร้องไพเราะแล้วกลายเป็นโซ่สีแดงโลหิตเส้นหนึ่ง
โซ่เส้นนี้แค่สะบัดอยู่กลางอากาศ ก็กลายเป็นบ่วงยักษ์ กักสิ่งที่ไร้รูปร่างเอาไว้
จากนั้นโซ่เส้นนั้นก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ผิวของมันมีประจุไฟฟ้าสีแดงโลหิตปรากฏออกมาเป็นสายๆ
ชั่วขณะนั้นเสียงกรีดร้องพลันดังออกมาจากปลายของโซ่ ระหว่างที่ประจุไฟฟ้าสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ ไอสีดำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้งก็ปรากฏขึ้น
โซ่โลหิตดูเหมือนจะเห็นอะไรที่มีรสชาติหอมหวาน ชั่วพริบตาก็พันรัดไปเจ็ดแปดรอบ กดไอสีดำเอาไว้อย่างแน่นหนา
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง เสียงของประจุไฟฟ้าสีโลหิตจึงยิ่งน่าตกตะลึงมากขึ้น
และดูเหมือนว่าไอสีดำนี้จะหวาดกลัวประจุไฟฟ้า ไม่เพียงจะเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญไม่หยุด ภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วลมหายใจยังเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปมาสิบกว่าแบบ พยายามดิ้นรนสุดชีวิต
หนึ่งในนั้นมีรูปร่างชายชุดดำและกิเลนสีดำอยู่ด้วย
แต่เห็นได้ชัดว่าการพยายามครั้งนี้ล้มเหลว ไม่ว่าจะมีรูปร่างแบบใดล้วนเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกประจุไฟฟ้าสีโลหิตโจมตีจนสลายหายไป แล้วกลายเป็นไอสีดำเป็นดวงๆ อีกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าโซ่สีโลหิตจะเป็นดังแมลงเกาะกระดูก กักไอสีดำไร้รูปร่างนั้นไว้แน่น ทำให้มันไม่อาจหลีกหนีได้เลยสักนิด นี่จึงทำให้ไอสีดำนอกจากจะเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญแล้ว ยังระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมาผสมปนเปกัน
และในยามนั้นเองอสูรวิญญาณครวญที่กลายเป็นภูตยักษ์พลันเคลื่อนไหว แขนยักษ์ขนปุกปุยข้างหนึ่งตะปบไปกลางอากาศด้านหลัง
หนามกระดูกสีดำสามแท่งที่แผ่นหลังสลายหายไปจากแผ่นหลังอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน
แต่ครู่ต่อมาในมือของวิญญาณครวญกลับมีลำแสงสีดำสว่างวาบ หนามกระดูกแท่งนั้นปรากฏออกมา และถูกนิ้วทั้งห้ากำเอาไว้แน่น
เสียงบริกรรมคาถาทุ้มต่ำที่หานลี่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังออกจากปากของวิญญาณครวญ หอกกระดูกที่เดิมทีมีสีดำเปล่งแสงเจิดจ้าพลางมีตัวอักษรสีทองปรากฏขึ้นเป็นแถวๆ มันเปล่งแสงสีทองระยิบระยับ ดูลึกลับเป็นอย่างมาก
จากนั้นหอกเล่มนั้นก็สั่นเทาโดยอัตโนมัติ และเปล่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
แทบจะในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นสีทองก็แผ่ขยายออกมาจากปลายหอก ระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา ในเวลาเดียวอักขระยันต์สีทองที่ดูเหมือนตัวอักษรบนหอกกระดูกก็ปรากฏขึ้นในบริเวณรอบพลางลอยตัวพลิ้วไหวไปมา
ชั่วพริบตาที่อักขระยันต์เหล่านั้นปรากฏขึ้น จิตสังหารที่บีบคั้นหัวใจ ก็แผ่ออกมาจากหอกกระดูก
“ตัวอักษรจ้วนทอง”
“หอกเทวาทัณฑ์สวรรค์”
เสียงร้องอุทานอย่างแหบแห้งที่ไม่เหมือนกันสองเสียงดังออกมาจากหานลี่และไอสีดำในเวลาเดียวกัน
ทว่าใบหน้าของหานลี่กลับเต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด แต่เสียงที่ดังออกมาจากไอสีดำกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไอสีดำที่ถูกโซ่โลหิตรัดเอาไว้ไกลออกไปพลันเปล่งเสียงร้องออกมา แล้วเปลี่ยนแปลงรูปร่างอีกครั้ง
เห็นเพียงในไอสีดำมีลำแสงสีดำไหลวนโคจรอยู่ ร่างกายหดเล็กลง แล้วขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
คาดไม่ถึงว่าไอสีดำจะระเบิดออก รัศมีลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในโซ่โลหิต กางโซ่โลหิตออก
ถือโอกาสงามๆ นี้ เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากโซ่โลหิต
ที่แท้เมื่อใบหน้าประหลาดเห็นสถานการณ์ไม่ดีแล้ว แน่นอนว่าย่อมระเบิดตัวเองออกอย่างไม่ลังเล และให้ไอสีดำครึ่งหนึ่งหนีออกมา
ทว่าฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น
เห็นเพียงโซ่โลหิตสายนั้นเกิดเสียงดังกึกก้อง จากนั้นพลันรางเลือน กลายเป็นเส้นไหมสีโลหิตยี่สิบสามสิบสายพุ่งออกมาพร้อมกัน แค่พลิ้วไหว เส้นไหมสีโลหิตทุกเส้นก็ทะลวงผ่านลำแสงสีดำไปราวกับเคลื่อนย้ายกายได้
หลังจากเสียงร้องคร่ำครวญดังขึ้น ลำแสงสีดำเหล่านั้นก็สั่นเทาแล้วกลับคืนร่างเป็นไอสีดำ ถูกตรึงเอาไว้กลางอากาศไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยสักนิด
เส้นไหมโลหิตทั้งหมดเปล่งแสงสว่างวาบแล้วดึงกลับมา คาดไม่ถึงว่าจะรวมไอสีดำให้รวมตัวกันดังเดิม และยิ่งไปกว่านั้นเส้นไหมโลหิตยี่สิบสามสิบสายพลันแข็งตัว กลายเป็นโซ่โลหิตหนาๆ อีกครั้ง พลางทำให้ร่างกายเล็กลงแล้วรัดสีดำรอบๆ ไว้อีกครั้ง
เสียง “สวบ” ดังขึ้น ยามนี้หอกกระดูกในมือของวิญญาณครวญกลายเป็นผลึกลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกไปจากมือ
ความเร็วไม่ถือว่ารวดเร็วนัก แต่ไอมารที่กักอยู่กลับไม่อาจหลบหลีกได้เลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นด้านใน
ไม่เหมือนกับใบหน้าประหลาดสีขาวก่อนหน้า คาดไม่ถึงว่าใบหน้านี้จะมีเขาคู่หนึ่งปรากฏขึ้นบนศีรษะ ทั้งใบหน้ามีอยู่ห้าสี ถูกเปลวเพลิงโลหิตที่แผดเผาปกคลุมเอาไว้ เบ้าตาเป็นสีดำสนิทกลับมีลำแสงสีเงินสองกลุ่มไหลวนโคจรอยู่อย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนมองไปแล้วรู้สึกวิงเวียน
หากกล่าวว่าก่อนหน้านี้ใบหน้าประหลาดนี้คล้ายคลึงกับมนุษย์ธรรมดาสองสามส่วน ใบหน้าตรงหน้าก็เป็นใบหน้ามารที่หานลี่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ท่านเซียนโปรดไว้ชีวิตด้วย รีบหยุดอสูรลงทัณฑ์ เดิมทีข้าก็เป็นเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของราชามารเหนือฟ้า ยอมสยบให้แก่นายท่านเป็นมารรับใช้ท่านเซียน” ใบหน้ามารมีสีหน้าร้อนใจพลางเอ่ยออกมาราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเอาไว้ได้
“ราชามารเหนือฟ้า!” หานลี่ตกใจจนสะดุ้งโหยง ในขณะเดียวกันใจก็เต้นระรัว แต่เมื่อกวาดสายตาไปที่ภูติยักษ์ที่แปลงมาจากวิญญาณครวญกลับรู้สึกจนปัญญา
วิญญาณครวญในตอนนี้ตัดการเชื่อมโยงจิตวิญญาณกับเขาแล้ว ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ไม่รู้สึกตัว เขาจะควบคุมการเคลื่อนไหวของอสูรตัวนี้ได้อย่างไร
ผลคือผลึกลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบทะลวงผ่านเขาไปท่ามกลางสีหน้าสิ้นหวังของใบหน้ามาร
ชั่วขณะนั้นหว่างคิ้วของใบหน้ามารพลันมีรูขนาดเท่าหัวแม่มือปรากฏขึ้นรูหนึ่ง ลำแสงสีทองเจิดจ้าทะลักออกมาจากด้านใน
ชั่วพริบตานั้นก็ห่อหุ้มใบหน้ามารเอาไว้ ใบหน้าของเขาแข็งค้างไม่เปลี่ยนแปลงราวกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น
เสียงไพเราะดังขึ้นใบหน้ามารแตกออกเป็นเสี่ยงๆ โดยมีรูสีทองเป็นใจกลาง กลายเป็นแผ่นห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนลอยอยู่ท่ามกลางไอสีดำ
สองตาของวิญญาณครวญเปล่งแสงสว่างวาบแค่นเสียงขึ้นจมูก พ่นม่านลำแสงสีเหลืองออกมา
ลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงเจิดจ้า ม้วนไอสีดำและเศษแผ่นของใบหน้ามารเข้าไปอย่างง่ายดาย หมุนวนโคจรอีกครั้งแล้วบินกลับมา
ถูกอสูรวิญญาณครวญอ้าปากออกกลืนเข้าไปในท้องทั้งหมด
หลังจากโซ่โลหิตเปล่งเสียงร้องต่ำๆ ออกมาก็สลายหายไปกลางอากาศ
ส่วนหอกกระดูกที่พุ่งออกมาแค่กะพริบวาบก็มาปรากฏบนแผ่นหลังของวิญญาณครวญอีกครั้ง แค่ตัวอักษรจ้วนสีทองบนผิวนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ลำแสงสีดำที่เดิมทีแผ่ออกมาจากเรือนร่างก็หม่นแสงลงจนแทบจะมองไม่เห็น
เสียง “ครืนๆ” ดังขึ้น
นอกเหนือความคาดหมายของหานลี่ หลังจากที่แววตาสีโลหิตของอสูรวิญญาณครวญซึ่งกลืนใบหน้ามารลงไปหายไป ก็เผยสีหน้างุนงงออกมา จากนั้นก็กะพริบตาปริบๆ แล้วล้มลงไปกับพื้นไม่รับรู้เรื่องราวอีก
ชั่วพริบตาร่างที่ใหญ่ยักษ์ก็มีลำแสงสีดำไหลวนโคจรกลับมามีขนาดสองสามฉื่อ แล้วกลายเป็นวานรน้อยสีดำดังเดิม
และแทบจะในเวลาเดียวกันการเชื่อมโยงจิตสัมผัสของหานลี่ที่มีต่ออสูรตัวนี้ก็กลับมาเป็นปกติ
หานลี่พลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็กวาดจิตสัมผัสไปบนเรือนร่างของวานรน้อย ผลคือทำให้ตกตะลึง
คาดไม่ถึงว่าพละกำลังและจิตวิญญาณของอสูรวิญญาณครวญจะแห้งเหือดจนเกือบหมด ราวกับว่าเพิ่งต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งมาสามวันสามคืนอย่างไรอย่างนั้น
ใบหน้าของหานลี่เคร่งขรึมสลับกับสดใส ในหัวราวกับมีน้ำข้นๆ ปรากฏขึ้นกลุ่มหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงของอสูรวิญญาณครวญหรือเรื่องของร่างแยกใบหน้าประหลาดของราชามารเหนือฟ้า ล้วนทำให้เขารู้สึกฉงนเป็นอย่างมาก
ใบหน้ามารนี้ดูเหมือนจะรู้จักวิญญาณครวญและเรียกขานว่า ‘อสูรลงทัณฑ์’ จึงยิ่งทำให้หานลี่รู้สึกงงงวยราวกับจมลงสู่ม่านหมอก
ทว่าเขาเองก็รู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาค้นหาคำตอบ
เพราะว่าในยามนี้ภูเขาและพื้นดินรอบด้านพลันสั่นคลอนอย่างรุนแรง กลางอากาศสีดำเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มีลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบพลันพุ่งเข้ามากลางอากาศ
หานลี่กวาดสายตาไปรอบด้านไม่พบตำแหน่งของต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้เลยสักนิดจึงขมวดคิ้วมุ่น แขนเสื้อม้วนวนออกมาดูดอสูรวิญญาณครวญเข้าไปในแขนเสื้อ
ในเวลาเดียวกันร่างของเขาพลันพลิ้วไหวและหายวับไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมากลางอากาศสูงขึ้นไปสองสามร้อยจั้ง ระลอกคลื่นพลันปรากฏขึ้นหานลี่ปรากฏตัวขึ้นจากในนั้นพร้อมกับลำแสงสีเขียวที่ห่อหุ้มร่างเอาไว้
ด้านล่างเป็นใบหน้าหินสีเทาขาวขนาดสองสามร้อยจั้ง ยามนี้มันชำรุดไม่สมบูรณ์ ด้านในว่างเปล่าและกำลังถล่มลงมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หานลี่กวาดตามองรอบๆ ด้านชั่วขณะนั้นสองตาพลันหรี่ลง
เห็นเพียงเซียนเซียน ที่ขยับเขยื้อนไม่ได้อยู่ด้านล่าง พลันยืนขึ้น ตรงหน้ามีมีดบินสีขาวนวลลอยอยู่สองสามเล่ม กำลังมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
ไม่ไกลจากสตรีผู้นี้บุรุษแซ่กุยที่เดิมทีหล่นลงบนพื้นดินก็ยืนขึ้นเอาสองมือไพล่หลังเช่นกัน เหนือหัวของเขามีเงาลวงตามังกรวารีสีเงินปรากฏขึ้นรางๆ
ทั้งสองกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน
“พี่หาน เจ้าฆ่ารังวิญญาณตัวนั้นไปแล้วหรือ!” หญิงสาวเผ่าผลึกสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า
บุรุษแซ่กุยเองก็กวาดสายตามองมาทางหานลี่อย่างเคร่งขรึม ท่าทางตกตะลึงระคนสงสัย
“อันใดข้าน้อยสังหารเจ้าสิ่งนี้ สหายทั้งสองไม่อยากจะเชื่อหรือ?” หานลี่ตอบกลับอย่างราบเรียบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“แน่นอนว่าไม่ใช่ แค่ความสามารถของพี่หานจะยิ่งใหญ่ไปหน่อยกระมัง สังหารเจ้าสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ช่างอยู่เหนือความคาดหมายของน้องหญิงจริงๆ” ใบหน้าของเซียนเซียน ฉายแววตกตะลึงแล้วฉีกยิ้มเบิกบานขณะเอ่ย
หานลี่หัวเราะน้อยๆ ไม่ได้เอ่ยปากอธิบายอะไรต่อ
แต่ในยามนี้บุรุษแซ่กุยกลับเอ่ยปากด้วยความเย็นชา
“ในเมื่อสหายสังหารรังวิญญาณแล้ว แล้วต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ล่ะ? ตกอยู่ในมือของนายท่านแล้วหรือ?”