A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1702 ภาพกระบี่สีทอง
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1702 ภาพกระบี่สีทอง
ด้านในนั้นสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ มีประตูบานเล็กบานหนึ่ง แบ่งห้องยาวๆ ให้เป็นสองส่วนด้านในและด้านนอก
ด้านนอกค่อนข้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องรับแขกห้องหนึ่ง นอกจากโต๊ะเก้าอี้ที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ และชุดน้ำชาชุดหนึ่งแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก
หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปยังข้าวของสิ่งนั้น จึงพบว่าวัตถุดิบที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่หายาก แต่สำหรับเขาแล้วก็ไม่มีประโยชน์อันใด เช่นนั้นจึงไม่ได้หยุดฝีเท้าเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วตรงเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านใน
ของด้านในห้องนั้นมีอยู่ค่อนข้างเยอะ
นอกจากเตียงหยกสีเขียวอ่อนหลังหนึ่งแล้ว ก็มีโต๊ะหนังสือตัวยาวตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีพู่กันวางอยู่สองสามด้าม แท่นฝนหมึกสีแดงอ่อนและของรูปทรงเหมือนผ้าไหมบางๆ สีขาวราวกับหิมะ
หานลี่พลันเลิกคิ้ว เดินมาอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ คว้าพู่กันและแท่นฝนหมึกขึ้นมาพลิกเล่นไปมา แต่ก็สะบัดศีรษะแล้ววางลง
แต่จากนั้นก็ยื่นแขนไปคว้าผ้าไหมบางๆ นั้น และสะบัดคลี่ออกเบาๆ
ผลคือในนั้นไม่มีอันใดเลย!
หานลี่ไม่ได้มีสีหน้าแปลกประหลาดใจ เก็บผ้าไหมคืนที่ จิตสัมผัสสำรวจห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอันใดตกหล่น ก็หันกายออกเดินอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เดิมเขาก็ไม่หวังว่าห้องที่แค่ดูก็รู้ว่าเป็นห้องพักของศิษย์จะมีอันใดอยู่แล้ว จึงไม่ได้รั้งรอนานนัก
และยิ่งไปกว่านั้นห้องนี้ยังมีประมาณสิบกว่าห้อง เวลามีจำกัด จึงไม่อาจเข้าไปดูให้ละเอียดทุกห้องได้
เช่นนั้นหานลี่จึงตรวจสอบทั้งสิบห้องอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง
ผลคือนอกจากได้คัมภีร์บันทึกด้วยอักษรโบราณที่ไม่รู้จักมาสองสามม้วนแล้ว ก็ไม่ได้อันใดอีก
คัมภีร์เหล่านี้วางอยู่บนหัวนอนในห้องนอนห้องหนึ่ง กว่าครึ่งล้วนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอันใด
หานลี่เองก็เก็บมาส่งเดชเท่านั้น วางแผนจะตรวจสอบตัวอักษรโบราณนี้ในอนาคตเท่านั้น ดูว่าจะเข้าใจเนื้อหาในนั้นหรือไม่
ถึงอย่างไรเสียเขาก็รู้สึกสนใจทุกอย่างในแดนเซียนอยู่แล้ว
เขาพาหุ่นเชิดกลับมายังห้องโถงอีกครั้ง แค่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเข้าไปในประตูด้านข้างอีกด้าน
เป็นทางเดินเช่นกัน หานลี่มาถึงหน้าห้องที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ห้องเหล่านี้ไม่เหมือนกับห้องก่อนหน้า ทุกห้องล้วนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเพียงประตูเล็กๆ ไม่มีหน้าต่างใดๆ
และยิ่งไปกว่านั้นทุกห้องยังเป็นเอกเทศ มีระยะห่างระหว่างกันประมาณสิบจั้งเศษ
สิ่งที่ยิ่งทำให้หานลี่ใจเต้นก็คือ พื้นผิวของห้องสี่เหลี่ยมเหล่านี้ล้วนเปล่งแสงสีเงินออกมา คาดไม่ถึงว่าจะอักขระสีเงินอ่อนเรียงรายอยู่
นั่นก็คืออักษรลูกอ๊อดสีเงินที่เขาคุ้นเคยดี
หานลี่จ้องเขม็งมองห้องเหล่านั้นชั่วครู่ ในที่สุดถึงได้มั่นใจว่าห้องเหล่านี้เป็นห้องลับในการฝึกฝนโดยเฉพาะ
การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกดีใจเล็กๆ
ในเมื่อเป็นห้องลับ ด้านในก็น่าจะมีของที่คนในอดีตเหลือทิ้งเอาไว้
ทว่ามองเห็นอักษรสีเงินที่สลักอยู่อย่างแน่นขนัดบนพื้นผิว เขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
โดยปกติแล้วเขตอาคมที่วางอยู่ในห้องลับก็น่าจะเป็นเขตอาคมกั้นเสียง หรือเขตอาคมกั้นการมองเห็นอันใดเทือกนี้ แต่เมื่อพบกับความน่ากลัวที่ประตูวิหารหลักก่อนหน้า แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กล้าวางใจอีก
ทว่าครั้งนี้เขากลับไม่ได้ปล่อยให้หุ่นเชิดวานรยักษ์ตรวจสอบอันใด แต่หลังจากที่สำแดงเกราะคุ้มกันออกมาสองสามชั้นแล้ว ก็สะบัดแขนเสื้อเดินไปยังประตูหินของห้องลับห้องหนึ่ง
กระบี่เล่มเล็กสีเขียวพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวยาวสองสามชุ่น สับลงมาที่ประตูลับ
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเตรียมใช้พลังมหาศาลทำลายเขตอาคมบนประตูโดยไม่ปริปากใดๆ
ประตูห้องลับเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า เสียงไพเราะดังออกมาจากด้านใน
ลำแสงสีเงินที่ดูธรรมดาๆ คาดไม่ถึงว่าจะถูกกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาต้านทานเอาไว้ กระบี่ลำแสงสับลงมาบนลำแสงสีเงิน ราวกับสับลงบนผิวน้ำไม่อาจสับให้ขาดได้ ทำได้เพียงค่อยๆ หั่นออกมาอย่างช้าๆ
หานลี่เห็นเช่นนั้น ในใจพลันรู้สึกผ่อนคลายลง
เป็นดังที่เขาคิดไว้ เขตอาคมบนประตูไม่ใช่เขตอาคมประเภทโจมตี และยิ่งไปกว่านั้นกว่าครึ่งยังเป็นเขตอาคมระดับต่ำมากในแดนเซียน
เมื่อขบคิดดูแล้ว ห้องลับในการฝึกบำเพ็ญเพียรสิบกว่าห้องมาเรียงกันอยู่เช่นนี้ จะมีเขตอาคมที่ร้ายกาจได้อย่างไร
เขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งโดยไม่ลังเลอีก ภูเขาสีดำสูงสองสามชุ่นปรากฏขึ้น และโยนไปเบื้องหน้า
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
ภูเขาน้อยในลำแสงสีดำขยายขนาดเป็นสองสามจั้ง และทุบลงมาที่ลำแสงสีเงิน
ครั้งนี้เขตอาคมบนประตูไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลได้ ทันใดนั้นเสียงไพเราะพลันหยุดชะงัก ลำแสงสีเงินสลายหายไป
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ประตูห้องถูกกระบี่ลำแสงสับออกเป็นสองส่วน แล้วหล่นลงมาทั้งสองฝั่ง
หานลี่เก็บสมบัติ สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เรียกว่าห้องลับมีขนาดแค่เจ็ดแปดจั้ง ด้านในนั้นว่างเปล่า นอกจากฟูกที่ทำขึ้นจาก ‘หญ้าชุดเกราะ’ แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก
เช่นนั้นที่นี่จึงไม่จำเป็นต้องใช้จิตสัมผัสใดๆ ตรวจสอบอีก
หานลี่แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ หลังจากเก็บฟูกกลับมาแล้ว ก็ถอยออกจากห้องลับ
ห้องลับยังมีอีกหลายห้อง เขาไม่ได้รู้สึกหมดหวังอันใด!
ใช้วิธีการเดียวกันเปิดประตูหินอีกห้องหนึ่ง คนก็เดินเข้าไปข้างในอีกครั้ง
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เดินออกมามือเปล่า
เช่นนั้นหานลี่พลันเข้าไปในห้องลับอีกหกห้องในรวดเดียว แต่ดูเหมือนว่าดาวโชคร้ายจะเปล่งประกาย ยังคงไม่ได้อันใดอีก
นี่จึงทำให้หานลี่อุทานว่าโชคร้ายในใจ ความหวังในห้องลับที่เหลือก็ลดลง
ทว่าเสียง “ตูม” พลันดังขึ้น ห้องลับที่เจ็ดถูกเปิดออก หลังจากที่เขาเดินเข้าไปข้างใน ปากกลับร้องอุทานออกมา ดวงตาเปล่งประกาย
ห้องลับห้องนี้เหมือนกับห้องก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ในห้องไม่เพียงจะมีโต๊ะเก้าอี้วางอยู่อย่างครบครัน บนโต๊ะยังมีกล่องหยกขนาดน้อยใหญ่สามกล่อง และขวดอีกสองขวด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือภาพวาดเปล่งแสงสีทองเรืองรองที่แขวนอยู่บนผนัง
ภาพวาดนี้มีผิวสีทองเรืองรอง เขาในยามนั้นไม่อาจมองเห็นเนื้อหาด้านในได้
เมื่อหานลี่หลับตาลง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผลคือรูม่านตาพลันมีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ในที่สุดก็มองเห็นภาพวาดนี้ชัดเจนโดยไม่หวาดกลัวลำแสงสีทองอีก แต่พลันมีสีหน้าตกตะลึง
เห็นเพียงในภาพวาดมีกระบี่บินสีทองที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วอยู่นับไม่ถ้วน
กระบี่บินเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนกัน ขนาดเล็กใหญ่ ใหญ่หน่อยก็ดูเหมือนกระบี่ยักษ์ค้ำฟ้า คาดไม่ถึงว่าจะให้ความรู้สึกน่ากลัวความยาวยี่สิบสามสิบจั้ง เล็กน้อยกลับมีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่เมื่อมองปราดไป แม้แต่ลวดลายบนกระบี่ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับอยู่ใกล้แค่คืบอย่างไรอย่างนั้น
กระบี่สีทองจำนวนมากม้วนวนอยู่ในภาพวาด ตามหลักการแล้วน่าจะดูยุ่งเหยิง ทำให้ผู้คนไม่อาจแยกแยะได้ แต่เมื่อมองไปยังภาพนี้กระบี่บินทุกเล่มกลับดูเสมือนจริง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลิ่นอายหลากหลาย ทำให้ผู้คนมองเห็นความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว
ภาพกระบี่นับหมื่นเช่นนี้ ทำให้หานลี่รู้สึกดีใจ ดวงตาจ้องเขม็งไปยังภาพวาดภาพนี้ ร่างกายนิ่งงัน
แค่ผ่านไปชั่วครู่ หานลี่พลันแค่นเสียงอย่างกลัดกลุ้มแล้วถอยออกไปสองสามก้าว ราวกับพบกับการโจมตีไร้รูปร่างที่แข็งแกร่ง แต่ทันใดนั้นก็หันหน้ามา เลื่อนสายตาออกจากภาพวาดอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองอีกแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของเขาก็มีสีแดงก่ำผิดปกติปรากฏออกมา
“พลังจิตสัมผัสร้ายกาจมาก คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับถูกสับด้วยกระบี่บินจริงๆ หากไม่ใช่เพราะข้าเชี่ยวชาญด้านกระบี่บิน และยิ่งไปกว่านั้นจิตสัมผัสยังไม่อ่อนแอ การโจมตีเมื่อครู่ เกรงว่าคงทำให้จิตสัมผัสเสียหายแล้ว” พลังวิญญาณในร่างของหานลี่หมุนวนโคจรอย่างบ้าคลั่งตามจุดชีพจรต่างๆ ร่างกายกลับมาเป็นปกติ แต่สีหน้ายังคงตกตะลึง
ทว่าหลังจากที่หานลี่ได้สติแล้ว ก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง หว่างนิ้วมียันต์หลากสีสันปรากฏขึ้น ชูขึ้นอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นยันต์สีสันต่างๆ สิบกว่าสายพลันพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากกะพริบวาบๆ ก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในภาพวาดกระบี่อย่างไร้ร่องรอย
เรื่องที่ดูเหมือนแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น
ผิวของภาพวาดมีอักขระยันต์เงาลวงตาห้าหกสีปรากฏขึ้น ห่อหุ้มลำแสงสีทองเอาไว้ และหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
แสงสีทองที่แผ่ออกมาจากภาพกระบี่ถูกอักขระยันต์กดเอาไว้ ตอนแรกหดเล็กลงอย่างไม่ยินยอม สุดท้ายก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
เงาลวงตาอักขระยันต์กดลงมาแล้วกลายเป็นยันต์วิเศษสิบกว่าแผ่นดังเดิม พลางแปะไว้ด้านบน
ชั่วขณะนั้นกลิ่นอายต่างๆ บนภาพกระบี่พลันหายวับไป ราวกับว่ากลายเป็นภาพธรรมดาเท่านั้น
หานลี่เห็นเช่นนั้นหัวเราะน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ
ภาพกระบี่เปล่งเสียงดัง “สวบ” ถูกดึกออกจากกำแพง ร่อนลงในมือของเขา
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ภาพนี้ม้วนกลายเป็นม้วนภาพโดยอัตโนมัติ และเปล่งแสงสว่างวาบพลางหายวับไป
หานลี่ถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วรู้สึกผ่อนคลายลง
ภาพกระบี่นับหมื่นแผ่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นภาพที่เจ้าของที่นี่วาดไว้หรือไม่ แต่มองคร่าวๆ เมื่อครู่ ก็สัมผัสได้ว่าภาพภาพนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าแฝงไปด้วยวิธีการฝึกฝนลึกลับชนิดหนึ่ง ทั้งเหมือนคาถากระบี่ที่ร้ายกาจ และเหมือนกับเคล็ดวิชาลับจิตสัมผัสบางชนิด แต่ไม่ว่าอย่างไร แน่นอนว่าย่อมต้องให้เขาค่อยๆ ศึกษาถึงจะยืนยันแน่ชัดได้
จากนี้เขาพลันเดินไปด้านหน้าโต๊ะตัวนั้น สะบัดแขนเสื้อไป หมอกสีเขียวบินออกมา
ชั่วขณะนั้นกล่องหยกเหล่านั้นและฝาขวดเล็กก็บินออกมาท่ามกลางหมอกลำแสง
หลังจากกวาดจิตสัมผัสไป หานลี่กลับขมวดคิ้ว
ภายในกล่องหยกทั้งสาม คาดไม่ถึงว่าจะมียันต์วิเศษสองสามแผ่นวางอยู่ ผิวของมันเป็นอักขระลูกอ๊อดสีเงินที่สลับซับซ้อน แต่ไอวิญญาณด้านในกลับหายไปจนเกลี้ยงแล้วไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ส่วนขวดสองขวดนั้นกลับว่างเปล่า ด้านในมีร่องรอยของของเหลววิญญาณอยู่เล็กน้อย
ดูแล้วเดิมในขวดสองขวดนี้คงบรรจุของเหลววิญญาณอันใดสักอย่างอยู่ แต่เป็นเพราะไม่ได้เก็บไว้ในที่ลับ ประกอบกับผ่านมาหลายปีจึงทำให้พวกมันแห้งเหือดไป
หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แต่กลับเก็บยันต์เหล่านั้นไป
ยันต์เหล่านี้ไม่เหมือนกับอักขระจ้วนทองบนยันต์วิเศษสองสามชนิดที่เขารู้จัก กลับคุ้มค่าพอที่จะให้ศึกษา
จากนั้นเขาพลันตรวจสอบห้องลับอื่นๆ รอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้อันใด
หานลี่จึงถอยออกไปโดยไม่พูดจา
ห้องลับที่เหลือ เขาเองก็ไม่ได้มองข้าม แต่ก็เหมือนกับห้องก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น ล้วนไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
แต่หลังจากที่เขาเดินออกมาจากห้องลับห้องสุดท้าย ฝีเท้าก็เดินตรงไปยังทางที่มาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีท่าทีจะหยุดพักเลยสักนิด
ไม่นานนักหานลี่ก็เดินออกมาจากวิหารข้าง ยืนอยู่บนแท่นหินด้านนอกประตูวิหาร มองไปยังเส้นทางที่ตรงไปยังวิหารข้างอีกสองหลังและวิหารหลักแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
ยามนี้สือคุนและหลิวสุ่ยเอ๋อร์น่าจะใกล้ถึงยอดเขาแล้วสินะ!
ด้านในนั้นสร้างขึ้นอย่างง่ายๆ มีประตูบานเล็กบานหนึ่ง แบ่งห้องยาวๆ ให้เป็นสองส่วนด้านในและด้านนอก
ด้านนอกค่อนข้างใหญ่ เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องรับแขกห้องหนึ่ง นอกจากโต๊ะเก้าอี้ที่สร้างขึ้นอย่างง่ายๆ และชุดน้ำชาชุดหนึ่งแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก
หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปยังข้าวของสิ่งนั้น จึงพบว่าวัตถุดิบที่ใช้เป็นวัตถุดิบที่หายาก แต่สำหรับเขาแล้วก็ไม่มีประโยชน์อันใด เช่นนั้นจึงไม่ได้หยุดฝีเท้าเลยสักนิด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วตรงเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านใน
ของด้านในห้องนั้นมีอยู่ค่อนข้างเยอะ
นอกจากเตียงหยกสีเขียวอ่อนหลังหนึ่งแล้ว ก็มีโต๊ะหนังสือตัวยาวตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีพู่กันวางอยู่สองสามด้าม แท่นฝนหมึกสีแดงอ่อนและของรูปทรงเหมือนผ้าไหมบางๆ สีขาวราวกับหิมะ
หานลี่พลันเลิกคิ้ว เดินมาอยู่ตรงหน้าโต๊ะหนังสือ คว้าพู่กันและแท่นฝนหมึกขึ้นมาพลิกเล่นไปมา แต่ก็สะบัดศีรษะแล้ววางลง
แต่จากนั้นก็ยื่นแขนไปคว้าผ้าไหมบางๆ นั้น และสะบัดคลี่ออกเบาๆ
ผลคือในนั้นไม่มีอันใดเลย!
หานลี่ไม่ได้มีสีหน้าแปลกประหลาดใจ เก็บผ้าไหมคืนที่ จิตสัมผัสสำรวจห้องอย่างละเอียดอีกครั้ง เมื่อมั่นใจว่าไม่มีอันใดตกหล่น ก็หันกายออกเดินอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เดิมเขาก็ไม่หวังว่าห้องที่แค่ดูก็รู้ว่าเป็นห้องพักของศิษย์จะมีอันใดอยู่แล้ว จึงไม่ได้รั้งรอนานนัก
และยิ่งไปกว่านั้นห้องนี้ยังมีประมาณสิบกว่าห้อง เวลามีจำกัด จึงไม่อาจเข้าไปดูให้ละเอียดทุกห้องได้
เช่นนั้นหานลี่จึงตรวจสอบทั้งสิบห้องอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง
ผลคือนอกจากได้คัมภีร์บันทึกด้วยอักษรโบราณที่ไม่รู้จักมาสองสามม้วนแล้ว ก็ไม่ได้อันใดอีก
คัมภีร์เหล่านี้วางอยู่บนหัวนอนในห้องนอนห้องหนึ่ง กว่าครึ่งล้วนไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอันใด
หานลี่เองก็เก็บมาส่งเดชเท่านั้น วางแผนจะตรวจสอบตัวอักษรโบราณนี้ในอนาคตเท่านั้น ดูว่าจะเข้าใจเนื้อหาในนั้นหรือไม่
ถึงอย่างไรเสียเขาก็รู้สึกสนใจทุกอย่างในแดนเซียนอยู่แล้ว
เขาพาหุ่นเชิดกลับมายังห้องโถงอีกครั้ง แค่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเข้าไปในประตูด้านข้างอีกด้าน
เป็นทางเดินเช่นกัน หานลี่มาถึงหน้าห้องที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ห้องเหล่านี้ไม่เหมือนกับห้องก่อนหน้า ทุกห้องล้วนเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีเพียงประตูเล็กๆ ไม่มีหน้าต่างใดๆ
และยิ่งไปกว่านั้นทุกห้องยังเป็นเอกเทศ มีระยะห่างระหว่างกันประมาณสิบจั้งเศษ
สิ่งที่ยิ่งทำให้หานลี่ใจเต้นก็คือ พื้นผิวของห้องสี่เหลี่ยมเหล่านี้ล้วนเปล่งแสงสีเงินออกมา คาดไม่ถึงว่าจะอักขระสีเงินอ่อนเรียงรายอยู่
นั่นก็คืออักษรลูกอ๊อดสีเงินที่เขาคุ้นเคยดี
หานลี่จ้องเขม็งมองห้องเหล่านั้นชั่วครู่ ในที่สุดถึงได้มั่นใจว่าห้องเหล่านี้เป็นห้องลับในการฝึกฝนโดยเฉพาะ
การค้นพบนี้ทำให้เขารู้สึกดีใจเล็กๆ
ในเมื่อเป็นห้องลับ ด้านในก็น่าจะมีของที่คนในอดีตเหลือทิ้งเอาไว้
ทว่ามองเห็นอักษรสีเงินที่สลักอยู่อย่างแน่นขนัดบนพื้นผิว เขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหลายส่วน
โดยปกติแล้วเขตอาคมที่วางอยู่ในห้องลับก็น่าจะเป็นเขตอาคมกั้นเสียง หรือเขตอาคมกั้นการมองเห็นอันใดเทือกนี้ แต่เมื่อพบกับความน่ากลัวที่ประตูวิหารหลักก่อนหน้า แน่นอนว่าเขาย่อมไม่กล้าวางใจอีก
ทว่าครั้งนี้เขากลับไม่ได้ปล่อยให้หุ่นเชิดวานรยักษ์ตรวจสอบอันใด แต่หลังจากที่สำแดงเกราะคุ้มกันออกมาสองสามชั้นแล้ว ก็สะบัดแขนเสื้อเดินไปยังประตูหินของห้องลับห้องหนึ่ง
กระบี่เล่มเล็กสีเขียวพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวยาวสองสามชุ่น สับลงมาที่ประตูลับ
คาดไม่ถึงว่าเขาจะเตรียมใช้พลังมหาศาลทำลายเขตอาคมบนประตูโดยไม่ปริปากใดๆ
ประตูห้องลับเปล่งแสงสีเงินสว่างจ้า เสียงไพเราะดังออกมาจากด้านใน
ลำแสงสีเงินที่ดูธรรมดาๆ คาดไม่ถึงว่าจะถูกกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาต้านทานเอาไว้ กระบี่ลำแสงสับลงมาบนลำแสงสีเงิน ราวกับสับลงบนผิวน้ำไม่อาจสับให้ขาดได้ ทำได้เพียงค่อยๆ หั่นออกมาอย่างช้าๆ
หานลี่เห็นเช่นนั้น ในใจพลันรู้สึกผ่อนคลายลง
เป็นดังที่เขาคิดไว้ เขตอาคมบนประตูไม่ใช่เขตอาคมประเภทโจมตี และยิ่งไปกว่านั้นกว่าครึ่งยังเป็นเขตอาคมระดับต่ำมากในแดนเซียน
เมื่อขบคิดดูแล้ว ห้องลับในการฝึกบำเพ็ญเพียรสิบกว่าห้องมาเรียงกันอยู่เช่นนี้ จะมีเขตอาคมที่ร้ายกาจได้อย่างไร
เขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งโดยไม่ลังเลอีก ภูเขาสีดำสูงสองสามชุ่นปรากฏขึ้น และโยนไปเบื้องหน้า
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
ภูเขาน้อยในลำแสงสีดำขยายขนาดเป็นสองสามจั้ง และทุบลงมาที่ลำแสงสีเงิน
ครั้งนี้เขตอาคมบนประตูไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลได้ ทันใดนั้นเสียงไพเราะพลันหยุดชะงัก ลำแสงสีเงินสลายหายไป
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ประตูห้องถูกกระบี่ลำแสงสับออกเป็นสองส่วน แล้วหล่นลงมาทั้งสองฝั่ง
หานลี่เก็บสมบัติ สาวเท้ายาวๆ เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่เรียกว่าห้องลับมีขนาดแค่เจ็ดแปดจั้ง ด้านในนั้นว่างเปล่า นอกจากฟูกที่ทำขึ้นจาก ‘หญ้าชุดเกราะ’ แล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก
เช่นนั้นที่นี่จึงไม่จำเป็นต้องใช้จิตสัมผัสใดๆ ตรวจสอบอีก
หานลี่แค่ถอนหายใจออกมาเบาๆ หลังจากเก็บฟูกกลับมาแล้ว ก็ถอยออกจากห้องลับ
ห้องลับยังมีอีกหลายห้อง เขาไม่ได้รู้สึกหมดหวังอันใด!
ใช้วิธีการเดียวกันเปิดประตูหินอีกห้องหนึ่ง คนก็เดินเข้าไปข้างในอีกครั้ง
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เดินออกมามือเปล่า
เช่นนั้นหานลี่พลันเข้าไปในห้องลับอีกหกห้องในรวดเดียว แต่ดูเหมือนว่าดาวโชคร้ายจะเปล่งประกาย ยังคงไม่ได้อันใดอีก
นี่จึงทำให้หานลี่อุทานว่าโชคร้ายในใจ ความหวังในห้องลับที่เหลือก็ลดลง
ทว่าเสียง “ตูม” พลันดังขึ้น ห้องลับที่เจ็ดถูกเปิดออก หลังจากที่เขาเดินเข้าไปข้างใน ปากกลับร้องอุทานออกมา ดวงตาเปล่งประกาย
ห้องลับห้องนี้เหมือนกับห้องก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น
ในห้องไม่เพียงจะมีโต๊ะเก้าอี้วางอยู่อย่างครบครัน บนโต๊ะยังมีกล่องหยกขนาดน้อยใหญ่สามกล่อง และขวดอีกสองขวด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือภาพวาดเปล่งแสงสีทองเรืองรองที่แขวนอยู่บนผนัง
ภาพวาดนี้มีผิวสีทองเรืองรอง เขาในยามนั้นไม่อาจมองเห็นเนื้อหาด้านในได้
เมื่อหานลี่หลับตาลง หลังจากผ่านไปชั่วครู่ค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผลคือรูม่านตาพลันมีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ ในที่สุดก็มองเห็นภาพวาดนี้ชัดเจนโดยไม่หวาดกลัวลำแสงสีทองอีก แต่พลันมีสีหน้าตกตะลึง
เห็นเพียงในภาพวาดมีกระบี่บินสีทองที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วอยู่นับไม่ถ้วน
กระบี่บินเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนกัน ขนาดเล็กใหญ่ ใหญ่หน่อยก็ดูเหมือนกระบี่ยักษ์ค้ำฟ้า คาดไม่ถึงว่าจะให้ความรู้สึกน่ากลัวความยาวยี่สิบสามสิบจั้ง เล็กน้อยกลับมีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่เมื่อมองปราดไป แม้แต่ลวดลายบนกระบี่ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ราวกับอยู่ใกล้แค่คืบอย่างไรอย่างนั้น
กระบี่สีทองจำนวนมากม้วนวนอยู่ในภาพวาด ตามหลักการแล้วน่าจะดูยุ่งเหยิง ทำให้ผู้คนไม่อาจแยกแยะได้ แต่เมื่อมองไปยังภาพนี้กระบี่บินทุกเล่มกลับดูเสมือนจริง และยิ่งไปกว่านั้นยังมีกลิ่นอายหลากหลาย ทำให้ผู้คนมองเห็นความแตกต่างได้อย่างรวดเร็ว
ภาพกระบี่นับหมื่นเช่นนี้ ทำให้หานลี่รู้สึกดีใจ ดวงตาจ้องเขม็งไปยังภาพวาดภาพนี้ ร่างกายนิ่งงัน
แค่ผ่านไปชั่วครู่ หานลี่พลันแค่นเสียงอย่างกลัดกลุ้มแล้วถอยออกไปสองสามก้าว ราวกับพบกับการโจมตีไร้รูปร่างที่แข็งแกร่ง แต่ทันใดนั้นก็หันหน้ามา เลื่อนสายตาออกจากภาพวาดอย่างรวดเร็ว ไม่กล้ามองอีกแม้แต่น้อย
ในเวลาเดียวกันใบหน้าของเขาก็มีสีแดงก่ำผิดปกติปรากฏออกมา
“พลังจิตสัมผัสร้ายกาจมาก คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับถูกสับด้วยกระบี่บินจริงๆ หากไม่ใช่เพราะข้าเชี่ยวชาญด้านกระบี่บิน และยิ่งไปกว่านั้นจิตสัมผัสยังไม่อ่อนแอ การโจมตีเมื่อครู่ เกรงว่าคงทำให้จิตสัมผัสเสียหายแล้ว” พลังวิญญาณในร่างของหานลี่หมุนวนโคจรอย่างบ้าคลั่งตามจุดชีพจรต่างๆ ร่างกายกลับมาเป็นปกติ แต่สีหน้ายังคงตกตะลึง
ทว่าหลังจากที่หานลี่ได้สติแล้ว ก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง หว่างนิ้วมียันต์หลากสีสันปรากฏขึ้น ชูขึ้นอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นยันต์สีสันต่างๆ สิบกว่าสายพลันพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากกะพริบวาบๆ ก็ทยอยกันจมหายเข้าไปในภาพวาดกระบี่อย่างไร้ร่องรอย
เรื่องที่ดูเหมือนแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น
ผิวของภาพวาดมีอักขระยันต์เงาลวงตาห้าหกสีปรากฏขึ้น ห่อหุ้มลำแสงสีทองเอาไว้ และหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว
แสงสีทองที่แผ่ออกมาจากภาพกระบี่ถูกอักขระยันต์กดเอาไว้ ตอนแรกหดเล็กลงอย่างไม่ยินยอม สุดท้ายก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป
เงาลวงตาอักขระยันต์กดลงมาแล้วกลายเป็นยันต์วิเศษสิบกว่าแผ่นดังเดิม พลางแปะไว้ด้านบน
ชั่วขณะนั้นกลิ่นอายต่างๆ บนภาพกระบี่พลันหายวับไป ราวกับว่ากลายเป็นภาพธรรมดาเท่านั้น
หานลี่เห็นเช่นนั้นหัวเราะน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ
ภาพกระบี่เปล่งเสียงดัง “สวบ” ถูกดึกออกจากกำแพง ร่อนลงในมือของเขา
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ภาพนี้ม้วนกลายเป็นม้วนภาพโดยอัตโนมัติ และเปล่งแสงสว่างวาบพลางหายวับไป
หานลี่ถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วรู้สึกผ่อนคลายลง
ภาพกระบี่นับหมื่นแผ่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นภาพที่เจ้าของที่นี่วาดไว้หรือไม่ แต่มองคร่าวๆ เมื่อครู่ ก็สัมผัสได้ว่าภาพภาพนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าแฝงไปด้วยวิธีการฝึกฝนลึกลับชนิดหนึ่ง ทั้งเหมือนคาถากระบี่ที่ร้ายกาจ และเหมือนกับเคล็ดวิชาลับจิตสัมผัสบางชนิด แต่ไม่ว่าอย่างไร แน่นอนว่าย่อมต้องให้เขาค่อยๆ ศึกษาถึงจะยืนยันแน่ชัดได้
จากนี้เขาพลันเดินไปด้านหน้าโต๊ะตัวนั้น สะบัดแขนเสื้อไป หมอกสีเขียวบินออกมา
ชั่วขณะนั้นกล่องหยกเหล่านั้นและฝาขวดเล็กก็บินออกมาท่ามกลางหมอกลำแสง
หลังจากกวาดจิตสัมผัสไป หานลี่กลับขมวดคิ้ว
ภายในกล่องหยกทั้งสาม คาดไม่ถึงว่าจะมียันต์วิเศษสองสามแผ่นวางอยู่ ผิวของมันเป็นอักขระลูกอ๊อดสีเงินที่สลับซับซ้อน แต่ไอวิญญาณด้านในกลับหายไปจนเกลี้ยงแล้วไม่มีประโยชน์เลยสักนิด ส่วนขวดสองขวดนั้นกลับว่างเปล่า ด้านในมีร่องรอยของของเหลววิญญาณอยู่เล็กน้อย
ดูแล้วเดิมในขวดสองขวดนี้คงบรรจุของเหลววิญญาณอันใดสักอย่างอยู่ แต่เป็นเพราะไม่ได้เก็บไว้ในที่ลับ ประกอบกับผ่านมาหลายปีจึงทำให้พวกมันแห้งเหือดไป
หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แต่กลับเก็บยันต์เหล่านั้นไป
ยันต์เหล่านี้ไม่เหมือนกับอักขระจ้วนทองบนยันต์วิเศษสองสามชนิดที่เขารู้จัก กลับคุ้มค่าพอที่จะให้ศึกษา
จากนั้นเขาพลันตรวจสอบห้องลับอื่นๆ รอบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้อันใด
หานลี่จึงถอยออกไปโดยไม่พูดจา
ห้องลับที่เหลือ เขาเองก็ไม่ได้มองข้าม แต่ก็เหมือนกับห้องก่อนหน้าอย่างไรอย่างนั้น ล้วนไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
แต่หลังจากที่เขาเดินออกมาจากห้องลับห้องสุดท้าย ฝีเท้าก็เดินตรงไปยังทางที่มาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีท่าทีจะหยุดพักเลยสักนิด
ไม่นานนักหานลี่ก็เดินออกมาจากวิหารข้าง ยืนอยู่บนแท่นหินด้านนอกประตูวิหาร มองไปยังเส้นทางที่ตรงไปยังวิหารข้างอีกสองหลังและวิหารหลักแวบหนึ่ง ใบหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
ยามนี้สือคุนและหลิวสุ่ยเอ๋อร์น่าจะใกล้ถึงยอดเขาแล้วสินะ!