A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1710 เอาสมบัติจากหม้อ
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1710 เอาสมบัติจากหม้อ
ของสิ่งนั้นเป็นสีทองเรืองรองเช่นกัน ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตรงปลายด้านหนึ่งแกะสลักเป็นหัวมังกร ราวกับตราประทับหยกก็ไม่ปาน
หลังจากที่กวาดสายตามองไปที่ของสิ่งนี้ครึ่งรอบ หานลี่ก็เลื่อนสายตาออก แล้วมองหลิวสุ่ยเอ๋อร์แวบหนึ่ง
แน่นอนว่าหญิงสาวผู้นี้ย่อมเข้าใจเจตนาของหานลี่ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างราบเรียบ หว่างนิ้วขาวนวลมีของเปล่งแสงสีทองสว่างวาบเช่นเดียวกัน
เมื่อมองผ่านๆ ดูเหมือนว่าจะคล้ายคลึงกับของในมือของชายร่างใหญ่ ขนาดไม่ต่างกัน เล็กบางเช่นกัน แต่ปลายของมันกลับสลักหัวหงส์สีทองที่ดูเสมือนจริงเอาไว้
หลังจากหานลี่ดูจบแล้ว ก็เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
และในยามนั้นเองหลิวสุ่ยเอ๋อร์ก็อธิบายขึ้นว่า
“สองสิ่งนี้เรียกว่า ‘ลูกกุญแจวิจิตร’ น่าจะเป็นสิ่งเดียวที่ใช้เปิดหม้อสีทองได้ ขาดอันใดไปย่อมใช้การไม่ได้ แม้ว่าข้าสองคนจะไม่รู้สถานการณ์ในวิหาร แต่ท่านอาจารย์กล่าวว่า ลูกกุญแจวิจิตรนี้น่าจะใช้เปิดสิ่งที่บรรจุยาลูกกลอนวิญญาณสูญได้”
“ใช่แล้ว ท่านอาจารย์ก็กล่าวเช่นนี้” สือคุนเห็นหลิวสุ่ยเอ๋อร์เอ่ยจนหมดแล้ว ก็ไม่ได้ปิดบังอันใดอีก จึงยอมรับออกมาเสียเลย
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สหายทั้งสองก็ลองเปิดหม้อดูสิ ดูว่าด้านในมีของที่ท่านอาวุโสทั้งสองต้องการหรือไม่ ใช่แล้ว ไม่ทราบว่ายาลูกกลอนวิญญาณสูญนั้นมีกี่เม็ด หากมีสองเม็ดขึ้นไป สหายทั้งสองก็ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงกัน แบ่งเท่าๆ กันก็ได้แล้ว” หานลี่ฉีกยิ้ม ท่าทีไม่ใส่ใจ
เมื่อได้ยินคำนี้หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แววตาฉายแววแปลกประหลาด
“พี่หานพูดมีเหตุผล หม้อใบนี้จักต้องเปิดออกไม่ช้าก็เร็ว สหายสือ พวกเราเสียบกุญแจวิจิตรลงไปในหม้อเถิด แม้จะดูเหมือนว่ายาลูกกลอนวิญญาณสูญจะมีเพียงเม็ดเดียว แต่หากมีสองเม็ดขึ้นไปล่ะก็ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงอันใดอีก” หลิวสุ่ยเอ๋อร์ไม่ได้ขบคิดอันใด พลางเอ่ยกับชายร่างใหญ่อย่างราบเรียบ
“เปิดหม้อใบนี้ออกก็ไม่มีปัญหาแล้ว แต่ผู้แซ่สือรู้สึกว่าเราสองคนไม่สู้มอบกุญแจวิจิตรให้พี่หาน ให้สหายหานหยิบสมบัติในหม้อใบนี้ จากนั้นก็ค่อยตัดสินว่าจะแบ่งกันอย่างไร เซียนหลิวเจ้าคิดว่าอย่างไร” สือคุนดูเหมือนจะคิดอันใดออก จึงเบะปากแล้วเอ่ยคำพูดที่ทำให้หญิงสาวสวมงอบตกตะลึงออกมา
หญิงสาวในยามนี้กลับไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
“อันใด เซียนหลิวไม่วางใจพี่หานหรือ?” ชายร่างใหญ่เผยสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา
“พี่หานมีอิทธิฤทธิ์มากมาย ช่วยพวกเราสองคนเอาสมบัติ น้องหญิงย่อมไม่มีปัญหา พี่หานรับกุญแจวิจิตรของน้องหญิงให้ดีละ” หลิวสุ่ยเอ๋อร์มีปฏิกิริยายาตอบสนองว่องไว หลังจากความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง ก็ตัดสินใจหัวเราะน้อยออกมา และชูมือขึ้น
กุญแจวิจิตรหัวหงส์พุ่งเข้ามาหาหานลี่
สือคุนที่อยู่อีกด้านพลันหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา โยนของในมือออกมาอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
หานลี่ม้วนแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กุญแจวิจิตรคู่หนึ่งร่อนลงมาในมือของเขาพร้อมกัน
เขาเหลือบตามองของทั้งสองสิ่งในมือ แล้วกลับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“ทั้งสองท่านทำเช่นนี้ มองข้าน้อยสูงเกินไปแล้วจริงๆ”
“ฮ่าๆ นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว มีเพียงต้องให้สหายหานเก็บสมบัติเอาไว้ก่อน ข้าและเซียนหลิวถึงจะไม่ต่อสู้กัน มิเช่นนั้นหากผู้ใดถือสมบัติเอาไว้ อีกคนจะต้องไม่วางใจแน่” สือคุนเบะปาก แล้วหัวเราะร่าออกมา
“น้องหญิงเองก็ไว้ใจพี่หานมาก” หลิวสุ่ยเอ๋อร์แววตาเปล่งประกาย แล้วฉีกยิ้มอย่างเบิกบานออกมา
“หึๆ แต่ผู้แซ่หานเอาของสิ่งนี้ออกมา กลับรู้สึกว่าร้อนมือมาก” หานลี่คีบกุญแจวิจิตรทั้งสองดอกเอาไว้ แล้วเผยสีหน้าจนปัญญาออกมา พลางสั่นศีรษะไปมา
ทว่าหานลี่เองก็ไม่ได้ส่งของในมือคืนให้ทั้งสอง ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วขยับฝีเท้าเดินตรงไปที่หม้อสีทอง
สีหน้าของเขาราบเรียบเพียงนี้ แน่นอนว่าย่อมมั่นใจว่าพละกำลังของตนสามารถกดพลังทั้งสองได้เหลือเฟือ เมื่อเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่แท้จริง บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องขบคิดอันใด
เห็นท่าทีของหานลี่ แววตาของหลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนก็เผยสีหน้าตึงเครียดออกมา แต่ทั้งสองก็รู้จักวางตัวเป็นอย่างมาก ล้วนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไหวติง
ยามที่หานลี่อยู่ห่างจากหม้อสีทองไปสองสามจั้ง ก็หยุดฝีเท้าลงอีกครั้ง หลังจากกวาดสายตาไปที่รอยบุ๋มทั้งสองข้างบนหม้อสีทอง ก็บรรจุพลังปราณเข้าไปในของที่อยู่มือ จากนั้นก็สะบัดข้อมือ
กุญแจวิจิตรคู่หนึ่งพุ่งออกมา แต่ก็เปล่งเสียงร้องขึ้นระหว่างทาง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นมังกรวารีสีทองตัวหนึ่งและหงส์สีทองตัวหนึ่งท่ามกลางลำแสงสีทอง
ทั้งสองแค่วนล้อมรอบหม้อสีทองไปรอบหนึ่ง ก็พุ่งออกมาจากทั้งสองด้าน และจมหายเข้าไปในหม้ออย่างไร้ร่องรอย
ผลคือหลังจากลำแสงสีทองสว่างวาบ รอยบุ๋มบนหม้อสีทองก็มีของสองสิ่งที่มีขนาดเหมาะสมกันปรากฏขึ้น
กุญแจวิจิตรทั้งสองปักเข้าไปครึ่งดอก เผยด้านที่แกะสลักเป็นมังกรและหงส์ออกมา ดูแล้วไม่มีร่องของรอยบุ๋มเลยสักนิด ขอบไม่มีรอยเลยแม้แต่น้อย
และเมื่อทั้งสองสิ่งเข้าไปในหม้อสีทอง หม้อก็เปล่งเสียงกู่ร้องราวกับมังกรคำรามออกมา
จากนั้นลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ลวดลายขดเกลียวบนผิวหมุนวนราวกับฟื้นคืนชีพ แม้แต่ลำแสงสีทองบนหม้อก็ยังมีรูปทรงขดเป็นเกลียว
หานลี่แค่มองสองแวบก็รู้สึกตาลาย ราวกับว่าถูกระลอกคลื่นเหล่านี้ดูดเข้าไปข้างในก็ไม่ปาน
เขาพลันใจหายวาบ!
ทว่าถึงอย่างไรเสียหม้อใบนี้ก็เป็นของตายที่ไร้เจ้าของเท่านั้น แน่นอนว่าเขาจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอันใด
คาถาขับเคลื่อนโคจรอยู่ในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันแววตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ความรู้สึกไม่สบายพลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ปากของหานลี่พลันร้องตะโกนต่ำๆ ออกมา มือหนึ่งร่ายอาคม อาคมสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในหม้ออย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาเสียงมังกรคำรามที่ดังออกมาจากหม้อพลันเปลี่ยนไป คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเสียงหงส์เพรียกอันไพเราะ
มองจากไกลๆ หัวมังกรและหงส์ทั้งสองฝั่งของหม้อสีทองพลันชูคอขึ้นดิ้นไปมาราวกับฟื้นคืนชีพ
ฝาหม้อเปล่งแสงสีทองนับหมื่นสายออกมา พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นจากในหม้อ หลังจากเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดวงแสงสีทองขนาดน้อยใหญ่สองสามลูกพลันพุ่งออกมาจากด้านล่าง หลังจากกะพริบวาบๆ ก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าเช่นกัน
แต่หานลี่ที่เตรียมการมานานแล้วจะปล่อยให้พวกมันทำสำเร็จได้อย่างไร
ทันใดนั้นก็สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งไปข้างหน้า
หมอกลำแสงสีเทาหมุนวนบินออกมา ม้วนวนไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ในเวลาเดียวกันก็ห่อหุ้มดวงแสงสีทองเหล่านั้นเอาไว้ข้างใน
แต่เมื่อดวงแสงสีทองเหล่านี้หมุนวน ฉับพลันนั้นก็กระจายตัวออก ทุกแห่งที่ลำแสงสีทองกวาดผ่านไปหมอกลำแสงสีเทาจะทยอยกันสลายหายไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานได้ พลางพุ่งทะลวงผ่านไป
หานลี่ที่อยู่ด้านล่างเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พลันตกตะลึง มือหนึ่งร่ายอาคมอีกครั้ง ฉับพลันนั้นพลันอ้าปากออก พ่นลำแสงสีเขียวออกมา ด้านในมีหม้อใบเล็กสีเขียวอยู่รางๆ
นั่นก็คือหม้อนภาสูญ
มือหนึ่งเลือนรางเล็กน้อยแล้วตบไปที่หม้อใบเล็ก
ฝาหม้อบินออกมาโดยอัตโนมัติ จากนั้นเสียง “พรึ่บ” ก็ดังขึ้นจากในหม้อ เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมา กระจายตัวทั่วท้องฟ้า
เสียงแหวกอากาศดัง “ฟิ้วๆ” สนั่นไปทั่วท้องฟ้า เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนคลี่ตัวลงมาราวกับตาข่ายสวรรค์สีฟ้าผืนหนึ่ง ห่อหุ้มลำแสงสีทองทั้งหมดเอาไว้
ลำแสงสีทองปะทะกับมันก็ทยอยกันถูกดีดกลับไป
หานลี่ร่ายอาคมกระตุ้นอีกครั้ง มือหนึ่งชี้ไปกลางอากาศ
เก็บตาข่ายยักษ์สีเขียว เห็นเพียงเส้นไหมสีเขียวทั่วท้องฟ้าหดเล็กลง แล้วลำแสงสีทองก็ห่อหุ้มเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้อย่างแน่นหนา สุดท้ายก็ไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้อีก
หานลี่ถึงได้กวักมือไปกลางอากาศด้วยสีหน้าราบเรียบ
ชั่วขณะนั้นเส้นไหมสีเขียวกลางอากาศพลันเปลี่ยนเป็นเจิดจ้า ทำให้สือคุนและหลิวสุ่ยเอ๋อร์ที่จับตามองอยู่ด้านหลังเองก็กะพริบตาพร้อมกันตามความรู้สึก
เส้นไหมสีเขียวที่ถูกลำแสงสีทองห่อหุ้มเอาไว้กลายเป็นหมอกสีเขียวพุ่งลงไปในหม้อเล็กๆ ด้านล่าง หลังจากกะพริบวาบก็จมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฝาหม้อสีเขียวร่อนลงมาด้านล่างทันที ชั่วขณะนั้นก็ปิดฝาหม้อนภาสูญเอาไว้อย่างแน่นหนา
หานลี่ตะปบมือไปทางหม้อ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ หม้อใบเล็กปรากฏขึ้นในมือของเขา
จากนั้นเขาพลันใช้มือหนึ่งถือหม้อเอาไว้ แล้วหันกาย เอ่ยกับผู้ที่อยู่ด้านหลังทั้งสองคน
“สหายทั้งสองสมบัติอยู่ในมือแล้ว ด้านในใช่ของที่ท่านอาวุโสทั้งสองต้องการหรือไม่ ต้องให้สหายทั้งสองเป็นผู้ตรวจสอบเองแล้ว”
สิ้นเสียง หานลี่ก็สะบัดข้อมืออีกครั้ง หม้อนภาสูญบินขึ้นไปอีกครั้ง พลางลอยอยู่ตรงหน้าไม่ขยับเขยื้อน
เขาเองก็เอาสองมือกอดอก มองทั้งสองคนที่อยู่ตรงข้ามด้วยท่าทีอมยิ้ม
หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุนได้ยินคำนี้ ก็อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้
แต่ทันใดนั้นหญิงสาวสวมงอบพยักหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ จากนั้นพลันเดินนวยนาดเข้ามา
ส่วนสือคุนก็แค่ลูบใต้คาง หลังจากกวาดสายตาไปบนหม้อสีเขียว ก็กระแอมไอเบาๆ แล้วขยับเข้ามา
ทั้งสองอยู่ห่างจากหม้อใบเล็กไปสองสามจั้ง แล้วทยอยกันหยุดฝีเท้าไม่ขยับเข้ามาข้างหน้าอีก
ไม่รอให้ทั้งสองได้เอ่ยปากพูดอันใด หานลี่ก็ปัดมือข้างหนึ่งไปทางหม้อใบเล็กด้วยสีหน้าราบเรียบ
ชั่วขณะนั้นหม้อใบเล็กสีเขียวพลันหมุนติ้วๆ ฝาหม้อเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอีกครั้ง ด้านในมีลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด
“พี่หาน สมบัติชิ้นนี้ของเจ้าคือสมบัติวิญญาณ ไม่ทราบว่ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร!” สือคุนในยามนี้พลันเอ่ยถาม
“อันใดพี่สือสนใจสมบัติวิญญาณของข้าน้อยหรือ” หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด และไม่ได้เอ่ยปากตอบใดๆ กลับถามย้อนแทน
“ไม่มีอันใด ข้าน้อยโชคดีเคยอ่านสมบัติวิญญาณหุ้นตุ้นในเผ่ามาครั้งหนึ่ง ดูเหมือนว่าด้านในจะมีสมบัติที่คล้ายกับของสหายมาก” สือคุนเอ่ยด้วยแววตาที่เปล่งประกายวาวโรจน์
“สมบัติวิญญาณหุ้นตุ้น!” หานลี่ขมวดคิ้วตามความรู้สึก
“อันใดหรือว่าพี่หานไม่เคยได้ยินสมบัติชนิดนี้หรือ!” สือคุนกลับมีท่าทีประหลาดใจ
“เคยได้ยินมาเล็กน้อย แต่เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น สถานการณ์จริงของสมบัติชิ้นนี้เป็นอย่างไรก็ยังไม่แน่ใจนัก ต้องขอคำแนะนำจากสหายแล้ว” หานลี่ตอบด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“สมบัติชิ้นนี้ก็ไม่มีอันใด ความจริงแล้วเผ่าเล็กๆ ที่สามารถครอบครองตำแหน่งที่แม่นยำในแดนวิญญาณ ล้วนมีหินประหลาดร่วงลงมาจากฟากฟ้า ด้านบนสลักคำว่าสมบัติวิญญาณหุ้นตุ้นเอาไว้ ในบันทึกชื่อสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินและสมบัติโฮ่วเทียนที่ปรากฏในแดนนี้เอาไว้ และเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทุกชิ้นที่บันทึกอยู่ในนั้นล้วนเป็นของที่ไม่ธรรมดา สมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าเป็นแค่สมบัติที่จัดอยู่ในอันดับสุดท้ายของสมบัติโฮ่วเทียนเท่านั้น ตอนนั้นข้าบังเอิญอ่านหน้าที่สองของบันทึกนั้นเข้า ถึงได้จำว่าคล้ายกับหม้อของสหาย ทว่าของสิ่งนี้จัดอยู่อันดับหลังๆ บางทีผู้แซ่สืออาจจะจำผิดก็ได้”
สือคุนตอบกลับอย่างจริงใจ