A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1781 จักรพรรดิสุรา?
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1781 จักรพรรดิสุรา?
“ที่แท้สหายก็คือหานลี่ที่เพิ่งพัฒนาระดับเมื่อสองสามปีก่อน ช่างเสียมารยาทจริงๆ! น่าเสียดายสหายปฏิเสธคำเชิญของเมืองศักดิ์สิทธิ์ไป มิเช่นนั้นข้าคงได้ดื่มสุรากับสหายหานตั้งนานแล้ว” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนพิจารณาหานลี่สองสามแวบ แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์พูดถูก ได้ยินว่าสหายหานพัฒนาจากระดับเทพแปลงมาอยู่ในระดับนี้ได้ภายในเวลาแค่สองสามร้อยปี ความเร็วที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ ไม่อาจกล่าวได้ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้ แต่ก็เพียงพอจะทำให้พวกเราเหงื่อแตกพลั่กแล้ว” ภิกษุร่างอ้วนท้วมเบะปากใส่หานลี่ มีท่าทีสนใจหานลี่เช่นกัน
“ปรมาจารย์ผู้นี้ชมเกินไปแล้ว คุณสมบัติของผู้แซ่หานธรรมดาๆ หากไม่ใช่เพราะว่าบังเอิญมีวาสนาสองสามครั้งในแดนรกร้าง ไหนเลยจะพัฒนาได้รวดเร็วเพียงนี้” หานลี่กลับแสดงท่าทีมีมารยาทเป็นอย่างมากออกมา
“ปรมาจารย์เทียนฉาน มีอันใด ให้พวกเราแสดงความนับถือสหายหานด้วยสุราสักจอกแล้วค่อยว่ากันเถิด ข้าไม่มีงานอดิเรกอันใด แค่มักชอบดื่มสิ่งที่ถูกในจอก หากไม่ใช่เพราะต้องสืบทอดจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ถ่ายทอดกันมา ข้าก็อยากจะเป็น ‘จักรพรรดิสุรา’ สักหน่อย จุ๊ๆ จักรพรรดิสุรา นี่สิถึงจะเป็นคำเรียกจากจิตใจของข้า” นักปราชญ์ชุดขาวเอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา ยกมือขึ้นตะปบไปทางโต๊ะหยก ถ้วยหยกสีเขียวมรกตและไหสุราสีแดงสดที่ดูเหมือนปะการัง ถูกดูดเข้ามาแล้วร่อนลงในมือทั้งสอง
จากนั้นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนผู้นี้ก็สะบัดข้อมือ เทสุราวิญญาณเข้มข้นออกมาจากไหสุรา เป็นสีเหลืองโปร่งใส ราวกับสีอำพัน และส่งให้หานลี่ด้วยตัวเอง
หานลี่ไม่กล้าดูแคลน ปากเอ่ยขอบคุณ แล้วรับจอกสุรามา ชั่วพริบตาก็แผ่จิตสัมผัสไปรัดรอบจอกสุราเอาไว้ และรู้ว่าไม่มีปัญหาอันใด ตรงกันข้ามสุรานี้ใช้สิ่งใดก็ไม่รู้หมักขึ้น กลิ่นหอมที่โชยออกมา แฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่น่าตกตะลึง ไม่ด้อยไปกว่าสมุนไพรวิเศษที่ใช้พัฒนาพลังยุทธ์เลย
หานลี่ขยับแขน ค่อยๆ ดื่มสิ่งที่อยู่ในจอกจนหมด
“สุราดี ในบรรดาสุราวิญญาณที่ผู้แซ่หานรู้จัก น่าจะจัดอยู่ในสามอันดับแรก” หานลี่ดื่มเสร็จ ใบหน้าก็มีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป พลางเอ่ยพร้อมกับหน้าเปลี่ยนสี
“สามอันดับแรก? เช่นนั้น สหายหานรู้จักสุราวิญญาณที่ดีกว่า ‘สุราวิญญาณพยัคฆ์’ หรือ!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนได้ยินคำนี้ พลันตกตะลึง จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างยินดีปรีดา
หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ยามที่คิดจะตอบอันใดนั้น ชายชรานามว่าหวงตั้งกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ พวกเราดื่มสุราไปพลาง คุยกันไปพลางเถิด ให้พี่หานยืนคุยเช่นนี้ จะเสียมารยาทไปหน่อย”
“ก็ใช่ ข้าดีใจเกินไปหน่อยที่ได้พบสหายหาน เผ่ามนุษย์ของพวกเราไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรที่พัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ได้เกือบพันปีแล้ว” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนตบศีรษะ แล้วรีบร้อนเชิญหานลี่นั่ง ส่วนตัวก็กลับไปนั่งยังตำแหน่งหลัก
จากการคบหาจนมาถึงยามนี้ ความรู้สึกของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนที่มอบให้หานลี่นั้นไม่เลวจริงๆ
แม้ว่าจะสมญานามว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับดูเหมือนว่าจะเป็นคนดีมาก ไม่มีกลิ่นอายความเคร่งครัดของลัทธิขงจื๊อเลยสักนิด
ทว่าพวกเขาเป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์ระดับนี้ ย่อมไม่อาจใช้ความประทับใจเพียงสั้นๆ มาตัดสินว่าอีกฝ่ายเป็นอย่างไรได้
หานลี่เอ่ยปากอย่างถ่อมตน แล้วนั่งอยู่ตรงข้ามจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวน
“สหายหานยามนี้ก็กล่าวได้แล้วว่า เจ้ารู้จักสุราวิญญาณชนิดใดที่ดีกว่าสุราวิญญาณพยัคฆ์ของข้า สหายเคยชิมหรือไม่” ดูเหมือนว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนผู้นี้จะเป็นผีสุราตัวจริง เมื่อหานลี่นั่งลง ก็เอ่ยถามอย่างทนรอไม่ไหว
“สุราวิญญาณพยัคฆ์ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คือสุราวิญญาณที่หายากในแดนวิญญาณ ทว่าข้าน้อยโชคดีเคยชิม ‘สุราวิญญาณเก้าหอม’ ของชนต่างเผ่าในแดนรกร้าง ไม่ว่ากลิ่นหอมของสุราหรือว่าประสิทธิภาพของมัน ก็ไม่ด้อยไปกว่าสุราวิญญาณพยัคฆ์เลย” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเอ่ยอย่างละเอียด
“สุราวิญญาณของเผ่าปีศาจ? สุราวิญญาณเก้าหอม! สหายได้เอาสุราวิญญาณนี้กลับมาสักกาสองกาหรือไม่” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนเอ่ยถามอย่างเฝ้าหวังเล็กๆ
ภิกษุเทียนฉานและหวงตั้งเองก็มองหานลี่ด้วยความสนอกสนใจเช่นกัน
“สุราวิญญาณเก้าหอมก็เป็นสุราลับที่สิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ที่ชนต่างเผ่าหมักขึ้น ยามนั้นผู้แซ่หานยังไม่พัฒนาระดับขั้น ไหนเลยจะมีคุณสมบัติไปขอสุรานั้น โชคดีได้ดื่มสักจอกก็นับว่ามีวาสนาแล้ว” หานลี่กลับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“นั่นมันก็จริง ปกติแล้วสุราวิญญาณพยัคฆ์ของข้าก็เป็นของล้ำค่ามาก ไม่ได้เอาออกมาต้อนรับแขกง่ายๆ” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนไม่ปกปิดความผิดหวังเลยสักนิด และถอนหายใจขณะเอ่ย
“หึๆ จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไม่จำเป็นต้องเสียใจขนาดนั้น แม้ว่าข้าน้อยจะไม่มีสุราวิญญาณเก้าหอม แต่อีกสักระยะหนึ่ง ก็อาจจะได้สุราอีกชนิดหนึ่งมา ถึงยามนั้นจะนำมาให้ท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ลิ้มลองด้วยตนเอง” ฉับพลันนั้นหานลี่ก็เผยรอยยิ้มลึกลับออกมาขณะเอ่ย
“อ่า สุราวิญญาณอันใด หรือว่าเหนือกว่าสุราวิญญาณพยัคฆ์ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และสุราวิญญาณเก้าหอม?” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนยังไม่ทันได้ตอบคำถามนี้ ชายชราร่างกายผ่ายผอมก็ทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
เห็นได้ชัดว่าผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชมสิ่งที่อยู่ในจอก
นั่นก็ไม่แปลก ผู้บำเพ็ญเพียรมักจะนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญเพียรเป็นเวลานาน จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับสิ่งของนอกกายนัก ปกติแล้วบุรุษผู้บำเพ็ญเพียรนอกจากจะสนใจชาวิญญาณแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะดื่มสุราวิญญาณ
“ยามที่ผู้แซ่หานไปหาประสบการณ์ในแดนรกร้างนั้นโชคดีได้ผลวิญญาณตาข่ายแดนที่ใช้หมักสุราเซียนตาข่ายแดงมาสองสามส่วน แม้ว่าจะยังต้องมีวัตถุดิบเสริมในการหมัก แต่ขอแค่ใช้เวลาสักหน่อย ก็น่าจะไม่มีปัญหา” หานลี่ฉีกยิ้มให้กับทุกคนขณะเอ่ย
“สุราเซียนตาข่ายแดง! ว่ากันว่าเป็นสุราเซียนที่มีอยู่แค่ในแดนเซียน!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนได้ยินคำพูดของหานลี่ก็พลันตะลึงงัน จากนั้นก็เอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ส่วนชายชราและภิกษุนั้นเห็นได้ชัดว่าเคยได้ยินสุราวิญญาณชนิดนี้มาก่อน สายตาที่มองหานลี่จึงแข็งค้างเล็กน้อย
นี่คือสุราวิญญาณแดนเซียน แดนวิญญาณจะหมักขึ้นมาได้อย่างไร!
“หรือว่าสหายหานกำลังล้อเล่น ผลตาข่ายแดงเป็นของที่มีอยู่แค่ในแดนเซียน จะได้มาได้อย่างไร และยิ่งไปกว่านั้นว่ากันว่าหากปลูกผลตาข่ายแดงจนอยู่ในอายุที่นำมาหมักสุราได้ ต้องใช้เวลาเป็นหมื่นๆ ปี ปลูกในแดนเซียนก็ยังไม่ง่าย สหายหานคงไม่ได้เข้าใจผิดหรอกกระมัง” ภิกษุเทียนฉานเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง
“ผลวิญญาณที่ใช้หมักสุราเซียนตาข่ายแดงได้นี้ ข้าน้อยบังเอิญพบเข้ายามที่ออกไปผจญภัยที่แดนรกร้าง ส่วนเหตุใดถึงไปปรากฏตัวที่นั่น ก็มีแค่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ เป็นผลตาข่ายแดงไม่ผิดแน่ จุดนี้ผู้แซ่หานมั่นใจ” หานลี่เอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
“เยี่ยมๆ หากสหายหมักสุราเซียนตาข่ายแดงได้จริงๆ ผู้อื่นข้าไม่สน แต่จะต้องเก็บให้ข้าสองสามกา ใช่แล้ว วัตถุดิบที่ยังขาดในการหมักสุรานี้ ข้าจะไม่ดื่มฟรีๆ พวกเราสามคนจะช่วยเจ้ารวบรวมเอง” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนเผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมาพลางเอ่ยคำว่า ‘เยี่ยม’ สองครั้ง แล้วเอ่ยอย่างอดทนรอไม่ไหวแล้ว
“จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่นัก ทั้งๆ ที่ข้าอยากดื่มสุราล้ำเลิศของแดนเซียน กลับให้เราสองคนช่วยรวบรวมวัตถุดิบ” ภิกษุเผยสีหน้าๆ นิ่วคิ้วขมวดออกมา
“ฮ่าๆ ภิกษุอย่างเจ้าไม่ค่อยซื่อสัตย์นัก ข้าไม่เชื่อว่าพอหมักสุราออกมาแล้ว เจ้าไม่ลองดื่ม สุราล้ำเลิศที่มีชื่อเสียงของแดนเซียน หากได้ลิ้มลองสักหน่อย ก็นับว่าโชคดียิ่งแล้ว” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนกลับหรี่ตาขณะตอบ
“นั่นมันก็ใช่ แม้ว่าปกติแล้วอาตมาจะมิได้โลภ แต่สุราวิญญาณของแดนเซียนย่อมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะต้องดื่มให้ได้” ภิกษุครุ่นคิดเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะตอบกลับอย่างซื่อสัตย์
ชายชราร่างกายผ่ายผอมไม่ยอมปริปากอยู่ที่ด้านข้าง
“หากสหายทั้งสามยอมช่วย ข้าน้อยก็จะใช้เคล็ดวิชาลับนิดหน่อยให้หมักเสร็จได้ในช่วงงานหมื่นสมบัติ” หานลี่ได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยด้วยใจที่เต้นระรัวเล็กน้อย
“เช่นนั้นยิ่งดี คิดดูแล้วสุรานี้คงดังสะท้านงานชุมนุมแน่ หึๆ จากที่ข้ารู้มาจักรพรรดิป้าก็หลงรักสุราชั้นเลิศไม่ด้อยไปกว่าข้า และยังมีราชาปีศาจทั้งเจ็ดที่เป็นผีสุราอีก สหายเอารายการวัตถุดิบที่ต้องการออกมาเถิด เพื่อการชุมนุมครั้งนี้ ข้าได้นำสมบัติจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มาด้วยไม่น้อย” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนกระทำการอย่างลวกๆ เป็นอย่างยิ่ง พลันยื่นมือออกมาถามหาคัมภีร์จากหานลี่ตรงๆ
หานลี่ก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ หยิบคัมภีร์สีขาวออกมา สองมือเปล่งแสงสว่างวาบแล้วประกบมือทั้งสองเข้าด้วยกัน โยนสิ่งที่จารึกอยู่ด้านในไปฝั่งตรงข้าม
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ตะปบมือข้างหนึ่ง ดูดคัมภีร์เข้ามาในมือ หลังจากใช้จิตสัมผัสกวาดไปแล้ว ก็พยักหน้าแล้วเก็บไว้ พลางเอ่ยกับหานลี่
“อีกสองสามวัน น่าจะช่วยสหายรวบรวมสิ่งของได้ครบ พี่หานจะมาเอาเอง หรือให้ข้าส่งคนไปมอบให้”
“ไม่ต้องส่งมาหรอก ข้ายังไม่มีที่พักที่แน่นอน เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน สามวันให้หลังข้าจะไปพบกับสหายอีกครั้ง” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วตอบกลับเช่นนี้
“ก็ดี ข้าได้ยินว่าราชามังกรวารีเพลิงและราชาปีศาจหงส์ดำไปถึงภูเขาเก้าเซียนแล้ว ถึงยามนั้นข้าก็จะแนะนำให้พี่หานรู้จักสักหน่อย” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนตกปากรับคำเต็มคำ
“ราชาหงส์ดำ!” หานลี่ได้ยินชื่อนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
“อันใด พี่หานรู้จักสหายหงส์ดำ!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ผู้แซ่หานไม่รู้จักราชาหงส์ดำ แค่เคยรู้จักกับชาวเผ่าหงส์ดำมาก่อนหน้านี้เท่านั้น” หานลี่สั่นศีรษะ แล้วเอ่ยอย่างคร่าวๆ
“เจ็ดราชาปีศาจจากเผ่าปีศาจอย่างน้อยๆ ก็มีพลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง ประกอบกับกายเนื้อที่แข็งแกร่ง และอิทธิฤทธิ์ที่เป็นพรสวรรค์ประจำตัว ต่อให้พี่หานไม่อยากคบค้า ทางที่ดีที่สุดก็อย่าไปล่วงเกินง่ายๆ มิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาใหญ่” และไม่รู้ว่าจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนเชื่อคำพูดเมื่อครู่ของหานลี่จริงๆ หรือไม่ แต่ก็เอ่ยเตือนอย่างจริงใจ
“ขอบพระคุณท่านจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ชี้แนะ ข้าน้อยจะไปล่วงเกินเจ็ดราชาปีศาจอย่างไม่มีเหตุผลได้อย่างไร ผู้แซ่หานยังอยากมีชีวิตอยู่ไปอีกหลายปี!” หานลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นก็ดี ใช่แล้ว แม้ว่าสหายหานจะมีวาสนาพัฒนาระดับขั้นอย่างรวดเร็วในแดนรกร้าง แต่คิดดูแล้วในเรื่องของเคล็ดวิชาที่ฝึกฝนและประสบการณ์ในการฝึกบำเพ็ญเพียรก็น่าจะเป็นเอกลักษณ์สินะ โดยเฉพาะประสบการณ์ที่เพิ่งทายจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์เมื่อครู่ น่าจะมีประโยชน์ด้านจิตใจเป็นอย่างมากสินะ!” จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เทียนหยวนเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา ฉับพลันนั้นก็พูดคุยเรื่องการฝึกบำเพ็ญเพียรกับหานลี่
“ข้าน้อยเพิ่งจะบรรลุระดับผสานอินทรีย์ ความรู้ยังตื้นเขิน อยากขอคำชี้แนะจากสหายทั้งสามสักหน่อย” หานลี่ย่อมไม่ปฏิเสธเรื่องดีๆ เช่นนี้ จึงตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน