A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1817 เมฆปีศาจและยาอายุวัฒนะจิ้งหมิง
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1817 เมฆปีศาจและยาอายุวัฒนะจิ้งหมิง
หานลี่หรี่ตามองดูของล้ำค่าที่ถูกนำออกมาจากเหล่าอสูรจากมนุษย์และปีศาจของทั้งสองเผ่า จากนั้นก็ค่อยๆ หายไปทีละตน
เมื่อแลกเปลี่ยนสำเร็จก็หน้าบานเป็นจานเชิง เมื่อแลกเปลี่ยนไม่สำเร็จก็ผิดหวังเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงลงจากเวทีไปด้วยมือเปล่า
แต่โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนใหญ่ได้แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนต้องการ
แต่เห็นได้ชัดเจนอย่างมากว่า เมื่อเทียบกับการประมูลหรือการแลกเปลี่ยนอื่นๆ แล้ว สัดส่วนของการแลกเปลี่ยนสิ่งล้ำค่าที่เป็นชิ้นสมบูรณ์บนเวทีนี้ มีมากกว่าการแลกเปลี่ยนสิ่งของจำพวกวัสดุอย่างเห็นได้ชัด
เห็นได้ชัดว่าทุกคนเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ พยายามอย่างมากที่จะนำสิ่งล้ำค่าที่สมบูรณ์มาแทนที่สิ่งของที่ใช้ไม่ได้ในมือออกไปให้เร็วที่สุด
ท้ายที่สุดแม้ว่าวัสดุนั้นจะหาได้ยากเพียงใด หากไม่ได้รับการปรับแต่งให้กลายเป็นอาวุธเวทมนตร์หรือของศาสตราคม ในภัยพิบัติมันก็เป็นของไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน
สำหรับการดำรงอยู่ของทั้งสองเผ่าพันธุ์ที่เหลืออยู่ ศาสตราคมธรรมดาไม่สามารถเล็ดลอดไปจากเนตรอาคมของพวกเขาได้ และสำหรับพวกเขาที่ใช้แล้วสมบัติชั้นยอดนั้น โดยทั่วไปแล้วจะต้องใช้วัสดุหายาก หากไม่จำนวนหลักหลายสิบก็หลักหลายร้อยหลอมขึ้นมา
ไม่ต้องพูดถึงความเป็นไปได้ของการล้มเหลวในขั้นตอนการหลอมวัสดุเหล่านั้น เพียงแค่ส่วนผสมที่มากมายเช่นนี้อย่างเดียว ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนทั่วไปยุ่งเป็นร้อยปีหรือกระทั่งพันปีด้วยซ้ำในการเก็บสะสม สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดามาก
มิเช่นนั้น ในการแลกเปลี่ยนครั้งก่อน จะปรากฏวัตถุดิบหายากเกือบทุกชนิดออกมาได้อย่างไร
เกือบตลอดวันที่ผ่านไป ผู้คนส่วนใหญ่ในห้องโถงก็หยิบของที่เตรียมไว้ออกมาและแลกเปลี่ยนกันอย่างแข็งขัน
แม้ว่าหานลี่จะอยากได้สมบัติล้ำค่าพวกนี้มากเพียงไร แต่เมื่อผู้คนส่วนใหญ่ต้องการสิ่งของล้ำค่าที่เป็นชิ้นเสร็จสมบูรณ์ เขาก็ทำได้เพียงจ้องมาอย่างว่างเปล่า
แต่ที่จริงแล้วเขากลับไม่ได้ต้องการสิ่งใดเพิ่มเลย
เขาไม่เพียงแต่มียาครอบจักรวาลจากแดนกว้างเย็นในมือเท่านั้น เขายังแลกเปลี่ยนธงอาคมอันทรงพลังหลายชุด และยังใช้สุราเซียนตาข่ายแดงสองไห และเขาได้แลกเปลี่ยนเอาเม็ดยาครอบจักรวาลมาได้สิบกว่าเม็ดจากปีศาจบำเพ็ญเพียรขี้เมาตนหนึ่ง
เมื่อเขาขึ้นเวทีไปได้ไม่นาน เขาก็นำยาครอบจักรวาลหมื่นปีออกมาจำนวนหนึ่ง บอกอย่างชัดเจนว่าต้องการแลกเปลี่ยนกับวัตถุดิบอสูรปีศาจบางชนิดที่เขายังรวบรวมได้ไม่ครบ
เป็นผลให้เขาสามารถแลกวัตถุดิบทั้งหมดที่ต้องการจากนักบำเพ็ญเพียรของเผ่าปีศาจที่ปกปิดร่องรอยของตนสองสามคนได้สำเร็จอย่างง่ายดาย
นี่ทำให้หานลี่เองก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจในที่สุด
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เมื่องานแลกเปลี่ยนจบลง ก็จะสามารถลองหลอมวัสดุต่างๆ ได้ที่ยอดเขาที่สอง
กำลังที่แท้จริงของเขาดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกไม่น้อย
เมื่อหานลี่ตระหนักถึงการแลกเปลี่ยนที่อยู่ด้านล่าง ในตอนที่ไม่น่าจะมีสิ่งใดพิเศษเกิดขึ้นมาอีกนั้น จากนั้นก็มีร่างของคนผู้หนึ่งม้วนตัวขึ้นไปยังเวทีด้วยม่านหมอกปกคลุมสีดำทั้งตัว เขาหยิบชามกลมสีเข้มออกมาจากแขนเสื้ออย่างแช่มช้า
“ทะเลแห่งเมฆปีศาจที่ถูกรวบรวมไว้ด้วยวิญญาณอสูรนับสิบล้านดวง ข้าน้อยขอรับประกันเลยว่าวิญญาณนำมากลั่นเป็นเมฆปีศาจนี้เป็นวิญญาณของเหล่าอสูรปีศาจ และในจำนวนนี้มีวิญญาณของอสูรระดับล่างไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนตน ข้าน้อยจะใช้เมฆปีศาจแลกเปลี่ยนกับสมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าประเภทโจมตีที่อยู่ในการจัดอันดับหมื่นวิญญาณ” เพียงแค่คนผู้นี้เปิดปาก ผู้คนทั้งหมดรวมถึงหานลี่ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก แววตาตกตะลึงหลายรูปแบบมองสบกันไปมากับฝ่ายตรงข้าม
แม้แต่บุรุษใบหน้าสีทองที่ถอยกลับไปยังมุมของเขตอาคมสีทองแล้วที่ยิ้มและมองดูการแลกเปลี่ยนของทุกคนอยู่นั้น ก็ยังมีประกายวาบขึ้นในดวงตาของเขา จ้องไปยังคนผู้นั้นซึ่งอยู่ในม่านแสงสีดำอย่างดุดันด้วยความไม่วางใจ
แม้ว่าดวงตาของทุกคนจะเหมือนมีด แต่บุคคลลึกลับในรัศมีสีดำก็ยืนอย่างมั่นคงอยู่ที่นั่น และขยับแขนข้างหนึ่งยกชามกลมขึ้น เขาใช้มืออีกข้างหนึ่งเปิดฝาชามทรงกลมออก
ในชั่วพริบตานั้น เสียงร้องของภูติผีและหมาป่าก็ดังขึ้นกลางอากาศ และเมฆสีดำราวกับหมึกก็กลิ้งออกมาจากโถทรงกลมราวกับพายุใหญ่ เมื่อมันสลายไป มันก็กลายเป็นสีดำแผ่ขยายหลายจั้ง มืดฟ้ามัวดินไปหมด แม้แต่ช่องว่างเล็กๆ ก็โดนมันปกคลุมไปทั่ว
ประกายสีน้ำเงินในดวงตาของหานลี่สั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ชั่วพริบตาเดียวก็สามารถมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเมฆดำนี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว
ที่จริงแล้วมันเป็นเงาดำจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่รวมเข้าด้วยกัน ข้างในนั้นไม่เพียงมีแต่เงาของอสูรที่คุ้นตาอย่างหมาจิ้งจอก พยัคฆ์ หรือเสือดาว แต่ยังมีเงารูปร่างประหลาดอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ร่างของอสูรทั้งหมดเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และยังกัดกันไม่ยอมหยุด หลังจากนั้นไม่นานร่างของพวกมันส่วนใหญ่ก็ทรุดตัวลงและสลายหายไป แต่ครู่เดียวก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด พวกมันต่างก็มีพฤติกรรมที่ดุร้าย แม้ว่าร่างกายจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วน แต่มันก็จะรวมตัวกลับมาเหมือนตอนแรกอีกครั้ง
ภูตผีปีศาจเหล่านี้เป็นเพียงวิญญาณอสูรที่ได้รับการขัดเกลาเป็นพิเศษจากมนุษย์ เมฆปีศาจชนิดนี้ที่ก่อตัวขึ้นจากสัตว์ร้ายหลายสิบตัวหรือหลายร้อยตัวนั้นไม่ได้มีมูลค่าสูงนัก แต่เมื่อมีวิญญาณหลายหมื่นดวงถูกรวบรวมไว้ด้วยกัน คุณค่าจะแตกต่างออกไปทันที
เพราะยิ่งมีวิญญาณในเมฆปีศาจชนิดนี้มากเท่าใด ประโยชน์ใช้สอยก็ยิ่งมีมากขึ้นไปเท่านั้น และแน่นอนว่ามันก็ทำขึ้นมายากยิ่งเช่นกัน
หากเป็นเมฆปีศาจที่สามารถรวบรวมวิญญาณได้มากกว่าหนึ่งแสนดวง ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้ที่ฝึกฝนภูติผีและวิทยายุทธ์ปีศาจหลงใหลได้
สำหรับเมฆปีศาจนับล้านนั้น สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรเส้นทางภูติผีปีศาจนั้นก็จะบ้าคลั่งร้อนใจอยากครอบครอง
สำหรับกลุ่มเมฆปีศาจนับสิบล้านดวงแล้ว ดูเหมือนจะในประวัติศาสตร์ของทั้งสองเผ่านั้นก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อนเลย
แต่สำหรับคนที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์ที่เกี่ยวข้องเฉพาะทางแล้ว ไม่ว่าจะใช้เพื่อการบำเพ็ญเพียรของตน หรือจะใช้เพื่อการหลอมอาคม ก็คงแทบจะจินตนาการถึงผลลัพธ์ไม่ออกเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามระดับของเมฆปีศาจนี้คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้วิธีหลอมมัน การรวบรวมวิญญาณนับสิบล้านดวงเข้าด้วยกันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ท้ายที่สุดหากสังหารชีวิตนับสิบล้านชีวิต จากวัฐจักรของวิญญาณร้ายเหล่านี้ ผู้บำเพ็ญเพียรก็คงไม่สามารถรับมือไหวได้
และเนื่องจากเมฆปีศาจใช้วิญญาณมากเกินไป จึงก่อให้ขามสมดุล นับตั้งแต่สมัยโบราณกาลมา นับเป็นหนึ่งในวัตถุต้องห้ามที่ห้ามมิให้หลอมเป็นศาสตรายุทธ์ของทั้งสองเผ่าพันธุ์ และการหลอมเมฆปีศาจก็ยังส่งผลต่อการเกิดปรากฏการณ์บนท้องฟ้า และเมฆปีศาจที่มีวิญญาณมากกว่าล้านดวงก็ยิ่งยากที่จะหลบเลี่ยงจากหูตาของผู้คน แทบจะเป็นเพียงสิ่งของในตำนานไปแล้ว
และคนผู้นี้ที่อ้างว่าตนมีเมฆปีศาจที่ประกอบไปด้วยดวงวิญญาณนับสิบล้านดวง จะไม่ทำให้ผู้คนหน้าเปลี่ยนสีไปได้อย่างไรกัน
หากที่นี่ไม่ใช่อาณาจักรทมิฬ แต่เป็นดินแดนภายนอก เกรงว่าคงมีคนที่อดไม่ได้ที่จะลงมือช่วงชิงไปในทันที
“วิญญาณอสูรสิบล้านดวง? สหายเจ้าล้อเล่นหรือเปล่า! ดูไปแล้วไม่ค่อยเหมือนเท่าใดนัก” เสียงแหบแห้งที่เหมือนจะเพิ่งกลืนน้ำลายลงไปดังขึ้นมา มีความสงสัยปนอยู่ในคำพูดเล็กน้อย
“ข้าปลดปล่อยวิญญาณอสูรออกมาเพียงแค่หนึ่งในร้อยเท่านั้น หากจะปล่อยทั้งหมดออกมาจริงๆ แล้วล่ะก็ ห้องโถงเล็กๆ เช่นนี้จะจุพวกมันทั้งหมดได้อย่างไรกัน อย่างไรก็ตามสหายทั้งหลายที่อยากแลกเปลี่ยนสิ่งล้ำค่าย่อมสามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้ว่าในชามนี้มีวิญญาณอสูรมากเช่นนั้นจริงหรือไม่” ชายในม่านแสงสีดำพูดอย่างใจเย็น
“สมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าของการจัดอันดับหมื่นวิญญาณ และเป็นประเภทโจมตีด้วย ขอเรียกร้องสูงส่งเช่นนี้มันออกจะมากไปสักหน่อย ทำไมไม่ลองเช่นนี้ ข้าน้อยขอใช้สมบัติวิญญาณอันดับสูงสุด สองชิ้น ไม่สิ สามชิ้น แลกกับเมฆปีศาจของท่าน” มีคนผู้หนึ่งพูดขึ้นอย่างเร่งรีบ
“นอกจากสมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าประเภทโจมตีของการจัดอันดับหมื่นวิญญาณแล้ว สิ่งของอย่างอื่นข้าน้อยขอไม่ตกลงทำการแลกเปลี่ยน” ชายในม่านแสงสีดำปฏิเสธอย่างแผ่วเบา
“สหายพูดเช่นนี้ก็ออกจะรีบเกินไปเสียแล้ว ลองดูของในมือข้าก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สาย” ทันใดนั้นเสียงของชายชราอีกคนก็ดังขึ้น
จากนั้นก็มีแสงสีแดงเลือดสว่างวาบพุ่งออกไปยังเวที ปรากฏกายเป็นร่างสูงและผอมที่ห้อมล้อมไปด้วยลำแสงสีแดงเลือด เขายกมือขึ้นและโยนขวดหยกส่งผ่านไป
ชายร่างบางในม่านแสงสีดำหยิบขวดหยกขึ้นมาไว้อย่างไม่เต็มใจเท่าใดนัก และเมื่อเปิดฝามองเข้าไปข้างในนั้น ร่างของเขาก็แข็งค้างด้วยความตกใจราวกับถูกสายฟ้าฟาด
“เป็นอย่างไร ยาอายุวัฒนะเม็ดนี้คืออะไร สหายคงรู้แจ้งแก่ใจสินะ หากไม่ใช่เพราะเมฆปีศาจนี้จะมีมูลค่ามากขึ้นในครั้งต่อไป ข้าคงไม่มีทางนำยาอายุวัฒนะนี้มาแลกเปลี่ยนกับสหายแน่” คนร่างสูงโปร่งผู้นั้นมองไปยังขวดยาในมือของฝ่ายตรงข้าม และพูดออกมาอย่างตัดใจได้ยาก
“มิได้! ข้าน้อยยังคงต้องการแลกเปลี่ยนกับสมบัติวิญญาณสะท้านฟ้า” หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายในม่านแสงสีดำก็โยนขวดยาส่งกลับไปพร้อมกับส่ายศีรษะ
“เป็นไปได้หรือไม่ที่สหายไม่รู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งใด ในขวดนี้ของข้า ยาอายุวัฒนะจิ้งหมิงสามารถเพิ่มโอกาสในการทะลุคอขวดในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม!” ร่างสูงโปร่งนี้ไปครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
“ยาอายุวัฒนะจิ้งหมิง!”
“แม้แต่ยาอายุวัฒนะเช่นนี้ก็ยังปรากฏออกมาแล้ว!”
“สหาย ท่านจะตกลงแลกเปลี่ยนยาอายุวัฒนะจิ้งหมิงของท่านกับของล้ำค่าอื่นหรือไม่ ข้าเต็มใจแลกเปลี่ยนยาอายุวัฒนะนี้กับท่าน”
เมื่อได้ยินชื่อของยาอายุวัฒนะจิ้งหมิง คนอื่นๆ นั้นที่ในทีแรกไม่ได้สนใจมากนัก ทั้งพวกตัวประหลาดเฒ่าตัวประหลาดเฒ่าผสานอินทรีย์ของทั้งสองเผ่ามนุษย์และปีศาจ จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสะท้านขึ้น
ทันใดนั้นก็มีคนจำนวนหนึ่งรีบวิ่งไปที่ร่างสูงโปร่งโดยไม่สนใจผู้อื่น และพูดอย่างตรงไปตรงมาเสียงดัง
เห็นได้ชัดว่ายาอายุวัฒนะเม็ดนี้ได้รับความสนใจมากกว่าเมฆปีศาจ
นี่ก็ไม่น่าแปลกใจเลย แม้ว่าเมฆปีศาจที่รวบรวมไปด้วยวิญญาณนับสิบล้านดวงก็ยังเป็นของแปลกในข่าวลือ แต่ก็เป็นประโยชน์เฉพาะกับผู้ที่ฝึกฝนปีศาจและผู้บำเพ็ญเพียรฝึกฝนปีศาจเท่านั้น ยาอายุวัฒนะจิ้งหมิงชนิดนี้นั้นเป็นยาศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกบันทึกไว้ในตำรายาวิเศษ และยานี้ยังเป็นประโยชน์แก่ผู้บำเพ็ญเพียรในช่วงการเปลี่ยนผ่านยุคทั้งหลาย นี่ไม่ทำให้พวกตัวประหลาดเฒ่าตัวประหลาดเฒ่าผสานอินทรีย์ที่ติดอยู่ในความสงบมานานหลายปีแล้วอยู่เฉยได้อย่างไรกัน
“หึ พวกท่านปรารถนา ยาอายุวัฒนะจิ้งหมิงของข้าก็ดี เช่นนั้นก็ช่วยข้าแลกเปลี่ยนเมฆปีศาจกับสหายผู้นี้ให้สำเร็จก่อน แล้วข้าจึงจะแลกเปลี่ยนยาอายุวัฒนะจิ้งหมิง” ดูเหมือนว่าเมฆปีศาจที่อยู่ตรงหน้ามีความสำคัญต่อชายร่างสูงโปร่งผู้นี้เป็นอย่างมาก เขามองดูชายลึกลับในม่านแสงสีดำอย่างโกรธแค้นจึงพูดเช่นนี้ออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของชายร่างสูงโปร่งแล้ว ทั่วทั้งห้องโถงก็เกิดความเงียบขึ้นมาทันที
ในมือตัวประหลาดเฒ่าผสานอินทรีย์ที่อยู่ร่วมกันที่นี่ส่วนใหญ่จะมีสมบัติวิญญาณติดตัวอยู่สองถึงสามชิ้น แต่สมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าที่ติดอันดับในการจัดอันดับหมื่นวิญญาณ มนุษย์และปีศาจทั้งสองเผ่านำมารวมกันอย่างมากคงนับได้ไม่เกินสิบนิ้ว แต่สำหรับสมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าประเภทโจมตี ก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะมีถึงสองสามชิ้นหรือไม่ และถึงแม้ว่าจะมีสมบัตินี้จริง เจ้าของสมบัตินั้นก็คงไม่เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ ณ อาณาจักรทมิฬแห่งนี้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นสมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าที่ติดอันดับในการจัดอันดับหมื่นวิญญาณนั้น มูลค่าเทียบไม่ได้เลยกับยาอายุวัฒนะจิ้งหมิง ไม่ว่าจะเต็มใจนำยาเม็ดนี้ออกมาแลกเปลี่ยนหรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ทั้งสองต้องตกลงกัน
หานลี่มองไปยังขวดยาในมือของชายร่างสูงโปร่ง แต่ใบหน้าของเขากลับแสดงสีหน้าไม่มั่นใจอย่างห้ามไม่ได้
ร่างในม่านแสงสีดำที่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ก็ยังไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ราวกับจะรู้ว่าไม่มีผู้ใดยอมแลกเปลี่ยนสมบัติกับเขาแล้ว ทันใดนั้นก็เขาก็เก็บเมฆดำบนท้องฟ้าทั้งหมดเข้าไว้ด้วยมือข้างเดียวในระยะใกล้ หมายความว่าเขามีความคิดจะออกจากแท่นหินแล้ว
“สหายช้าก่อน!”
ชายร่างสูงโปร่งผู้นั้นเริ่มร้อนใจขึ้นมา และกระทืบเท้าเพื่อหยุดชายในม่านแสงสีดำให้อยู่ต่อ
“สหายหมายความว่าอย่างไร? ยังคิดจะบังคับให้ข้าน้อยแลกเปลี่ยนล้มเหลวอีกหรือ!” เมื่อเห็นสิ่งนี้ ชายในม่านแสงสีดำก็โกรธจัด ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ปล่อยความเย็นประหลาด