A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1854 สังหารศัตรู
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1854 สังหารศัตรู
สองแขนของวานรยักษ์เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ แล้วขยายใหญ่ขึ้นเท่าหนึ่ง จากนั้นพลันโค้งงอ คาดไม่ถึงว่าจะโยนยอดเขาสองลูกออกไปราวกับอาวุธลับ
เมื่อภูเขาทั้งสองลูกออกจากมือ ก็ส่งเสียงหวีดร้องแล้วขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กลายเป็นยอดเขายักษ์ความสูงสี่สิบห้าสิบจั้ง และเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือนกยูงโลหิต เสียงอึกทึกดังขึ้นแล้วกดทับลงมาด้านล่าง
ยอดเขานี้ยังไม่ทันได้ร่อนลงมาจริงๆ บรรยากาศรอบๆ ก็เกิดเสียงหวีดร้องแสบแก้วหู ระเบิดระลอกคลื่นที่ไร้รูปร่างออกมา
ชั่วขณะนั้นความรู้สึกน่ากลัวจนเกือบจะหยุดหายใจพลันปรากฏขึ้น นกยูงโลหิตพลันตกตะลึง ยังไม่ทันได้วางใจจริงๆ แค่กระพือปีกออกไปสองสามครั้งตามความรู้สึก
หมอกลำแสงสีโลหิตกลายเป็นพายุหมุนพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า คาดไม่ถึงว่าเขาคิดจะรับการโจมตีตรงๆ จากยอดเขาทั้งสองของวานรยักษ์
บางทีลำแสงสีโลหิตนี้อาจจะลึกลับไม่เท่ากับลำแสงเทวะห้าสี แต่กลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งอยู่ในหมอกลำแสงกลับร้ายแรงมาก ใช้กำจัดจิตวิญญาณของสมบัติอาคมโดยเฉพาะ ต่อให้สมบัติอาคมมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่แค่ไหน พอถูกลำแสงสีโลหิตม้วนวนเข้าไปก็ทำได้เพียงสงบนิ่งรอคอยความตายเท่านั้น
แน่นอนว่าเจ้าของร้านอวี๋ย่อมคิดไม่ถึง วิธีการหลอมยอดเขายักษ์ทั้งสองลูกไม่ได้มาจากแดนวิญญาณ เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาผสานทั้งห้าที่มีชื่อเสียงของแดนเซียน และยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีของยอดเขาทั้งสองลูกที่ดูน่าตกตะลึงก็ไม่ด้อยไปกว่าอานุภาพของยอดเขาทั้งสองลูกนัก ล้วนมาจากน้ำหนักของยอดเขาทั้งสองและพลังมหาศาลจากร่างวานรยักษ์
หลังจากที่ยอดเขาสีเขียวและดำทั้งสองลูกถูกหมอกลำแสงสีโลหิตม้วนเข้าไป ก็ได้ยินแค่เสียง “แควกๆ” แล้วระเบิดลำแสงเจิดจ้าออกมา ฉีกหมอกลำแสงออกราวกับกระดาษ
“อ๊าก”
เจ้าของร้านอวี๋ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง นกยูงโลหิตพลันรีบเคลื่อนไหวคิดจะหลบหลีกการโจมตีนี้ไปด้านข้าง
แต่ยอดเขาทั้งสองกลับปกคลุมไปทั่วรัศมีร้อยจั้งเศษ ท่าทางน่าตกตะลึงยิ่ง จะหลบหลีกในพริบตาได้อย่างไร ยามนั้นยอดเขาสีดำลูกนั้นพลันพาพลังมหาศาลกดทับลงมาด้วย
นกยูงโลหิตเผยแววตาตื่นตะลึงออกมา แต่ภายใต้ความจนปัญญานั้น ก็ทำได้เพียงกัดฟ้าอ้าปากออก คาดไม่ถึงว่าจะพ่นม้วนภาพออกมา
เมื่อม้วนภาพนี้ออกจากปาก ก็คลี่ออกทันที!
ภายใต้หมอกนับหมื่นสาย เงาลวงตาห้าสีของหอคอยต่างๆ ที่ปรากฏในม้วนภาพล้วนวิจิตรงดงามทุกหลัง ดูสมจริง หากเพ่งพินิจมองก็ให้ความรู้สึกลึกลับราวกับเป็นโพรงลึก
เงาลวงตาเหล่านี้เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน กลายเป็นม่านลำแสงห้าสีหนาๆ ปกป้องนกยูงโลหิตเอาไว้
หลังจากที่เงาลวงตาเหล่านี้ปรากฏขึ้น ระลอกคลื่นรุนแรงก็ปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าสมบัติชิ้นนี้จะเป็นสมบัติห้วงเวลาที่หายากยิ่งชิ้นหนึ่ง
ในสายตาของเจ้าของร้านอวี๋ หากจะนำเครื่องมือสังหารสมบัติประจำกายด้านห้วงเวลานี้มาต้านทานกับยอดเขาที่ดูยิ่งใหญ่ตรงหน้าได้อย่างไม่มีปัญหา
แม้ว่ายอดเขานี้จะมีพลังมหาศาลแค่ไหน แต่เมื่อห้วงเวลาเปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่าย่อมคุ้มค่า
แน่นอนว่าเพื่อเป็นการป้องกัน เจ้าของร้านอวี๋ที่กลายเป็นนกยูงโลหิตย่อมไม่คิดจะหยุดยั้ง ปีกทั้งสองสยายออกอีกครั้ง แล้วหนีออกจากเขตอันตราย
แต่ในยามนี้ยอดเขาสองลูกพลันเปล่งแสงเจิดจ้าออกมา หมอกลำแสงสีเทาม้วนวนออกมาราวกับระลอกคลื่น เสียงแหวกอากาศดัง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ไอกระบี่ไร้รูปร่างโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาทั่วท้องฟ้า
ทั้งสองรวมตัวกันเป็นหนึ่งแล้วโจมตีไปที่ม่านลำแสงห้าสีอย่างแรง ชั่วขณะนั้นเสียงอึกทึกพลันดังสนั่นขึ้น!
ภาพลวงตาของตำหนักหอคอยต่างๆ ในม่านลำแสงทยอยกันฉีกขาดออก ภูเขาทั้งสองลูกร่อนลงมา ภาพลวงตาทั้งหมดถูกกดจนแหลกสลายไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานยอดเขายักษ์ได้เลยสักนิด
นกยูงสีโลหิตไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ถูกยอดเขาสีดำลูกนั้นทับลงมาอย่างพอดิบพอดี ชั่วพริบตาร่างกายก็ระเบิดออกกลางอากาศเศษชิ้นเนื้อปลิวว่อนไปทุกสารทิศ
หานลี่เห็นเช่นนั้นก็อดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ แต่ครู่ต่อมาก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
เศษชิ้นเนื้อของนกยูงโลหิตที่กระจัดกระจายเหล่านั้นสั่นเทาภายใต้ยอดเขา จากนั้นก็ส่งเสียง “สวบๆ” ออกมา!
เศษชิ้นเนื้อทั้งหมดพุ่งไปยังทิศทางเดียวกันและกลายเป็นดวงแสงสีโลหิตลูกหนึ่งแล้วเลื้อยไปมาด้วยท่าทางน่ากลัว ดูเหมือนว่าจะรวมร่างใหม่ขึ้นอีกครั้ง
แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นเยียบ ชี้นิ้วไปที่ยอดเขาสีดำโดยไม่ปริปาก
หมอกลำแสงสีเทาที่แผ่ออกมาจากยอดเขามารวมตัวกันกลายเป็นเส้นไหมสีเทานับพันหมื่นสาย ในเวลาเดียวกันก็พุ่งลงมาด้านล่าง ชั่วพริบตานั้นก็ทะลวงผ่านดวงแสงสีโลหิต จากนั้นลำแสงเย็นเยียบก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วขยับออกอย่างรวดเร็ว
ดวงแสงที่ยังไม่ทันได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างก็มีลำแสงสีเทาสว่างวาบกลายเป็นเศษซากจำนวนนับไม่ถ้วน
ส่วนเส้นไหมสีเทาก็ยังคงไม่มีเจตนาจะหยุดยั้งเลยสักนิด เศษซากเหล่านั้นกลายเป็นหมอกโลหิตในพริบตา ยามนั้นไม่อาจรวมตัวกันได้อีก
เสียง “สวบ” ดังขึ้น!
เงาลวงตาห้าสีดวงหนึ่งพุ่งออกมาจากหมอกสีโลหิต ด้านในมีนกยูงขนาดเท่ากำปั้นอยู่รางๆ
นั่นก็คือทารกวิญญาณของเจ้าของร้านอวี๋ที่ใช้เคล็ดวิชาลับถึงได้หนีออกมาได้
แต่หานลี่จะปล่อยให้เขาหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร วานรยักษ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่งด้านในมีเสียงฟ้าร้องแว่วมา จากนั้นก็พ่นประจุไฟฟ้าสีทองขนาดเท่าปากชามออกมา
ประจุไฟฟ้าสีทองนี้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งห่างออกไปสิบจั้ง โจมตีไปที่ธาตุลวงตาห้าสีทันที
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น!
นกยูงขนาดจิ๋วร้องครวญครางออกมากลายเป็นเถ้าถ่านท่ามกลางลำแสงสีทองพลันสลายหายไปจากโลกใบนี้
ยามนี้วานรยักษ์ก็ชูคอร้องคำรามด้วยความดีใจ สองมือทุบทรวงอก ร่างกายหดเล็กลงท่ามกลางลำแสงสีทองกลับมาอยู่ในร่างมนุษย์อีกครั้ง
หานลี่ที่กลับคืนร่างเดิมถอนหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง สายตามองไปที่หมอกโลหิตด้านล่างแวบหนึ่ง ขบคิดเล็กน้อยแล้วกวักมือข้างหนึ่งไปด้านล่าง
ชั่วขณะนั้นกำไลสีทองและเงินสองวงก็พุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วร่อนลงในมือของเขา
สายตาของหานลี่พิจารณากำไลเก็บของทั้งสองในมือแวบหนึ่ง ลำแสงเปล่งประกายและหายวับไป
เขามองหมอกโลหิตที่เงียบสงบด้านล่าง รูม่านตาเปล่งแสงสว่างวาบ ชูแขนขึ้น
เสียง “ปัง” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินพุ่งออกมาจากแขนเสื้อโจมตีไปที่หมอกโลหิตด้านล่าง
ราวกับไฟที่มอดไหม้อยู่บนน้ำมัน หมอกโลหิตติดไฟถูกเปลวเพลิงสีเงินห่อหุ้มเอาไว้และมีกลิ่นคาวอ่อนๆ โชยมา
ด้านล่างพลันกลายเป็นทะเลเพลิงสีเงิน!
หานลี่หรี่ตาลงยกมือขึ้นตะปบไปด้านล่างอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
ชั่วขณะนั้นระลอกคลื่นสีเงินพลันหมุนวนกลายเป็นมังกรเพลิงตัวหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ผลคือเปลวเพลิงทั้งหมดถูกดูดเข้าไปในแขนเสื้อ ส่วนมือข้างหนึ่งของหานลี่กลับมีของเหลวขนาดเท่าไข่ไก่แผ่ลำแสงห้าสีออกมาจางๆ เพิ่มขึ้นมาแทน
หานลี่มองของเหลวหยดนี้ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
“แค่หลอมอย่างหยาบๆ ก็มีโลหิตเที่ยงแท้ที่บริสุทธิ์เช่นนี้ ไม่ใช่ชาวเผ่าห้าสีธรรมดาดังคาด! หากพูดถึงจุดที่บริสุทธิ์ ต่อให้บอกว่าเขาคือชนรุ่นหลังของนกยูงห้าสีก็อาจจะเป็นได้ หรือว่าคนผู้นี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนกยูงห้าสีจริงๆ? ช่างเถอะไม่ว่าเขาจะมีประวัติความเป็นมาอันใด ยามนี้ก็ไม่สำคัญแล้ว”
หานลี่เอ่ยพึมพำด้วยสีหน้าฉงน สุดท้ายก็สั่นศีรษะ
จากนั้นมือหนึ่งก็พลิกฝ่ามือหยิบขวดเล็กสีแดงสดออกมาบริกรรมคาถาไปที่ของเหลวในมือ
ชั่วขณะนั้นขวดใบเล็กพลันสั่นเทาพ่นหมอกลำแสงสีขาวออกมา ม้วนเอาของเหลวเข้าไปข้างในจนเกลี้ยง
ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่เก็บขวดใบเล็กเข้าไป จากนั้นก็ใช้มือหนึ่งร่ายคาถาเก็บภูเขาสองลูกกลับมาเช่นกัน
หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ จากพลังที่น่ากลัวของยอดเขาผสานกับพลังเทวาสะท้านฟ้าที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของวานรยักษ์ภูเขาก็กลายเป็นเครื่องมือสังหารศัตรูอีกชนิดหนึ่งของเขา
หากเขาหลอมยอดเขาได้อีกสักลูกสองลูกเชื่อว่ากระบวนการต่อกรกับศัตรูนี้คงน่ากลัวมากขึ้นทันที
ผิวของหานลี่เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบคนพลิ้วไหวหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาตรงหน้าของวิญญาณครวญที่ยังคงอยู่ในร่างของภูติยักษ์พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น หานลี่ปรากฏตัวตรงนั้นอย่างเงียบเชียบและเงยหน้าขึ้นพิจารณาอสูรวิญญาณครวญอย่างละเอียด ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าสลับซับซ้อน
แม้เขาจะรู้ว่าหลังจากที่วิญญาณครวญแปลงกลายแล้วอิทธิฤทธิ์ไม่อาจจะคาดเดาได้ แต่คาดไม่ถึงว่าแค่อสูรตัวนี้ประหน้ากับวิหคยักษ์สองหัวระดับมหายานก็จะสังหารได้ทันที ช่างทำให้เขาตกตะลึงและรู้สึกหมดคำพูดไปจริงๆ
อสูรตัวนี้ไม่ได้จัดการได้แค่มารวิญญาณหยินหรือ?
และยิ่งไปกว่านั้นสองสามวันก่อนเขายังเคยตรวจสอบสถานการณ์ของอสูรตัวนี้ภายในกำไลเก็บอสูรวิญญาณและเห็นอยู่ชัดๆ ว่ามันยังไม่มีท่าทีจะตื่นขึ้น ผลคือเมื่อเห็นวิหคประหลาดปรากฏตัวก็กระโดดออกมาทันที
มันทำให้เขาดีใจและตกใจจนสะดุ้งโหยงในเวลาเดียวกัน
แต่อสูรวิญญาณครวญที่เพิ่งตื่นขึ้นกลับเชื่อมโยงจิตใจกับเขาไม่ค่อยได้ ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียพลังในการควบคุมอสูรตัวนี้ไปกว่าครึ่ง
นี่จึงทำให้เขาอดที่จะกังวลไม่ได้ ดังนั้นยามนี้เขาจึงขมวดคิ้วและไม่รู้จะจัดการกับอสูรตัวนี้อย่างไรดี
ถึงอย่างไรเสียอิทธิฤทธิ์ที่อสูรวิญญาณครวญสำแดงออกมาเมื่อครู่ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
และในยามนี้วิญญาณครวญที่เอาแต่เล่นแก่นผลึกอสูรอัสนีในมือก็โยนแก่นผลึกขึ้นไปกลางอากาศอ้าปากออกแล้วกลืนแก่นผลึกลงท้องไป จากนั้นถึงได้ก้มหน้าลงมองหานลี่ดวงตาสีแดงสดคู่นั่นเปล่งแสงสว่างวาบ
“หรือว่านายท่านกำลังกังวลใจ?” วิญญาณครวญเอ่ยปาก
“กังวลใจ เหตุใดข้าต้องกังวลใจด้วย! เจ้าเบิกเนตรแล้วหรือ?” หานลี่ใจหายวาบแต่ก็เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“หึๆ ในหัวมีเรื่องราวมากมาย อีกอย่างเหตุใดนายท่านต้องปิดบังด้วย แม้ว่าข้าและนายท่านจะมีความสัมพันธ์ต่อกันน้อยลงแต่จุดนี้ก็ยังสัมผัสได้” คาดไม่ถึงว่าวิญญาณครวญจะแสยะยิ้มออกมา
“ในหัวมีเรื่องมากมายหมายความว่าอันใด? ค่อให้เป็นเช่นนั้นยามนี้เจ้าคืออันใด คืออสูรอาญาที่พวกเขาพูดถึงจริงหรือ?” หานลี่ได้ยินคำพูดของอสูรตัวนี้ก็พลันตกตะลึง ทันใดนั้นมุมปากก็กระตุกรอยยิ้มขมขื่นออกมา
“เรื่องนี้…ข้าเองก็ไม่รู้! การตื่นจากการหลับใหลอันยาวนานครั้งนี้ทำให้ในหัวมีเรื่องราวมากมาย ดูเหมือนว่าข้าจะมีจุดที่คล้ายกับอสูรอาญาที่พวกเขาพูดถึงหลายส่วน แต่บางจุดก็ไม่เหมือน! แต่มีจุดหนึ่งที่ข้ามั่นใจ นายท่านไม่ต้องกังวลอันใด เกรงว่าข้าจะไปจากแดนนี้ในทันที” วิญญาณครวญถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่หน้าเปลี่ยนสีออกมา