A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1916 สงครามเมืองอี่เทียน (10)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1916 สงครามเมืองอี่เทียน (10)
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันใจหายวาบ พลางร่ายอาคมกระตุ้นในใจ
ยอดเขาสองลูกพลิ้วไหว ลำแสงนับหมื่นสายสูงร้อยจั้งแล้วกดลงมาอย่างแรง
เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น ผิวของม่านลำแสงบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่ายอดเขาสองลูกจะดีดตัวออกมาเช่นกัน แล้วห่อหุ้มเอาไว้อย่างปลอดภัยไม่เป็นอันตราย
ส่วนแมลงวิญญาณลายสีม่วงสิบสามตัวที่กลายเป็นลำแสงสีม่วงสิบสามดวง ก็ปะทะเข้ากับม่านลำแสง
ม่านลำแสงสั่นสะเทือน ดูเหมือนว่าอยากจะดีดแมลงวิญญาณเหล่านั้นออกเช่นกัน
แต่แมลงวิญญาณสิบสามตัวพลันส่งเสียงร้องแหลมสูง ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น จนมีขนาดสองสามฉื่อ ในเวลาเดียวกันก็ยื่นแขนขาออกมา คาดไม่ถึงว่าจะมีลำแสงสีเงินปรากฏขึ้น ทยอยกันปักเข้าไปในม่านลำแสงรอบๆ ราวกับเข็มเหล็ก
บรรยากาศรอบม่านลำแสงบิดเบี้ยวไปมาไม่หยุด แมลงวิญญาณลายสีม่วงเหล่านั้นราวกับดิ้นรนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
ไม่ใช่แค่นั้นแมลงวิญญาณเหล่านี้พลันอ้าปากออก พ่นเส้นไหมสีทองหนาเท่านิ้วมือออกมา เปล่งแสงสว่างวาบคาดไม่ถึงว่าจะมองข้ามม่านลำแสงแล้วจมหายเข้าไปข้างใน
ม่านลำแสงเจ็ดสีที่เดิมดูหนามาก ชั่วขณะนั้นพลันสั่นเทา หมอกลำแสงสีสันงดงามไล่ไปตามสายร่างของแมลงวิญญาณทั้งสิบสามตัวแล้วทะลักออกมา
แทบจะในชั่วลมหายใจ ม่านลำแสงก็รางเลือน เสียงหึ่งๆ ลดลง ดูเหมือนว่าพลังวิญญาณจะไหลออกมาด้วยความเร็วที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
หุ่นเชิดโปร่งแสงสองตัวเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ดูเหมือนจะตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นลำแสงเจ็ดสีที่ฝ่ามือทั้งสี่ก็ระเบิดออกอีกครั้งกลายเป็นพลังวิญญาณที่น่าตกตะลึงแผ่ไปทั่วทั้งสี่ด้าน
ม่านลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง พลางส่งเสียงร้องหึ่งๆ ออกมาอีกครั้ง
แต่ความเร็วของแมลงวิญญาณสิบสามตัวที่ดูดซับพลังของม่านลำแสงก็น่าตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ยามนั้นหุ่นเชิดโปร่งแสงทั้งสองไม่กล้าแยกกันลงมือแม้จะมีอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ
ทั้งสองต่างยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันอยู่ตรงนั้น!
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ตกตะลึง แต่จากนั้นพลันดีใจ มือหนึ่งร่ายอาคม กระบี่สีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มพุ่งออกมาจากร่าง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นเงากระบี่สองสามร้อยสายมาอยู่เหนือม่านลำแสง แล้วรวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีเขียวความยาวสิบจั้ง
“ฟัน”
หานลี่ร้องตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ นิ้วมือชี้ไปที่กระบี่ยักษ์สีเขียวอย่างต่อเนื่อง
กระบี่ยักษ์ส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา กลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งสับลงมา
บางทีกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาอาจจะกลายพันธุ์ได้เหนือกว่าไม้บรรทัดสีเงินชิ้นนั้น แต่อาศัยแค่ความแหลมคม กระบี่บินเจ็ดสิบสองเล่มผสานพลังกันสับลงมากลับไม่ใช่สิ่งที่ไม้บรรทัดสีเงินจะเทียบเทียมได้
และยิ่งไปกว่านั้นกระบี่บินชุดนี้เป็นสมบัติประจำกายของหานลี่ ผ่านการบ่มเพาะด้วยความตั้งใจมาหลายปี จึงมีสติสัมปชัญญะเป็นของตนเอง แล้วมีจุดเด่นในการพุ่งแหวกอากาศ
ยามนี้แม้ว่าม่านลำแสงเจ็ดสีจะลึกล้ำเป็นอย่างมาก พลังปราณในตัวมันกลับถูกแมลงกลืนทองลายสีม่วงสิบสามตัวกักเอาไว้ ดังนั้นหานลี่จึงมั่นใจว่าการสับลงมาครั้งนี้จะสำเร็จไปเจ็ดแปดส่วน
แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือในยามสำคัญ จะเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงขึ้น
ในเวลาเดียวกันที่กระบี่ยักษ์สีเขียวที่อยู่ไกลออกไปสับลงมา เหนือศีรษะของหานลี่พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น รัศมีลำแสงสีดำปรากฏออกมา และเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นตัวอักษรคำว่า ‘กด’ ขนาดใหญ่เรียงกันห้าแถว
หานลี่รู้สึกเพียงว่าอากาศหนักอึ้ง พลังมหาศาลกดลงมา ชั่วพริบตาก็ดูเหมือนมีภูเขาขนาดใหญ่ห้าลูกกดทับร่างกายเอาไว้พร้อมกัน
หากไม่ใช่เพราะเขามีกายเนื้อแข็งแกร่งเกินจินตนาการ หากเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ ในระดับเดียวกัน ภายใต้แรงกดด้วยพลังมหาศาลนี้แม้ว่าจะยังพอรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้ได้ กายเนื้อก็คงระเบิดออกทันที
ในเวลาเดียวกัน ใต้ฝ่าเท้าของหานลี่ก็มีหม้อใบเล็กสีม่วงปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ!
ปากหม้อมีลำแสงสีดำม้วนวนออกมา อักขระโบราณสีดำคำว่า ‘ตรึง’ เหมือนกันสามตัวพลันปรากฏขึ้น
ชั่วขณะนั้นหานลี่พลันรู้สึกร่างกายตึงแน่น มือเท้าราวกับถูกห่วงเหล็กไร้รูปร่างกักเอาไว้พร้อมกัน พลังปราณในร่างแข็งตัว
ไม่ใช่แค่นั้นร่างของหานลี่พลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ หุ่นเชิดราวกับรูปปั้นน้ำแข็งโปร่งใสเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น ขยับมือ กระบี่ยักษ์โปร่งแสงความยาวสองสามจั้งเล่มหนึ่งกลายเป็นพายุหมุนกวาดเข้ามา
อีกด้านลำแสงสีทองพลันสลายตัวออก สตรีผู้งดงามหนึ่งในมือสังหารหยินหยางพลันปรากฏตัวขึ้น พลางชูมือทั้งสองขึ้นด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม!
ในเวลาเดียวกันเพลิงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากกระบี่บินสีแดงโลหิต
เพลิงสีเขียวหมุนคว้างกลายเป็นภูตขนาดเท่าล้อรถหน้าตาเขียวคล้ำเขี้ยวงอกพลางกระโจนเข้ามาหานลี่
หลังจากที่กระบี่บินสีโลหิตพลิ้วไหว กลับระเบิดเสียงกรีดร้องที่ทำให้ผู้คนยากจะรับไหวออกมา แผ่กลิ่นอายโลหิตคละคลุ้งแล้วสับลงมา
สตรีผู้นี้อาศัยเขตอาคมลึกลับบนพื้น และจานอาคมในมือที่มีพลังกักขังปกปิดการตรวจสอบด้วยจิตสัมผัสและเนตรวิญญาณของหานลี่ ชั่วพริบตาที่ภูเขาสองลูกและแมลงวิญญาณที่นางหวาดกลัวที่สุดออกห่างจากหานลี่ ก็ร่วมมือกับหุ่นเชิดระดับผสานอินทรีย์อีกตัวหนึ่ง ทำการโจมตีในระยะประชิดที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อลงมือก็โหดเหี้ยมราวกับฟ้าผ่า สำแดงวิธีการมากมายออกมา คิดจะโจมตีจนทำให้หานลี่เพลี่ยงพล้ำคาที่
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีอันน่ากลัวที่คาดไม่ถึง แม้แต่หานลี่เองก็อดที่จะรูม่านตาหดเล็กลงไม่ได้ แต่ทันใดนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที
ผิวของเขาเปล่งแสงสีทองออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า ขนยาวสีทองปรากฏขึ้นทั่วสรรพางค์กาย แล้วกลายเป็นวานรยักษ์ภูเขา
หลังจากที่เขากลายร่างเป็นวานรยักษ์ พลังเทวะก็ปรากฏขึ้น ไม่ว่าน้ำหนักหรือว่าพลังมหาศาลที่ส่งมาก็ไม่อาจขวางกั้นเขาได้ พลังปราณในร่างกลับคืนสู่ปกติในพริบตา
เสียงร้องตะโกนดังขึ้น ไอสีดำที่วนเวียนอยู่ตรงท่อนบนของวานรยักษ์มีเกราะมารเหนือฟ้าปรากฏขึ้น อักขระสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากเกราะแล้วกลายเป็นเกราะป้องกัน
แผ่นหลังมีลำแสงสีทองสว่างวาบ เทวรูปสามเศียรหกกรปรากฏขึ้น เศียรทั้งหกโบกสะบัด ใบมีดยักษ์สีทองหกเล่มปรากฏออกมาพร้อมกัน พากันสับลงมาปะทะกับกระบี่ยักษ์โปร่งแสงที่อยู่ด้านข้าง
ในเวลาเดียวกันเงาสีเขียวสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากร่างของหานลี่ พลิ้วไหวกลางอากาศกลายเป็น ‘หานลี่’ ที่มีผิวสีเขียวอีกคนหนึ่ง
เขาขยับสองมือไปคนละฝั่งโดยไม่ปริปาก ชั่วขณะนั้นเงากำปั้นสีเขียวทั่วท้องฟ้าก็โจมตีไปที่หัวภูตและกระบี่ลำแสงสีโลหิต
ส่วนร่างของวานรยักษ์พลันอ้าปาก เปลวเพลิงสีเงินพุ่งออกมา
ครู่ต่อมาลำแสงหลากสีสันพลันระเบิดออกข้างกายวานรยักษ์ ดวงแสงยักษ์ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง มันเจิดจ้าจนแสบตา
พลันมีระลอกคลื่นพุ่งมา แผ่ออกไปทั่วทั้งสี่ด้านราวกับพายุกระหน่ำ ราวกับจะกลืนกินทุกอย่างไปจนหมด
ฉับพลันนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น เงามนุษย์สายหนึ่งเซถลาพุ่งออกมาจากใจกลางของระลอกคลื่น บนเรือนร่างมีสายโลหิตปรากฏขึ้น แขนข้างหนึ่งขาดไปพร้อมกับหัวภูต
นั่นคือการโจมตีที่สตรีผู้งดงามเพิ่งสำแดงออกมา ทว่ายามนี้ใบหน้าพลันเต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึง
หลังจากเสียงแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาดังขึ้น ลำแสงที่อยู่ไกลออกไปพลันหม่นแสงลงร่างอันใหญ่ยักษ์ของวานรยักษ์และ ‘หานลี่’ ผิวสีเขียวอีกคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเคียงข้างกัน
ฝ่ามือข้างหนึ่งของวานรยักษ์กุมเปลวเพลิงสีเขียวเอาไว้อีกข้างหนึ่งกำใบมีดหักๆ สีม่วงเอาไว้แน่น
ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียวหัวกะโหลกสีเขียวมรกตพ่นไอสีดำออกมาพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ท่าทางจะหนีออกมาให้ได้
แต่หานลี่ที่แปลงร่างเป็นวานรยักษ์มีพลังด้านอัสนีขนาดไหน นิ้วทั้งห้ากุมหัวกะโหลกเอาไว้แน่นทำให้ไม่อาจหลุดออกจากมือได้เลยสักนิด
ใบมีดสั้นสีม่วงเล่มนั้นเปล่งรัศมีลำแสงห้าสีออกมาและแผ่พลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินออกมารางๆ
ร่างวิญญาณที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าไร้ความรู้สึกแขนข้างหนึ่งเหลือเพียงกระดูกสีขาวโพลนราวกับถูกหลอมละลาย แขนอีกข้างหนึ่งไหม้เกรียมราวกับถูกเปลวเพลิงมารอันใดสักอย่างแผดเผา
และด้านข้างของทั้งสอง เงาร่างสีทองเรืองรองกำลังต่อสู้พัวพันกับหุ่นเชิดโปร่งแสงจนไม่อาจแยกแยะได้!
“สมบัติสวรรค์ทมิฬ เทวรูปร่างทอง!”
สตรีผู้งดงามร้องเสียงแหลมออกมาราวกับถูกคนบีบคอหอยเอาไว้แล้วพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ในมือมีจานอาคมสีเงินปรากฏขึ้นพลางรีบร้อนพลิ้วกายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
รอบกายของสตรีผู้นี้มีรัศมีสีทองแผ่ออกมา ร่างทั้งร่างรางเลือน ครู่ต่อมาก็หายวับไป
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ตำหนิอยู่ในใจ แต่หว่างคิ้วพลันมีลำแสงสีดำสว่างวาบ ดวงตาที่สามปรากฏขึ้นและพ่นเสาลำแสงสีดำที่มีลำแสงสีดำไหลวนโคจรอยู่ออกมา
เปล่งแสงสว่างวาบ!
เสาลำแสงสีดำแทบจะหายไปพร้อมกับเงาร่างของสตรีผู้งดงามแต่หลังจากส่งเสียงอึกทึกขึ้นลำแสงสีดำก็เปล่งแสงสว่างวาบห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง สตรีผู้งดงามปรากฏขึ้นด้วยสีหน้าหวาดผวา
ยังไม่ทันได้ยืนให้มั่นคง วานรยักษ์ขนสีทองที่อยู่ไกลออกไปก็แค่นเสียงด้วยความเย็นชา
สตรีผู้งดงามได้ยินก็อกสั่นขวัญแขวน หลังจากที่ร่างกายพลิ้วไหวก็ร่วงลงมาด้านล่างอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
แทบจะในเวลาเดียวกันร่างของวานรยักษ์พลันกระโจนมาข้างหน้า เสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น ท่ามกลางสายฟ้าอัสนีมีวิหคยักษ์สีเงินปรากฏขึ้นตัวหนึ่ง แผ่นหลังของมันมีประจุไฟฟ้าสีเงินตัดสลับกันไปมา คาดไม่ถึงว่าจะมีปีกอัสนีงอกออกมาคู่หนึ่ง
แววตาของวิหคยักษ์ฉายแววเย็นเยียบกางปีกทั้งสี่ข้างออกมาพร้อมกัน!
ชั่วขณะนั้นเสียงเพรียกพลันดังขึ้น วิหคยักษ์หายวับไปจากที่เดิม
เสียงหวีดร้องดังขึ้น!
ห่างจากแผ่นหลังของสตรีผู้งดงามไปยี่สิบสามสิบจั้งกรงเล็บยักษ์สีเงินพุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วทะลวงผ่านร่างของสตรีผู้งดงามไปโดยไม่ทันตั้งตัว
กรงเล็บยักษ์ส่งเสียงร้องเบาๆ ออกมา เปลวเพลิงสีเงินปรากฏขึ้น ร่างของสตรีผู้งดงามถูกเปลวเพลิงสีเงินห่อหุ้มเอาไว้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตาแม้แต่ทารกวิญญาณก็ไม่อาจหนีออกมาได้
ยามนี้เสียงอัสนีฟ้าฟาดพลันดังขึ้น วิหคยักษ์สีเงินสยายปีกทั้งสี่ออกมาอีกครั้งร่างกายหดเล็กลงกลับคืนสู่ร่างมนุษย์
เขาหันหน้าไปมองแวบหนึ่ง ด้านหลังเป็นร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์กำลังตะลุมบอนกับหุ่นเชิดโปร่งแสง ทันใดนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมไปยังจุดที่ไกลออกไปไม่หยุด
ไอกระบี่สีเขียวพุ่งออกมาเป็นสายๆ ทุกการโจมตีสับลงไปที่หุ่นเชิดที่คิดจะล่าถอยหลีกหนีไปอย่างพอดิบพอดี
เห็นได้ชัดว่าหุ่นเชิดนี้ไม่เชี่ยวชาญการโจมตีลักษณะนี้ แต่เชี่ยวชาญการลอบสังหาร
ดังนั้นภายใต้การโจมตีที่แข็งแกร่ง หุ่นเชิดก็ถูกดีดจนถอยร่นไปเรื่อยๆ
ภายใต้ความร้อนใจ มันถูกใบมีดยักษ์สีทองระเบิดเงาสีทองออกมาราวกับพายุฝนสับลงมาเป็นชิ้นๆ
จุดที่อยู่ไกลยิ่งกว่าหุ่นเชิดโปร่งแสงสองตัวก็ตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
แม้ว่าเป็นเพราะถูกหานลี่ลอบโจมตีจนทำให้กระบี่ยักษ์สีเขียวไม่อาจร่อนลงมา ม่านลำแสงเจ็ดสีก็ส่งเสียงกรีดร้องแล้วหายวับไป
แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกแมลงวิญญาณลายสีม่วงสิบสามตัวดูดซับพลังปราณไป พวกมันก็ยังไม่อาจต้านทานได้แล้วระเบิดตัวเองออกมา