A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1941 เฟิงเสียและวิธีดึงโอกาส
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1941 เฟิงเสียและวิธีดึงโอกาส
ทารกวิญญาณหน้าตาคล้ายกับหานลี่ปรากฏตัวแล้ว ก็กวักมือเล็กๆ ไปยังก ายเนื้อด้านล่าง
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ลูกแก้วทรงกลมที่มีเส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนบินออกมาจากกายเนื้อของหานลี่ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็หยุดอยู่กลางอากาศ
ทารกวิญญาณยื่นนิ้วขาวเนียนออกมา ชี้ไปที่ลูกแก้วลูกนั้น
ชั่วขณะนั้นผิวของลูกแก้วทรงกลมพลันมีสายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ เสียงเปรี๊ยะๆ ดังขึ้น เส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนแตกออก เผยกล่องไม้สีขาวนวลที่ถูกผนึกอยู่ด้านในออกมา
มุมปากของทารกวิญญาณหยักรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา ปากพลันบริกรรมคาถา รอบๆ พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ไข่มุกทรงกลมห้าสีสิบกว่าลูกปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นดวงตาแปลกประหลาด ผิวมีหมอกลำแสงห้าสีเปล่งแสงเจิดจ้า
……
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา เหนือทุ่งหญ้าที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา เศษเสี้ยวจิตสัมผัสที่กลายเป็นร่างแยกของหานลี่ปรากฏขึ้น
เขามองรอบๆ แวบหนึ่ง กลับมองไม่เห็นเชอฉีกง สีหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ฉับพลันนั้นก็เงยหน้ามองที่สูง
กลางอากาศเหนือขึ้นไปหมื่นจั้ง ลำแสงสีขาวเจิดจ้าแผ่ออกมาจากดวงอาทิตย์ ดูเหมือนว่าจะร้อนแรงแผดเผาอย่างหาที่เปรียบมิได้
หานลี่ดวงตาไม่กะพริบ แค่จ้องไปยังดวงอาทิตย์นั้นเขม็งด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ในที่สุดเสียงบุรุษหัวเราะร่าก็ดังออกมาจากที่สูง
“จุ๊ๆ ไม่ใช่คนธรรมดาดังคาด แค่ร่างแยกก็สามารถพบการมีอยู่ของข้า มิน่าล่ะตัวประหลาดเฒ่าเชอจึงฝากความหวังเอาไว้ที่เจ้าและยอมร่วมมือกับเจ้า”
สิ้นเสียงในดวงอาทิตย์พลันมีเงาสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นลำแสงสีดำพลันพุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏตัวห่างจากหานลี่ไปสิบจั้งเศษ
เป็นชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสงครามสีดำไว้หนวดเครา
ใบหน้าของเขาประดับไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อปรากฏตัวก็พิจารณามองหานลี่ไม่หยุด ท่าทางสนอกสนใจ
“นายท่านคือผู้ใด ท่านอาวุโสเชออยู่ที่ไหน?” หานลี่เห็นฉากนี้ก็ใจหายวาบแต่กลับเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
“ยามนี้ตัวประหลาดเฒ่าเชอมีธุระด่วน หากจะมาจากด้านล่าง เกรงว่าคงจะเสียเวลา ไม่สู้สหายหานคุยกับข้าก่อนเป็นอย่างไร” ชายร่างใหญ่กะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยพร้อมกับลูบเครา
“คุยกับนายท่าน? ข้าน้อยดูเหมือนจะไม่รู้จักกับสหายและไม่เคยได้ยินท่านอาวุโสเชอพูดถึงมาก่อน คาดไม่ถึงว่าในป้อมผนึกมารจะมีคนอื่นอยู่ด้วย” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงมองชายร่างใหญ่ชั่วครู่แล้วถึงได้ตอบกลับอย่างแช่มช้า
“ตัวประหลาดเฒ่าเชอย่อมไม่มีทางเอ่ยถึงข้า ทว่าสิ่งที่ข้าบอกกับเจ้าได้คือเรื่องที่เจ้ากับเขาร่วมมือกัน ข้าก็ให้เจ้าได้เช่นกันและยิ่งไปกว่านั้นของตอบแทนที่ข้าต้องการนั้นน้อยกว่าอีกด้วย” ชายร่างใหญ่เอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ
“อ๋อ เช่นนั้นสหายก็ลองพูดมาเถิด” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีแล้วตอบกลับอย่างไม่คิดเช่นนั้น
“ง่ายมาก ตัวประหลาดเฒ่าเชอใช้ไอหุ้นตุ้นมาแลกเปลี่ยนกับวิธีหลอมกับสหายสินะ ข้าก็บังเอิญรู้เคล็ดวิชานี้เช่นกัน ข้าเองไม่ได้ต้องการให้สหายแบ่งไอหุ้นตุ้นครึ่งหนึ่ง ขอแค่ให้ข้าหนึ่งในสามข้าก็จะแลกเปลี่ยนกับเจ้า” ชายร่างใหญ่เอ่ยอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ฟังดูเหมือนไม่เลว แต่ผู้แซ่หานสาบานด้วยจิตมารกับท่านอาวุโสเชอแล้ว เกรงว่าคงไม่อาจผิดคำสาบานได้ง่ายๆ” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้งสุดท้ายกับสั่นศีรษะ
“หึๆ สหายหานยังไม่ได้วิธีการใช้ไอวิญญาณหุ้นตุ้นจากตัวประหลาดเฒ่าเชอสินะ แล้วจะนับว่าผิดคำสาบานได้อย่างไร” ชายร่างใหญ่ดูเหมือนจะคาดเดาเอาไว้นานแล้วจึงเงยหน้าขึ้นหาววอดแล้วเอ่ย
“แม้ว่ากล่าวเช่นนี้จะมีเหตุผลแต่ข้าน้อยไม่เคยรู้จักกับสหาย อาศัยเพียงคำพูดไม่กี่คำก็จะให้ข้าน้อยผิดคำสาบาน ไม่คิดว่าเกินไปหน่อยหรือ!” ไม่รู้ว่าหานลี่กำลังคิดอันใดอยู่ถึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกมา
“ในเมื่อข้ามาปรากฏตัวที่นี่แน่นอนว่าจะทำให้สหายเชื่อคำพูดของข้าไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่วิธีการเอาไอวิญญาณหุ้นตุ้นของป้อมผนึกมาร ข้าน้อยจะบอกในทันทีและยิ่งไปกว่านั้นจากนี้ข้าน้อยจะมอบประโยชน์อีกอย่างให้กับนายท่าน!” ชายร่างใหญ่กลอกตาไปมาแล้วเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ขณะเอ่ย
“ประโยชน์อีกอย่าง?” หานลี่ใจเต้นใบหน้าอดที่จะเผยแววลังเลออกมาไม่ได้
แต่ในยามนี้บรรยากาศรอบด้านพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น ทุ่งหญ้าสีเขียวขจีด้านล่างพลันเลือนรางไป ทัศนียภาพทั้งหมดเปลี่ยนไป กลายเป็นทะเลทรายที่มีพายุสีเหลืองพัดอยู่เต็มไปหมด
ในเวลาเดียวกันกลางอากาศพลันมีเมฆสีดำปกคลุมอสรพิษสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเริงระบำไปมา!
“เป็นไปไม่ได้ เหตุใดตาเฒ่าผู้นั้นถึงหลุดออกมาได้ไวเช่นนี้” ชายร่างใหญ่หน้าเปลี่ยนสีและร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็พลันตกตะลึง
แต่ครู่ต่อมาเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังออกมาจากเมฆาสีดำ
“เฟิงเสีย คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าลงมือกับตาเฒ่า คิดว่าตาเฒ่าจะยอมหรือ!”
นั่นคือเสียงของเชอฉีกงที่ดังสะท้อนไปมาทั่วท้องฟ้า
จากนั้นก็เห็นเมฆสีดำบนท้องฟ้าหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นมือยักษ์สีดำสนิทขนาดร้อยจั้งตะปบลงมาที่ชายร่างใหญ่อย่างรุนแรง
ยังไม่ทันได้ตะปบลงมาจริงๆ พลังมหาศาลปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
หานลี่รู้สึกเพียงว่าท้องฟ้ารอบด้านตึงแน่นเสี้ยวจิตสัมผัสไม่อาจขยับตัวได้เลยสักนิด
ภายใต้อานุภาพนี้ในรัศมีวงกลมสองสามหมู่ของทะเลทรายพลันเกิดเสียง “ปังๆ” ดังขึ้นกลายเป็นหลุมลึกสองสามจั้งเผยหลุมยักษ์ที่น่ากลัวออกมา
ชายร่างใหญ่ที่อยู่ตรงใจกลางของหลุมทะเลทรายกลับไหล่สั่นเทาและหน้าเปลี่ยนสี ลำแสงสีดำแผ่ออกมาจากเกราะสงคราม
ชั่วพริบตาที่ปะทะกับพลังมหาศาลก็ถูกพลังแปลกประหลาดอีกอย่างดึงออกไป คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานอานุภาพกว่าครึ่งเอาไว้ร่างของเขาแค่พลิ้วไหวก็รับเอาไว้ได้ราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น
“วิธีดึงโอกาส! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะฝึกฝนอิทธิฤทธิ์นี้ได้! มิน่าล่ะถึงได้กล้าทำเรื่องเช่นนี้ เยี่ยม เยี่ยมมาก งั้นก็ให้ตาเฒ่าลิ้มรสอิทธิฤทธิ์ของเจ้าก็แล้วกัน” เชอฉีกงดูเหมือนจะตกตะลึงแต่ทันใดนั้นก็คำรามด้วยความโกรธแค้น
สิ้นเสียงเมฆสีดำกลางอากาศก็หมุนวนอีกครั้งคาดไม่ถึงว่าจะก่อตัวเป็นเทวรูปมารยักษ์สามเศียรหกกรกระโจนมาด้วยความดุดัน
“หยุดนะ! เจ้าไม่อยากได้ไอหุ้นตุ้นหรือ?” ชายร่างใหญ่กลับมีสีหน้าเคร่งขรึมโบกมือร้องตะโกนกลางอากาศ
“ตาเฒ่าจัดการเจ้าแล้วไอวิญญาณหุ้นตุ้นย่อมอยู่ในถุง” เทวรูปมารกลางอากาศแววตาเปล่งประกายขณะเอ่ยกรทั้งหกโบกสะบัด ชั่วขณะนั้นไอสีดำพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือหมุนคว้างกลายเป็นดวงแสงยักษ์สีดำสนิท ดูเหมือนว่าจะถูกโยนออกมาในครู่ต่อมา
“หึ เจ้าคิดว่าทำตามวิธีของเจ้าจะเอาไอหุ้นตุ้นออกมาจากป้อมผนึกมารได้อย่างง่ายดายอย่างงั้นหรือ?” ชายร่างใหญ่เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมาขณะเอ่ย
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร! วิธีการนำไอหุ้นตุ้นออกมาถูกพวกเราร่วมมือกันศึกษามาหลายปีก่อนแล้ว? หรือว่าเจ้าคิดจะโกหกถึงได้จงใจยื้อเวลาเช่นนี้!” กรของเทวรูปมารหยุดชะงักแต่ปากยังคงเอ่ยสิ่งที่ดูคล้ายการตำหนิออกมาอย่างต่อเนื่อง
“เหตุใดข้าต้องยื้อเวลาด้วย เจ้าคิดว่าข้าที่ฝึกฝนวิธีดึงโอกาสแล้วจะกลัวเจ้าหรือ? ข้าแค่ไม่อยากบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ส่วนคำพูดเมื่อครู่จะจริงหรือเท็จ หากเจ้าไม่กังวลใจจะหยุดทำไม” ชายร่างใหญ่หัวเราะร่าแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
ได้ยินคำพูดของชายร่างใหญ่เทวรูปมารยักษ์ก็นิ่งงันอยู่ที่เดิม
แต่หลังจากผ่านไปแค่ชั่วครู่ เสียง พรึ่บๆ ก็ดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าเทวรูปมารจะสลายตัวออก ไอสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนชายชราที่มีสีหน้าโหดเหี้ยมร่อนลงมาจากด้านใน
นั่นก็คือมารเฒ่าเชอฉีกง!
หานลี่มองเห็นทุกอย่างหลังจากขบคิดอย่างรวดเร็ว สองมือก็กอดอกมองอยู่ด้านข้าง
“หึ เจ้าอำพรางได้ลึกล้ำมากจ นถึงวันนี้เพิ่งจะบอกว่าฝึกฝนเคล็ดวิชาดึงโอกาสสำเร็จ จะยังไม่ถามว่าอิทธิฤทธิ์นี้คล้ายกับในตำนานหรือไม่ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนว่าเจ้าจะฝึกฝนวิธีการเอาไอวิญญาณหุ้นตุ้นอีกชนิดหนึ่ง ตาเฒ่าจะรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องนี้เป็นความจริงหรือเท็จ? วิธีเอาไอหุ้นตุ้นตอนแรกก็เป็นสิ่งที่พวกเราร่วมมือกันศึกษา ยามนี้อาศัยแค่เรื่องที่เจ้าอยากทำเพียงคนเดียวคิดว่าตาเฒ่าจะเชื่อง่ายๆ หรือ!” เชอฉีกงมีสีหน้าเคร่งขรึมดุจสายธารแล้วเอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก
“ข้าพบช่องโหว่ที่ถึงชีวิตของวิธีการเดิมถึงได้บังเอิญทำได้พอดี ส่วนจะจริงหรือเท็จเจ้าฟังข้าดูก่อน ย่อมจะเข้าใจคุณค่าของมันเอง หากเจ้าคิดว่าผู้แซ่เฟิงพูดโกหกเจ้าก็แค่ลงมือกับข้าแค่นั้น ถึงยามนั้นมากสุดก็แค่ทำให้เจ้าโจรเซวี่ยกวงได้เปรียบ” ชายร่างใหญ่หัวเราะอย่างเย็นชาขณะเอ่ย
“ได้ ตาเฒ่าจะฟังดู หากเจ้าพูดโกหกล่ะก็ หึ…” เชอฉีกงได้ยินคำว่าเซวี่ยกวง ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและตัดสินใจอย่างรวดเร็วแล้วแค่นเสียงด้วยความเย็นชา
“นี่ถึงจะเป็นการกระทำที่ชาญฉลาด หากผู้แซ่เฟิงเสนอวิธีอีกอย่างได้ข้าต้องได้ส่วนแบ่งหนึ่งในสามจุดนี้ ไม่นับว่าเกินไปสินะ” ชายร่างใหญ่ลูบไล้มือพลางหัวเราะและใช้น้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้เสนอเงื่อนไขของตัวเอง
“เรื่องนี้ต้องให้เจ้าพิสูจน์คำพูดของตัวเองก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เชอฉีกงแค่เอ่ยอย่างเยือกเย็น
เฟิงเสียไม่ได้ใส่ใจขยับริมฝีปากถ่ายทอดเสียงไปหาชายชรา
ส่วนหานลี่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาเช่นกัน
……
หนึ่งเดือนต่อมากลางอากาศเหนือภูเขาสีเทา ลำแสงสีดำดวงหนึ่งบินผ่านไปด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
ในลำแสงสีดำมีชายชราหน้าตาอัปลักษณ์กำลังกระตุ้นลำแสงหลีกหนีไม่หยุด นั่นก็คืออรหันต์เฮยอวี่ที่เพิ่งแยกกับหานลี่
ดูจากท่าทางเร่งรีบของเขาดูเหมือนว่าจะรีบร้อนกลับเกาะศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
ด้านหน้าไม่ไกลนักมีเงาสีดำปรากฏขึ้นกลับเป็นยอดเขายักษ์สูงประมาณหมื่นจั้งขวางทางเอาไว้พอดี
อรหันต์เฮยอวี่แววตาเปล่งประกายกระตุ้นลำแสงหลีกหนีอย่างไม่สนใจเลยสักนิดพลางพุ่งไปยังรอยแยกระหว่างภูเขาทั้งสองลูกหมายจะบินผ่านไปตรงกลาง
หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้งลำแสงสีดำก็จมหายไปในใจกลางของยอดเขาทั้งสองและหลังจากที่พลิ้วไหวก็ทะลวงผ่านจากตรงกลางไป
ในยามนั้นเองความแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!
ยอดเขาสองลูกส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน ยอดเขาสองลูกสั่นคลอนอย่างรุนแรงคาดไม่ถึงว่าจะกดลงมาตรงตำแหน่งของอรหันต์เฮยอวี่พร้อมกัน
ตัวภูเขายังไม่ทันทับลงมาที่ลำแสงหลีกหนีสีดำจริงๆ ศิลาทั่วยอดเขาก็ร่วงลงมาราวกับเม็ดฝน