A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1943 ศัตรูตนใหม่
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1943 ศัตรูตนใหม่
สตรีพยักหน้าอย่างราบเรียบ สะบัดแขนเสื้อโดยไม่ได้เอ่ยอันใดอีก หมอกสีขาวสองกลุ่มม้วนวนออกมา แยกออกเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของมนุษย์ยักษ์ทั้งสอง
เรือนกายของมนุษย์ยักษ์ทั้งสองมีเสียงอึกทึกดังขึ้น เก็บเคล็ดวิชาค้ำฟ้าไป ร่างกายหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว พริบตานั้นก็กลายเป็นกำปั้นสองกำปั้นสีเทาและขาว และบินไปหาสตรี สุดท้ายก็จมหายเข้าไปในแขนเสื้ออย่างไร้ร่องรอย
ยามนี้สตรีถึงได้ย่ำเท้า เมฆสีดำใต้ร่างปรากฏขึ้น ห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้แล้วพุ่งไปยังขอบฟ้า
ในเวลาเดียวกันกายเนื้อของหานลี่ที่นั่งสมาธิอยู่ด้านข้างหลุมยักษ์พลันขยับเปลือกตา ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น ใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดๆ ออกมา
คาดไม่ถึงว่าเขาจะจัดการทารกวิญญาณใหม่ ดึงร่างแยกจิตสัมผัสกลับมาจากป้อมผนึกมารอีกครั้ง
“ดูจากท่าทางของมารเฒ่าทั้งสอง ไอหุ้นตุ้นคงสำคัญกับพวกเขามาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ถึงกับเกือบจะลงมือโดยใช้ร่างของจิตวิญญาณดั้งเดิมด้านใน หากมารเฒ่าสองคนนั้นได้ไอหุ้นตุ้นไป คงจะหลุดจากพันธนาการของป้อมผนึกมารเลยสินะ…เป็นไปไม่ได้! ป้อมผนึกมารยังไม่ได้เป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬ ต่อให้ไอหุ้นตุ้นเหนือชั้นแค่ไหนก็ไม่อาจมีผลได้ ตัวประหลาดเฒ่าทั้งสองน่าจะมีแผนอื่น แต่ในเมื่อสาบานกับทั้งสองเอาไว้แล้ว ก็ไม่อาจผิดคำสาบานได้ง่ายๆ” หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม และใช้เสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเอ่ยพึมพำกับตัวเอง
“หึๆ ช่างเถิด! ถึงยามนั้นเมื่อแบ่งไอหุ้นตุ้นให้กับมารทั้งสองแล้ว ก็ค่อยหาวิธีโยนป้อมผนึกมารกลับไปในแดนมาร ถึงอย่างไรเสียวันข้างหน้าก็ต้องเดินทางไปที่แดนมาร ถึงยามนั้นค่อยไปจัดการกับเจ้าสิ่งนี้ เมื่อเคราะห์มารจบลงก็ไม่รู้ว่าอยู่ห่างจากวันที่จะเปิดขึ้นอีกครั้งอีกกี่หมื่นปี ผู้ใดจะสนว่าหลังจากที่มารสองตนนี้หลุดออกมาแล้วจะจัดการกับแดนมารอย่างไร” หานลี่พลันหัวเราะอย่างเย็นชาดูเหมือนว่าจะตัดสินใจได้ในพริบตา
เมื่อตัดสินใจแล้วหานลี่ก็ไม่ลังเลอีกใช้นิ้วชี้ไปที่กล่องไม้สีขาวตรงหน้า
เสียงสวบดังขึ้น กล่องไม้พุ่งไปที่ใจกลางของหลุมยักษ์และสั่นเทาลอยอยู่กลางอากาศ
จากนั้นหานลี่พลันสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งใช้มือหนึ่งร่ายอาคมปากก็บริกรรมคาถา
ชั่วครู่เทวรูปสามเศียรหกกรก็ปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของเขา กรทั้งหกโบกสะบัดร่ายอาคมต่างๆ เช่นกันในเวลาเดียวกันหมอกสีทองก็บินออกมาจากร่างของเขาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันจมหายไปในกล่องไม้
ชั่วพริบตากล่องไม้ที่เดิมมีสีขาวนวลก็เปลี่ยนเป็นสีทองเรืองรองราวกับว่าสร้างขึ้นจากทองคำบริสุทธิ์ก็ไม่ปาน
ในยามนี้ใบหน้าของหานลี่พลันมีหมอกสีเขียวปรากฏขึ้นปากก็ร้องตะโกนต่ำๆ ออกมานิ้วชี้ๆ ไปที่กล่องไม้อีกครั้งเปลวเพลิงสีเงินพุ่งออกมาจากปลายนิ้วโจมตีไปที่กล่องไม้แล้วห่อหุ้มมันเอาไว้
ในยามนี้เทวรูปสีทองที่แผ่นหลังของหานลี่พลันลืมเนตรทั้งหกขึ้นร่างกายพลิ้วไหวสาวเท้ามาข้างหน้า หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้งก็อยู่ห่างจากกล่องไม้ที่มีเปลวเพลิงลุกโชนไปสิบจั้งเศษ กรทั้งสองยื่นออกมากอดกล่องไม้เอาไว้
ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบเทวรูปนำกล่องไม้ร่อนลงไปที่ก้นหลุมยักษ์
แม้ว่าความเร็วจะไม่เชื่องช้า แต่ชั่วสองสามอึดใจเทวรูปสีทองก็จมหายไปในม่านหมอกแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่บริกรรมคาถาไม่หยุด อาคมในมือยังคงร่ายต่อไป แต่หลังผ่านไปชั่วครู่ร่างกายของเขาก็สั่นเทา ไอเย็นเยียบที่อธิบายมาเป็นคำพูดไม่ถูกแผ่ออกมาจากเรือนร่างของเขา
พื้นดินรอบกายที่เขานั่งสมาธิอยู่เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะผนึกรวมตัวกันกลายเป็นน้ำค้างสีเหลืองอ่อน
หลังจากผ่านไปอีกชั่วครู่หมอกสีเขียวบนใบหน้าของหานลี่ก็ค่อยๆ สลายหายไป ร่างทั้งร่างถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยหมอกสีเหลือง
มวยผม ใบหน้า แม้กระทั่งแขนขาทั้งสี่ถูกน้ำค้างสีเหลืองปกคลุมเอาไว้
หมอกสีเหลืองของก้นหลุมกลับหมุนวนอย่างรุนแรงและมีเสียงอึกทึกดังมาจากใต้ดินเป็นครั้งคราวราวกับว่ามีอันใดกำลังสั่นคลอนอยู่ในส่วนลึกไม่หยุด ทำให้ผู้คนได้ยินแล้วอดที่จะรู้สึกฉงนไม่ได้
ใบหน้าของหานลี่ไม่เปลี่ยนแปลงดูเหมือนว่าจะไม่สนใจไอเย็นเยียบและแรงสั่นสะเทือนของเพลิงธรณีแค่กระตุ้นเคล็ดวิชาลับอย่างเงียบเชียบอย่างไม่หยุดพัก
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปและยิ่งไปกว่านั้นยังผ่านไปเจ็ดวันเจ็ดคืน
หานลี่ยังคงนั่งสมาธิอยู่ที่ขอบหลุมยักษ์ นี่เป็นเพราะเขามีพลังปราณลึกล้ำยากจะคาดเดา กายเนื้อและจิตสัมผัสแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป มิเช่นนั้นคงล้มไปตั้งนานแล้ว
เช่นนั้นเขาก็รู้สึกว่าพลังปราณลดลงไปไม่น้อย ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า
ทว่าแรงสั่นสะเทือนของก้นหลุมหายไปแล้ว หมอกสีเหลืองที่หมุนวนก็ลดความเร็วลง เห็นได้ชัดว่าเคล็ดวิชาลับนี้สำแดงมาถึงส่วนสุดท้ายแล้ว
ฉับพลันนั้นเสียงสั่นสะเทือนราวกับฟ้าคำรามก็ดังมาจากก้นหลุมลำแสงนับหมื่นสายพ่นออกมาจากด้านล่างแล้วทะลวงผ่านหมอกยามนั้นพลันสะท้อนหลุมยักษ์ทั้งหมดจนงดงามหาที่เปรียบ
“สำเร็จแล้ว!” หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็มีสีหน้ามีชีวิตชีวา อดที่จะร้องอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
หากได้ไอวิญญาณหุ้นตุ้นมาจริงๆ เขาก็พัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับขั้นปลายได้ในระยะเวลาสั้นๆ อย่างไม่มีปัญหาแล้ว
และหากฝึกฝนอีกขั้นหนึ่ง ไม่ว่าพลังปราณหรืออิทธิฤทธิ์ย่อมต้องเพิ่มขึ้นไม่หยุด เพียงพอจะทำให้เขารักษาชีวิตผ่านเคราะห์มารและการเดินทางไปยังแดนมารในภายภาคหน้าได้
เมื่อขบคิดเช่นนั้นการเคลื่อนไหวในมือกลับไม่เชื่องช้าลงผิวเปล่งเสียง “เปรี๊ยะๆ” ดังขึ้น เปลวเพลิงห้าสีทะลักออกมาจากเรือนร่าง
ทุกแห่งที่เปลวเพลิงลำแสงกวาดผ่านไปน้ำค้างบนเรือนร่างและใบหน้าทยอยกันละลาย ทำให้หานลี่กลับมาเป็นปกติในพริบตา
ยามนี้เขาถึงได้ยกมือขึ้นฝ่ามือข้างหนึ่งตะปบไปที่หลุมยักษ์
หมอกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ เทวรูปสีทองสามเศียรหกกรทะลักออกมาจากด้านในอีกครั้ง ในมือยังคงกอดกล่องไม้เอาไว้ แต่เมื่อร่างเทวรูปเลือนรางไม่หยุดก็มีลำแสงสีเขียวเพิ่มขึ้นมาแทน
ดูแล้วมีขนาดเท่าไข่ไก่ไม่สะดุดตาเลยสักนิด แต่ในไอสีเขียวกลับมีลำแสงสีดำขาวขนาดเท่ารังไหมปรากฏขึ้นรางๆ
หานลี่เห็นสิ่งนี้มุมปากพลันเผยรอยยิ้มออกมา
แต่ครู่ต่อมาเขาพลันมีสีหน้าเคร่งขรึมเงยหน้าขึ้นหน้าเปลี่ยนสีเป็นตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว
แทบจะในเวลาเดียวกันเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นก็ดังออกมาจากกลางอากาศ จากนั้นพลังมหาศาลก็โจมตีไปที่เขตอาคม
เขตอาคมที่กลายเป็นไอสีขาวถูกพลังมหาศาลโจมตีก็รับการโจมตีไม่ไหวราวกับกระดาษไม่เพียงจะฉีกขาด ไอหมอกยังถูกพายุม้วนวนกวาดไปทั่วอากาศ
และหลังจากที่พลังมหาศาลสลายหายไป เงาร่างอรชรอ้อนแอ้นก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบและมองหานลี่จากเบื้องบนด้วยความเย็นชา
แววตาเย็นชาจนทิ่มแทงกระดูกตกลงมาที่ใบหน้าของหานลี่ คาดไม่ถึงว่าจะมีความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทง
“เยี่ยม เยี่ยมมาก! ข่าวคราวที่ค้นหาจากจิตวิญญาณของเผ่ามนุษย์เป็นเจ้านี่เอง” แววตาเย็นชาของสตรีเคลื่อนไหวริมฝีปากบางพ่นคำพูดที่ทำให้หานลี่ใจเต้นออกมา
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาจากไหน แต่ฟังจากน้ำเสียงกลับเห็นได้ชัดว่าเป็นเผ่ามารระดับสูง ยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจะรู้จักเขาอีกด้วย
แม้ว่าหานลี่จะฉงนและตกตะลึง แต่ยามนี้ย่อมไม่ใช่เวลามาหาเหตุผล พลันกุมนิ้วทั้งห้าไปที่ทรวงอกแล้วดึงกลับมา
เทวรูปร่างทองสามเศียรหกกรเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลำแสงสีทองในเวลาเดียวกันก็ห่อหุ้มกล่องไม้และไอสีเขียวพุ่งกลับมาหาหานลี่
สตรีที่อยู่กลางอากาศเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันตกตะลึง แต่สายตามองเห็นกล่องไม้และไอสีเขียวสีหน้าก็เปลี่ยนไปพลางร้องอุทานออกมา!
“ป้อมผนึกมารไอหุ้นตุ้น! ที่แท้เจ้าก็อาศัยเพลิงหยินเอาไอหุ้นตุ้นออกมา!”
เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นี้เป็นผู้ที่ไม่ธรรมดา ในเวลาเดียวกันที่เอ่ยคำพูดออกมาก็สะบัดแขนเสื้อไปด้านล่างทันที
ลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อเปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาปรากฏอยู่เหนือลำแสงสีทองซึ่งอยู่ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง หยุดชะงักเล็กน้อยแล้วเปล่งแสงสว่างวาบพลางรัดเอาไว้
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นผ้าไหมสีขาวขนาดจั้งเศษ แต่ผิวกลับมีลำแสงสีเงินเปล่งประกายเต็มไปด้วยอักขระยันต์ เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติวิเศษชิ้นหนึ่ง!
สมบัติชิ้นนี้ถูกสตรีกระตุ้น คาดไม่ถึงว่าจะขวางป้อมผนึกมารและไอหุ้นตุ้นไว้
แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่พลันนั่งสมาธิอยู่ด้านข้างหลุมยักษ์ พลันมีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นสองเสียงดังขึ้น ศิลาจำนวนนับไม่ถ้วนบินลงมาพร้อมกัน มือหินยักษ์สีเทาขาวสองข้างพุ่งออกมาจากพื้นดินและตบไปทางหานลี่อย่างรุนแรง
ฝ่ามือยังไม่ทันโจมตีถูกหานลี่พลังมหาศาลไร้รูปร่างสองกลุ่มก็ทำให้ร่างกายของหานลี่แข็งค้างราวกับร่างกายหนักขึ้นสองสามหมื่นชั่ง
หานลี่เห็นสถานการณ์ทุกอย่างย่อมตกตะลึงระคนโกรธขึ้งแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว แต่ในใจกลับไม่ได้ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก
เขาแค่นเสียงด้วยความเย็นชา มือหนึ่งร่ายอาคมปากก็พ่นคำว่า “ระเบิด” ออกมา
ลำแสงสีทองที่ห่อหุ้มกล่องไม้และไอหุ้นตุ้นอยู่พลันเปล่งแสงสว่างวาบกลายเป็นรัศมีลำแสงสีทองระเบิดออก
ทุกแห่งที่รัศมีลำแสงสีทองกวาดผ่านไปอากาศจะบิดเบี้ยว แม้ว่าเส้นไหมสีขาวลึกลับเป็นอย่างยิ่งแต่ก็อดที่จะหยุดชะงักลังเลไม่ได้
และถือโอกาสนี้มือยักษ์สีเขียวข้างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศคว้ากล่องไม้และไอสีเขียวไว้ด้วยความรวดเร็ว
จากนั้นมือยักษ์ก็พลิ้วไหวกลายเป็นเงาร่างคน นั่นก็คือ “หานลี่ผิวสีเขียว” ที่สร้างขึ้นจากร่างวิญญาณ
ร่างวิญญาณนี้ปรากฏตัวออกมา มือหนึ่งพลันร่ายอาคมกลายเป็นลำแสงสีเขียวหายวับไปจากที่เดิม
ในเวลาเดียวกันหานลี่ที่เดิมนั่งสมาธิอยู่บนพื้นก็เปล่งแสงสีทอง ร่างกายมีผลสีทองงอกออกมาและขยายใหญ่ขึ้นชั่วลมหายใจก็กลายเป็นวานรยักษ์ขนสีทองสูงสิบจั้งเศษ
พลังมหาศาลที่เดิมมีผลกับร่างของเขาหายวับไปในพริบตา
ไม่เพียงแค่นี้เมื่อวานรยักษ์แปลงร่างสำเร็จก็ร้องคำรามออกมา กำปั้นทั้งสองโจมตีไปทางฝ่ามือยักษ์อย่างรุนแรง
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้นวานรยักษ์แค่นเสียงแล้วถอยร่นไปสองสามก้าวฝ่ามือยักษ์สองข้างแตกกระจายคาดไม่ถึงว่าจะมีส่วนเล็กๆ ที่หายวับไปกลางอากาศ
ยามนี้ด้านหลังวานรยักษ์พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาสีเขียวอ่อนสายหนึ่งรองกล่องไม้และลำแสงสีเขียวเอาไว้ปรากฏขึ้นกระโจนไปข้างหน้าและจมหายเข้าไปในร่างของวานรยักษ์อย่างไร้ร่องรอย