A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 1997 ร่างนิพพานศักดิ์สิทธิ์
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 1997 ร่างนิพพานศักดิ์สิทธิ์
ทว่าสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวกว่าก็คือ ด้านหลังศีรษะของหุ่นเชิดกลับมีใบหน้าสีม่วงอ่อนของคนอีกคนหนึ่งอยู่ ใบหน้านี้ดูธรรมดาๆ แต่สองตาปิดสนิท ทำให้เห็นแล้ว เกิดความรู้สึกขนลุกซู่โดยไม่รู้ตัว
พอชายฉกรรจ์เผ่ามารเรียกหุ่นเชิดตัวนี้มาอยู่ข้างกาย แสงสีทองที่อยู่ห่างออกไปกลับเปลี่ยนแปลง มีบางอย่างผุดขึ้น
ที่ว่างระหว่างวานรยักษ์ หงส์ฟ้า และนกยักษ์สีเงิน มีจุดแสงสีทองกะพริบ เด็กทารกสีทองอ่อนผู้หนึ่ง
ควบแน่นกลางอากาศ ใบหน้าแบบเดียวกับหานลี่เป๊ะ ร่างถูกห่อหุ้มด้วยเกราะมารสีดำ มีกระบี่สีเขียวขนาดเล็กหลายสิบเล่มบินวนอยู่โดยรอบ
ซึ่งก็คือ ปราณก่อกำเนิดของหานลี่
และพอปราณก่อกำเนิดแสดงรูปกายออกมา วานรยักษ์ หงส์ฟ้า นกยักษ์สีเงินก็ดวงตาลุกวาว พลางขยับร่าง พุ่งเข้าหาปราณก่อกำเนิด
เสียง ‘ครืน’ แสงสีทองพร่างพราวตรงที่เดิมพลันควบแน่นเป็นเงาคนสามเศียรหกกรรูปร่างสูงใหญ่
เงาคนผู้นี้เปล่งแสงสีทองเจิดจ้าไปทั้งตัว ไม่ว่าผิวหนังหรือใบหน้า ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองอ่อน เหนือศีรษะมีเขาเดี่ยวสีเขียวงอกขึ้นมา หว่างคิ้วมีดวงตาปีศาจสีดำหนึ่งดวงปรากฏขึ้นอย่างน่าพิศวง
พอเงาคนเงยหน้ามองชายฉกรรจ์ ใบหน้าหลังเกล็ดสีทองที่เห็นตะคุ่มๆ ย่อมเป็นหานลี่อย่างไม่ต้องสงสัย แต่เขาในตอนนี้ ดูไปแล้วกลับให้ความรู้สึกแบบปีศาจที่น่ากลัว นัยน์ตาไร้ซึ่งความรู้สึก แววตาคล้ายมีประกายสีน้ำเงินทอง
ชายฉกรรจ์เผ่ามารเพียงเหลือบตามอง ก็รู้สึกแสบตาสุดๆ ดุจถูกเข็มทิ่มแทงก็มิปาน จึงตกใจและหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
และในตอนนี้เอง เงาคนสีทองที่อยู่ตรงข้ามพลันยกมือขึ้น กดลงบนที่ว่างเบาๆ
เสียงทึบตันปะทุขึ้นตรงหน้าชายฉกรรจ์โดยไม่มีลางบอกเหตุแต่อย่างใด พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าชนดุจภูเขาไฟระเบิด
แม้ชายฉกรรจ์เผ่ามารยังไม่ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น แต่อาศัยพลังจิตก็สามารถสัมผัสได้ถึงอานุภาพอันน่าเกรงขามที่แฝงอยู่ในพลังมหาศาลนี้ สีหน้าจึงเปลี่ยนกะทันหัน เปลวแสงสีโลหิตทั่วร่างพลันขยับ แล้วม้วนตัวมาอยู่ตรงหน้า ขณะในมือพลันมีป้ายคำสั่งสีดำดุจหมึกเพิ่มมาหนึ่งอัน พอร่ายอาคมก็ขยายเป็นขนาดใหญ่หลายจั้ง คล้ายโล่กั้นขวางอยู่ตรงหน้า
เสียงดัง ‘พรึ่บ’ !
ไม่ว่าจะเป็นเปลวแสงสีโลหิตที่แปลงเป็นม่านแสงหรือป้ายคำสั่งสีดำขนาดใหญ่ พอพลังมหาศาลไร้นามกลุ่มนั้นเข้าปะทะ กลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับแผ่นกระดาษ และไม่มีการต้านทานใดๆ จากร่างเดิมของชายฉกรรจ์ปะทุออกมาอีก
ชายฉกรรจ์เผ่ามารลืมตาขึ้นทันที ดวงตาเต็มไปด้วยแววตื่นตระหนกอย่างเหลือเชื่อ แต่ถัดมา อารมณ์พลัน
เปลี่ยนเป็นดุร้ายสุดๆ คำรามเสียงดัง หลังจากย่ำเท้าทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วราวกับเหยียบลงบนพื้นจริง ก็ประสานนิ้วทั้งห้าของสองมือเข้าด้วยกัน เผชิญหน้ากับพลังมหาศาลด้วยการต่อยออก
แสงสีดำวาบ เงาหมัดสีดำสองหมัดหลุดออกจากมือ แล้วขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าดุจเป่าลมเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ปะทะกับพลังมหาศาลอย่างแรง
เสียงทึบตันดัง เงาหมัดสีดำสองหมัดดุจตั๊กแตนขวางรถ แหลกสลายในพริบตา!
ร่างชายฉกรรจ์สะดุ้ง ร่างราวกับฟางข้าว กระเด็นลอยออกมา และในที่ที่ห่างกันกว่าสิบจั้ง ค่อยบิดร่าง พยายามลงยืนบนพื้นดินใหม่
แต่ร่างยังยืนได้ไม่มั่นคง จึงต้องก้าวถอยหลังติดต่อกันไปไกลอีกหลายก้าว ด้วยต้องสลายพลังมหาศาลที่ตกค้างให้ได้มากที่สุด
ทว่าชายฉกรรจ์ในตอนนี้ ใบหน้าแดงก่ำดุจดื่มจนเมามายมาแต่แรก จึงกลั้นต่อไปไม่ไหว อ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์สีดำคล้ำออกมากองหนึ่ง
เงาคนสีทองเมื่อครู่คล้ายจู่โจมแบบเบาะๆ ก็มีอานุภาพท้าฟ้าราวกับย้ายภูเขาคว่ำทะเลได้ ทำให้มารซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามมารอันดับหนึ่งได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุจากการจู่โจมคราเดียว
“ร่างนิพพานศักดิ์สิทธิ์ พลังหมื่นปราณ! เป็นไปไม่ได้ มนุษย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะบำเพ็ญเพียรจนเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์เหนือธรรมชาติในโลกศักดิ์สิทธิ์ของเราได้อย่างไรกัน”
ชายฉกรรจ์ตะโกนด้วยเสียงอันแหบแห้งราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ กระทั่งคราบโลหิตตรงมุมปากก็ไม่สนใจที่จะเช็ด จ้องมองเงาคนที่อยู่ไกลออกไปเขม็ง จนลูกตาแทบถลนออกจากเบ้า
แต่เพิ่งพูดออกมา เงาคนสีทองที่อยู่ไกลออกไปก็สั่นไหว อ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาหนึ่งกองเช่นกัน
ทว่าโลหิตนี้กลับเป็นสีทองอ่อน และพริบตาที่พ่นออกมา ก็หายไปกับสายลม
“พลังหมื่นปราณ อาจใช่ ในเมื่อเจ้าบีบข้าให้สำแดงฤทธิ์เดชเช่นนี้ออกมา ข้าก็ย่อมไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้อีก”
เกล็ดบนใบหน้าของเงาคนสีทองพลันหาย เผยให้เห็นใบหน้าซีดขาวเป็นอย่างยิ่งของหานลี่ ขณะแววตากลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างขณะพูดเสียงเบา
“พลังสะท้อนกลับ! ที่แท้เจ้าก็มิได้บำเพ็ญเพียรถึงขั้นมีฤทธิ์เดชเหนือธรรมชาติ แค่ฝืนร่ายอาคมเท่านั้น ดูจากท่าทางเจ้า ระดับการจู่โจมแบบนั้น ใช้ได้ไม่กี่ครั้งหรอก”
พอชายฉกรรจ์เผ่ามารเห็นภาพนี้กับตาตนเอง กลับถอนหายใจยาวๆ ออกมา สีหน้าโล่งใจเป็นอย่างยิ่งขณะพึมพำ
“ใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็จริง แต่ขอเพียงจู่โจมอีกครั้ง ก็ฆ่าเจ้าตายได้ในทันที” ดวงตาปีศาจตรงหว่างคิ้วร่างแปลงมารของหานลี่กะพริบ ใบหน้าแสดงสีหน้าแปลกๆ ขณะพูด
พอสิ้นเสียง ผิวกายหานลี่ก็เปล่งแสงสีทองทันที อักขระยันต์สีทองนับไม่ถ้วนปะทุออกจากร่างอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งพลันลูบศีรษะ แสงสีทองห้าสายพุ่งออก ขณะหมุนวนหนึ่งรอบ ก็แยกกันแปลงร่างเป็นวานรยักษ์ หงส์ฟ้า นกยักษ์สีเงิน นกยูง มังกรทอง เงาร่างห้าชนิด
และพอเงาร่างทั้งห้าเป็นรูปเป็นร่าง ต่างก็ส่งเสียงร้องดังก้อง พอขยับร่างอีกครั้ง ค่อยทยอยกันวาบเข้าไปในร่างแปลงมารของหานลี่
ถัดมา ไอสีทองบนใบหน้าของหานลี่ก็วาบหาย เขาคำรามร้องอย่างเจ็บปวดสุดๆ แล้วใช้มือข้างเดียวทำท่าร่ายอาคมอีกครั้ง ร่างพลันขยายออกสิบเท่า กลายเป็นยักษ์สูงสิบกว่าจั้ง ขณะที่ศีรษะสีทองอีกหนึ่งศีรษะและแขนสองข้างที่เป็นเกล็ดสีทองทั้งหมดก็ปรากฏขึ้นบนร่างอย่างน่าพิศวง
ร่างแปลงมารของหานลี่พลันแปลงเป็นปีศาจสองเศียรสี่กร
ทว่าการแปลงร่างครั้งนี้ กลับต่างจากการแปลงกายของมารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปมาก เศียรที่สองไม่เพียงมีเขาเดี่ยวสีเขียวงอกออกมาเหมือนกัน ยังมีตาปีศาจที่สามงอกออกมาอย่างน่าพิศวงอีก หลังจากเกล็ดสีทองบนร่างยักษ์วาบแล้วหลอมรวม ก็กลายเป็นเกราะรบสีแดงทองประณีตงดงามชุดหนึ่ง พื้นผิวอัดแน่นไปด้วยอักขระยันต์สีเงินนับไม่ถ้วน ชนิดไม่มีช่องว่างแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมีพลังปราณอันเข้มข้นจากป่าดงดิบโบราณแผ่ออก ราวกับถือกำเนิดมาจากฟ้าดินอย่างไรอย่างนั้น
“ร่างนิพพานแปลงสองร่าง เจ้าบ้าไปแล้ว ขนาดร่างนิพพานเดียวยังไม่มีปัญญาควบคุม กลับฝืนใช้พลังของสองร่างนิพพาน! ยังไม่ทันฆ่าข้า เจ้าก็ร่างระเบิดตายก่อนแล้ว”
พอเห็นสภาพของหานลี่ในตอนนี้ ชายฉกรรจ์เผ่ามารก็ร้องเสียงดังออกมาอย่างตกใจ ใบหน้าแสดงความกลัวให้เห็นเป็นครั้งแรก
“ต่อให้ร่างระเบิด เจ้าก็ต้องตายก่อน รับการจู่โจมจากข้าแล้วค่อยว่ากันดีกว่า”
หานลี่ที่มีสองเศียรสี่กรไม่หวั่นกับคำพูดของชายฉกรรจ์แม้แต่น้อย พอดวงตาทั้งสี่ทอประกายแสงสีน้ำเงินทอง พลังปราณในร่างพลันเพิ่มขึ้นหลายเท่า เขาค่อยๆ ยกแขนทั้งสี่ข้างขึ้น ตบลงไปในที่ที่ชายฉกรรจ์เผ่ามารอยู่ทันที
ฟ้าดินพลันมืด หลังจากปรากฏแสงโทนร้อนสีทองจางๆ กะพริบ ฝ่ามือยักษ์สีทองทั้งสี่ก็วาบมาปรากฏอยู่เหนือศีรษะของชายฉกรรจ์เผ่ามารพร้อมกัน
แต่ละฝ่ามือล้วนแฝงไปด้วยพลังมหาศาลที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าการจู่โจมก่อนหน้านี้ พอวาบก็ผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว กลายเป็นฝ่ามือยักษ์ขนาดใหญ่หลายร้อยจั้ง ดุจภูเขาลูกใหญ่หล่นลงมาก็มิปาน
แม้พลังฝ่ามือยักษ์สีทองหล่นลงมาเงียบๆ แต่พลังปราณพิลึกพิลั่นสายหนึ่งได้พุ่งเป้าไปที่ชายฉกรรจ์เผ่ามารแล้ว ทำให้เขาไม่มีทางหลบหลีก ทางเดียวที่ทำได้คือ แข็งใจรับฝ่ามือ
“ข้าตกต่ำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
พอชายฉกรรจ์เผ่ามารเห็นภาพนี้ ก็คำรามเสียงดังอย่างเดือดดาล ยกมือทั้งสองข้างขึ้นพร้อมแสดงความบ้าคลั่งบนใบหน้า กลุ่มแสงหลากสีกว่าสิบกลุ่มพุ่งออก กลายเป็นสมบัติวิเศษล้ำค่านานาชนิด ส่งเสียงดังกระหึ่มพลางพุ่งชนฝ่ามือสีทอง
ในเวลาเดียวกัน ร่างของชายฉกรรจ์เองก็ปะทุออกเป็นเปลวแสงสีโลหิตพร่างพราย ในมือพลันปรากฏดาบประหลาดขนาดใหญ่เปล่งแสงสีเงินทองสองสีอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แล้วสองมือก็จับดาบฟันไปยังท้องฟ้าเบื้องบนด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
แสงสีเงินทองสองสีของดาบสว่างวาบแล้วหายไปขณะพุ่งออก ฟันถูกฝ่ามือสีทองก่อนสมบัติวิเศษนานาชนิด เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
แสงดาบระเบิดบนฝ่ามือยักษ์สีทองในพริบตา เห็นเศษแสงกระบี่สีเงินทองปลิวว่อนไปทั่ว กรีดกระทั่งที่ว่างใกล้เคียงจนเป็นรอยสีขาว ราวกับกรีดความว่างเปล่าให้ขาดเป็นเส้นๆ ทว่าฝ่ามือสีทอง นอกจากแสงสีทองวาบเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้สักรอย
แต่ในตอนนี้เอง สมบัติวิเศษต่างสีสันสิบกว่าชิ้นก็จู่โจมใส่ฝ่ามือสีทองแทบจะในเวลาเดียวกัน ด้วยการทยอยกันระเบิดออกเองภายใต้การร่ายอาคมเสียงต่ำต่อเนื่องอย่างคลุ้มคลั่งของชายฉกรรจ์
หลังจากสมบัติวิเศษล้ำค่าสิบกว่าชิ้นระเบิดออกกลายเป็นพลังมหาศาล จมทั้งฝ่ามือลงไปในพริบตา รอบบริเวณยิ่งแปรปรวน เมื่ออยู่กลางเวหา จึงกลายเป็นพายุหมุนสูงเสียดฟ้าลูกแล้วลูกเล่า ส่งเสียงดังม้วนขึ้นไปบนฟ้า
พอชายฉกรรจ์เผ่ามารเห็นดังนี้ สีหน้าก็ยังไม่ไว้วางใจแต่อย่างใด ดาบประหลาดสีเงินทองในมือถูกฟันอย่างคลุ้มคลั่งไม่หยุดจนพร่ามัวไปหมด
แสงดาบสีเงินทองเป็นสายๆ กลายเป็นฝนดาวตกจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าสู่ใจกลางดวงแสงขนาดใหญ่ และระเบิดเสียงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง จนเกือบจะดังก้องไปทั่วฟ้า
การจู่โจมอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ทำให้พลังภายในของชายฉกรรจ์เผ่ามารไหลออกด้วยความเร็วอันน่าตกใจ แต่เขากลับไม่มีวี่แววว่าจะหยุดแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ
เนื่องจากฝ่ามือสีทองบนฟ้าอยู่ภายใต้การจู่โจมอันน่ากลัวเช่นนี้ จึงได้แต่โยกไปมากลางอากาศเล็กน้อย โดยยังคงกดลงไปด้านล่างอย่างต่อเนื่อง ไม่รีบแต่ก็ไม่ช้า ด้วยไม่มีวี่แววว่าจะถูกกั้นขวางได้แต่อย่างใด
พอเห็นฝ่ามือสีทองใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ความกลัวบนใบหน้าของชายฉกรรจ์ก็เพิ่มมากขึ้น เขาเปลี่ยนความคิดกะทันหัน พลันมีท่าทีสู้สุดชีวิต
เสียงดัง ‘ปัง’
ชายฉกรรจ์ขยับมือไม่หยุด ปราณมารด้านหลังพวยพุ่งออกมา เงาร่างมหึมาของสิงโตมารสีดำสามเศียรปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่หลังจากพุ่งวาบไปด้านข้าง ก็จมลงไปในร่างของหุ่นเชิดคล้ายผีภูเขาซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในบริเวณนั้น
เสียงดังกึกก้องพลันปะทุออกจากร่างของหุ่นเชิด ขณะรัศมีแสงสีดำเป็นวงๆ แผ่ออก
หลังจากผิวของหุ่นเชิดมีแสงสีดำใสไหลเวียน ก็พร่ามัว กลายเป็นสิงโตมารสามเศียรที่มีตัวตนจริงๆ
พอสิงโตยักษ์สีดำสามเศียรเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน แสงต่างสีกันสามลำก็พลันพุ่งขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นพอขยับแขนขา ตัวก็กลายเป็นแสงสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งหนีออกด้านข้าง
พอฝ่ามือยักษ์สีทองฟาดลงมาเสียงดังกระหึ่ม ต่อให้เป็นลำแสงดาบ สุดท้ายก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และหลังจากที่พลังอันน่าสะพรึงกลัวกระจายออกจากด้านบนปกคลุมร่างของชายฉกรรจ์ เขาก็แหลกสลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อนโดยไม่ได้พูดจาสักคำ