A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2011 ปิดปาก
ทันใดนั้นหญิงสาวในชุดชาววังก็โยนเหรียญทองแดงในมือขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเกิดแสงสว่างวาบ เหรียญทองแดงกลายเป็นอ่างทองแดงขนาดราวๆ หนึ่งฉื่อ ร่อนลงมาจากอากาศและวางอยู่กลางแท่นหินพอดิบพอดี
บนพื้นผิวของอ่างนี้ถูกปกคลุมด้วยอักขระยันต์ที่ซับซ้อนและแปลกประหลาด ด้านในมีลูกกลมสีม่วงสว่างไสวที่เปล่งประกายอยู่ตลอด ราวกับว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น ทว่ากลับไม่มีผู้ใดมองเห็นได้
สีหน้าของหญิงสาวในชุดชาววังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ทว่านิ้วเรียวยาวชี้ไปยังหุ่นไม้ทั้งแปดอย่างใจเย็น
เดิมทีหุ่นไม้ไม่มีการเคลื่อนไหว ทันใดนั้นก็แผ่ปราณสีดำท่าทางอันตรายออกมาเป็นระลอก จากนั้นก้ปรากฏเงามายารูปใบหน้าผีท่าทางโหดเหี้ยมที่ไม่ซ้ำกันทั้งแปดตัวขึ้น
พวกมันส่งเสียงคำรามอย่างน่าสะพรึงกลัวอยู่ด้านหลังหุ่นไม้ พวกมันต่อสู้ดิ้นรน ทว่ากลับไม่สามารถอยู่ห่างจากหุ่นไม้ได้ ราวกับถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
“เตรียมเครื่องบูชา”
หญิงสาวในชุดชาววังเมินเฉยหุ่นไม้ และออกคำสั่งเบาๆ
“ขอรับ นายท่าน!”
ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำรีบตอบรับทันทีเมื่อได้ยิน จากนั้นก็ทะยานร่างไปทางแท่นหิน และใช้ฝ่ามือหนึ่งตบเข้าที่บริเวณเอว
เสียง พรึ่บ! ดังขึ้นเสียงหนึ่ง
ถุงหนังสีดำสนิทขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา จากนั้นหมุนวนรอบหนึ่ง ก็ขยายขนาดใหญ่ราวหนึ่งจั้ง และพลิกคว่ำเหนืออ่างทองแดงสีม่วง
ปากถุงเปิดออก จากนั้นมีเลือดไหลออกมา เทลงบนลูกกลมสีม่วงในอ่าง
ทันใดนั้นจึงเกิดเรื่องประหลาดขึ้น
ไม่ว่าเลือดจะไหลลงมาราวกับน้ำตกมากมายขนาดไหน ทว่าอ่างสีม่วงที่ดูเล็กๆ กลับเหมือนมีหลุมลึก เพราะไม่ว่าจะเทเลือดลงไปมาเท่าไหร่กลับไม่มีเลือดเอ่อล้นออกมาแม้แต่หยดเดียว
ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำกลับดูไม่แปลกใจในเรื่องนี้ เขาเพียงแค่ยกถุงสีดำเอาไว้อย่างต่อเนื่องด้วยมือข้างเดียว
ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหารเต็มๆ เลือดหลายพันชั่งไหลออกจากถุงหนัง และยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง และไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลง
“เอาล่ะ น่าจะใช้ได้แล้ว เลือดเหล่านี้รวบรวมมาจากการฆ่าอสูรโบราณในระดับผสานอินทรีย์ มันไม่ง่ายเลยที่จะรวบรวม เก็บไว้บ้างบางส่วนดีกว่า” หญิงสาวในชุดชาววังพูดขึ้นพลางขมวดคิ้ว
“น้อมรับคำสั่ง!” เมื่อชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำได้ยินดังนั้น จึงรีบคว้าถุงหนังขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวทันที
ถุงหนังสีดำยังคงมีเลือดไหลออกมา แต่เมื่อมีแสงสว่างวาบเกิดขึ้นที่ปากถุงทุกอย่างพลันหยุดนิ่งทันที และขนาดก็คืนกลับสู่สภาพเดิมอย่างในตอนแรกแล้วพุ่งกลับไปยังชายฉกรรจ์
หญิงสาวในชุดชาววังกลับสูดลมหายใจเบาๆ พร้อมทั้งยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาในท่าร่ายอาคม จากนั้นจึงเกิดแสงสว่างอยู่ด้านหลัง และมีต้นไม้ที่มีดอกสีชมพูขนาดใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้ปรากฏออกมา
ต้นไม้ต้นนี้ใสแวววาวเป็นประกายสวยงาม กิ่งก้านสาขาเต็มไปด้วยดอกไม้แปลกตาสีชมพูขนาดเท่ากำปั้น และยังส่งกลิ่นหอมแปลกๆ ทำให้ผู้ที่สูดดมรู้สึกมึนเมา
ร่างของหญิงสาวในชุดชาววังค่อยๆ เลือนราง และหายวับไปในพริบตา
ทว่าในวินาทีต่อมา นางปรากฏตัวอยู่เหนือต้นไม้ เท้าเปลือยเปล่าขาวดุจดั่งหยกเหยียบลงบนยอดต้นไม้อย่างแผ่วเบา โดยที่ร่างของนางยังมั่นคงไม่สั่นคลอน
ครั้นเมื่อหญิงสาวพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ปรากฏมีดกระดูกขาวราวกับหยกหนึ่งชิ้นอยู่ในมือ มันบางเฉียบอย่างที่ไม่มีสิ่งใดเทียม และคมกริบมากกว่าปกติ
สีหน้าของหญิงสาวในชุดชาววังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด นางยกแขนข้างหนึ่งขึ้นช้าๆ เผยให้เห็นข้อมือขาวเสมือนหยกโผล่ออกมาจากแขนเสื้อ
เพียงแค่โบกมีดกระดูกเล็กน้อย ก็เกิดเส้นสีขาวสว่างวาบที่ข้อมือของนาง
ของเหลวข้นหนืดสีเงินกลายเป็นดั่งด้ายสีเงินตกลงมาจากข้อมือ หยดลงบนต้นไม้ใสแวววาวเป็นประกาย และหายวับไปในพริบตา
เสียงหึ่งๆ ดังสนั่น!
ดอกไม้ที่เดิมทีเป็นสีชมพู บัดนี้กลับกลายเป็นสีเงินในทันที ดอกไม้สีเงินบานสะพรั่งบนกิ่งไม้สูง ครั้นเมื่อมองจากระยะไกล ช่างงดงามยิ่งนัก
เวลาผ่านไปชั่วครู่ หญิงสาวในชุดชาววังจึงดึงข้อมือของตนกลับเข้ามา และประทับริมฝีปากลงบนข้อมือ
กลิ่นหอมของกล้วยไม้ตลบอบอวนอยู่บนข้อมือ
คราบเลือดจางๆ เลือนรางหายไปในแสงสว่างสีขาว
หญิงสาวในชุดชาววังเหลือบมองอ่างสีม่วงที่อยู่ด้านล่าง ครั้นเมื่อนางพลิกฝ่ามืออีกครั้ง มีดกระดูกก็หายไป แต่กลับแทนที่ด้วยผ้าเช็ดหน้าสีดำ จากนั้นนางจึงโยนไปบนอากาศ
ท้องฟ้าในม่านน้ำมืดสนิท และมีชั้นอันมืดดำราวกับหมึกบดบังแสงภายนอกทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ จึงไม่มีแสงใดสามารถทะลุผ่านได้
หญิงสาวในชุดชาววังยกเท้าขาวดุจดั่งหยกขึ้นอีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยๆ ใช้นิ้วเท้าเหยียบต้นไม้ด้านล่างอย่างแผ่วเบา
ปัง! เสียงดังสนั่น!
ต้นไม้ขนาดใหญ่แตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ แสงสีเงินเล็กๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
มีดวงดาวสีเงินมากมายในม่านราตรีสีดำปรากฏขึ้น ดวงดาวค่อยๆ หมุนเวียนโคจรไปตามกฎเกณฑ์สวรรค์อันลึกล้ำอย่างที่สุด ภายใต้การร่ายอาคมของหญิงสาว
ทันใดนั้นภายในม่านน้ำจึงกลับกลายเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่ง
นัยน์ตาของหญิงสาวในชุดชาววังเป็นประกายสีเงินระยิบระยับ ร่างของนางค่อยๆ เลือนราง และกลายเป็นเงาสีขาวขนาดใหญ่มหึมา
ทันใดนั้นเสียงร่ายอาคมที่ไพเราะน่าฟังก็ดังขึ้นในความว่างเปล่า
ดวงดาวบนท้องฟ้าค่อยๆ หมุนเร็วขึ้นโดยมีเงาสีขาวเป็นจุดศูนย์กลาง ในบางครั้งก็แปรเปลี่ยนเป็นแผนที่ดวงดาวที่ยากจะเข้าใจและลึกลับ
ในขณะเดียวกัน กลุ่มแสงในอ่างทองแดงก็ค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างช้าๆ ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว และเริ่มก่อตัวเป็นรูปร่างที่ไม่แน่นอน
บางครั้งอาจแปรเปลี่ยนเป็นรูปภาพ หรือแปรเปลี่ยนเป็นอักขระยันต์แปลกๆ ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกละลานตา…
ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เข็มทิศสีทองอร่ามปรากฏขึ้นต่อหน้าหญิงสาวในชุดชาววัง นิ้วเรียวยาวทั้งสิบของนางขยับไปมาอยู่ด้านบนเข็มทิศ ทำให้เข็มทิศแตกออกเป็นกลุ่มแสงสว่างเจ็ดสี
สิบนิ้วของหญิงสาวผู้นี้บางเบาและว่องไว การเคลื่อนไหวนี้ดูเหมือนจะง่าย ทว่าความเป็นจริงทุกครั้งที่ยื่นนิ้วมือออกมา ใบหน้าของนางจะซีดเผือด แสงสีเงินในดวงตาคู่งามของนางจะกะพริบวูบ และค่อยๆ สว่างไสวขึ้นอีกครั้ง
หัวผีทั้งแปดที่อยู่ด้านหลังหุ่นไม้แปดตัวทั้งสี่มุมของแท่นหินยังคงพ่นลำแสงขึ้นสู่ท้องฟ้า ราวกับว่าลำแสงทั้งแปดกำลังค้ำจุนโลกที่มืดมิดแห่งนี้…
……
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทางด้านเกาะปะการังก็มีกลุ่มมารหลายสิบคนที่ล้วนแต่ขี่อสูรคล้ายฉลามมีปีก มุ่งหน้าเข้ามาในม่านน้ำอย่างไม่รีบร้อน
อสูรมารเหล่านั้นดูเหมือนเคลื่อนไหวเชื่องช้า ทว่าความเร็วในการหลบหนีว่องไวมาก จึงสามารถเข้าใกล้ม่านน้ำได้ในเวลาไม่นานนัก
เห็นได้ชัดว่ามารเหล่านั้นไม่พบม่านน้ำขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ เนื่องจากพวกเขาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดชะงักแต่อย่างใด
ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น กลับมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น!
ตู้ม! เสียงดังกึกก้อง เดิมทีม่านน้ำที่มองไม่เห็นกลับปรากฏขึ้นในที่ว่าง จากนั้นก็ค่อยๆ หดตัว และระเบิดออกในอากาศ
แสงสีน้ำเงินหมุนวนไปรอบทิศทางราวกับคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง คลื่นยักษ์สีน้ำเงินเริ่มก่อนตัวสูงเสียดฟ้า
กลุ่มผู้พิทักษ์มารพลันตื่นตระหนก เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงจึงตบอสูรปลาบินของพวกมันทีหนึ่ง
อสูรมารเหล่านั้นส่งเสียงคำรามอยู่ชั่วครู่ จากนั้นพวกมันก็อ้าปากพ่นแสงสีครามออกมา ก่อตัวเป็นชั้นม่านกำบังสีครามปกคลุมพวกเขาทั้งหมด
เมื่อคลื่นน้ำขนาดใหญ่ม้วนตัวลงมา จึงถูกขาวงกั้นไว้ด้วยม่านกำบังสีครามในชั่วพริบตา
มารเหล่านี้ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ทว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังโกรธและตกใจ มารส่วนใหญ่หยิบอาวุธออกมาทันที พร้อมทั้งมองไปยังคลื่นลูกนั้นด้วยความประหลาดใจ
ในเสียงดังกึกก้อง กระแสน้ำวนหดตัวอย่างรวดเร็วและหายไปในที่สุด จากนั้นจึงปรากฏร่างสองร่างขึ้น
นั่นคือหญิงสาวในชุดชาววังสีขาวและชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำ
ทว่าในขณะนั้นหญิงสาวที่ถือเข็มทิศสีทองอยู่ในมือมีใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด แต่นัยน์ตาทั้งสองข้างพร่างพราวไปด้วยแสงสีเงิน มีสีหน้าแปลกประหลาดและซับซ้อน ราวกับว่ายากที่จะเชื่อ ทั้งประหลาดใจและสับสน
ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำมองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง แววตาของเขาแสดงถึงความประหลาดใจเล็กน้อย
ผู้นำหน่วยพิทักษ์มารคนหนึ่งตกใจเมื่อจิตสัมผัสของเขาเห็นหญิงสาวในชุดชาววังและชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำ
ไม่ว่าจะเป็นพลังยุทธ์หรือระดับขั้นของหญิงสาวในชุดชาววังและชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำ ล้วนแต่ไม่ใช่เหตุผล แต่พลังวิญญาณอันบริสุทธิ์อย่างยิ่งของชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำกลับไม่สามารถปกปิดได้แม้แต่น้อยต่างหากที่ทำให้ตกตะลึง
ภายใต้อารามตกตะลึงของผู้นำเผ่ามารระดับสูง พลันรีบกระโดดลงจากอสูรมาร พลางทำความเคารพทั้งสอง และถามอย่างระมัดระวัง
“สือซั่วแห่งเผ่ามารร้าย ขอถามอาวุโสทั้งสองเป็นคนของเผ่าใด มีอะไรให้ข้าช่วยเหลือหรือไม่”
ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำเหลือบมองไปยังกลุ่มมารอย่างเย็นชาและไม่พูดอะไร ทว่าต่อมาเขากลับหันมายังหญิงสาวในชุดชาววัง พลางถามด้วยความเคารพ
“นายท่าน จะจัดการกับเผ่าต่ำต้อยพวกนี้อย่างไร”
“ในเมื่อพวกเขาพบพวกเราแล้ว ฉะนั้นทำลายให้สิ้นซาก” หญิงสาวในชุดชาววังก้มมองเข็มทิศในมือ พลางออกคำสั่งโดยไม่เงยหน้า
ในน้ำเสียงนั้นไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ราวกับว่าในสายตาของพวกเขาเหล่ามารร้ายที่รายล้อมเป็นเพียงมดปลวกตัวเล็กๆ
ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำไม่ได้แสดงท่าทางคาดไม่ถึงแต่อย่างใดเมื่อได้ยิน ในทางตรงกันข้ามเขากลับตอบรับด้วยสายตาดุดัน จากนั้นจึงหันกลับไปมองเผ่ามารร้าย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและกระหายเลือด
“แย่แล้ว หนีเร็ว!”
ผู้นำกลุ่มเผ่ามารระดับเทพแปลงนับว่ามีความฉลาดสมกับเป็นหัวหน้า เมื่อเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างหญิงสาวในชุดชาววังและชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำ หัวใจของเขาพลันเย็นวาบ ทันใดนั้นร่างของเขาก็พุ่งออกไปพร้อมกับเสียงตะโกน พร้อมทั้งยกมือขึ้นหนึ่งข้าง ไข่มุกขนาดเท่ากำปั้นพุ่งออกจากฝ่ามือของเขา ในขณะเดียวกันนั้นก็เกิดแสงสว่างใต้ฝ่าเท้าของเขา ทันใดนั้นใบมีดสีดำขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้น เมื่อใบมีดและมนุษย์รวมกันเป็นหนึ่ง จึงแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำพุ่งทะยานไปยังเกาะปะการัง
เมื่อผู้พิทักษ์เผ่ามารร้ายคนอื่นๆ เห็นดังนั้น จึงวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทั่วทิศด้วยความตื่นตระหนก
และเมื่อชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำเห็นเช่นนั้น เขาก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างคลุ้มคลั่ง ทันทีที่เขาแกว่งแขนทั้งสองข้างก็มีปราณสีดำออกมาจากแขนเสื้อและหมุนวนออกไปอยู่ทุกทิศ
เสียงร้องโหยหวนดังต่อเนื่อง ในปราณสีดำมีภาพของแมลงปีศาจชนิดหนึ่งปรากฏอยู่ในนั้นรางๆ ภายใต้การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว ผู้พิทักษ์เผ่ามารที่กำลังหลบหนีก็จมดิ่งลงไปในนั้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องที่น่าเวทนาดังอย่างต่อเนื่องอยู่ข้างในนั้น!
ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำมองดูแสงสีดำที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง เขายิ้มมุมปากอย่างโหดเหี้ยม เมื่อร่างกายของเขาเริ่มเลือนรางจึงแปรเปลี่ยนเป็นลมสีดำไล่ตามไป
ไม่นานนัก หลังจากที่ได้ยินเสียงคร่ำครวญอยู่ไกลๆ ชายฉกรรจ์จึงกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนเลือด
เมื่อเขาโยนทุกสิ่งที่อยู่ในมือเข้าไปในปราณสีดำ เขาจึงกลับมายืนข้างหญิงสาวอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าเคารพเช่นดังเดิม
ในเวลานี้ เสียงร้องโหยหวนรอบๆ ปราณสีดำก็หายไปเช่นกัน
ปราณสีดำนี้หมุนวนเข้าไปในร่างกายของชายฉกรรจ์ และทุกอย่างก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ตั้งแต่ต้นจนจบ หญิงสาวในชุดชาววังไม่เคยเงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเลย เพียงแต่ใช้นิ้วมือแตะที่เข็มทิศสีทองอร่ามในมือด้วยสีหน้าที่เอาแน่นอนไม่ได้เท่านั้น