A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2012 บุกรุก
“ไปกันเถอะ แม้สิ่งที่เจ้าลงมือเมื่อสักครู่จะถือว่ารวดเร็ว แต่เจ้าอาจจะทำให้ผู้อื่นตื่นตระหนกก็เป็นได้” หญิงสาวในชุดชาววังเก็บเข็มทิศในมือ พลางพูดเบาๆ
จากนั้นแขนเสื้อหญิงสาวพลันโบกสะบัด แสงสีชมพูกะพริบวาบ นางและชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำอยู่ภายใต้แสงสีชมพูนั้น จากนั้นจึงกลายเป็นลูกกลมสว่างไสวลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อหมุนวนรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นลำแสงสว่างวาบพุ่งออกไป
ทิศทางที่พุ่งออกไปนั้นคือเกาะปะการังที่อยู่เบื้องหน้า!
ภายในลำแสง หญิงสาวมองตรงไปข้างหน้าด้วยดวงตาที่งดงามและใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ชายฉกรรจ์ในชุดสีดำเหลือบมองใบหน้าของหญิงสาว หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “นายท่าน เหตุใดในวินาทีสุดท้ายแท่นบูชาจึงแตกออก นายท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ไม่มีอะไร เพียงแค่การแว้งกัดอาคมรุนแรงกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย และท้ายที่สุดมิอาจควบคุมได้ แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับข้า เพียงแค่หุ่นเชิดทดแทนทั้งแปดตัวถูกทำลายทั้งหมด และข้าไม่สามารถทำนายได้อีกจนกว่าสิ่งทดแทนจะได้รับการหลอมขึ้นใหม่” หญิงสาวในชุดชาววังตอบกลับอย่างช้าๆ โดยไม่ปิดบังแต่อย่างใด
“อะไรนะ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ถ้าเช่นนั้นการทำนายของนายท่านเมื่อสักครู่….” ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำประหลาดใจ พลางบ่นพึมพำ
“วางใจเถิด แม้ว่าการร่ายอาคมจะไม่สมบูรณ์ แต่ข้ายังได้รับคำทำนายอยู่บ้าง เพียงแต่ตอนนี้ยังบอกกล่าวคำทำนายไม่ได้ เพราะยังคลุมเครือเกินไป และดูเหมือนว่าจะมีความขัดแย้งอยู่ในนั้น ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่ผิดอย่างแน่นอนคือกลุ่มคนเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการฟื้นคืนพลังยุทธ์ของข้า ดังนั้นจึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และอย่าทำให้พวกเขาตื่นตระหนก ข้าต้องครุ่นคิดอยู่สักพักจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้” หญิงสาวในชุดชาววังกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ขอรับ นายท่าน ถ้าเช่นนั้นพวกเรารีบตามพวกมันไปกันเถอะ! กลุ่มคนเหล่านี้ไม่เพียงแต่รวบรวมระดับผสานอินทรีย์ไว้เป็นจำนวนมาก ทั้งยังออกเดินทางไกล ดูเหมือนจะมีจุดประสงค์สำคัญ” ตอนแรกชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยิน ทว่าในเวลาต่อมาเขาก็ตอบกลับด้วยความเคารพทันที
“ไม่ว่าพวกเขาจะมีแผนอะไร หากพวกเราติดตามไป สุดท้ายก็ต้องได้รู้” หญิงสาวในชุดชาววังพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“นายท่านประทับตราไว้บนร่างกายของหญิงสาวเผ่ามนุษย์ผู้นั้นแล้ว และพวกเขาอยู่ในที่แจ้ง ส่วนพวกเราอยู่ในที่มืด พวกเขาไม่สามารถหลบหลีกการติดตามของพวกเราได้อย่างแน่นอน” ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำยิ้มเจ้าเล่ห์
หญิงสาวในชุดชาววังเพียงแค่พยักหน้า ทว่าไม่ได้พูดสิ่งใดต่อไป
เมื่อชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำเห็นเช่นนั้น จึงเงียบไปในทันที
……
ไม่กี่ชั่วยามต่อมา เหนือเกาะปะการังขนาดใหญ่ที่กว้างหลายร้อยลี้
หานลี่และคนอื่นๆ อยู่ภายใต้ม่านกำบังของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว แต่กลับหยุดเคลื่อนไหวและหยุดอยู่บนท้องฟ้าที่ความสูงหลายพันจั้ง มองดูป้อมปราการเผ่ามารที่อยู่ไกลออกไป
มีม่านแสงสีดำหลายชั้นปกคลุมป้อมปราการทั้งหมด
สามารถมองเห็นผู้พิทักษ์มารถืออาวุธได้ทุกที่บนกำแพงเมือง อีกทั้งยังมีนกแปลกๆ ที่มีสองหัวบินโฉบไปมาอยู่ใกล้ๆ
ในจุดศูนย์กลางป้อมปราการจะเห็นว่ามีกลุ่มนักรบเผ่ามารเดินลาดตะเวนในพื้นที่ต่างๆ ไม่หยุดหย่อน ซึ่งถือว่าเตรียมการป้องกันได้อย่างเข้มงวด
บนท้องฟ้าเหนือป้อมปราการมีเมฆสีดำขนาดใหญ่หลายร้อยหมู่เคลื่อนที่ไปมา ด้านในมีเสียงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง และจะเห็นแสงสว่างสีเงินเปล่งแสงวูบวาบเป็นครั้งคราว ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกกลัวจนขนหัวลุก
“มีสิ่งใดผิดพลาดไปหรือไม่ นี่คือที่พี่หล่งบอกว่ามีเผ่ามารประจำการอยู่ไม่มากนักหรือ!” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวกล่าวอย่างขุ่นเคืองเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในป้อมปราการ
ส่วนคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน
ส่วนผู้พวกหานลี่กับหญิงสาวตระกูลเย่ในชุดขนนกและผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์คนอื่นๆ แม้จะไม่พูดอะไร แต่ก็มองไปยังบรรพชนตระกูลหล่งด้วยความสงสัย
“สหายทั้งหลายอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพิ่งส่งคนมาตรวจสอบที่นี่เมื่อไม่กี่วันมานี้ ก่อนหน้านี้มีเผ่ามารประจำการอยู่ไม่มากนัก และสถานที่รกร้างนี้ก็เป็นเพียงป้อมปราการเล็กๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นเช่นนี้ ซึ่งเกินความคาดหมายของข้า ดูเหมือนว่าเผ่ามารจะส่งคนจำนวนมากมาเพื่อขยายกำลังพล” บรรพชนตระกูลหล่งฝืนยิ้ม พลางรีบอธิบาย
“อืม ข้าเชื่อว่าพี่หล่งจะไม่กล่าวเท็จในเรื่องสำคัญเช่นนี้ แต่สหายมีแผนจะทำอย่างไรต่อ หรือว่าจะเปลี่ยนเส้นการเดินทางใหม่ เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็มีเผ่ามารมากมาย เกรงว่าจะมีเผ่ามารระดับสูงคอยบัญชาการอยู่ และแผนเดิมอาจจะใช้ไม่ได้ผล” หลังจากที่สีหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวเปลี่ยนไป ท้ายที่สุดนางก็กลับมาพูดด้วยท่าทางเชื่องช้า
“หากจะเปลี่ยนเส้นการเดินทางใหม่ เกรงว่าจะไม่ทันการ ในบรรดาจุดเชื่อมต่อเผ่ามารที่ข้าตรวจสอบ ช่องทางที่นี่เหมาะกับพวกเราที่สุด ส่วนจุดเชื่อมต่ออื่นๆ แม้จะสามารถไปถึงแดนมารได้แต่ก็อันตรายมาก อีกอย่างแม้ว่าป้อมปราการเบื้องหน้าจะค่อนข้างใหญ่ แต่คงไม่มีความบังเอิญถึงเพียงนั้นที่จะมีเผ่ามารระดับสูงคอยบัญชาการอยู่ แต่ถึงอย่างไรวิธีการเดิมไม่เหมาะสมกับเหตุการณ์นี้จริงๆ แม้ว่าไข่มุกมารจะมหัศจรรย์มาก สามารถพรางตาและจิตสัมผัสของเผ่ามารระดับสูงได้ แต่มีพลังต้านทานไม่เพียงพอ เริ่มมีการควบคุมที่นี่มากมาย หากมีตัวตนที่ทรงพลังเข้ามาปะปนด้วย ข้าเกรงว่าร่องรอยจะถูกเปิดเผย และจะตกอยู่ท่ามกลางกองทัพเผ่ามารโดยตรง จะเป็นการดีกว่าหากพวกเราจะซ่อนร่างไว้เช่นนี้แล้วเข้าไปในจุดเชื่อมต่อนั้น หากถูกค้นพบก็ยังสามารถบุกเข้าไปได้ ด้วยความร่วมมือของพวกเรา หากมีเผ่ามารระดับสูงกล้าเข้ามาขัดขวาง พวกเราจะร่วมมือกันต่อสู้และฆ่าให้สิ้นซาก เพียงแค่พวกเราสามารถเข้าไปในแดนมารได้ พวกเขาก็จะไม่สามารถไล่ตามพวกเราได้” หลังจากที่บรรพชนตระกูลหล่งครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาจึงพูดออกมาด้วยใบหน้าโหดเหี้ยม
“ข้าเห็นด้วยกับความคิดของพี่หล่ง หากพวกเรารวมพลังกันก็ไม่ต้องกังวลอะไรนัก อีกทั้งยังเป็นวิธีที่เป็นระเบียบเรียบร้อยในการบุกรุก” หลังจากที่ดวงตาของชายผมยาวตระกูลหลินฉายแววดุร้ายวาบหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยแสดงความเห็นด้วย
“แต่ถ้าหากเราทำเช่นนั้น เผ่ามารแห่งแดนมารจะรู้ข่าวในทันที ซึ่งจะทำให้พวกเราเสียเปรียบในภายภาคหน้า” หญิงสาวในชุดขนนกขมวดคิ้ว พลางพูดด้วยความกังวล
“แดนมารนั้นกว้างใหญ่ ตราบใดที่พวกเราระมัดระวังมากขึ้น อีกทั้งจะไม่เดินทางไปยังเมืองที่มีเผ่ามารมารวมตัวกัน แม้พวกเขาจะรู้ว่ามีชนต่างเผ่าบุกรุกเข้ามา ก็ไม่มีวิธีที่จะสามารถไล่ล่าได้ อีกอย่างเรื่องที่ชนต่างเผ่าบุกรุกเข้ามา สำหรับเผ่ามารคงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เท่าที่ข้ารู้ผู้มีอำนาจมากมายจากแดนวิญญาณของพวกเราก็บุกรุกเข้ามาในแดนมารเป็นครั้งคราว ไม่จำเป็นว่าเผ่ามารจะสนใจพวกเรามากเป็นพิเศษ” ผู้อาวุโสตระกูลหล่งในชุดคลุมสีดำและชายแซ่ฮุยกล่าวด้วยใบหน้าหม่นหมอง
หานลี่ใช้มือหนึ่งข้างลูบคางด้วยใบหน้าสงบนิ่งและไม่พูดอะไร
ส่วนสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว เพียงขยับปากเล็กน้อยเพื่อถ่ายทอดเสียงปรึกษากับเหล่าสหาย
ไม่นานนัก หญิงผู้นี้จึงได้ผลสรุปและกล่าวกับบรรพชนตระกูลหล่งด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“หากเปลี่ยนเส้นการเดินทางใหม่จะทำให้ล่าช้าจริงๆ ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามประสงค์ของพี่หล่ง หากถูกค้นพบร่องรอย พวกเราจงรวมพลังเพื่อสังหาร แต่หวังว่าการเดินทางในแดนมารจะไม่เกิดความผิดพลาดอีก”
“วางใจเถิดสหาย จะไม่เกิดความผิดพลาดในแดนมารอย่างแน่นอน” บรรพชนตระกูลหล่งยกมุมปาก พลางพูดอย่างมั่นใจ
“ในเมื่อพี่หล่งพูดเช่นนี้ เวลาไม่เคยคอยท่า พวกเราลงมือกันเถอะ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มพลังม่านหมอกนี้ พยายามอย่าสัมผัสอาคมควบคุมที่นี่ และเข้าใกล้จุดเชื่อมต่อนี้ให้มากขึ้น” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวพยักหน้า พร้อมทั้งพูดอย่างระมัดระวัง
หญิงสาวยกมือขึ้นมาหนึ่งข้าง จากนั้นลำแสงระยิบระยับมากมายสว่างไสวที่อยู่รอบๆ เมื่อเกิดแสงสว่างวาบ ทุกอย่างหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แสงสีฟ้าแวบเข้ามาในดวงตาของหานลี่ เขาค่อยๆ มองสิ่งนั้นด้วยเนตรวิญญาณกระจ่างของเขา
เพียงแค่เห็นชั้นหมอกอยู่รอบๆ หลังจากเกิดแสงกะพริบสองสามครั้ง หมอกนั้นเริ่มเลือนรางลงเรื่อยๆ แม้จะมองอย่างมีสมาธิตั้งมั่นด้วยเนตรวิญญาณกระจ่าง ทว่าสิ่งที่เห็นกลับเลือนราง
ความคิดของหานลี่เริ่มเปลี่ยนไป ทว่าแสงในดวงตาของเขาค่อยๆ หรี่ลง
สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวกลับสัมผัสถึงบางสิ่งได้เพียงเล็กน้อย พลางมองหานลี่อย่างลึกซึ้ง ทว่ากลับไม่พูดอะไร ทันใดนั้นนางจึงกระตุ้นม่านหมอกที่อยู่รอบๆ ให้เคลื่อนไปเหนือป้อมปราการมาร
ดวงตาของหานลี่หรี่ลงเล็กน้อย ทว่าใบหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด โดยที่เขากับบรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ ค่อยเคลื่อนที่ไปยังจุดเชื่อมต่อที่อยู่ห่างไกลด้วยอิทธิฤทธิ์เดียวกัน
ในขณะนี้ทุกคนต่างไม่ปริปากพูดสักคำ และมีใบหน้าเคร่งขรึม
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ไม่ไกลจากเมฆดำเหนือป้อมปราการมากนัก ทั้งยังอยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ แต่ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไป ทว่าระหว่างทางก็ยังพบเจอกลุ่มมารเดินลาดตะเวนอยู่ตลอด แต่ภายใต้การควบคุมอันเฉลียวฉลาดของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว ชั้นหมอกได้ปกปิดร่องรอยของทุกคนได้อย่างแนบเนียน และกำลังจะผ่านเผ่ามารเหล่านี้ไป
มารเหล่านี้ไม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
ทว่าเมื่อทุกคนอยู่ห่างป้อมปราการเผ่ามารเพียงสิบลี้ ในที่สุดพวกเขาก็สัมผัสกับเขตอาคมควบคุมอย่างชัดเจน
เกิดเสียงดังขึ้นอย่างไม่มีสัญญาณเตือนแม้แต่น้อย ทันใดนั้นลำแสงสีดำนับไม่ถ้วนพลันวาบประกายขึ้นโดยรอบ จากนั้นคมมีดมากมายก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ พร้อมทั้งพุ่งมาหาจากทุกทิศทุกทาง
“แย่แล้ว พวกเราถูกค้นพบแล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป บุกเข้าไปได้เลย” เมื่อสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวเห็นดังนั้น พลันมีสีหน้าไม่พอใจ และพูดออกไปโดยไม่ได้ไตร่ตรอง
เพียงแค่นางโบกมือ ชั้นหมอกที่ห่อหุ้มทุกคนไว้ก็เปิดออกทันที จากนั้นก็กลายเป็นม่านทึบแสง ปิดกั้นแสงสีดำที่อยู่โดยรอบทั้งหมด
ครั้นเมื่อเห็นดังนั้น บรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ จึงไม่รอช้าอีกต่อไป สมบัติหลายชิ้นพุ่งออกจากมือของทุกคนดุจสายฟ้าฟาด กลายเป็นลำแสงขนาดใหญ่เคลื่อนไปมารอบทิศทาง
เกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วทุกทิศ เมื่อทุกคนรวมพลังต่อสู้ ทุกอย่างก็เสมือนเศษกระดาษที่ถูกบดขยี้
จากนั้นทุกคนกลายเป็นแสงสีรุ้งแสบตากว่าสิบเส้น และพุ่งตรงไปบนท้องฟ้าเหนือป้อมปราการราวกับฟ้าแลบ
ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ เผ่ามารที่ลาดตระเวนใกล้ๆ และกองทัพเผ่ามารในป้อมปราการจึงตื่นตระหนกตกใจ
เสียงร้องยาวๆ ดังกระหึ่มทั่วป้อมปราการ
กลุ่มแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่ใกล้ป้อมปราการระเบิดออกในอากาศทันที ลำแสงกระจายไปทั่วป้อมปราการ ในขณะเดียวกัน กองทัพทหารเผ่ามารท่าทางโหดเหี้ยม ก็ขี่อสูรมารทุกชนิดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า