A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2029 กระดูกวิญญาณแท้
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2029 กระดูกวิญญาณแท้
ของชิ้นนี้กะพริบแสงสีเขียวเข้มตลอดทั้งชิ้น คล้ายกระดูกอสูรขนาดใหญ่ที่ไม่รู้จักท่อนหนึ่ง
แม้เป็นเพียงกระดูกท่อนหนึ่ง แต่พริบตาที่นำออกมา พลังป่าเถื่อนอันยิ่งใหญ่ก็ม้วนตัวออกทันที เย่ว์เหลียนเทียนที่อยู่ใกล้สุด แม้เตรียมตัวป้องกันมาแต่แรกก็ยังไม่ประมาท รีบถอยหลังออกไปไกลหลายก้าว
ภายใต้แรงกดดันของพลังขุมนี้ ผู้ที่อยู่ในสนามประมูลต่างพากันอุทานอย่างตกใจออกมาเบาๆ บ้างทนไม่ไหว ถึงกับเปล่งแสงอาคมปกป้องร่างหน้าตาตื่น
“แค่กระดูกอสูรท่อนหนึ่ง ทำไมถึงมีพลังที่น่ากลัวถึงเพียงนี้”
“หรือนี่ก็คือกระดูกอสูรโบราณในพื้นที่ทุรกันดารสองสามชนิดตามคำล่ำลือ”
“เป็นไปไม่ได้ ถึงจะเป็นกระดูกอสูรขนาดใหญ่สองสามชนิดนั่น ก็ไม่น่าจะมีพลังอันน่าทึ่งขนาดนี้”
“พี่เย่ว์ ท่านรีบอธิบายหน่อยเถิด”
เหล่ามารวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง ทยอยกันพูดอย่างแปลกใจขณะมองไปยังกระดูกผลึกใสขนาดใหญ่ท่อนนั้น
“แหะๆ สหายทุกท่านไม่ต้องร้อนใจ ของที่นำออกมาประมูล ข้าย่อมบอกที่มาที่ไปให้ฟังอย่างชัดเจน แต่เห็นชัดว่าสหายไม่น้อยสนใจเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้น ผู้แซ่เย่ว์ก็ไม่อุบอีก บอกกันตรงๆ เลย นี่มิใช่กระดูกอสูรขนาดใหญ่ในพื้นที่ทุรกันดารอะไร แต่เป็นกระดูกวิญญาณแท้ยุคบรรพกาลท่อนหนึ่ง” เย่ว์เหลียนเทียนกระแอมไอเบาๆ ยิ้มน้อยๆ ก่อนพูด
“กระดูกวิญญาณแท้บรรพกาล? มิได้เป็นสมบัติที่ประเมินค่ามิได้ไปแล้วหรือ”
“เป็นไปไม่ได้ สมบัติระดับนี้เกรงว่าเหล่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ก็กระหายที่จะครอบครองเช่นกัน ทำไมถึงมาปรากฏที่นี่ได้!”
……
เห็นชัดว่าความโกลาหลที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มากกว่า ‘อิฐศักดิ์สิทธิ์’ ก่อนหน้านี้เสียอีก ชนิดพอฟังเย่ว์เหลียนเทียนพูดจบ มารเก้าในสิบกลับแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกมา
ส่วนหานลี่ พอได้ยินคำว่ากระดูกวิญญาณแท้ สีหน้าภายใต้ผ้าคลุมติดหมวกพลันเปลี่ยน กวาดตาไปจ้องมองกระดูกขนาดใหญ่สีเขียวท่อนนั้น
ตอนนี้ เขาค่อยคลับคล้ายสัมผัสได้ถึงพลังอันหอมหวานสายหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นเคยจากพลังป่าเถื่อนนั่น ดูคล้ายกลิ่นหอมของสมุนไพรบางชนิด
แต่กลิ่นหอมของสมุนไพรชนิดนี้บางเบายิ่ง ถ้ามิใช่เพราะเขาเคยสัมผัสสมุนไพรวิญญาณหลายชนิดมาก่อน เกรงว่าไม่ง่ายที่จะแยกแยะออก
ขณะเดียวกัน ในจิตสัมผัสของหานลี่พลันส่งเสียงอุทานอย่างตื่นเต้นดีใจต่ำๆ ดังมา
“นายท่าน ของชิ้นนี้ดูเหมือนมีประโยชน์ต่อข้ามาก ถ้าเป็นไปได้ ก็หวังจะประมูลมันมาให้ได้”
เป็นเสียงอ่อนโยนใสๆ ซึ่งก็คือเสียงของฉวี่เอ๋อร์ที่แปลงเป็นโสมวิญญาณสลับฟันปลา น้ำเสียงกลับสั่นน้อยๆ
หานลี่อึ้งไปพักหนึ่ง ยังไม่รีบตอบ เพียงปล่อยจิตสัมผัสนิดหน่อยผ่านกระดูกขนาดใหญ่
และแล้วปากก็ส่งเสียง “เอ๋” เบาๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้
ขณะนั้น เย่ว์เหลียนเทียนกลับเอ่ยปากพูดเสียงขรึมขึ้นอีก
“สหายทุกท่านไม่ต้องสงสัยอะไรเลย กระดูกชิ้นนี้มิใช่ของในแดนเรา แต่ไหลเข้ามาในแดนเราโดยไม่ได้ตั้งใจจากรอยแตกของที่ว่างที่ไหนสักแห่ง ข้าต้องบอกก่อนว่า แม้มันเป็นกระดูกวิญญาณแท้จริงๆ แต่ก็ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานเกินไป และผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าไม่มีการดำรงอยู่ของแกนวิญญาณปราณแท้แล้ว ดังนั้นไม่เพียงไม่สามารถแยกแยะออกมาได้ว่าเป็นวิญญาณแท้ชนิดไหนหลงเหลือไว้ กระทั่งพลังของวิญญาณแท้ดั้งเดิมก็มีน้อยมาก เทียบไม่ได้กับกระดูกวิญญาณแท้อื่นๆ ที่ปรากฏหลายครั้งในแดนเรา อย่างไรก็ตาม กระดูกชิ้นนี้แข็งสุดจะเปรียบ หากถูกหลอมเป็นสมบัติวิเศษ พลังของมันยังคงไม่ด้อยไปกว่าสมบัติวิญญาณทั่วไป ส่วนสาเหตุที่มันปรากฏในเมืองนี้ ก็พอๆ กับเจ้าของอิฐศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ คือไม่อยากก่อให้เกิดปัญหา แค่อยากปล่อยของออกไปให้เร็วที่สุด และก่อนการประมูล ในเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าสามารถให้สหายทุกท่านพินิจพิเคราะห์กระดูกวิญญาณแท้บรรพกาลนี้ดู สหายที่สนใจจริงๆ ยังสามารถขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียดได้”
สิ้นเสียง มารชราก็สะบัดแขนเสื้อ กระถางธูปสีเขียวใบหนึ่งลอยออก ตกลงบนมุมหนึ่งของแท่นหินอย่างมั่นคง และในกระถางธูปก็มีธูปหอมยาวราวครึ่งฉื่อที่เพิ่งจุดปักไว้หนึ่งดอก ควันสีเขียวจางๆ ลอยมา
แล้วเย่ว์เหลียนเทียนก็พลิกฝ่ามือ ยันต์สีเงินแผ่นหนึ่งปรากฏ พุ่งไปติดที่กระดูกวิญญาณ
ทันใด พลังอันน่าทึ่งขุมนั้นก็ถูกเก็บขึ้น จึงไม่มีความรู้สึกกลัวที่แทบจะทำให้หายใจไม่ทั่วท้องอีก
มารส่วนใหญ่พอได้ยินคำพูดของมารชรา ก็เมียงมองดูกระดูกวิญญาณที่ถูกผนึก ความกังขาบนใบหน้าลดลงไม่น้อย
ในเมื่อกระดูกวิญญาณไม่ใช่กระดูกวิญญาณแท้ตามความหมายที่แท้จริง ก็เท่ากับเป็นเพียงวัตถุดิบที่ใช้หลอมอาวุธหายากชิ้นหนึ่งเท่านั้น การปรากฏในเมืองเซวี่ยยา ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติจนเกินไป
ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ ก็ยังคงมีมารชั้นสูงไม่น้อยที่สนใจกระดูกขนาดใหญ่ชิ้นนี้เป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงทยอยกันปล่อยจิตสัมผัสสำรวจดู ยังมีมารสี่ห้าตนที่ปิดบังสถานะตนเอง ก้าวขึ้นมาบนแท่นหิน ตรวจดูให้ละเอียดอีกครั้งด้วย
แต่ไม่ว่าเหล่ามารมีจิตสัมผัสล้ำลึกเพียงใด และยังขึ้นไปใช้มือทดสอบดู หลังจากตรวจสอบเรียบร้อย ก็ล้วนค่อนข้างผิดหวัง
กระดูกวิญญาณขนาดใหญ่เป็นอย่างที่เย่ว์เหลียนเทียนพูดจริงๆ จุดสำคัญอยู่ที่แก่นวิญญาณกับพลังปราณแท้ที่หลงเหลืออยู่ด้านใน แค่หาเจอเพียงเศษเสี้ยว มูลค่าก็น่าจะพุ่งสูงเป็นพันเท่าทันที ถ้าล้วนไม่มีทั้งสองอย่าง มูลค่าย่อมตกลงในระดับที่แค่คิดก็รู้แล้ว
หานลี่นั่งเงียบอยู่ตรงที่นั่งสักพัก พอเห็นว่าไม่มีมารตนใดขึ้นไปบนแท่นหินอีก กลับลุกพรวดขึ้น เดินไปด้านหน้า และยกมือ ยื่นนิ้วหนึ่งออก กดลงเบาๆ บนกระดูกวิญญาณ
เย่ว์เหลียนเทียนสำรวจมองหานลี่เล็กน้อย ยิ้มน้อยๆ และไม่ได้ขัดขวางอะไร
หานลี่เพียงยืนอยู่หน้ากระดูกวิญญาณขนาดใหญ่สักครู่ เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ แล้วจึงพยักหน้าหงึกๆ เก็บนิ้วกลับ หันกายเดินกลับไป
จากนั้นก็ไม่มีใครขึ้นมาดูใกล้ๆ บนแท่นหินอีก
พอธูปในกระถางธูปเผาไหม้หมด เย่ว์เหลียนเทียนก็ม้วนแขนเสื้อ กระถางธูปพลันวาบหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วเขาก็ประกาศอย่างจริงจัง
“เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ตอนนี้เริ่มการประมูล กระดูกวิญญาณแท้บรรพกาลหนึ่งท่อน ราคาต่ำสุด ห้าสิบล้าน!”
สถานการณ์ตรงกันข้ามกับอิฐศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ หลังจากประกาศเริ่มประมูล ทั้งโถงกลับเงียบผิดปกติ ไม่มีใครให้ราคาอยู่พักหนึ่ง
เมื่อเย่ว์เหลียนเทียนเห็นดังนี้ กลับยิ้มบางๆ อย่างไม่ยี่หระแม้แต่น้อย ท่าทางเหมือนไม่กังวลแต่อย่างใดกับการนี้
“ห้าสิบล้านศิลามาร”
ไม่นานนัก หลังจากลังเลสักพัก มารตนหนึ่งก็ส่งเสียงขึ้น
“ห้าสิบล้านสองแสน”
“ห้าสิบล้านหกแสน”
…..
พอเสียงแรกให้ราคา ในที่สุดก็มีคนแข่งราคาตาม แต่กลับมีแค่หกเจ็ดคนเท่านั้น อีกทั้งยังระมัดระวังในการเพิ่มจำนวนตัวเลขเป็นพิเศษ สถานการณ์ดุเด็ดเผ็ดร้อนน้อยกว่าการประมูลอิฐศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้มาก
จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้ อย่างไรกระดูกวิญญาณขนาดใหญ่แม้มีที่มาน่าทึ่ง แต่ถ้าแค่ใช้เป็นวัตถุดิบในการหลอมอาวุธ การใช้งานย่อมมีขีดจำกัดยิ่ง และย่อมมีคนไม่มากนักที่ยังยินยอมแข่งประมูลในราคาสูง
ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ มูลค่าของกระดูกวิญญาณท่อนนี้ก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นไปเหมือนกัน ภายใต้สถานการณ์ที่ยังมีมารราวสามสี่ตนไม่ยอมลดละ กลับประมูลในราคาที่น่าอัศจรรย์ “เจ็ดสิบล้าน”
ซึ่งมารที่ให้ราคาสูงขนาดนี้ กลับเป็นมารหญิงที่แต่งกายคล้ายสตรีสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง
พอได้ยินราคาสูงขนาดนี้ คู่แข่งราคาอีกสองสามคนที่ยังตามติดในช่วงแรก จู่ๆ ก็หยุดเสียง เหมือนตัดสินใจปล่อยวางอย่างช่วยไม่ได้
พอมารหญิงคนสวยเห็นดังนี้ ตาสวยกลับทอประกายพึงพอใจออกมา
แต่เย่ว์เหลียนเทียนเหมือนไม่ค่อยพอใจกับราคาตรงหน้า จึงยิ้มแหยๆ ก่อนว่า
“เจ็ดสิบล้านครั้งที่สอง ถ้าไม่มีใครให้ราคาอีก กระดูกวิญญาณแท้บรรพกาลท่อนนี้ก็ตกเป็นของสหายท่านนี้แล้ว เหอะๆ ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป แล้วสหายอยากได้กระดูกวิญญาณแท้เช่นนี้อีก ก็เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว”
“ถ้ามีศิลามารไม่เพียงพอ ที่นี่ใช้ของชิ้นอื่นแลกเป็นศิลามารได้หรือไม่” เสียงเรียบๆ ของชายหนุ่มผู้หนึ่งพลันดัง ผู้ถามกลับเป็นหานลี่
“ได้แน่นอน! ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ อาวุธอาคม ยาวิญญาณ เคล็ดวิชา ขอเพียงเป็นของที่มีมูลค่าสูง ทางผู้จัดประมูลล้วนรับแลกเป็นศิลามารในราคาที่เป็นธรรมได้โดยตรง แต่อัตราแลกเปลี่ยนจะเป็นเพียงสองในสามของราคาตลาด และหากท่านประมูลของที่อยากได้ไม่สำเร็จ ก็จะไม่มีการคืนของที่นำมาแลก” พอเย่ว์เหลียนเทียนได้ยิน ก็เอะใจ ยิ้มน้อยๆ พลางตอบ
“ดีเลย ศิลามารในมือผู้น้อยมีไม่เพียงพอ จำเป็นต้องแลกมาไว้จำนวนหนึ่ง หยุดการประมูลของชิ้นนี้ชั่วคราวก่อนก็แล้วกัน!” หานลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ได้ สหายไปที่หลังตำหนัก จะมีคนมาแลกให้โดยเฉพาะ” เย่ว์เหลียนเทียนพยักหน้าทันที และโบกมือให้มารรับใช้สาวที่อยู่ข้างกายรีบนำทางหานลี่ไป
หานลี่เดินตามนางไปโดยไม่พูดจาสักคำ ไม่นานก็เดินเข้าไปในประตูบานหนึ่งของตำหนัก…
ผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา หานลี่ค่อยเดินกลับมานั่งที่เดิม และพออ้าปาก ก็ตะโกนให้ราคา “แปดสิบล้าน” โดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ
ราคาอันน่าทึ่งเช่นนี้ย่อมทำให้เหล่ามารทั้งโถงประมูลพากันกระซิบกระซาบ มีไม่น้อยที่สำรวจมองหานลี่จากหัวจดเท้า แล้วแอบเดาสถานะที่แท้จริงของเขา
“แปดสิบล้านสองแสน”
หลังจากความงามบนใบหน้าของสตรีผู้สูงศักดิ์เปลี่ยน กลับยังคงตะโกนราคาที่สูงกว่าออกมา ราวกับต้องการกระดูกวิญญาณชิ้นนี้ให้ได้
“เก้าสิบล้าน”
หานลี่พูดขึ้นอีกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
คราวนี้ มารหญิงคนสวยแสดงสีหน้าลังเลใจออกมาในที่สุด หลังจากจ้องมองไปทางที่นั่งของหานลี่ ก็กัดฟันพูดตัวเลขออกมา “เก้าสิบล้านหนึ่งแสน” และหันมาพูดกับหานลี่ทันที
“ข้าคือคนของสกุลไห่แห่งเมืองคูจี้ กระดูกวิญญาณชิ้นนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งต่อสกุลไห่เรา ถ้าสหายยอมหลีกทางให้ หลังจบงานสกุลไห่ต้องขอบคุณเป็นอย่างสูงแน่”
“สกุลไห่แห่งเมืองคูจี้ หรือก็คือสกุลไห่ที่มีบรรพชนศักดิ์สิทธิ์คูจี้เป็นเจ้าเมืองนั่น ทำไมพวกเขาถึงบึ่งมาไกลถึงเมืองเซวี่ยยาได้ล่ะ!”
“สกุลไห่ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในสกุลหลอมอาวุธชื่อดังไม่กี่สกุลในแดนศักดิ์สิทธิ์ มิน่าเล่าถึงได้สนใจกระดูกวิญญาณชิ้นนี้นัก!”
“สตรีนางนี้ระดับบำเพ็ญเพียรไม่อ่อนด้อย หรือจะเป็นทายาทสายตรงของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์คูจี้!”
จากคำพูดของมารหญิงคนสวย เห็นชัดว่าสถานะของนางไม่ธรรมดา หลังจากเหล่ามารจำนวนไม่น้อยตกใจ ก็แสดงท่าทางเกรงกลัวออกมา
“หนึ่งร้อยล้านศิลามาร”
หานลี่เหมือนไม่ได้ยิน ตะโกนอย่างเย็นชาออกมาอีก ด้วยราคาที่ทำให้เหล่ามารในโถงประมูลใจเต้นระทึก
ต่อให้สตรีนางนี้มีสายสัมพันธ์กับบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์ ขอเพียงไม่อยู่ใกล้เมืองเซวี่ยยา เขาจะใส่ใจไปไย
สาวสวยแซ่ไห่เห็นดังนี้ ใบหน้าก็ปรากฏความดุร้ายขึ้นทันที พูดคำว่า “ดี” ติดต่อกันสามครั้ง แต่ที่สุดแล้วก็มิได้ให้ราคาแข่งอีก
“ดี กระดูกวิญญาณบรรพกาลท่อนนี้ได้ตกเป็นของสหายท่านนี้แล้ว”
เย่ว์เหลียนเทียนรีบประกาศด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
พอหานลี่ได้ยิน ก็รีบลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าแท่นหินอีกครั้ง มอบศิลามารให้ แล้วเก็บกระดูกวิญญาณเข้าไปในสร้อยข้อมือเก็บของ
งานประมูลจึงสิ้นสุดลงด้วยประการฉะนี้
ขณะหานลี่เดินทอดน่องอยู่บนถนนสายหนึ่ง ในหัวกลับมีเสียงตื่นเต้นเป็นพิเศษของฉวี่เอ๋อร์ดังมา
“คิดว่านายท่านก็ค้นพบความลึกล้ำของกระดูกวิญญาณบรรพกาลท่อนนี้แล้วเช่นกัน ถ้ามีของชิ้นนี้ ร่างวิญญาณเห็ดเซียนของนายท่าน ต่อไปก็มีความหวังเพิ่มขึ้นที่จะมีอิทธิฤทธิ์ในระดับมหายานแล้ว”