A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2038 ที่รกร้างแดนมาร
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2038 ที่รกร้างแดนมาร
ทว่าพลังปราณของหานลี่กลับเคลื่อนโคจรอย่างมีความสุขมากกว่าเมื่อก่อน
แม้ว่าเมื่อเทียบกันแล้ว พลังโดยรวมทั้งหมดจะลดลง แต่ในระยะยาว ส่วนที่สูญเสียหลายส่วนนั้นก็ยังเป็นส่วนน้อย
ทว่าเนื่องจากพลังยุทธ์ของเขาอยู่เหนือระดับการดำรงอยู่ ตราบใดที่รักษาระดับพลังอาไว้ได้ มันก็เพียงพอให้เขาหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย
ในขณะที่หานลี่กำลังโบยบิน เขาครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ แสงกระบี่สีเขียวที่พุ่งออกจากร่างเขาก็กลับเข้ามา เดิมทีจากลำแสงที่มีขนาดราวสิบกว่าจั้ง กลับหดตัวเล็กลงเหลือเพียงหนึ่งจั้ง
ต่อมาหลังจากแสงกะพริบวาววับทีหนึ่ง เขากระโจนลงในทะเลมดและจมดิ่งลงในนั้นพร้อมกับมดมารจำนวนมหาศาล
……
และในเวลาเดียวกันนั้น ในพื้นที่อื่นๆ ของทะเลมด เหล่ามารก็ถูกล้อมรอบด้วยมดมารเช่นกัน
อาวุธอาคมทุกชนิดถูกสังเวยไปทีละชิ้น อิทธิฤทธิ์วิชามารหลากหลายกระบวน ส่งเสียงคำรามท่ามกลางมดมารรอบแล้วรอบเล่า
มดมารจำนวนมหาศาลถูกกวาดล้างออกไป
ทว่าสถานการณ์เช่นนี้ก็เหมือนกับการดื่มเหล้าพิษเพื่อดับกระหาย ไม่นานพลังปราณของเผ่ามารระดับต่ำก็จะหมดลง
เมื่อถึงเวลานั้น เผ่ามารระดับต่ำจะถูกมดมารกลืนกิน
แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมดมารจำนวนมากมายมหาศาล เผ่ามารนี้ทำได้เพียงกระตุ้นพลังปราณอย่างต่อเนื่องด้วยความหวาดกลัว
ส่วนมารที่บำเพ็ญถึงระดับก่อกำเนิด จนสามารถหลอมร่างทารกปราณได้แล้วเหล่านั้น พวกเขาสามารถยืดระยะเวลาการประคับประคองได้นานขึ้น เพียงพอให้ประคับประคองได้ครึ่งวันจนกระทั่งเต็มวัน
ส่วนเผ่ามาระดับสูงขั้นเทพแปลงหลอมสุญตา แม้จะอยู่ภายใต้การโจมตีของมดมารอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายวันจนถึงครึ่งเดือน
จำนวนของเผ่ามารเมืองเซวี่ยยาและอสูรมารที่ถูกรุกไล่เข้าไปในทะเลมด เมื่อรวมกันก็เป็นจำนวนที่น่าตกใจ
เป็นธรรมดาที่มดมารไม่อาจโอบล้อมทุกผู้คนได้ทั้งหมด หากคิดจะทะยานร่างหนีออกไปก็ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง
เวลาผ่านไปไม่นาน
หนึ่งชั่วยามให้หลัง ในที่สุดมารระดับต่ำก็ใช้พลังปราณจนหมดไปทีละคน และไม่สามารถใช้พลังปราณเพื่อปกป้องตัวเองได้อีกต่อไป พลังที่ปล่อยออกมาจากอาวุธอาคมเริ่มอ่อนแอลงเรื่อยๆ และในที่สุดพวกมันก็เริ่มส่งเสียงกรีดร้อง
ครึ่งวันให้หลัง ยังมีเผ่ามารที่สามารถประคับประคองตนเองให้อยู่ในทะเลมดได้ นั่นคือผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับก่อกำเนิดขึ้นไปเท่านั้น
เนื่องจากเผ่ามารและอสูรมารหลบหนีไปทั่วทุกทิศทาง ทะเลมดยักษ์ที่โอบล้อมดั่งลมฝนจึงถูกแบ่งออกเป็นหลายสิบส่วนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแผ่กระจายออกไปทุกทิศทางเพื่อไล่ล่าเหยื่อ
……
ในพื้นที่ทะเลมดอันกว้างใหญ่ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเซวี่ยยาอีกสหลายพันลี้ เผ่ามารชายหญิงทั้งหกคน ชายห้าคนและหญิงหนึ่งคน พุ่งทะยานไปในทิศทางเดียวกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ
มารชายที่อายุค่อนข้างน้อยสองคน คนหนึ่งปล่อยเปลวเพลิงสูงเฉียดฟ้า ส่วนอีกคนหนึ่งทั้งร่างแผ่ไอเย็นสีขาวเป็นสายๆ
มดมารทุกตัวที่เข้าใกล้ทั้งสองกลายเป็นเถ้าถ่านหรือไม่ก็แข็งเป็นก้อนน้ำแข็งภายในพริบตา
ส่วนมารหญิง นางแต่งกายด้วยอาภรณ์ของฮูหยิน มีกระจกโบราณสีดำสนิทห้อยอยู่เหนือศีรษะของนาง มีแสงสีครามพร้อมกับเสียงลมและเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องแล้วพุ่งออกมาจากด้านในกระจก จากนั้นก็ระเบิดดมดมารที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งหมดออก
มารทั้งสามเป็นมารตระกูลไห่ที่เคยขัดขวางหานลี่บนถนนเมืองเซวี่ยยา
ส่วนชายมารสามคนที่รั้งอยู่ท้ายสุด ซึ่งมีอายุราวๆ สี่สิบปี พวกเขามีใบหน้าที่คล้ายคลึงกันมาก ดูก็รู้เลยว่าต้องมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด
มารทั้งสามไม่ได้ใช้อาวุธอาคมใดๆ ทว่ากลับใช้เพียงมือเดียว กระตุ้นให้ปราณสีดำหมุนวนไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่งเพื่อกวาดล้างมดมาร
มารทั้งหกพลังยุทธ์อยู่ในระดับระดับหลอมสุญตา ภายใต้การร่วมมือกันจึงเกิดเป็นอานุภาพอันน่าตกใจ ภายในชั่วพริบตาพวกเขาก็พุ่งทะยานออกจากทะเลมดห่างออกไปหลายร้อยลี้
ด้านหน้าเริ่มพบเจอมดมารน้อยลงเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าพวกเขามาถึงเขตชายแดนแล้ว
มารทั้งหกดีใจเมื่อเห็นเช่นนั้น
ทว่าในเวลานี้เอง กลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้น!
ทันใดนั้นทะเลมดที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับแยกออก จากนั้นก็ปรากฏมดยักษ์ขนาดราวๆ หนึ่งจั้งขึ้นมากว่าร้อยตัว
มดมารเหล่านี้มีสีน้ำเงินอมเขียว และมีปีกใสแวววาวอยู่ด้านหลัง อีกทั้งยังมีเขี้ยว ดูดุร้ายมาก
ทันทีที่มดยักษ์ปรากฏตัว มันกระโจนเข้าใส่มารชายทั้งสามที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกัน
“สหายหนานกงทั้งสามระวัง นี่คือมดมารกลายพันธุ์ ไม่ใช่มดมารธรรมดา” มารหญิงสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเช่นนั้น พร้อมทั้งรีบเตือนพวกเขาในทันที
มารชายทั้งสามตื่นตระหนก แต่ก็รีบประสานมือกระตุ้นพลังมารทันที
จากพลังมารขนาดเท่าปากชาม ทันใดนั้นได้ขยายขนาดเพิ่มกำลังเป็นสองเท่า จากนั้นกลายรูปลักษณ์เป็นมังกรสีดำเข้าไปเผชิญหน้ากับมดยักษ์
‘พรึ่บ’ เกิดเสียงดังแหวกอากาศ!
เหล่ามดยักษ์อ้าปาก จากนั้นก้อนน้ำสีม่วงก็พุ่งเข้าไปใส่ร่างมังกรดำอย่างแม่นยำ
เสียงคำรามดังอย่างต่อเนื่อง!
เมื่อมังกรสีดำถูกโจมตีด้วยของเหลว ควันสีเหลืองก็ค่อยๆ พวยพุ่งออกมา จากนั้นร่างก็ค่อยๆ เลือนรางลง
มดยักษ์พ่นของเหลวสีม่วงออกมาอีกอย่างไร้ความปรานี
คราวนี้ เป้าหมายของก้อนน้ำคือมารชายทั้งสาม
สีหน้าของมารชายทั้งสามเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชายผู้นำแค่นเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจึงมีโล่เล็กๆ ขนาดไม่กี่นิ้วพุ่งออกมาจากปาก ในขณะเดียวกันนั้นก็ถ่ายกำลังภายในเข้าไป
โล่ขยายใหญ่ขึ้นกว่าร้อยเท่า และกลายเป็นโล่ขนาดใหญ่สีขาวสูงกว่าร้อยจั้ง มีพื้นผิวขรุขระ พร้อมทั้งมีเสียงร้องโหยหวนของภูตผี แท้จริงแล้วมันคือเกราะป้องกันกระดูกที่ทำมาจากกระดูกสีขาวนับไม่ถ้วน
ภายใต้การกระตุ้นพลังมาร ลวดลายอาคมสีดำบนพื้นผิวของเกราะกระดูกก็พวยพุ่งออกมา กลายเป็นม่านสีดำ และชายอีกสองคนที่อยู่ข้างเขาก็ได้รับการป้องกันเช่นกัน
ก้อนน้ำสีม่วงกระทบม่านสีดำราวกับฟ้ารั่ว จากนั้นควันสีเหลืองค่อยๆ ลอยขึ้น
พื้นผิวของม่านสีดำสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันนั้น ด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มันกลับหดตัวและบางลงอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว พวกเจ้าทั้งสองรีบช่วยข้าเร็วเข้า พลังของข้าเพียงคนเดียวไม่สามารถยับยั้งพวกมันได้” ชายผู้นำร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นเช่นนั้น
มารชายทั้งสองที่อยู่ข้างๆ ตกใจมาก พลันวาบร่างมาด้านหลังของชายผู้นำ จากนั้นทั้งสองก็วางฝ่ามือลงบนไหล่อย่างรวดเร็ว
ปราณสีดำพุ่งออกจากแขนของทั้งสอง แล่นเข้าสู่ร่างกายของชายผู้นำ
ม่านแสงที่สั่นไหวในตอนแรกเริ่มหนาขึ้นอีกครั้ง แต่พลังภายในของชายทั้งสามกลับหลั่งไหลออกไปอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วที่น่าตกใจ และไม่มีพลังที่จะสามารถโจมตีสิ่งอื่นได้อีก
“สหายไห่ รีบลงมือ!” ชายผู้นำรีบหันกลับมาขอความช่วยเหลือจากมารหญิง
“สหายทั้งสามไม่ต้องกลัว ข้าจะรีบสังหารพวกมันในทันที” มารหญิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว พลางชี้นิ้วไปยังกระจกโบราณในอากาศ
ทันใดนั้นอาวุธอาคมก็หมุนวนไปรอบๆ บานกระจกหันไปทางมดมารยักษ์ แสงสีครามรวมตัวกันและปล่อยพลังออกมา
เสียงคำรามดังกึกก้องอีกครั้ง ฝูงมดมารอีกด้านหนึ่งกำลังพลุ่งพล่าน และมีมดยักษ์สีครามบินออกมามากมายนังไม่ถ้วนราวๆ ห้าหกร้อยตัว
มารหญิงที่กำลังจะลงมือพลันมีสีหน้าตื่นตระหนก นางประสานมือร่ายอาคมโดยไม่รีรอ ทันใดนั้นกระจกโบราณจึงแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มลำแสงสีคราม และหอหุ้มร่างกายไว้
เสียงหึ่งๆ ดังสนั่น!
ร่างกายของฮูหยินมารกลายเป็นแสงสีคราม ทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นแสงวิญญาณแล้วหลบหนีไป ในตอนนี้มารหญิงไม่เพียงแต่เพิกเฉยต่อมารชายทั้งสามที่ถูกล้อมอยู่ แต่ยังทิ้งคนของตนเองทั้งสองอีกด้วย
ครั้นเมื่อชายตระกูลไห่ทั้งสองเห็นเช่นนั้น ก็ตื่นตระหนกในทันใด พลันเปลี่ยนเป็นลำแสงสีแดงและสีขาวหลบหนีไปเช่นกัน
ภายในชั่วพริบตา เหลือไว้เพียงชายตระกูลหนานกงสามคนที่กำลังตื่นตระกหนก
เหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ของทะเลมดเช่นกัน
การปรากฏตัวของมดมารกลายพันธุ์ ทำให้มารที่ยังคงดิ้นรนอยู่ได้ตายลงในที่สุด
มารระดับสูงที่สามารถหลบหนีได้ในครั้งนี้ หากไม่มีสมบัติพิเศษในการปกป้องตัวเองหรือฝึกฝนเคล็ดวิชาพิเศษ หรือไม่ก็โชคยังดี ให้สหายข้างกายไปตายแทนแล้วตัวเองก็หลบหนีออกมา
สำหรับหานลี่และเผ่ามนุษย์คนอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกับอสูรมารและเผ่ามารระดับจอมมาร ใช้พลังยุทธ์อันแข็งแกร่งของตนเองในการสังหารมดยักษ์จโลหิตหลั่งไหลเป็นสาย
แต่ถึงกระนั้น มดสูบมารก็ยังไม่ยอมปล่อยพวกที่เหลือไป พวกมันยังคงติดตามพวกเขาเสมือนหนอนไชกระดูก
เพียงผ่อนคลายความระแวดระวังลงเล็กน้อย พวกที่เหลือก็จะตกอยู่ในวงล้อมของทะเลมด จนต้องกัดฟันต่อสู้อย่างหนักอีกครั้ง
และด้วยเหตุนี้ เวลาวันแล้ววันเล่าค่อยผ่านไป คลื่นแมลงที่เกิดจากมดสูบมารยังคงมีชีวิตอยู่นานถึงครึ่งปีกว่าจะค่อยๆ หายไป
แต่เช่นเดียวกัน เจ็ดแปดเมืองรอบๆ ทุ่งหญ้าถูกทำลายทั้งหมด และเผ่ามารหลายร้อยล้านตนถูกมดมารกลืนกินเข้าไป หลังจากนั้น เผ่ามารจำนวนมากเป็นต้องตกใจเมื่อพูดถึงแมลงนี้
ชื่อเสียงโหดเหี้ยมของมดมารในบริเวณนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว
……
หนึ่งปีต่อมา บนท้องฟ้าเหนือป่าสีดำเต็มไปด้วยต้นไม้สูงหลายร้อยจั้งตั้งตระหง่าน แสงสีเขียวจางๆ กำลังโบยบินผ่านท้องฟ้า
และมีนกพิราบอสูรขนแดงบินไล่ตามอยู่ด้านหลังพร้อมทั้งแผดเสียงร้องแปลกๆ ซึ่งห่างจากแสงสีเขียวราวสิบลี้
ทันใดนั้นแสงสีเขียวที่อยู่เบื้องหน้าก็หยุดกะทันหัน แสงกระบี่เจิดจ้านับสิบเล่มพลันพุ่งออกมา ภายในชั่วพริบตา แสงกระบี่ก็ตัดผ่านกพิราบอสูรหลายสิบตัวขาดเป็นสองท่อน
จากนั้นแสงสีเขียวก็กะวาบวาบและบินออกไปอีกครั้ง
นกพิราบอสูรขนแดงเหล่านั้นยังคงตกตะลึงและโกรธเกรี้ยว หลังจากมันแผดร้องอย่างไม่พอใจรอบๆ ร่างไร้วิญญาณของพวกพ้องด้านล่างอยู่หลายเสียง ในที่สุดพวกมันก็เลิกไล่ตาม
หลังจากที่แสงสีเขียวทะยานไปไกลกว่าหนึ่งหมื่นลี้ ความเร็วในการบินจึงค่อยๆ ช้าลง
“ไม่เลว ไม่นึกว่าจะสามารถหาผลึกลมอัคคีชิ้นใหญ่ได้จากที่นี่ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต”
ภายในแสงสีเขียว ชายคนหนึ่งถือผลึกสีแดงขนาดเท่าหัวกะโหลก พร้อมทั้งบ่นพึมพำกับตัวเองและยิ้มมุมปาก
นั่นคือหานลี่
หนึ่งปีก่อน เขาใช้อิทธิฤทธิ์อันทรงพลังของเขาตลอดทาง เพียงอึดใจก็มาถึงยังแดนรกร้าง ถึงได้สลัดมดมารเหล่านั้นหลุดไปได้เสียที
จากนั้นเขาจึงทำตามแผนที่เคยหารือกับคนอื่นๆ ทว่าเขาไม่ได้ไปตามหาบรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่น กลับเขาตรงไปยังทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวเลย
ดินแดนรกร้างแห่งนี้เป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับเผ่ามารทั่วไป แต่ด้วยพลังยุทธ์ของหานลี่ เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลยสักนิด
ในทางตรงกันข้าม เขาได้รับประสบการณ์มากมายตลอดทาง ทำให้เขาค้นพบวัตถุดิบหายากและยาวิญญาณที่ไม่ค่อยได้พบเห็นในแดนวิญญาณ
นี่ทำให้เขาปีติยิ่ง