A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2053 เมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิต
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2053 เมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิต
“ข้าว่าสหายไม่ได้ใส่ใจกระมัง แต่ว่าความร้ายกาจของสามมารหายนะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย หากพี่หานจะสำรวจทะเลทรายทั้งหมดในอนาคตดังนั้นอย่าได้ประมาท สามมารหายนะคือลมวิญญาณโรย ทรายสูบธรณี และหมาป่ามารลวงตา เรื่องนี้ คิดว่าสหานคงจะชัดเจนดี อันตรายของทั้งสามต่างกันมาก ในหมู่พวกมัน หมาป่ามารลวงตาที่โตเต็มวัยมีเพียงระดับพลังยุทธ์ขั้นหลอมสุญตาเท่านั้น แต่โดยทั่วไปพวกมันจะอยู่เป็นกลุ่ม และกลุ่มหมาป่าที่เล็กที่สุดจะมีหมาป่าโตเต็มวัยเจ็ดแปดตัว เมื่อเผชิญหน้าแล้ว ต่อให้หลีกเลี่ยงการปะทะ พลังปราณก็ยังจะได้รับความเสียหายอย่างมาก ทว่าหายนะนี้เป็นอันตรายต่อสหายน้อยที่สุด เนื่องจากหมาป่ามารลวงตาเคลื่อนไหวเหมือนดั่งลมในทะเลทราย จึงช้ากว่ากิ้งก่ามารแปดขา ตราบใดที่ค้นพบล่วงหน้า ก็สามารถสลัดหลุดได้อย่างง่ายดาย แน่นอน หากสหายหานไม่มีกิ้งก่ามาร มันจะเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป สำหรับทรายสูบธรณีเป็นอันตรายอันดับสองในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวรองจากลมวิญญาณโรย…” ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองอธิบายอย่างฉะฉาน
แม้ว่าหานลี่จะเข้าใจสิ่งที่ชายร่างใหญ่พูดอยู่ก่อนแล้ว แต่เขาก็ยังตั้งใจฟังด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
……
หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งเดือน หานลี่นั่งอยู่บนกิ้งก่ามารก็กำลังหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อพักฟื้น เมื่อลืมตาขึ้น ดวงตาของเขามองทะลุผ่านลมและทราย และเห็นเส้นสีเขียวสายหนึ่งในที่ที่ห่างออกไปกว่าสิบลี้
และในวินาทีต่อมา เสียงอันไพเราะของหญิงสาวผมสีม่วงก็ดังขึ้นต่อหน้าเขา
“สหายทุกท่านด้านหน้าคือบริเวณชุ่มชื้นแถบแม่น้ำสีเงิน ที่นั่นมีป้อมปราการเล็กๆ ของตระกูลไป๋ เราสามารถไปที่นั่นเพื่อพักผ่อนและเตรียมตัวก่อนจะไปขับไล่อสูรมารตัวนั้นได้ สายแร่นั้นอยู่ห่างจาก บริเวณชุ่มชื้นแถบแม่น้ำสีเงินเพียงครึ่งวันเท่านั้น”
“เยี่ยมมาก ใช้เวลาทั้งเดือนอยู่กับอสูรมาร รู้สึกเอียนจริงๆ เมื่อไปถึงที่นั่น พักผ่อนและทานอาหารมื้อใหญ่สักหน่อยแล้วค่อยว่ากันเถิด พี่ไป๋ สิ่งที่ท่านสัญญาไว้ ก็ต้องนำออกมาที่นั่นเช่นกัน” องค์เทพมังกรไม้ได้ยินคำพูดนั้น จึงตบท้องกลมๆ ของเขา และพูดด้วยดวงตาสดใส
“ฮ่าๆ สหายมังกรไม้ไม่ต้องเป็นห่วง ข้ารู้ว่าวิชาที่เจ้าฝึกฝนนั้นพิเศษ จำเป็นต้องกินสิ่งนั้นเพื่อเพิ่มพูนพลังของเจ้า เมื่อเจ้ามาถึงบริเวณชุ่มชื้นแล้ว ข้าย่อมมอบสิ่งนั้นให้ด้วยมือทั้งสองของข้าเอง” หญิงผมสีม่วงไม่ทันได้ตอบ แต่ชายผมเหลืองกลับหัวเราะและตอบแทน
“ดีมาก หากข้ากินสิ่งนั้น อย่างน้อยพลังยุทธ์ของข้าจะสามารถเพิ่มขึ้นชั่วคราวได้มากถึงสามสิบส่วน และข้าก็ยังมีความมั่นใจมากขึ้นในการขับไล่อสูรมารตัวนั้น แต่รสชาติของสิ่งนั้นก็อร่อยจริงๆ ข้าเคยกินมันแค่ครั้งเดียว แต่ก็ยังลืมไม่ลงจนถึงทุกวันนี้” องค์เทพมังกรไม้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
“เป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ตระกูลไป๋ของเราก็ยังพยายามอย่างมากที่จะได้สิ่งนั้นมา” หญิงสาวผมสีม่วงตอบด้วยรอยยิ้ม
หานลี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินการสนทนานี้ แต่หลังจากครุ่นคิด เขาก็ไม่สนใจมันมากนัก
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็รีบลงจากกิ้งก่ามารไปยังป้อมปราการเล็กๆ
เมื่อหานลี่และคนอื่นๆ เข้าไปในบริเวณชุ่มชื้นครั้งแรก ลมและทรายทุกชนิดที่พัดผ่านใบหน้าของพวกเขาก็จบลงอย่างกะทันหัน ราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นแยกทั้งสองอย่างนี้ออกจากกัน
บริเวณชุ่มชื้นทั้งหมดมีขนาดเพียงไม่กี่ลี้ บริเวณชายขอบปกคลุมด้วยพุ่มไม้เตี้ยขนาดต่างกัน ตรงกลางมีทะเลสาบขนาดเล็กสีเขียวอมดำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งลี้ ด้านหนึ่งของทะเลสาบเป็นสิ่งปลูกสร้างสีเทา ทั้งหมดสร้างด้วยทรายและดิน แต่มันแข็งแรงมาก
อาคารเหล่านี้มีพื้นที่เพียงไม่กี่หมู่ แต่มีระลอกแปลกๆ ลอยวนอยู่โดยรอบ ดูเหมือนว่ามีเขตอาคมต้องห้ามบางอย่าง
หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาข้ามทะเลสาบเล็กๆ ไปในที่สุดเขาก็หยุดที่ตัวอาคาร
อาคารเหล่านี้มีรูปร่างครึ่งวงกลมคว่ำทั้งหมด สูงไม่เกินสามหรือสี่จั้ง ต่ำกว่าอาคารทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
ในเวลานี้ ชายผมเหลืองกระโดดลงจากกิ้งก่ามาร แล้วยกมือขึ้นเพื่อนำอสูรมารนั้นเข้าไปในวงแหวนอสูรวิญญาณ จากนั้นพลันขมวดคิ้วและเหลือบมองอาคารที่อยู่ไกลออกไป ทันใดนั้นก็อ้าปากออกส่งเสียงสัญญาณดั่งมังกรคำราม
เสียงผิวปากดังออกมาจากก้อนเมฆ ราวกับเสียงฟ้าร้องดังก้องกังวานอยู่ในอากาศ แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ ในอาคาร ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครออกมา
เวลลานี้ ใบหน้าของชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองพลันเปลี่ยนไป เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นและทำท่าทางแปลกๆ ด้านหลัง
ทันใดนั้น ไป๋อวิ๋นซินและอีกหกคนของตระกูลไป๋ก็พลิกตัวกระโดดลงจากกิ้งก่ามาร แล้วเดินอย่างระมัดระวังไปที่อาคาร
เมื่อนางสัมผัสอาคารเหล่านั้น ไปอวิ๋นซินหยิบแผ่นผ้ายเหล็กสีดำสนิทด้วยมือข้างหนึ่งยื่นเข้าไปในที่ว่างต่อหน้านาง
ทันใดนั้น ชั้นของปราณสีดำก็กลิ้งออกมาจากพื้นดิน ร่างของคนหลายคนจมลงไปในนั้น และจากนั้นก็ไม่มีเสียงใดอีกเลย
หญิงผมสีม่วง องค์เทพมังกรไม้เมื่อเห็นดังนั้นดวงตาก็อดไม่ได้ที่จะเคร่งขรึม
มีเพียงหานลี่เท่านั้นที่ดูทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่แสดงสีหน้าแม้แต่น้อย
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าแสงสีน้ำเงินเข้มในรูม่านตาของเขากะพริบวาบ ดวงตาของเขามองทะลุผ่านหมอกสีดำที่อยู่ข้างหน้าเขา สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในได้อย่างชัดเจน
ภายใต้การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องของหานลี่มานานกว่าพันปี เนตรวิญญาณย่อมมีอิทธิฤทธิ์ที่น่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว การมองทะลุเขตอาคมต้องห้ามบางส่วน ย่อมเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ควรพูดถึง
เวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ปราณสีดำที่ปรากฏขึ้นรอบๆ อาคารก็หายไปในทันที ร่างของไป๋อวิ๋นซินและคนอื่นๆ ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งที่ด้านหน้าอาคาร นางพูดกับชายผมเหลืองตัวใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล
“รายงานบรรพชน เขตอาคมต้องห้ามของป้อมปราการยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ลูกศิษย์ผู้พิทักษ์ที่ทิ้งไว้ที่นี่ได้หายตัวไป”
“หายตัวไป! โดยรอบมีเพียงบริเวณชุ่มชื้นแห่งนี้เพียงแห่งเดียว พวกเขาจะไปที่ใดได้” ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองได้ยินดังนั้นใบหน้าของเขามืดมน พลันพูดอย่างเย็นชา
“ข้า…ไม่รู้จริงๆ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ในป้อมปราการ!” ไป๋อวิ๋นซินตอบด้วยความตื่นตระหนก
ใบหน้าของชายร่างใหญ่ผมเหลืองเคร่งขรึม และเมื่อเขาต้องการจะพูดบางอย่าง หานลี่จึงพูดด้วยรอยยิ้มทันที
“สหายไป๋! ไม่ว่าอย่างไร เข้าไปก่อนค่อยว่ากันเถิด นี่ไม่ใช่ที่ที่จะลงรายละเอียด!”
“จริงสิ ข้าประมาทเกินไป สหาย เข้าไปกันเถอะ!” ชายร่างใหญ่สะดุ้ง พลันนึกอะไรออกในทันที และพูดอย่างใจเย็น
“ถ้าเช่นนั้น ข้าไม่เกรงใจแล้วนะ ไปก่อนล่ะ!” องค์เทพมังกรไม้ยิ้ม เมื่อร่างกะพริบวาบ เขาก็หายตัวไปจากกิ้งก่ามาร และปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังไป๋อวิ๋นซินและลูกศิษย์คนอื่นๆ แล้ววิ่งไปที่อาคารที่ใหญ่ที่สุด
ชายร่างใหญ่ผมเหลืองยิ้มเมื่อเห็นฉากนี้ ก็เรียกหานลี่และคนอื่นๆ ให้กระโดดลงจากกิ้งก่ามารและเดินเข้าไปในอาคาร
หลังจากนั้นไม่นาน หานลี่และคนอื่นๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงที่มีพื้นที่มากกว่าสิบจั้ง ในขณะที่ไป๋อวิ๋นซินและสาวกคนอื่นๆ ยืนเฝ้าอยู่นอกประตูตามคำสั่งของชายร่างใหญ่
“ข้าได้สำรวจที่นี่ด้วยจิตสัมผัสของข้าแล้ว เป็นอย่างที่ซินเอ๋อร์กล่าว ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ที่นี่ และเขตอาคมต้องห้ามภายนอกก็ไม่เสียหาย เห็นได้ชัดว่าเหล่าลูกศิษย์ออกไปจากที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง” หญิงผมสีม่วงขัดสมาธิบนฟูกและพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ตามคำสั่งของข้า ศิษย์เหล่านี้ต้องผลัดกันติดตามการเคลื่อนไหวของอสูรมาร เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาทั้งหมดถูกอสูรมารกลืนเข้าไปทีละคน แต่นี่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าจะมีอสูรมารร้ายกาจ แต่ก็ควรมีคนอยู่ที่นี่” ชายร่างใหญ่ผมเหลืองส่ายหัวและดูงุนงงเล็กน้อย
“ช่างมันเถอะ ไม่ว่าลูกศิษย์ของตระกูลไป๋จะหายตัวไปอย่างไร แต่พวกเขาเป็นแค่ลูกศิษย์ระดับล่าง แล้วทำไมเจ้าต้องใส่ใจมากเกินไปด้วย รีบเอาสิ่งนั้นมาให้ข้ากิน กินอิ่มแล้ว พวกเราค่อยคุยกัน” หลังจากองค์เทพมังกรไม้กะพริบตาคู่เล็กๆ ก็พูดกับชายผมร่างใหญ่สีเหลืองอย่างใจร้อน
“ฮ่าๆ สหายมังกรไม้ไม่ต้องกังวลไป เพราะข้าเคยสัญญากับสหายมาก่อนแล้ว ข้าจะไม่วันทำให้เสียใจ น้องห้า นำสิ่งนั้นออกไปมอบให้สหายมังกรไม้” เมื่อชายร่างใหญ่ผมเหลืองเห็นท่าทีขององค์เทพมังกรไม้ เขาจึงรีบตอบด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่หญิงสาวผมสีม่วงยิ้มมุมปาก นางก็สะบัดข้อมือ ทันใดนั้นก็มีแสงสีขาวพุ่งออกมาจากสร้อยข้อมือ จากนั้นกล่องหยกใสแวววาวพลันปรากฏขึ้นบนโต๊ะตรงหน้านาง
องค์เทพมังกรไม้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับสถานการณ์นี้ มือใหญ่อวบอ้วนของเขาคว้าที่ว่างบนโต๊ะทันที จากนั้นกล่องหยกอยู่ในมือของเขาก็พุ่งแหวกอากาศ และเปิดฝาออกทันที
ดวงตาของหานลี่และหันฉีจื่อกวาดมองไปที่พวกเขาในเวลาเดียวกัน แต่รูม่านตาของหานลี่หดตัวลงอย่างกะทันหัน และหันฉีจื่อก็ส่งเสียง “เอ๊ะ” ออกมาอย่างแปลกใจ
มีวัตถุคล้ายเมล็ดข้าวอยู่ในกล่องหยก แต่เมล็ดข้าวนี้มีความยาวครึ่งฉื่อ ปลายข้างหนึ่งหนาพอๆ กับแขนของทารก และปลายอีกข้างหนึ่งคมมาก ทั่วทั้งเมล็ดข้าวเป็นสีแดงเลือด มีกลิ่นแปลกๆ ลอยออกมาจางๆ ชวนให้น้ำลายไหล
“นี่คือเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิต!” หานลี่จ้องเมล็ดข้าวและพึมพำด้วยความตกใจ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่แน่ใจเล็กน้อย
“คิดไม่ถึงจริงๆ พี่หานความรู้มาก กะทั่งของล้ำค่านี้ยังรู้จัก นี่เป็นเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตพันปีที่หายากจริงๆ การทานมันเข้าไปไม่เพียงแต่จะเพิ่มความบริสุทธิ์ให้กับเลือด ฟื้นฟูร่างกาย แต่ยังช่วยองค์เทพมังกรไม้ที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์มารสายโลหิตได้อีกด้วย มันสามารถกระตุ้นศักยภาพของโลหิตบริสุทธิ์ ทำให้พลังยุทธ์เพิ่มขึ้นชั่วคราวสองถึงสามส่วน นี่เป็นหนึ่งในรางวัลที่ตระกูลไป๋ของเราสัญญากับสหายมังกรไม้ แต่รสชาติของเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตไม่มีอะไรเทียบได้ในโลก เมื่อกัดเข้าไป ก็ทิ้งกลิ่นหอมไว้บนฟันนานหลายเดือน”
“ดูเหมือนข้าจะเคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นของแปลกประหลาดเช่นนี้ ข้าได้ยินมาว่าเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตนี้ไม่เพียงแต่เติบโตขึ้นมาอย่างพิสดารเท่านั้น มันสามารถเติบโตได้ด้วยการรดมันอย่างต่อเนื่องด้วยเลือดสดๆ ของอสูรพิเศษบางชนิด และเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตคุณภาพต่ำที่สุดดูเหมือนจะต้องมีอายุร้อยปี สหายไป๋มีเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตอายุพันปีได้ น่าสนใจจริงๆ” หานลี่กล่าวช้าๆ ด้วยท่าทางที่ซับซ้อน
เมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตนี้เป็นสิ่งของของแดนมาร แต่หายากมากแม้ในแดนมาร และเป็นหนึ่งในหลายๆ อย่างที่หานลี่ให้ความสนใจและเป็นหนึ่งในบางสิ่งที่อยากจะได้รับระหว่างทางไปยังแดนมาร
เพราะสิ่งนี้เป็นสิ่งของไม่กี่อย่างที่หายาก และเขารู้ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเขา