A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2065 วางแผนกลับ
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2065 วางแผนกลับ
สองเดือนต่อมาภายในถ้ำพำนักชั่วคราวด้านนอกเมือง หานลี่ บรรพชนตระกูลหล่ง สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและพวกก็มารวมตัวกันอีกครั้ง
พวกเขามองบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงด้านหลังสุดที่มาถึงก่อนที่กำหนดเวลานัดจะจบลงตรงหน้าด้วยสีหน้าหลากหลาย
ยามนี้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ตระกูลหลินผู้นี้เรือนผมสีเทาขาว ผิวเหี่ยวย่น รูปร่างของบุรุษเพศวัยกลางคนที่แข็งแกร่งกำยำแต่เดิมในยามนี้คล้ายกับกลายเป็นระฆังมังกรเก่า ราวกับชายชราอายุเจ็ดสิบแปดสิบปีก็ไม่ปาน
สิ่งที่ยิ่งกว่าก็คือบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงผู้นี้ดวงตาหายไปข้างหนึ่ง
ดูเบ้าตาที่ว่างเปล่าของเขา ราวกับว่าดวงตาทั้งดวงถูกควักออกไป
ส่วนกลิ่นอายบนเรือนร่างของผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ตระกูลหลินผู้นี้ ก็ไม่ถึงหนึ่งในสามส่วนเมื่อเทียบกับยามที่มีพลังปราณเต็มเปี่ยมในยามแรก และยังแฝงความรู้สึกเสื่อมโทรมอยู่รางๆ
“สหายหลิน เจ้าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!” หลังจากที่ทุกคนตกตะลึง ในที่สุดบรรพชนรตะกุลหลินก็เอ่ยปากอย่างเคร่งขรึม
“พูดไปแล้วก็น่าละอาย ข้าน้อยบังเอิญพบกับอสูรดูดวิญญาณฝูงหนึ่งในแดนรกร้างแล้วไม่ทันระวังถูกพวกมันดูดโลหิตบริสุทธิ์ไปจำนวนมาก โชคดีที่ระเบิดสมบัติวิเศษสองสามชิ้นที่พกติดตัวมาถึงได้ฝืนหนีออกมาได้” บุรุษตระกูลหลินกระแอมไอสองสามครั้ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเจ็บปวด น้ำเสียงเองก็เปลี่ยนเป็นแหบพร่า ไม่น่าฟังเป็นอย่างยิ่ง
“อสูรดูดวิญญาณ อสูรชนิดนี้ระดับไม่สูงนัก เหตุใดถึงบีบให้พี่หลินอยู่ในสภาพนี้ได้!” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“หากเป็นอสูรดูดวิญญาณธรรมดาๆ ผู้แซ่หลินจะหวาดกลัวเช่นนั้นได้อย่างไร แต่หากเป็นอสูรดูดวิญญาณระดับผสานอินทรีย์กลายพันธุ์ตัวหนึ่ง กลับเป็นเรื่องที่พูดยากแล้ว” บุรุษตระกูลหลินหางตากระตุกสองครั้ง แล้วถึงได้ตอบกลับอย่างแช่มช้า
“อสูรดูดวิญญาณกลายพันธุ์!” คนกลุ่มนั้นได้ยิน ก็อดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยไม่ได้
“ใช่แล้ว ตอนแรกอสูรตัวนี้ซ่อนอยู่ในฝูงอสูร แสร้งทำเป็นอสูรดูดวิญญาณธรรมดาๆ ข้าถึงได้ไม่ทันระวังตัว ถูกมันลอบโจมตี มิเช่นนั้นต่อให้ผู้แซ่หลินใช้การไม่ได้ ก็ไม่มีทางมีจุดจบเช่นนี้” บุรุษตระกูลหลินย้อนนึกถึงสถานการณ์ในวันนั้น ก็มีสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นหลายส่วน
“สหายหลินพบกับเคราะห์ครั้งนี้ ช่างโชคร้ายจริงๆ แต่ไม่ทราบว่าจากนี้วางแผนอย่างไร” บรรพชนตระกูลหล่งมีสีหน้าเขียวคล้ำชั่วครู่ แล้วถึงได้เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ยามนี้ข้าเสียโลหิตบริสุทธิ์ไปมากเกินไป พลังปราณมีไม่ถึงสองในสิบส่วน หากเข้าไปในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวอีกจะไม่ค่อยสอดคล้องกับความเป็นจริงนัก จำต้องกลับไปกักตนที่แดนวิญญาณสักสองสามร้อยปี ถึงได้ฟื้นฟูพลังยุทธ์ที่ฝึกฝนมาอย่างหนักได้ ดังนั้นข้าน้อยเองก็ไม่อยากได้ของฟ้าดินสองอย่างนั่นแล้ว ช่วงเวลาที่พักอยู่นี้ ก็จะกระตุ้นพลังกลับไปแดนวิญญาณตามทางเดิม” บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงแววตาเปล่งประกายอยู่ชั่วครู่แล้วถึงได้เอ่ยอย่างไม่เต็มใจออกมา
“ก็ดี จากสถานการณ์ของสหายหลินยามนี้ ขืนเสี่ยงต่อไปก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำ เอาอย่างนี้ก็แล้วกันพวกเราจะรั้งรออยู่ที่นี่อีกสักหนึ่งเดือน ให้สหายได้ฟื้นฟู แล้วค่อยคิดแผนการต่อไป” บรรพชนตระกูลหล่งไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา ดูเหมือนว่าจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว
“ก็มีแต่ต้องทำเช่นนั้น เผ่าวิญญาณของพวกเราไม่มีความเห็น สหายหลินพักผ่อนอย่างวางใจเถิด” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวเงียบขรึมไปชั่วครู่ แล้วพยักหน้า
กลับเป็นนักพรตแซ่ฮุยและหญิงสาวสวมชุดขนนกที่มองสบตากันแวบหนึ่ง แววตาเผยแววความรู้สึกกระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้*ออกมา
ถึงอย่างไรเสียในบรรดาผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์พวกเขาคนหนึ่งก็บาดเจ็บ คนหนึ่งก็พลังยุทธ์ด้อยกว่าหานลี่และบรรพชนตระกูลหล่ง ไม่แน่ว่าคนที่ถูกบีบออกในครั้งหน้าอาจจะเป็นหนึ่งในสองคนนี้
ทว่าทั้งสองเองก็เป็นตัวตนระดับผสานอินทรีย์ที่ฝึกฝนมาหลายปี ความรู้สึกนี้จึงแค่แวบผ่านไป สีหน้าก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
หลังจากหานลี่ได้ฟังก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะนึกอันใดขึ้นมาได้ พลางเอ่ยกับบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิง
“บางทียาลูกกลอนในมือของข้าน้อยอาจจะมีประโยชน์ต่อสถานการณ์ของสหาย สหายหลินเอาไปกินเถิด”
สิ้นเสียงเขาก็สะบัดแขนเสื้อไปทางบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิง ชั่วขณะนั้นขวดหยกสีขาวสูงสองสามชุ่นก็บินออกมา
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ของตระกูลหลินพลันตกตะลึง ยกมือขึ้นรับขวดเล็กๆ ใบนั้นไว้ตามจิตสำนึก สายตาที่มองมายังหานลี่เต็มไปด้วยแววสงสัย
นั่นก็ไม่แปลก!
แม้ว่าหานลี่และพวกเขาจะร่วมเดินทางมาด้วยกันระยะหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับไม่นับว่ามีมากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ยามนี้คาดไม่ถึงว่าจะมอบยาลูกกลอนให้เขาขวดหนึ่ง นั่นย่อมทำให้บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงรู้สึกตกตะลึงระคนสงสัย
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับตระกูลหลินพลันเงียบขรึม เปิดฝาขวดเล็กๆ ในมือออก กลิ่นหอมของยาตลบอบอวลไปทั่วห้อง
ทุกคนที่ได้กลิ่นพลันอดที่จะมีชีวิตชีวาขึ้นมาไม่ได้!
บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงรีบเอาปากขวดมาแตะที่ปลายจมูกสูดดมกลิ่นเล็กน้อย แล้วเผยสีหน้ายินดีออกมา จากนั้นก็เทขวดลงในฝ่ามือ
ผลคือยาลูกกลอนลายสีเขียวมรกตเม็ดหนึ่งกลิ้งออกมา หยุดลงบนฝ่ามือนิ่ง
“ยาลูกกลอนชุบโลหิต นี่คือยาลูกกลอนชุบโลหิต!” บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงเห็นรูปร่างของยาลูกกลอน ก็ไร้ซึ่งความสงสัยใดๆ อีก พลันร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าดีอกดีใจ
ยาลูกกลอนชนิดนี้ไม่เพียงล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันมีประโยชน์ต่อสถานการณ์ของเขาในยามนี้เป็นอย่างมาก เพียงพอจะทำให้เขาฟื้นฟูโลหิตที่สูญเสียไปกว่าครึ่งขึ้นมาได้ หลังจากที่ปล่อยให้เขาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างไม่ต้องกังวลใจใดๆ อีกแล้ว ก็ยังคงลดอันตรายจากการถูกลดพลังยุทธ์ด้วย
บรรพชนตระกูลหล่ง สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและพวกเห็นยาลูกกลอนชุบโลหิต ก็อดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้
ยาลูกกลอนชนิดนี้ก็เป็นสิ่งที่ตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายอย่างพวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันก็ยังหามาไม่ได้เช่นกัน! หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ในยามนี้ ทั้งสองก็อาจจะเกิดความคิดอื่นขึ้นมาก็เป็นได้
“สหายหาน ยาลูกกลอนเม็ดนี้มีประโยชน์ต่อผู้แซ่หานจริงๆ แต่การกระทำโดยไร้ซึ่งการตอบแทน พี่หานทำเช่นนี้เพราะเหตุใด พูดมาตามตรงเถิด” แม้ว่าบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงจะตื่นเต้นดีใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เงียบขรึม ริมฝีปากขยับพลางถ่ายทอดเสียงมาหาหานลี่
หานลี่มุมปากหยักรอยยิ้ม หลังจากหัวเราะน้อยๆ ออกมา ก็ถ่ายทอดเสียงกลับมาเช่นกัน
“ในเมื่อสหายหานกล่าวเช่นนี้ ผู้แซ่หานก็จะพูดตามตรง ข้าน้อยมีเรื่องอยากไหว้หวานพี่หลิน ไม่ทราบว่าจะช่วยข้าเล็กๆ น้อยๆ ได้หรือไม่”
“พี่หานเอายาลูกกลอนชุบโลหิตออกมา ข้าน้อยจะปฏิเสธได้หรือ พูดมาเถิด ขอแค่ข้าน้อยทำได้ย่อมไม่มีทางปฏิเสธ” บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“พี่หลินไม่จำเป็นต้องกัดฟันกล่าวเช่นนี้ ข้าให้สหายช่วยแค่เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ช่วงนี้ข้าช่วยหญิงสาวเผ่ามนุษย์ของเราไว้คนหนึ่ง หญิงสาวผู้นี้มีที่มาเดียวกันกับข้า ข้าหวังว่ายามที่เจ้ากลับไปยังแดนวิญญาณจะช่วยข้าดูแลนางสักหน่อย และยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่ข้าจะกลับไปรับนางที่แดนวิญญาณ ก็ฝากดูแลนางสักระยะหนึ่ง ถึงอย่างไรเสียหนทางต่อจากนี้ก็ไม่ค่อยอันตรายนัก ข้าไม่อาจพานางไปด้วยได้ เรื่องนี้สหายน่าจะทำได้ง่ายๆ สินะ” หานลี่ถ่ายทอดเสียงมาด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ง่ายดายเช่นนั้น หากเป็นเช่นนั้น ย่อมไม่มีปัญหา ผู้แซ่หลินรับประกันกับเจ้าได้ ขอแค่ข้ากลับไปยังแดนวิญญาณได้อย่างปลอดภัย คนที่พี่หานฝากฝังจะต้องปลอดภัยแน่นอน” บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบรับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“เยี่ยม ผู้แซ่หานก็วางใจ” หานลี่พยักหน้าอย่างราบเรียบ แล้วไม่ได้เอ่ยปากอันใดอีก
ส่วนบุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงก็แค่พะว้าพะวังเล็กน้อย แค่ลังเลแล้วโยนยาลูกกลอนในมือเข้าปาก พลางกลืนลงไป
จากสถานการณ์ของเขาในยามนี้ ยิ่งกินยาชุบโลหิตเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งลดโอกาสในการถูกลดพลังยุทธ์มากเท่านั้น ย่อมไม่ยอมลังเลอีก
บรรพชนตระกูลหล่งและพวกที่อยู่ด้านข้าง มองเห็นทั้งสองถ่ายทอดเสียงปรึกษาอันใดกันตั้งนานแล้ว แต่ทุกคนล้วนไม่ได้รบกวนอย่างรู้จักวางตัว
พวกเขารู้ดีอยู่แก่ใจ หานลี่ไม่มีทางเอายาลูกกลอนล้ำค่าเช่นนี้ออกมาเปล่าๆ จะต้องมีเงื่อนไขอันใดกับผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลหลินแน่
แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของทั้งสองคน คนอื่นย่อมไม่ควรซักถาม
บุรุษผมเผ้ายุ่งเหยิงจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว จากนี้ย่อมปรึกษาเรื่องกิ้งก่ามารแปดขา
หลังจากที่สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและหญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยิน ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
“เช่นนั้น ตระกูลจ้าวก็อ้าปากกว้างมาก แค่กิ้งก่ามารแปดขาตัวเดียวคาดไม่ถึงว่าจะกล้าเสนอราคาขนาดนั้นออกมา เห็ดโลหิตสีม่วงหมื่นปี แกนผลึกน้ำแข็ง นั่นเป็นวัตถุดิบที่หายากขนาดไหน พวกเขากล้าเสนอกับพี่หล่งหรือ ข้าว่าตระกูลจ้าวคงไม่คิดจะแลกเปลี่ยนกระมัง!” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวมีสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง
“ข้าว่าตระกูลจ้าวคงไม่ได้แค่ไม่มีใจจะแลกเปลี่ยน!” หานลี่กลับเอ่ยแทรกอย่างราบเรียบ
“เอ๋ พี่หานหมายความว่าอย่างไร” หญิงสาวสวมชุดขนนกหน้าเปลี่ยนสี
หานลี่กลับหัวเราะไม่ได้เอ่ยปาก
“เกรงว่าตระกูลจ้าวไม่เพียงไม่เคยคิดจะมอบกิ้งก่ามารแปดขาให้ตาเฒ่า กลับต้องการจะกดข้า ถึงอย่างไรเสียราคาที่ข้าเสนอไปตอนแรกก็เพียงพอจะทำให้จอมมารสองคนของตระกูลจ้าวสนใจได้แล้ว” ครั้งนี้บรรพชนตระกูลหล่งเอ่ยปากขึ้นมาเอง แต่ใบหน้าก็มีรอยยิ้มเย็นชา
“ดูแล้วพี่หล่งคงมีแผนการอยู่แล้ว” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวได้ยินก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา
“ใช่แล้ว ในเมื่อตระกูลจ้าวไม่ยอมแลกกิ้งก่ามารแปดขา คนอื่นๆ ก็คงแลกไม่ได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงวางแผนว่ายามที่จอมมารสองตนนั้นกำลังหลอกตาเฒ่า ข้าจะดึงความสนใจของพวกเขา คนอื่นๆ ก็แอบเข้าไปขโมยกิ้งก่ามารแปดขาในตระกูลจ้าวออกมา จากนั้นก็เดินทางไปยังทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวทั้งวันทั้งคืน” บรรพชนตระกูลหล่งเอ่ยด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยจิตสังหาร
“เยี่ยมเลย หากตระกูลจ้าวไม่มีจอมมารนั่งบัญชาการ คนอื่นๆ ก็ไม่อาจขวางพวกเราได้ ทว่าสถานที่ที่ตระกูลจ้าวเลี้ยงกิ้งก่ามารแปดขา พี่หล่งหาพบแล้วหรือ” หญิงสาวสวมชุดขนนกเอ่ยด้วยความดีใจ
“หึๆ สองสามวันที่ผ่านมาผู้แซ่หล่งไม่ได้อยู่ว่างๆ ย่อมมั่นใจแล้ว ตระกูลจ้าวเอากิ้งก่ามารไปไว้สองแห่ง หนึ่งในนั้นคือเขตต้องห้ามของตระกูลจ้าว ด้านในมีเขตอาคมแน่นหนา แม้ว่าจะไม่มีจอมมารนั่งบัญชาการอยู่ ก็ไม่น่าลงมือ อีกแห่งคือที่เลี้ยงกิ้งก่ามารชั่วคราว ข้าสืบได้ความมาวันสองเดือนจากนี้จะมีกิ้งก่าสองตัวกลับมาจากภายนอก ตามความเคยชินนั้นจะต้องพักอยู่ที่นั่นชั่วคราวสองสามวัน นั่นคือโอกาสดีๆ ที่พวกเราจะลงมือ พี่หานมีกิ้งก่ามารสองตัวแล้ว พวกเราแค่ชิงกิ้งก่ามารเหล่านั้นมา ก็เพียงพอแล้ว ทว่าจุดนี้เหล่าสหายต้องระวัง ลงมือย่อมได้ แต่พยายามอย่าสังหารแล้วเผยพลังยุทธ์และโฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเราออกมา มิเช่นนั้นหากไปดึงความสนใจจากผู้ที่แข็งแกร่งของเผ่ามารในละแวกนี้หรือตนอื่นๆ พวกเราก็จะยุ่งยากกันใหญ่ ถึงอย่างไรเสียพวกเราก็ต้องข้ามทั้งทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว และผู้แข็งแกร่งของเผ่ามารเหล่านั้นกลับสามารถใช้เขตอาคมส่งตัวอื่นๆ ไปรอจับพวกเราอยู่ที่อีกด้านของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยวได้” บรรพชนตระกูลหล่งเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์
*กระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้ หมายถึง ร่วมโศกเศร้า เป็นทุกข์ร้อนกับชะตากรรมกับพรรคพวกเดียวกัน