A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2076 ต่อสู้พัวพัน
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2076 ต่อสู้พัวพัน
บุรุษสวมชุดคลุมสีเขียวย่อมเป็นหานลี่ที่แอบเข้ามาในตำหนักอย่างไม่เกรงกลัว ทว่าใบหน้าของเขาในยามนี้ถูกรัศมีลำแสงสีเขียวบดบังเอาไว้ ร่างกายก็แตกต่างจากก่อนหน้า และเมื่อลงมือก็ใช้กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆายี่สิบสามสิบเล่มเปลี่ยนเป็นกระบี่เส้นไหม
กระบี่เส้นไหมเหล่านี้ดูเหมือนจะบางมาก แต่ทุกเส้นล้วนก่อตัวขึ้นจากกระบี่ลำแสง ระดับความแหลมคมน่ากลัว สมบัติธรรมดาๆ ไม่อาจต้านทานได้
แต่มารเผ่าหงส์มรกตผู้นี้ถูกส่งมาคุ้มครองลูกศิษย์ชนเผ่าหลักของที่นี่ได้ ย่อมมีอิทธิฤทธิ์โดดเด่นกว่าผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ภายใต้ความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นก็ร้องคำรามออกมา ปากก็พ่นพายุสีเขียวออกมา จากนั้นฝ่ามือทั้งสองก็ยื่นออกมาจากแขนเสื้อ แล้วตะปบไปยังตาข่ายกระบี่ที่อยู่กลางอากาศ
ชั่วพริบตาที่ฝ่ามือสองข้างซึ่งดูธรรมดาๆ ตะปบออกไป ใจกลางฝ่ามือพลันมีรัศมีลำแสงสีเหลืองรวมตัวกัน จนมองเห็นเงาลวงตามังกรวารีและพยัคฆ์สองสายได้รางๆ ระเบิดท่าทีน่าตกตะลึงแล้วพุ่งกระโจนขึ้นไปที่สูง คาดไม่ถึงว่าคิดจะอาศัยพลังมหาศาลฉีกตาข่ายกระบี่ออก
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นพลันมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่นิ้วพลันชี้ไปกลางอากาศอย่างไม่รีบร้อน
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!
ตาข่ายกระบี่ลำแสงขยายใหญ่ เส้นไหมสีเขียวทุกเส้นรางเลือน ล้วนกลายเป็นกระบี่ลำแสงสีเขียว พุ่งลงมาราวกับห่าฝน
มังกรและพยัคฆ์ที่กลายเป็นเงาลวงตาไม่ทันได้ร้องคร่ำครวญ ก็ถูกกระบี่ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนทะลวงผ่านจนเป็นรูพรุน ร่างกายสลายหายไปจากกลางอากาศ
กระบี่ลำแสงสองสามร้อยที่ชำรุดยังมีท่าทีไม่เปลี่ยนแปลง พลางพุ่งลงมาหาบุรุษเผ่ามาร
บุรุษเผ่ามารหน้าเปลี่ยนสี พายุหมุนรอบๆ หมุนวน กลืนกินร่างของตนเอาไว้ข้างใน
ครู่ต่อมากระบี่ลำแสงหนาแน่นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทะลวงผ่านพายุหมุน
เมื่อพายุหมุนถูกพลังกระบี่ลำแสงโจมตีจนสลายหายไป บุรุษเผ่ามารกลับหายไปจากที่เดิมอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่แววตาเปล่งประกาย ฝ่ามือข้างหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก และฉับพลันนั้นก็พลิกฝ่ามือตะปบไปอีกด้าน
พลังไร้รูปร่างอีกกลุ่มหนึ่งทะลักออกมาจากฝ่ามือ และระเบิดเป็นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น
ตรงจุดที่เดิมว่างเปล่าไร้ผู้คน มีลำแสงสีเทาปรากฏขึ้น เงาร่างคนสายหนึ่งพุ่งซวนเซออกมา
ผู้ที่สำแดงเคล็ดวิชาลับนี้นั่นก็คือบุรุษเผ่ามารที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ เพราะคิดจะลอบโจมตีหานลี่
“เป็นไปไม่ได้ พายุมารของข้าถูกฝึกฝนจนถึงระดับสุดยอดแล้ว เหตุใดถึงได้ถูกทำลายอย่างง่ายดายเช่นนี้!” บุรุษเผ่ามารที่บินออกมาได้สิบจั้งเศษถึงได้ฝืนระงับร่างกายเอาไว้ตรงใจกลางห้องโถง แต่สายตาที่มองมายังหานลี่พลันตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
หานลี่กลับแค่มองบุรุษเผ่ามารด้วยแววตาราบเรียบ ไม่มีเจตนาจะตอบกลับเลยสักนิด
“เยี่ยมๆ ข้าน้อยคงต้องสู้ตายดูสักตั้ง” บุรุษเผ่ามารเห็นท่าทางของหานลี่ ก็หน้าเปลี่ยนสีเป็นเย็นชา
หานลี่ได้ยินคำนี้พลันหยักมุมปากขึ้น สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะมีเปลวเพลิงสีเงินบินออกมา
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือเปลวเพลิงนี้ไม่ได้บินไปหาบุรุษที่อยู่ฝั่งตรงข้าม กลับบินไปยังอีกมุมหนึ่งของห้องโถง
หมุนติ้วๆ เปลวเพลิงสีเงินกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินตัวหนึ่งระหว่างทาง ตอนแรกมีขนาดแค่สองสามฉื่อ แต่หลังจากสยายปีกทั้งสองข้างออกมา ก็มีขนาดสองสามจั้ง
เสียง “ปังๆ ๆ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินระเบิดออก เปลวเพลิงหมุนวน
แต่ในยามนั้นเองมุมหนึ่งพลันมีเสียงแค่นเสียงด้วยความเย็นชาดังขึ้น!
ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งระเบิดออกมาจากเปลวเพลิงสีเงินขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นงูเหลือมสีเขียวสามหัวยาวสองสามจั้ง
เมื่อเงาลวงตางูเหลือมมารปรากฏตัวขึ้นหัวทั้งสามก็ทำปากพองพ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมารอบด้าน ชั่วขณะนั้นไอเย็นเยียบสีเขียว เหลืองฟ้าสามสีที่ไม่เหมือนกันก็ม้วนวนออกมา คาดไม่ถึงว่าจะบีบเปลวเพลิงสีเงินให้ล่าถอยออกไปชั่วคราว
จากนั้นลำแสงสีเขียวพลันเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนสายหนึ่งถือโอกาสนี้พุ่งออกมาจากเปลวเพลิงสีเงิน และเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นข้างกายบุรุษเผ่ามาร
คาดไม่ถึงว่าจะฮูหยินสวมชุดกระโปรงยาวสีเขียวมรกตอายุประมาณสามสิบปีเศษ! หญิงสาวผู้นี้มีหน้าตาพื้นๆ ผิวออกคล้ำ หัวไหล่มีอสรพิษสีเขียวสามหัวความยาวสองสามฉื่อตัวหนึ่งกำลังส่งเสียงฟ่อๆ สะบัดหัวไปมาไม่หยุด
เงาลวงตางูเหลือมยักษ์ในเปลวเพลิงสีเงินเมื่อครู่คาดไม่ถึงว่าจะสร้างขึ้นจากอสรพิษตัวนี้
“อาวุโสชิง เจ้าก็มาแล้ว” บุรุษเผ่ามารเห็นฮูหยินผู้นี้ก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
“อืม คนผู้นี้มีอิทธิฤทธิ์ลึกล้ำยากจะคาดเดา! เมื่อครู่ข้าคิดจะแอบอำพรางตัวก่อน คิดไม่ถึงว่าจะปิดบังหูตาของเขาไม่ได้” ฮูหยินสวมชุดกระโปรงสีเขียวจ้องเขม็งไปยังหานลี่ด้วยแววตาเคร่งขรึม ตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะหันหัวกลับมา
“คนผู้นี้จะต้องมีพวกแน่ พวกเราต้องรีบสลัดคนผู้นี้ออก แล้วไปเสริมทัพที่เจดีย์ซ่อนวิญญาณ อีกเดี๋ยวข้าจะพยายามรั้งคนผู้นี้ไว้ ฮูหยินรีบไปแล้วค่อยว่ากัน!” บุรุษเผ่ามารครุ่นคิดเล็กน้อยขณะเอ่ย
“เจ้าเชี่ยวชาญพายุมารหลีกหนี เคล็ดวิชาหลีกหนีนี้เหนือกว่าข้ามาก ให้ข้ารั้งคนผู้นี้เถิด เจ้าไปเสริมทัพก่อนถึงจะสมเหตุสมผล” ฮูหยินสวมกระโปรงสีเขียวกลับสั่นศีรษะ และยิ่งไปกว่านั้นสิ้นเสียง ก็ยกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น และอ้าปากออกพ่น
ลำแสงสีเงินสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งออกมาจากปากของฮูหยิน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วม้วนไปยังนิ้วกว่าครึ่งบนฝ่ามือ
ตรงจุดที่หักแม้ว่าจะมองเห็นกระดูกสีขาวเนื้อสีโลหิตได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่มีโลหิตไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว
อสรพิษสีเขียวที่เดิมกระสับกระส่ายอยู่บนหัวไหล่เห็นการเคลื่อนไหวที่มีชีวิตชีวาของฮูหยิน ก็สะบัดหางพุ่งออกไป หัวตรงกลางอ้าปากออกคาดไม่ถึงว่าจะกลืนนิ้วครึ่งหนึ่งที่ตกลงมาเข้าไป
ยามนี้ฮูหยินถึงได้บริกรรมคาถา และอ้าปากพ่นโลหิตสีม่วงอ่อนออกมา ห่อหุ้มอสรพิษสีเขียวเอาไว้
อสรพิษสีเขียวถูกโลหิตบริสุทธิ์และอาคมกระตุ้นพร้อมกัน ร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้นราวกับถูกเป่าลม ยามนั้นพลันกลายเป็นสิ่งมหึมาความยาวสิบจั้งเศษ เกล็ดบนเรือนร่างเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ หัวทั้งสามมีเขาเดี่ยวสีเขียวเหลืองฟ้าสามสีที่แตกต่างกันงอกออกมา
น่าหวาดกลัวมาก!
บุรุษเผ่ามารเห็นการเคลื่อนไหวของฮูหยินพลันตะลึงงันไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็พยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด สะบัดข้อมือกำไลทรงกลมสีแดงสดบินออกมา
กำไลทรงกลมหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ พ่นลำแสงสีขาวออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวิหคมารสีขาวราวกับหิมะ รูปร่างคล้ายกับอินทรีย์ยักษ์ แต่บนหัวพลันมีเนตรปีศาจสีเขียวมรกตอีกดวงปรากฏขึ้น
ไม่ว่างูเหลือมยักษ์สามหัวหรือว่าวิหคมารสีขาวราวกับหิมะ กลิ่นอายความแข็งแกร่งล้วนไม่ด้อยไปกว่าฮูหยินเผ่ามารและบุรุษ และยิ่งไปกว่านั้นยังแฝงไปด้วยเคล็ดวิชาที่ประสานกันของทั้งสอง ภายใต้การร่วมมือกันของทั้งสี่ พละกำลังแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าจอมมารสี่ตนยืนอยู่ด้วยกัน
หานลี่หรี่ตามองสถานการณ์นี้ แต่ก็ไม่กล้าประมาทอันใด สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นเงาลวงตาสีเหลืองสายหนึ่งพลันบินออกมา และพลิ้วไหวกลายเป็นอสูรน้อยขนาดสองสามฉื่อตัวหนึ่ง
นั่นก็คืออสูรมิคาทนที่พัฒนาระดับมาอยู่ในระดับผสานอินทรีย์แล้ว
และในเวลาเดียวกันนั้นร่างของหานลี่ก็มีไอมารหมุนวน เกราะมารสีดำเป็นมันวาวปรากฏออกมา ฝ่ามือข้างหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ ภูเขาขนาดย่อมสีดำปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ
และเปลวเพลิงสีเงินที่เดิมกำลังแผดเผาอยู่ตรงมุมพลันมีเสียงเพรียกดังขึ้น!
เปลวเพลิงม้วนวนแล้วรวมตัวกันกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินตัวหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินกลับมาที่เหนือศีรษะของหานลี่ ฉับพลันนั้นก็หมุนวนโคจรไปมา
“ลงมือ!”
เมื่อได้ยินเสียงเพรียกดังแว่วมาจากด้านนอกห้องโถง และแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากทิศทางเดียวกันไม่หยุด ฮูหยินสวมชุดกระโปรงสีเขียวก็ผิวปากอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด แล้วชิงลงมือก่อน
หญิงสาวผู้นี้ชูมือหนึ่งขึ้น ชั่วขณะนั้นลำแสงสีขาวและสีเขียวมรกตนับร้อยสายก็พุ่งออกมา แต่กลับเป็นเข็มบางๆ สีเขียวมรกตร้อยแปดเข็ม ทุกเข็มมีความยาวสองสามชุ่น บางดุจขนหัว และมีกลิ่นคาวคละคลุ้งโชยมา
งูเหลือมยักษ์สามหัวที่อยู่ตรงหน้าตัวนั้น พลันสะบัดหัวทั้งสามพร้อมกัน พ่นไอเย็นเยียบออกมาอีกครั้ง
ทว่าไอเย็นเยียบในครั้งนี้รุนแรงกว่าเมื่อครู่หลายเท่า ระดับความเย็นเยียบราวกับจะแช่แข็งอากาศได้ อักขระยันต์สามสีปรากฏขึ้นท่ามกลางไอเย็นเยียบรางๆ
ส่วนบุรุษเผ่ามารที่อยู่อีกด้าน กลับไม่ได้ลงมือกับหานลี่ แต่พลิ้วกายกลายเป็นพายุหมุนสีขาวพร้อมกับวิหคมารสีขาวบริสุทธิ์ตัวนั้น แล้วพุ่งไปยังประตูอีกบานของห้องโถง
“ขวางเขาเอาไว้”
หานลี่ออกคำสั่งกับอสูรมิคาทน แล้วโยนภูเขาสีดำในมือออกไปด้านหน้าอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด ชั่วขณะนั้นยอดเขาสูงสิบจั้งเศษก็เปล่งแสงสว่างวาบขวางอยู่ตรงหน้า
ลำแสงสีเขียวมรกตพุ่งมาอยู่ตรงด้านบนระเบิดลำแสงสีเขียวออกมา และส่งเสียงร้องราวกับฝนกระทบรั้ว
แต่ยอดเขาสีดำพลันขวางอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด
ในเวลาเดียวกันที่วิหคเพลิงสีเงินถูกไอเย็นเยียบกระโจนมา ปากก็พ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา และกลายเป็นคลื่นเพลิงทำให้ไอเย็นเยียบสามสีล่าถอยไป
ในเวลาเดียวกันหลังจากที่อสูรมิคาทนได้รับคำสั่งของหานลี่ก็กลายเป็นลำแสงสีทองพุ่งออกมาและพลิ้วไหวกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง แล้วรางเลือนจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาบุรุษเผ่ามารที่มาถึงประตูแล้วก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาสีทองขนาดสองสามจั้งสองดวงขวางอยู่ตรงหน้า และในเวลาเดียวก็ขยับ กรงเล็บลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนส่งเสียง ‘สวบๆ’ พุ่งแหวกอากาศมา ตรงมาห่อหุ้มวิหคมารสีขาวหิมะที่อยู่ด้านข้างเอาไว้
บุรุษเผ่ามารกวาดจิตสัมผัสไปที่กรงเล็บลำแสงเหล่านั้นเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นพลันตกตะลึง และไม่กล้าบุกอันใดอีกพลางทำให้พายุหมุนหยุดลง และพลิกฝ่ามือพัดขนนกสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้น แล้วโบกไปตรงหน้าอย่างแรง
พริบตานั้นพายุหมุนก็ทะลักออกมาและหมุนวนกลายเป็นมังกรวายุสีเทาตัวหนึ่ง แยกเขี้ยวตะปบเล็กกระโจนออกมา
วิหคมารสีขาวหิมะที่อยู่อีกด้านส่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา ในเวลาเดียวกันก็กระพือปีกทั้งสองข้าง ใบมีดวายุสีขาวนวลขนาดสองสามฉื่อพลันพุ่งแหวกอากาศมา
เสียงระเบิดเสียงแก้วหูดังขึ้น! ยามที่เงาลวงตาลำแสงสีขาวและลำแสงสีทองปะทะกัน ยามนั้นพลันแยกแยะได้ยาก
ไม่ว่าบุรุษเผ่ามารจะสำแดงเคล็ดวิชาวายุหลีกหนีและอาศัยวิหคมารของตนปกป้องตนเองอย่างไร ยามที่คิดจะหนีไปอีกด้านกลับถูกอสูรมิคาทนเข้ามาขวางราวกับภูตผี
ว่ากันตามพละกำลัง บางทีบุรุษเผ่ามารและวิหคมารร่วมมือกันก็กดอสูรมิคาทนเอาไว้ได้ แต่ว่ากันตามระดับความลึกลับของเคล็ดวิชาหลีกหนี อสูรมิคาทนกลับเหนือกว่าบุรุษเผ่ามาร ทำให้ยามนั้นทั้งสองไม่อาจสลัดการต่อสู้ออกได้
ส่วนหานลี่ที่อยู่อีกด้าน กำลังต่อสู้กับฮูหยินชุดกระโปรงสีเขียวและงูเหลือมยักษ์สามหัวตามลำพัง แต่กลับง่ายดายราวกับกินข้าว การโจมตีราวกับพายุฝนกระหน่ำของทั้งสอง แค่ยกมือก็ต้านทานได้แล้ว
แม้กระทั่งหากไม่ได้กลัวว่าจะสังหารคู่ต่อสู้ อาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมาย การที่หานลี่จะสังหารฮูหยินและงูเหลือมยักษ์สามหัวก็ไม่ได้เสียแรงอันใดมากนัก
ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวของเผ่ามารทั้งสอง เวลาพลันผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่อาจออกจากห้องโถงได้แม้แต่ครึ่งก้าว
หานลี่กำลังขบคิดว่าหญิงสาวสวมชุดขนนกดำเนินการได้อย่างราบรื่นหรือไม่นั้น ข้างหูก็มีเสียงยินดีถ่ายทอดเสียงมา
“พี่หาน ไปได้แล้ว น้องทำสำเร็จแล้ว”
หานลี่ได้ฟังก็มีสีหน้ายินดี ในเวลาเดียวกันก็ส่งเสียงหัวเราะร่าออกมา!