A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2090 น้ำค้างจากฟากฟ้า
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2090 น้ำค้างจากฟากฟ้า
ทว่าพริบตาที่นิ้วทั้งห้าของเด็กหนุ่มชุดดำคว้าเข้ามา ผิวของหุ่นเซียนปลอมตัวนั้นพลันมีไอเย็นชั่วร้ายม้วนตัวออกขณะร่างเบี่ยง พอพร่ามัว ก็ไปปรากฏตัวในที่ว่างห่างออกไปสิบกว่าจั้ง
หุ่นเซียนปลอมยืดตัวตรงทันที ดวงตาทอประกายสีทองจางๆ จ้องมองเด็กหนุ่มชุดดำ พลางพูดอย่างเยือกเย็นทีละคำ
“ดีๆ ในเมื่อเจ้ากล้าลงมือจริงๆ ราชาวิญญาณอย่างข้าก็คงต้องหยิบยืมหุ่นเซียนปลอมตัวนี้มาสู้กับเจ้าสักตั้งแล้ว”
หุ่นเซียนปลอมกลับถูกราชาวิญญาณแบ่งจิตอีกส่วนฝากไว้ในร่าง จึงทำการขับเคลื่อนขึ้นมา
พวกหานลี่สามคนพอเห็นดังนี้ ก็ล้วนยินดีปรีดาในใจ
แม้วิชาการแบ่งจิตของราชาวิญญาณท่านนี้ อยู่คนละสายกับพวกเขาทั้งสาม แต่เวลานี้กลับเป็นกองหนุนที่มาทันพอดีไม่ขาดไม่เกินท่านหนึ่ง
สีหน้าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนเคร่งขรึมลง ค่อยๆ เก็บฝ่ามือที่คว้าจับ และตอบกลับเรียบๆ
“เฒ่าประหลาดอย่างเจ้าที่สุดแล้วก็ยังเหลือทางหนีทีไล่ ทิ้งวิญญาณบริสุทธิ์อีกเสี้ยวหนึ่งไว้ในร่างของเจ้าคนเผ่าวิญญาณนั่น แต่เจ้านึกจริงๆ หรือว่า อาศัยหุ่นเซียนปลอมกระจอกๆ กระจ้อยร่อยตัวหนึ่ง ก็สามารถต่อสู้กับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์อย่างข้า? ข้าแค่ใช้พลังยุทธ์สองส่วน ก็เพียงพอที่จะกำราบเจ้าแล้ว”
“ถ้าอยู่ที่อื่น ข้ากลับเชื่อคำพูดนี้ แต่เมื่ออยู่บนเกาะวิญญาณรันทด เจ้าสามารถใช้พลังยุทธ์ในร่างได้สามสี่ส่วนก็นับว่าไม่เลวแล้ว และร่างหุ่นเซียนปลอมของข้า แม้มิได้ซ่อมแซมให้สมบูรณ์ แต่ถ้าบวกกับของชิ้นนี้ ข้ากลับอยากจะดูว่า เจ้าจะรับมืออย่างไร”
หุ่นเซียนปลอมถ่ายทอดคำพูดที่เต็มไปด้วยความโกรธของราชาวิญญาณออกจากปาก แล้วจึงพลิกฝ่ามือ ขวดสีเงินใบเล็กขวดหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ
ผิวขวดขรุขระไม่เรียบ คลับคล้ายสลักอักษรวิญญาณขนาดเล็กเท่าตัวมดไว้ ขณะกะพริบแสงสีเงินอ่อนๆ
“ขวดกักวิญญาณ! เจ้าทำของเลียนแบบชิ้นนี้สำเร็จจนได้ แต่เอาของแบบนี้มาสู้กับข้า จะทำอะไรได้”
พอเด็กหนุ่มชุดดำเห็นขวดสีเงิน ก็ผงะก่อน แต่ก็รีบหัวเราะเย็นชาขึ้นอีก
“ขวดนี้โดยตัวของมันเอง ทำอะไรเจ้าไม่ได้แน่ แต่ของที่ใส่ไว้ด้านใน กลับเพียงพอที่จะเพิ่มอิทธิฤทธิ์มากมายให้กับหุ่นเซียนปลอม”
หุ่นเซียนปลอมตอบกลับด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก พลันโยนขวดใบเล็กขึ้นกลางอากาศ
ขวดใบเล็กคว่ำลง แล้วหมุนวนอยู่รอบหนึ่ง อักษรสีเงินหลายแบบบนพื้นผิวปรากฏตะคุ่มๆ ปากขวดมีแสงสีเขียวกะพริบ ของเหลวสีเขียวมรกตหยดลงมาหนึ่งหยด
เป็นของเหลวใสสีเขียว เปล่งไอวิญญาณที่น่าทึ่งสุดๆ ออกมา ราวกับตัวมันเองควบแน่นจากไอวิญญาณฟ้า
ดินอย่างไรอย่างนั้น
ขณะหานลี่มองขวดใบเล็กจากระยะไกล ก็รู้สึกได้ถึงพลังปราณอันคุ้นเคยที่ของเหลวสีเขียวเปล่งออก ม่านตาหดลงทันที หัวใจพลันเต้นแรงประหนึ่งคลื่นโหมกระหน่ำ
“พลังปราณนี้ มิใช่…นั่นหรือ แม้เบาบางไปมาก แต่พลังปราณที่เป็นเอกลักษณ์นี้…”
ยังไม่ต้องพูดถึงความตื่นตระหนกของหานลี่ ทันทีที่เด็กหนุ่มชุดดำเห็นของเหลวสีเขียว ท่าทีก็เปลี่ยน
พลันฟันกระบี่ยักษ์สีดำในมืออย่างคลุ้มคลั่งจนพร่ามัว แสงกระบี่พระจันทร์เสี้ยวเจ็ดแปดสายพุ่งออกดังหวีดหวิว แล้วรวมตัวเข้าด้วยกันทันที กลายเป็นแสงกระบี่ขนาดใหญ่สายหนึ่ง พุ่งตรงไปฟันหุ่นเซียนปลอมอย่างดุเดือด ก่อนยกแขนอีกข้างขึ้นอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ ดีดนิ้วๆ หนึ่งออก
เสียงดังแหวกอากาศ แสงสีดำสายหนึ่งดีดออกและวาบหาย เป้าหมายคือหยดของเหลวสีเขียวนั่น
ซึ่งระยะใกล้ขนาดนี้ การจู่โจมของทั้งสองจึงแทบจะถึงตัวในพริบตา
แต่หุ่นเซียนปลอมเหมือนเดาได้แต่แรก ไม่วาบไม่หลบการจู่โจมของแสงกระบี่ขนาดใหญ่ กลับใช้นิ้วๆ หนึ่งเผชิญหน้ากับแสงสีดำ ด้วยการดีดออกเช่นกัน แล้วจึงเงยหน้าอ้าปากรอรับหยดสีเขียว
เสียงดัง ‘ซู่’ ส่วนหนึ่งของนิ้วหุ่นเซียนกลับแยกออกจากฝ่ามือ ดีดออกตรงๆ และจู่โจมถูกแสงสีดำที่พุ่งมาตรงหน้าอย่างแม่นยำ
ทั้งสองอย่างวาบขึ้นพร้อมกัน แล้วนิ้วก็ระเบิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง
แสงสีดำชะงักเล็กน้อย ปรากฏรูปเดิมกลางอากาศเช่นกัน
เป็นกรวยแหลมจิ๋ว สีดำทั้งอัน ยาวราวหนึ่งนิ้ว คลับคล้ายเปล่งเส้นแสงสีดำ แวบแรกที่เห็น ก็รู้ว่าเป็นสมบัติวิเศษที่ไม่ธรรมดา!
แต่ชั่วขณะสกัดกั้น หยดสีเขียวนั่นก็สั่น กลายเป็นเส้นสีเขียวพุ่งลงด้านล่าง พอวาบก็หายเข้าไปในปากใหญ่ของหุ่นเซียนปลอม
ซึ่งขณะเดียวกัน แสงกระบี่ขนาดใหญ่ก็มาถึงที่ที่ใกล้แค่เอื้อม พอพร่ามัวก็ระเบิดพลังปราณอันน่าทึ่งออก
แสงกระบี่สีดำสนิทพลังทำลายล้างสูงเป็นสายๆ พุ่งพรวดๆ ออกเป็นกากบาททั้งแนวตั้งและแนวนอน จมหุ่นเซียนปลอมไว้ด้านในทันที
หากดูจากพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่กริชอาคมทมิฬสำแดงออกก่อนหน้านี้ เกรงว่าหุ่นเซียนปลอมกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ในพริบตา
ทว่าถัดว่า ในแสงกระบี่สีดำกลับมีเสียงเย็นชาแค่นออกมา แสงสีเขียวผืนหนึ่งเปล่งออก
แล้วมือใหญ่สีเขียวสองข้างก็ยื่นออกจากแสงสีเขียวโดยไม่มีลางบอกเหตุแต่อย่างใด ก่อนแหวกซ้ายขวา แยกแสงกระบี่สีดำที่อยู่กันอย่างหนาแน่นออกจากกันดื้อๆ
แสงกระบี่เฉือนมือทั้งสองข้าง แสงสีเขียวได้แต่กะพริบเล็กน้อย กลับยอมรับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เส้นสีดำจึงร้องเสียงแหลม วาบแล้วหาย จู่โจมใส่มือสีเขียวข้างหนึ่งเช่นกัน
ได้ยินเพียงเสียงโลหะกระทบกันดังกังวานชั่วขณะ พอแสงสีดำชะงัก ก็ปรากฏรูปเดิมที่เป็นกรวยแหลม แล้ว
ดีดถอย ส่วนมือสีเขียวกลับไม่เสียหายแม้แต่น้อย
บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนเห็นดังนี้ สีหน้าพลันดูไม่ได้บ้างแล้ว พอกระบี่ยักษ์สีดำในมือขยับ กลับห้อยลงเล็กน้อย มิได้ขับเคลื่อนจู่โจมอีก เขาจ้องมองผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเย็นชาโดยไม่พูดจาสักคำ
ขณะนั้น แสงกระบี่สีดำผืนหนึ่งก็ถูกทำลายจนหมดสิ้นในอุ้งมือสีเขียวสองข้าง
เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นช้าๆ ในแสงสีเขียว
ซึ่งก็คือหุ่นเซียนปลอมที่ราชาวิญญาณควบคุมอยู่ตัวนั้น
เพียงแต่ลักษณะของมันในตอนนี้ เมื่อเทียบกับเมื่อครู่ เปลี่ยนแปลงไปมาก ลวดลายวิญญาณสีเงินเป็นเส้นๆ ที่ปรากฏอยู่ตามใบหน้าและผิวกายแต่เดิม กลับเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ ลึกเข้าไปในผิวหนัง แถมยังดิ้นยุกยิกไม่หยุด ทำให้เห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา
หุ่นเชิดค่อยๆ เก็บมือสีเขียวทั้งสองข้างคืนกลับ แววตาที่จ้องมองเด็กหนุ่มชุดดำ ไม่มีความรู้สึกใดๆ
“น้ำค้างจากฟากฟ้า เจ้ากลับทำของเหลวระดับเทพเซียนแบบนี้ได้หนึ่งหยด แต่ไม่นึกเสียดายหรือที่เอามาใช้กับร่างของหุ่นเซียนปลอมกิ๊กก๊อกตัวหนึ่ง ไม่รู้สึกว่าเสียของไปเปล่าๆ ปลี้ๆ หรือไร”
บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนก็จ้องมองหุ่นเซียนปลอมเช่นกัน ใบหน้าแสดงความตื่นเต้นกับเหลือเชื่อออกมาเล็กน้อยขณะพูด
“เฮอะ ถ้าเป็นน้ำค้างจากฟากฟ้าของแท้ ข้าก็ใช้ปรุงยาเม็ดน้ำค้างจากฟากฟ้าไปนานแล้ว ไหนเลยจะนำมันมาโผล่ตรงหน้าเจ้าได้ บอกตามตรง นี่เป็นเพียงน้ำค้างเทพเซียนปลอมที่เจือจางกว่าหนึ่งหยดน้ำค้างจากฟากฟ้าแท้สิบเท่า เมื่อใช้กับหุ่นเซียนปลอมตัวนี้ กลับเหมาะสมกันพอดี”
หุ่นเซียนปลอมแค่นเสียงเย็นชาออกมาคำหนึ่ง แล้วตอบกลับชนิดหนาวเข้ากระดูก
“เจือจางสิบเท่า ประสิทธิภาพก็น่าจะลดลงมาก ไม่สามารถนำไปปรุงยาเม็ดน้ำค้างจากฟากฟ้าแล้ว แต่ต่อให้เจือจางลงมากแค่ไหน สิ่งนี้อย่างไรก็ยังมีไอวิญญาณเซียนสายหนึ่งประกอบอยู่ กลับใช้แทนผลึกเซียน กระตุ้นอิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงไม่กี่ส่วนของหุ่นเซียนปลอมได้ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ข้ากลับสงสัยว่าไอวิญญาณเซียนอันน้อยนิดนี้ สามารถหนุนหุ่นเซียนปลอมตัวนี้ให้ขับเคลื่อนการจู่โจมแบบเมื่อครู่ได้กี่ครั้ง”
อาการตื่นเต้นบนใบหน้าของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนถูกเก็บลง หลังจากกลอกตาไปมา มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขณะพูด
“กี่ครั้ง? ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องไร้สาระแบบนี้ ขอเพียงสภาพเจ้าในตอนนี้ สามารถรับการจู่โจมจากหุ่นเซียนปลอมตัวนี้ได้ ก็นับว่าไม่เสียทีที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกแห่งแดนมารแล้ว”
ใบหน้าของหุ่นเซียนปลอมพลันแสดงท่าทีแปลกใจเล็กน้อยก่อนพูด
สิ้นเสียง เขาก็กระทืบเท้าอย่างแรง ร่างพร่ามัว กลายเป็นเงาร่างสีเขียวอ่อนสายหนึ่งพุ่งเข้ามา
“รนหาที่!”
บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนยังสงสัยในความหมายของคำพูดเขาอยู่บ้าง แต่พอเห็นหุ่นเซียนปลอมพุ่ง
เข้าหาตนอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ หว่างคิ้วพลันเปลี่ยนเป็นมืดมนอนธการทันที จึงแผดเสียงร้องดัง ด้านหลังพลันปรากฏเงามารขนาดใหญ่สูงร้อยจั้งขึ้นเงาหนึ่ง
เงามารนี้พิลึกพิลั่นยิ่ง ราวกับคางคกตัวใหญ่ที่พองตัวออกหลายเท่า มีสีดำทั้งตัว และเหนือลำคอหนาๆ ขึ้นไป นอกจากศีรษะขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลางแล้ว ทั้งสองข้างยังมีศีรษะที่เล็กกว่ามาก ข้างละสี่ศีรษะ
กลับเป็นคางคกมารเก้าเศียรที่กระทั่งในแดนมารเอง ก็พบเห็นแต่ในเรื่องเล่าขานของชนเผ่าต่างๆ เท่านั้น!
ทันทีที่รูปกายคางคกมารเก้าเศียรปรากฏ หน้าตาอันดุร้ายของเศียรที่อยู่ตรงกลางก็วาบหาย ปากใหญ่พลันอ้า แล้วเงาร่างสีทองดุจภาพมายาสายหนึ่งก็ดีดตัวออก
ไม่รู้เหมือนกันว่าเงาร่างสีทองคือตัวอะไร แต่พอหุ่นเซียนปลอมที่พุ่งเข้ามาถูกมันจู่โจมซึ่งๆ หน้า ก็ส่งเสียงคำรามดังและพุ่งตัวกลับ ด้วยท่าทางที่คล้ายเร็วกว่าตอนพุ่งมาสองส่วน
เด็กหนุ่มชุดดำเห็นดังนี้ สีหน้าที่ดุร้ายก็วาบหาย ทำท่าร่ายมนตร์ด้วยมือข้างเดียวทันที
เงาร่างสีทองที่พ่นออกจากปากคางคกยักษ์พลันร่ายรำอย่างสนุกสนานขึ้นมา ทันใดเห็นเพียงทั่วทั้งท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาตกค้างสีทองอ่อน แล้วตาข่ายยักษ์สีทองผืนหนึ่งก็ปรากฏออก ปกคลุมท้องฟ้าเหนือสระน้ำเกือบครึ่ง ครอบหุ่นเซียนปลอมเข้าไปในพริบตา
และจากนั้น หุ่นเซียนปลอมก็ถูกเงาร่างสีทองหลายสายจู่โจมกลางอากาศในตาข่ายยักษ์ทุกทิศทุกทางประหนึ่งของเล่นก็มิปาน แต่ทุกครั้งที่หุ่นเซียนปลอมสัมผัสถูกตาข่ายยักษ์ จะกระเด็นกลับทันที อย่างไรก็ไม่สามารถทะลุออกไปได้
หุ่นเซียนปลอมในตอนนี้กลับดูเหมือนแม้แต่พลังปัดป้องก็ไม่มี!
เด็กหนุ่มชุดดำเห็นดังนี้ ก็ยิ้มเย็นชา ขณะเปลี่ยนเคล็ดวิชาอีกครั้ง เงาสีทองทั่วฟ้าพลันสลายหายวับ มีเพียงท่อนๆ หนึ่งที่เร็วปานฟ้าแลบ พอสั่น ก็พันรอบหุ่นเซียนปลอมหลายรอบทันที ก่อนม้วนมันเข้าไป หดตัว แล้วพุ่งกลับอย่างรวดเร็ว
หุ่นเซียนปลอมถูกลากมาอยู่ในที่ที่ห่างจากเด็กหนุ่มชุดดำไม่ถึงจั้ง และถูกสิ่งของสีทองอร่ามที่หนาเท่าปากชามข้าวท่อนหนึ่งกักไว้ด้านใน ท่าทางกระทั่งนิ้วก็ล้วนขยับไม่ได้
และในตอนนี้เอง กลุ่มคนถึงเห็นชัดเจนว่า สิ่งที่คล้ายเชือกสีทองเส้นหนานั้น แท้จริงแล้วเป็นลิ้นยาวที่คางคกมารตัวใหญ่แลบออกมา
แต่ลิ้นยาวท่อนนี้กับลิ้นของอสูรมารทั่วไปต่างกันมาก ไม่เพียงแต่เป็นสีทองอ่อน ผิวสัมผัสบนเนื้อเยื่อของส่วนตวัดดูด ยังคล้ายก่อตัวเป็นอักขระยันต์สีทองอ่อนที่มีขนาดไม่เท่ากัน ส่องแสงระยิบระยับ ราวกับเป็นอุปกรณ์เครื่องมือเวทที่ลึกลับมากชิ้นหนึ่ง
“หน้าไม่อาย! เจ้ายังมีอิทธิฤทธิ์อะไรอีก สำแดงออกมาให้หมดในตอนนี้เลย เพราะถัดจากนี้ไป คือเวลาตายของเจ้า”
บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนหัวเราะออกมาดังๆ ลิ้นยักษ์สีทองพันแน่นทันที ร่างหุ่นเซียนปลอมพลันส่งเสียงเหมือนเม็ดถั่วปริแตกชั่วขณะ
บรรพชนมารผู้บุกเบิกท่านนี้คิดที่จะใช้รูปกายมารลิ้นทอง พันให้หุ่นเซียนปลอมตัวนี้ระเบิดออกกันจะจะ
ซึ่งหุ่นเซียนปลอมมิใช่ร่างที่มีเลือดเนื้อ ความแข็งของร่างจึงมิได้ด้อยไปกว่าผู้ซึ่งดำรงอยู่ในระดับมหาเมธีทั่วไป แต่ขณะอยู่ภายใต้การรัดแน่นของลิ้นทองยักษ์ กลับเหมือนเป็นไปได้จริงๆ ที่จะแหลกสลายได้ทุกเมื่อ
แต่หลังจากได้ยินคำพูดของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยน ใบหน้าของหุ่นเซียนปลอมไม่เพียงไม่หลุดสีหน้าเกรงกลัว ตกใจ และโกรธออกมา มุมปากกลับกระตุก คล้ายเผยท่าทีแปลกๆ กับเย้ยหยันให้เห็นเล็กน้อย