A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2112 เข้าทะเลสาบ
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2112 เข้าทะเลสาบ
“ที่แท้ท่านอาวุโสก็รู้อยู่แล้ว เป็นกั่วเอ๋อร์ที่พูดมากไปเอง!” จูกั่วเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยอย่างเคารพนับถือ
“ทว่าเจ้าพูดก็มีเหตุผล การเดินทางครั้งนี้ย่อมประมาทไม่ได้ หลังจากที่ต่อสู้ไปสองสามครานั้น พวกเราทำให้คนทั้งแดนมารรู้กันหมดแล้ว เขาไปในทะเลสาบน้ำตกสีครามไม่เพียงต้องเปลี่ยนใบหน้า ยังต้องแยกกันเดินทางชั่วคราว กั่วเอ๋อร์เจ้าติดตามสหายเซี่ยสักระยะเถิด ข้าจะเข้าไปสืบข่าวในเมืองน้ำตกสีครามคนเดียว จากเคล็ดวิชาเปลี่ยนลักษณ์ของข้า ขอแค่ไม่พบกับสิ่งมีชีวิตระดับมหายานก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวว่าจะถูกเปิดเผย” หานลี่กลับดูเหมือนจะกำลังครุ่นคิด แล้วออกคำสั่งอย่างไม่ต้องขบคิด
“เป็นคำสั่งของท่านอาวุโสหาน กั่วเอ๋อร์ย่อมรับคำสั่ง” จูกั่วเอ๋อร์ย่อมไม่กล้าขัดขืนเจตนาของหานลี่ ประกอบกันได้ยินว่าจะได้อยู่กับสหายเซี่ยตามลำพัง กลับตอบรับด้วยความยินดี
จนถึงยามนี้หญิงสาวผู้นี้ก็ยังไม่รู้ว่าสหายเซี่ยคือหุ่นเชิด คาดไม่ถึงว่าจะเกิดความรู้สึกดีๆ กับเขาอย่างไม่รู้เพราะเหตุใด
หลังจากที่สหายเซี่ยพยักหน้าก็ยืนนิ่งไม่ปริปากอยู่ที่เดิม
ในฐานะเซียน แม้ว่ามันจะมีสติปัญญา แต่ก็เนื่องมาจากสัญญาที่ทำกับหานลี่ ประกอบกับก่อนหน้ารับค่าตอบแทนมาไม่น้อย แน่นอนว่าย่อมไม่มีความเห็นอันใด
หานลี่ฉีกยิ้มบางๆ ออกมา และไม่ได้ใส่ใจปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย
เขาเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาหุ่นเชิด ประกอบกับอยู่กับสหายเซี่ยมาระยะหนึ่งจนเข้าใจการตัดสินใจด้วยตนเองครึ่งหนึ่งแล้ว
รู้ว่าสหายเซี่ยดูเหมือนกับคนธรรมดาๆ ทั่วไปทุกระเบียบนิ้ว แต่ความจริงแล้วยังมีข้อจำกัดสองสามชนิดที่เจ้านายลงอาคมเอาไว้ จึงไม่อาจทรยศได้ง่ายๆ แต่นอกจากเรื่องนี้ กลับมีพลังในการควบคุมตัวเองค่อนข้างสูง
มิเช่นนั้นวันนั้นเขาคงไม่อาจใช้ของเหลวลึกลับมาล่อพามันออกมาจากทะเลอัสนีจนกลายเป็นผู้คุ้มกันให้ตนชั่วคราวได้
แน่นอนว่าหานลี่เองก็รู้ดี แม้ว่าจะมีสหายเซี่ยอยู่ข้างกาย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไร้ซึ่งกังวลในแดนมารได้
หากไม่ใช่ว่าบรรพชนแรกเริ่มสองสามท่านมีธุระติดตัว ไม่อาจลงมือมาต่อกรกับเขาเต็มกำลังได้ และบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาๆ คนอื่นๆ ก็มีฐานะของตนเอง จึงไม่ได้คิดเรื่องร่วมมือ เขาจะอยู่ในแดนมารอย่างปลอดภัยจนมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร
จากนั้นหลังจากที่หานลี่กำชับจูกั่วเอ๋อร์และสหายเซี่ยสองสามประโยค ทันใดนั้นกระดูกทั่วสรรพางค์กายก็ส่งเสียงลั่น ร่างกายสูงขึ้นสองสามฉื่อ ในเวลาเดียวกันใบหน้าก็เปลี่ยนไป กลายเป็นบุรุษวัยกลางคนหน้าตาดั่งนักปราชญ์คนหนึ่ง
เขาย่ำเท้าอีกครั้งกลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศไป แล้วบินไปยังส่วนลึกของทะเลสาบ
ส่วนสหายเซี่ยเมื่อเห็นว่าหานลี่จากไปกลับสะบัดแขนเสื้อขาวๆ อย่างเงียบเชียบ รัศมีสีทองม้วนวนออกมา เขาและจูกั่วเอ๋อร์หายวับไปจากบนยอดเขา
……
จากพลังยุทธ์ของหานลี่ในยามนี้ แม้ว่าจะไม่ได้กระตุ้นลำแสงหลีกหนีเต็มกำลัง แต่ความเร็วก็น่าตกตะลึงยิ่ง ชั่วครู่ก็หนีออกมาได้แสนลี้
ยามนี้ผิวน้ำสีครามที่อยู่ไกลออกไปพลันมีเกาะเล็กๆ ปรากฏขึ้น ด้านบนมีสิ่งปลูกสร้างเล็กๆ อยู่เล็กน้อย และมองเห็นมารเข้าๆ ออกๆ อยู่
บนเกาะเหล่านั้นมีสำเภาไม้สีดำขนาดน้อยใหญ่หยุดอยู่ บางครั้งก็บรรทุกมารขับเคลื่อนไปยังส่วนลึกของทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง
หานลี่ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้เลยสักนิด!
ในเมื่อเขาคิดจะมาที่ทะเลสาบน้ำตกสีครามย่อมต้องสืบหาสถานการณ์ของที่นี่มาอย่างละเอียด และรู้ว่าส่วนลึกของทะเลสาบน้ำตกสีครามถูกบรรพชนหลันพู่เคยเชิญบรรพชนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ที่ค่อนข้างสนิทมาร่วมมือกันวางเขตอาคมห้ามเหาะเหิน ขอแค่พลังยุทธ์ไม่มากกว่าเผ่ามารระดับจอมมาร หากเข้าไปจะสูญเสียพลังการเหาะเหินทันที ทำได้เพียงนั่งเรือไปที่ใจกลางของทะเลสาบน้ำตกสีครามตามปกติเท่านั้น
แม้ว่าหานลี่จะไม่ถูกจำกัดด้วยเขตอาคม แต่ก็ไม่อยากดึงดูดความสนใจของเผ่ามารระดับสูงที่นี่ ดังนั้นหลังจากที่หมุนวนโคจรอยู่ใกล้เกาะเล็กๆ ก็ร่อนลงมา
ชั่วพริบตาที่สองเท้าของเขาแตะพื้น ก็มีบุรุษเผ่ามารผิวดำสนิทตัวเตี้ยๆ วิ่งเข้ามาคนหนึ่ง
“ข้าน้อยกวนยางคารวะท่านอาวุโส ท่านอาวุโสอยากไปเมืองน้ำตกสีครามหรือไม่ แม้ว่าสำเภาของข้าน้อยจะไม่นับว่าใหญ่นัก แต่ความเร็วนั้นไม่เป็นสองรองใครบนเกาะนี้แน่นอน” เผ่ามารระดับเต่าที่ดูเหมือนเผ่ามนุษย์ธรรมดาๆ พลันคารวะ จากนั้นก็เปิดปากพูด และเผยไรฟันสีขาวนวลออกมา
“อ่า พลังยุทธ์ของเจ้าอยู่แค่ระดับสร้างปราณ คาดไม่ถึงว่าจะพูดจายิ่งใหญ่เพียงนี้ คงไม่ได้โกหกสินะ!” หานลี่พิจารณามารตรงหน้า กวาดสายตาไปยังสำเภาใหญ่ขนาดน้อยใหญ่สิบกว่าลำริมเกาะ แล้วตอบกลับอย่างไม่คิดเช่นนั้น
“ท่านอาวุโสวางใจ หากข้าน้อยพูดโกหก ข้ายอมจ่ายท่านสิบเท่า” แม้ว่ากวนยางจะดูพลังยุทธ์ของหานลี่ไม่ออก แต่จากท่าทางของหานลี่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งมีชีวิตระดับหลอมรวมหรือก่อกำเนิดธรรมดาๆ แน่นอน ดังนั้นจึงไม่กล้าดูแคลน ตบอกรับประกันทันที
“ได้ ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะนั่งเรือสำเภาของเจ้า ราคาเท่าไหร่นั้นไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งสำคัญคือต้องเร็ว ข้าต้องรีบไปเมืองน้ำตกสีคราม” หานลี่หรี่ตาลงเล็กน้อย สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่ได้โกหกจึงพยักหน้า
“ท่านอาวุโสวางใจ ข้าน้อยไม่มีทางทำให้ท่านอาวุโสผิดหวัง ท่านอาวุโส เชิญทางนี้ขอรับ สำเภาของข้าน้อยอยู่ทางนั้น” กวนยางยินดีรีบค้อมตัวเอ่ย และใช้นิ้วชี้ไปที่สำเภาลำเล็กความยาวสองสามจั้งที่ริมฝั่ง
หานลี่มองสำเภาสองแวบแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใด ทันใดนั้นก็สาวเท้าเดินไปที่ริมฝั่ง
กวนยางย่อมตามอยู่ด้านหลังด้วยความยินดี
หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร สำเภาไม้สีดำก็ออกจากเกาะน้อยๆ บินพุ่งไปด้านหน้าราวกับลูกธนู
หานลี่นั่งอยู่ตรงหัวสำเภา มองบุรุษเผ่ามารที่หางสำเภาอย่างเงียบๆ สองแขนเปลือยเปล่า แกว่งเหล็กสีดำสนิทสองอันอย่างรวดเร็ว
เหล็กทั้งสองมีลำแสงสีฟ้าอ่อนเปล่งแสงสว่างวาบ ทุกครั้งที่วาดผ่านสายน้ำก็จะม้วนเอาสายน้ำจำนวนมากไปที่ด้านหลังสำเภา กลายเป็นระลอกคลื่นสีขาวนวลยาวสองกลุ่ม
“มิน่าล่ะเจ้าถึงกล้าพูดเช่นนี้ ที่แท้มีอาวุธมารระดับต่ำที่นำมาประยุกต์ใช้ได้สองชิ้น” หานลี่มองด้วยความสนใจชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอาวุโสล้อเล่นแล้ว อาวุธมารระดับต่ำสองชิ้นของข้าน้อยนับว่าเป็นสมบัติที่ถ่ายทอดมาในตระกูล บรรพบุรุษของเราเริ่มอาศัยเจ้าสิ่งนี้หากิน แม้ว่าจะไม่ใช่ว่าไม่มีอาวุธมารที่ดีกว่าพวกมัน แต่ใต้เท้าที่มีอาวุธมารชนิดนี้ จะทำงานบรรทุกแขกข้ามฟากได้อย่างไร ข้าน้อยแค่หาเงินกินข้าวเท่านั้น” กวนยางทุ่มเทแรงกายพายเรือไปพลาง ตอบกลับอย่างซื่อสัตย์ไปพลาง
“อ๋อ ฟังจากคำพูดของเจ้า เจ้าเป็นคนท้องที่ น่าจะรู้สถานการณ์ของเมืองน้ำตกสีครามสินะ” หานลี่ใจเต้น แต่ก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
“หากอยากถามสิ่งที่ทุกคนรู้กัน ข้าน้อยย่อมรู้ดี หากจะถามเรื่องลึกลับ ก็พูดยาก ถึงอย่างไรเสียชนรุ่นหลังก็มีพลังยุทธ์จำกัด ไม่อาจรู้เรื่องของชนชั้นสูงได้” กวนยางตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด เห็นได้ชัดว่ามักจะถูกถามเช่นนี้เป็นประจำ
“หึๆ วางใจ เรื่องลึกลับนั้น ไม่มีทางถามเจ้าแน่” หานลี่เห็นอีกฝ่ายตอบอย่างรัดกุม ก็อดที่จะหัวเราะน้อยๆ ออกมาไม่ได้
“เช่นนั้นท่านอาวุโสก็ถามมาเถิด ข้าน้อยไม่มีทางปิดบังแน่” กวนยางรู้สึกผ่อนคลายลง พลางรีบตอบกลับ
“อืม ข้าอยากรู้ว่าข้าวฟันโลหิตขายที่ไหนในเมืองน้ำตกสีคราม ของระดับนี้ ร้านทั่วไปคงไม่เอาออกมาขายซี้ซั้วสินะ” หานลี่ครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วเอ่ยถาม
“หึๆ ท่านอาวุโสก็มาเพื่อข้าวฟันโลหิตสินะ เรื่องนี้ท่านอาวุโสนับว่าถามถูกคนแล้ว ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสอยากได้สักเม็ดสองเม็ด หรือว่าอยากได้จำนวนมาก” กวนยางได้ยินคำถามของหานลี่ ก็เผยสีหน้าตื่นเต้นพลางถามย้อนกลับ
“แค่เม็ดสองเม็ดแล้วเป็นอย่างไร? หากจำนวนมากจะเป็นอันใดหรือ?” หานลี่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถาม
“หากท่านอาวุโสอยากซื้อน้อยๆ แค่ไปที่ร้านค้าที่ขายเฉพาะในเมืองก็ได้แล้ว แต่ร้านค้าเหล่านี้มีโควตาการขายจำกัด แต่จะขายให้กับท่านอาวุโสระดับเทพแปลงขึ้นไปเท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังซื้อมากสุดได้แค่สองเม็ด หากคนเดิมอยากซื้ออีกก็ต้องพักอาศัยอยู่ในน้ำตกสีครามระยะยาวเป็นเวลาหนึ่งปีขึ้นไป ถึงจะมีคุณสมบัติ ทว่านี่เป็นแค่ภายนอกเท่านั้น หากท่านอาวุโสอยากซื้อเยอะๆ ก็มีวิธีลับๆ ที่จะซื้อได้ทีละสองสามเม็ด แน่นอนว่าหากท่านอาวุโสไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับระดับของข้าวฟันโลหิตมากเกินไปก็พอจะซื้อจำนวนมากได้” รอยยิ้มบนใบหน้าของกวนยางกว้างขึ้น ปากก็อธิบายอย่างรวดเร็ว
“แต่หากข้าอยากได้จำนวนมาก และต้องเป็นข้าวฟันโลหิตระดับสูงที่สุดล่ะ?” หานลี่กลับเอ่ยถามอย่างแช่มช้าด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“อ่า หากท่านอาวุโสมีเป้าหมายเช่นนั้น เกรงว่าคงไม่ได้ ข้าวฟันโลหิตระดับสูงในเมืองถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ปกติแล้วไม่ให้นำออกมาขายภายนอกมากนัก” กวนยางได้ยินคำนี้ ใบหน้าก็อดที่จะเปลี่ยนเป็นปั้นยากไม่ได้
“จุดนี้ข้าเองก็รู้ดี หากซื้อเม็ดขาวฟันโลหิตภายนอกได้เพียงพอ ข้าจะวิ่งมาที่ทะเลสาบน้ำตกสีครามทำไม และยิ่งไปกว่านั้นข้าคิดมาโดยตลอดว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ แค่ดูราคาที่เจ้าได้ว่าจะพอหรือไม่เท่านั้น” หานลี่จ้องเขม็งไปที่บุรุษเผ่ามาร แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“จุดนี้เกรงว่าชนรุ่นหลังคงไม่มีกำลังจริงๆ ทว่าท่านอาวุโสไปถามดูในเมืองได้ ไม่แน่ว่าผู้อื่นอาจจะมีวิธี” กวนยางลังเลเล็กน้อย แล้วตอบพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น
ภายใต้การพายอย่างตั้งใจของกวนยางสำเภาลำน้อยยังคงพุ่งไปยังใจกลางของทะเลสาบน้ำตกสีครามด้วยความรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาสองชั่วยาม ในที่สุดบนผิวเบื้องหน้าทะเลสาบก็มีจุดสีดำปรากฏขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสำเภาไม้บินไปก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นเกาะขนาดยักษ์แห่งหนึ่ง และค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ มองเห็นทุกอย่างบนเกาะอย่างชัดเจน จากขอบของเกาะด้านบนมีเมืองยักษ์ขนาดไม่เล็กสร้างอยู่
ดูจากกำแพงภายนอกเมืองแห่งนี้ นอกจากใช้อิฐยักษ์สีฟ้าอ่อนสร้างแล้ว ทุกอย่างก็ไม่แตกต่างอันใดกับเมืองเผ่ามารทั่วๆ ไป สูงยี่สิบสามสิบจั้งเช่นกัน ด้านบนมีผู้พิทักษ์เผ่ามารสวมเครื่องแบบพร้อมรบยืนอยู่เต็มไปหมด
ประตูใหญ่ที่พวกเขามุ่งไป มีเผ่ามารถือขวานอยู่อีกกลุ่ม กำลังรักษาการณ์ที่นั่นด้วยความระมัดระวัง