A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2155 มหาสงครามแดนพฤกษา (2)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2155 มหาสงครามแดนพฤกษา (2)
กองทัพเผ่ามารส่วนใหญ่ถูกขังอยู่ในเขตอาคม ทหารที่อยู่ด้านนอกมีจำนวนน้อยกว่ากองทัพพันธมิตรมาก แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้อ่อนแอ แต่ด้วยจำนวนของกำลังพล เมื่อสู้รบด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งวัน เขตอาคมมารขนาดใหญ่ของเผ่ามาร ก็โดนโจมตีด้วยอาวุธมากมายจนต้องแตกพ่าย ในที่สุดเผ่ามารก็เริ่มล่าถอย
กองทัพพันธมิตรก็ไล่ตามอย่างไม่หยุดยั้ง สถานการณ์พลิกจากเมื่อวันก่อนมาก
ในตอนที่ทัพมารเริ่มจะแตกทัพ หยวนซาที่กำลังต่อสู้กับบรรพบุรุษเอ๋าเซี่ยวในห้องลับที่อยู่ห่างไกลออกไป บริเวณเอวของเขาก็ส่องประกายแสงสีขาวออกมา
จากนั้นอักษรรูนสีดำก็พวยพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย จนมาอยู่ตรงหน้าของหญิงสาว กลายเป็นข้อความสั้นๆ หลายบรรทัด หลังจากหยวนซากวาดสายตาอ่านเสร็จ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นนางก็กรีดร้องด้วยความโมโห ร่างกายของนางเลือนรางขึ้นและกลายเป็นกลุ่มควันสีดำขึ้นไปบนท้องฟ้า ชั่วพริบตานางก็หายไปจากห้องลับอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
เวลาผ่านไปสักพัก กลุ่มควันสีดำก็โผล่ขึ้นมาจากหนองน้ำแล้วทยายพุ่งขึ้นไปในอากาศมุ่งหน้าไปสู่อาณาเขตของแดนพฤกษา
แต่ในตอนนั้นเองมีเสียงชายคนนึงดังขึ้นมาจากด้านบนของเขา
“สหายหยวนซา รีบร้อนขนาดนั้น จะไปไหนหรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียงพูด เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นทันที ประจุสายฟ้ายาวกว่าร้อยจั้งก็พาดผ่านลงมา
“ตาแก่เอ๋าเซี่ยว แกกล้าขวางข้าหรือ?”
แม้ว่าหยวนซาจะรีบมาก แต่เมื่อเจอกับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนั้น นางจึงต้องหลบหนีสายฟ้านั้นอย่างจนใจ จากนั้นก็ปรากฏรูปลักษณ์เดิมของตัวเองมา
กระบี่สีดำยาวร้อยจั้งก็พุ่งออกมาโจมตีเช่นกัน หลังจากเสียงสะเทือนฟ้าดินจบไปแล้ว กระบี่ยาวทั้งสองก็แทบจะหายไปในเวลาเดียวกัน
“การต่อสู้ของเรายังไม่รู้ผลแพ้ชนะ อย่างน้อยก็ต้องประมือกันต่อ”
ท้องฟ้าเกิดความปั่นป่วน สายฟ้าโผล่ออกมาอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียง ด้านในมีเงาของคนคนนึงปรากฏออกมา
“หึ เหมือนว่าเจ้าจะวางแผนไว้ก่อนอยู่แล้ว ที่จะลากพวกเราทั้งสามให้อยู่ที่นี่ แต่เจ้าก็อย่าเพิ่งรีบดีใจเกินไป จะเป็นตามที่เจ้าหวังหรือไม่นั้นยังไม่แน่ใจ” สีหน้าของหยวนซาเต็มไปด้วยโกรธแค้น หลังจากที่สูดลมหายใจเข้า นางก็ใช้มือหนึ่งวาดคาถา หลังจากที่นางสะบัดมือออกไป ภาพลวงตาจำนวนมหาศาลก็พุ่งโจมตีไปในจุดจุดเดียว
“อยากหนีหรือ ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก ‘หยุด’ เดี๋ยวนี้” เมื่อเห็นสถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวขึ้น หลังจากที่เขาตะโกนเสียงดังเสร็จ เขาชี้นิ้วขึ้นบนฟ้า
ทุกอย่างภายในระยะสิบลี้ก็สั่นสะเทือนไปทั้งหมด ปราณฟ้าดินจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา จากนั้นชามหยกขนาดใหญ่ก็ถูกกดลงไปข้างล่าง
ภายในชามหยกมีแสงห้าสีก็สั่นไหว อักษรรูนกระจายออกมาเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันปราณก็พุ่งพายออกมารวมตัวกันเป็นแรงกดดันมหาศาล
ทันใดนั้นพื้นที่ข้างล่างก็เกิดเสียงดังลั่น ภาพเลือนราง ภูเขาในระยะร้อยลี้สั่นสะเทือนไปหมด จากนั้นก็ถล่มไปสองสามจั้ง
ในขณะเดียวกันภาพลวงตาของหยวนซาก็ถูกปกคลุมด้วยพลังนี้ด้วยเช่นกัน ในหนึ่งภาพลวงตาเหล่านั้นโดนโจมตีด้วยแสงสีขาวโดยไม่ทันระวัง จึงทำให้การหลบหนีช้ากว่าเดิมสิบเท่า
ตอนนั้นเองเอ๋าเซี่ยวก็หัวเราะเสียงดัง จากนั้นเขาใช้มือหนึ่งแตะบนศรีษะ กะโหลกศรีษะส่วนกลางก็เปิดออก จากนั้นก็มีแสงสีขาวจางๆ นับสิบออกมา ภาพหลอนเหล่านั้นค่อยๆ ทยอยเข้าหาหยวนซวน
หลังจากที่แสงสีขาวเหล่านั้นกำลังพุ่งไป อยู่ๆ พวกมันก็กลายเป็นหมาป่าสีขาวสองหัวจำนวนนับไม่ถ้วน ที่กำลังวิ่งเข้าหาภูตผีเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล
เมื่อเห็นเช่นนั้นหยวนซาก็โกรธจัด นางพลิกฝ่ามือขึ้น กลางฝ่ามือของนางมีปราณกลิ้งไปกลิ้ง กลายเป็นอาวุธเวทย์เอาไว้ป้องกันหมาป่าเหล่านั้น
ในตอนนั้นถือเป็นสงครามครั้งใหญ่ของเอ๋าเซี่ยวและหยวนซา เพียงแต่ว่าความดุเดือดไม่แตกต่างจากครั้งก่อนมาก
แต่ระดับของทั้งสองคนไม่ต่างกันมาก หากจะต้องการผู้แพ้หรือชนะจริงๆ ไม่สามารถตัดสินได้ในเวลาอันสั้น
ไม่เพียงแต่ด้านของหยวนซาเท่านั้น บรรพบุรุษของเผ่ามารอีกสองตนที่ได้รู้ข่าวถึงการเสียเปรียบของกองทัพเผ่ามาร ก็โดนมั่วเจี่ยนหลีและผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหาเมธีของเผ่าเยี่ยชาถ่วงเวลาไว้เช่นกัน พวกเขาก็รู้สึกโกรธมากที่โดนเบี่ยงเบนความสนใจ
ในขณะเดียวกัน ทัพใหญ่ของเผ่ามารที่โดนขังอยู่ในเขตอาคมและร่างจำแลงบรรพบุรุษสิบกว่าคนใช้ช่วงเวลาพักรบนี้ ออกเดินทาง
สำหรับพวกเขาแล้วหากไม่ใช้เวลานี้ทำลายเขตอาคมแดนพฤกษาแล้วรอมันฟื้นพลังเพื่อโจมตีอีกครั้ง เกรงว่าทหารเผ่ามารจะสูญเสียกำลังมากกว่าครึ่ง
เมื่อจำนวนคนลดลง ความแม่นยำของเขตอาคมที่จะโจมตีก็เพิ่มขึ้น และมันจะต้องแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่โจมตีแน่นอน
หลังจากมารตัวอื่นโดนโจมตีจนหมดแล้ว มารระดับสูงเช่นพวกมันก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ว่าการทำลายเขตอาคมนั้นยากมาก แต่ก็ต้องเข้าไปในศูนย์กลางของเขตอาคม เพื่อหาทางทำลายมัน
มารระดับหลอมสูญหลายสิบตนภายใต้การนำของจอมมารระดับผสานอินทรีย์ โดยมารตัวนั้นมีหัวเป็นวัว พวกมันบินช้าๆ ในกลางป่าทึบแห่งนี้ ค่อยๆ มองซ้ายมองขวา ท่าทางระมัดระวังอย่างมาก
ไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้!
เขตอาคมที่สุดยอดในแดนพฤกษาแบบนี้ แม้ว่าในตอนนี้พวกเขาจะยังไม่เริ่มโจมตี แต่ระดับการป้องกันภัยยังคงเดิม หากโดยกระตุ้นแม้แต่นิดเดียว แม้กระทั่งจอมมารก็มีสิทธิตายได้
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พลังสอดแนมของพวกเขาไม่สามารถตรวจสอบไกลมากกว่าร้อยลี้ได้ แน่นอนว่าเผ่ามารระดับสูงพวกนี้ที่แยกตัวออกจากทัพใหญ่เหล่านี้ จะต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ
หลังจากเดินทางมากกว่าร้อยลี้ ระหว่างทางไม่เกิดสิ่งผิดปกติอะไรเลย เผ่ามารกลุ่มนี้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้กระทั่งจอมมารยังรู้สึกโล่งใจอยู่หลายส่วน
ในตอนนี้พวกเขาจะกำลังบินผ่านภูเขาลูกเล็กลูกนึง ทหารเผ่ามารคนนึงมองทางด้านหน้าแล้วรู้สึกถึงระลอกคลื่นบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีแสงพร้อมความหนาวเย็นปรากฏขึ้นมา ในตอนนั้นทุกคนตะโกนพร้อมกันว่า “แย่แล้ว”
แต่ก่อนที่พวกเขาจะตอบสนองทัน ไอเย็นก็ผ่านลำคอไป รู้สึกตัวอีกทีศรีษะตกอยู่ที่พื้นแล้ว
“ฉัวะ” สิ้นเสียงดังนั้น ก็มีหมอกสีเทาเข้ามาล้อม จิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดสีดำของศพไร้หัวก็ได้ออกมาโจมตีตัวต้นเหตุ
แต่จากนั้นแสงที่ว่าก็หันมาจู่โจมโรมรันกับจิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดสีดำ
สิ้นเสียงกรีดร้องจิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดสีดำก็แตกสลายและหายไปจากโลกนี้แล้ว
เผ่ามารตนอื่นรู้สึกตกใจอย่างมาก พวกเขารีบเรียกอาวุธทุกชนิดขึ้นมาปกป้องตนเอง
และในตอนนั้นเองเกิดระลอกคลื่นบางอย่างอยู่กลางอากาศตลอดเวลา แสงนั้นปรากฏเพิ่มขึ้น จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ พวกมันลอยอยู่ล้อมรอบเผ่ามาร เหมือนว่าจะมีจำนวนมากกว่าร้อย
ดวงตาของจอมมารเปล่งแสงวูบวาบ หลังจากจ้องมองอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าแสงจันทร์เหล่านี้คือ ส่วนหนึ่งของกระบี่พฤกษาสีทอง แสงจันทร์แต่ละเส้นมีพลังมากจนเขาตกใจ
“ระวังตัวด้วย นี่คือพลังโจมตีของกระบี่พฤกษา พลังของมันเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสูญ”
สิ้นเสียงตะโกนของจอมมาร เขาก็ใช้ปราณทั้งหมดในร่างกายเข้าไปในของวิเศษ รูปร่มสีทอง
อาวุธเวทย์ชิ้นนั้นก็เปล่งแสงสีเขียวออกมา จากนั้นก็กลายร่างเป็นกลุ่มควันสีเขียวคลุมร่างของเขาไว้
วินาทีต่อมา แสงจันทร์เหล่านั้นก็โจมตีเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ทหารเผ่ามารคนอื่นก็โกรธมาก พวกเขาจึงใช้ของวิเศษทุกชนิดขึ้นมาปกป้องตัวเอง
ในตอนนั้นเอง แสงจันทร์โดนปราณกระบี่โจมตี มันส่งเสียงกรีดร้องดังไม่หยุด
หลังจากช่วงเวลาที่ให้พักหายใจนั้น แสงจันทร์หายไปแล้ว เผ่ามารระดับสูงคนอื่นๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน เหลือเพียงรอยเลือดที่ปกคลุมไว้ทั่วบริเวณ
ในตอนนั้นหัวหน้ามารวัวก็มีใบหน้าซีดขาว ทันทีที่เขาอ้าปากออก เขาก็กระอักเลือดสดๆ ออกมาหลายคำ
บริเวณนอกร่มสีเขียว ขณะนี้มีแต่ความมืดปกคลุม
หลังจากจอมมารท่านนี้หัวเราะอย่างขื่นขม เขาหยิบโอสถขวดนึงออกมาจากร่างกาย เขากลืนโอสถดวงตามังกรลงไป เขาจะสะบัดมืออีกครั้ง
หลังจากร่มสีเขียวสั่นอยู่สักพัก มันก็หดเป็นร่มด้ามเล็กที่อยู่ในมือเขา
ภายนอกของอาวุธมารเล่มนี้ มีรอยแตกอยู่สองสามรอย
จอมมารวัวมองไปรอบๆ สีหน้าของเขาขุ่นมัวอยู่สักพัก สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมา
หลังจากที่เขาเก็บของวิเศษแล้ว เขาก็เปลี่ยนทิศทางในการเดินเข้าป่า
เทือกเขาที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนี้ มีจอมมารสามตนกำลังเผชิญหน้ากับมีดบินอยู่ พวกเขาร่วมมือกันใช้ของวิเศษหลายชิ้นเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางของเทือกเขา
ทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าและพื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง อยู่ๆ เขตอาคมสีทองก็ปรากฏขึ้นมา สิ้นเสียงดังคึกโครม แสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้น
จอมมารทั้งสามตกใจอย่างมาก ในตอนนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนอาวุธมารเป็นก้อนปราณสีดำให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็รวมตัวกันเป็นรูปหยินหยางขนาดใหญ่ ปกป้องพื้นที่ด้านล่างไว้
หลังจากเสียงดัง “ปังครืนๆ” ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็กระจายออกมา ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เกือบจะทำให้เขตปกป้องหยินหยางของเขาพัง แต่ก็ยังไม่ทำให้จอมมารทั้งสามโดนลำแสงสีทองนั้น
ในตอนที่ลำแสงสีทองนั้นหายไป ก็ไม่เหลือร่องรอยของจอมมารทั้งสาม
ในขณะเดียวกัน ต้นไม้ยักษ์กลางหุบเขา คนแดนพฤกษากว่าร้อยคนกลับมีสีหน้าที่ผ่อนคลายขึ้น
…หานลี่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ยักษ์ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังลั่น ลำต้นของต้นไม้ยักษ์กระพริบแสงสีเขียวแปร๊บๆ จากนั้นอักษรรูนห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมา
“ในที่สุดก็มีเผ่ามารเข้ามาแล้ว ดูเหมือนว่าฝีมือไม่เลวเลย ไม่เช่นนั้นต้นไม้ต้นนี้ไม่แจ้งเตือนหรอก” หานลี่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า แล้วพูดพึมพำกับตัวเอง