A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2159 มหาสงครามแดนพฤกษา (6)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2159 มหาสงครามแดนพฤกษา (6)
“ว่าตามที่สหายหานเห็นสมควรเลย” นักพรตเซี่ยกล่าวเสียงเรียบ ท่าทีไม่ยินดียินร้าย
หานลี่พยักหน้า มือข้างนึงของเขาชี้ไปทางศพทั้งสองของเผ่ามาร
จากนั้นก็มีเสียง “ฟู่ๆ” ดังสองครั้ง ลูกไฟสีแดงสดพุ่งออกมาเผาไหม้ร่างจนเหลือแค่เถ้าธุลี
จากนั้นเขาก็แบมือขึ้นมากลางอากาศ จานแปดเหลี่ยมสีเขียวมรกตก็ปรากฏในมือของเขา
ปากของหานลี่ร่ายคาถาพึมพำ เขาต้องการกระตุ้นเขตอาคมด้านบน เพื่อให้ตัวเขาและนักพรตเซี่ยได้ออกจากที่นี่
แต่ในตอนนี้ อยู่ดีๆ ก็มีเสียงดังเกิดขึ้นตรงกลางฟากฟ้า มิติสั่นสะเทือนอย่างแรงราวกับว่ามันกำลังจะทลายลงมา
หานลี่ตกใจเขาก็ไม่กล้าถ่วงเวลา เขาโยนจานแปดเหลี่ยมไปด้านหน้า ทันทีที่แสงหายไป มันก็กลายเป็นเขตอาคมแสงสีขาวจางๆ
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปใจกลางเขตอาคมทันที นักพรตเซี่ยก็เดินตามติดหานลี่เข้าไป หานลี่ยกมือขึ้น เขาร่ายคาถาอย่างตั้งใจ
หลังจากเขตอาคมแสงส่งเสียงออกมาครั้งนึง ก็ปรากฏแสงสว่างวาบจนแสบตา จากนั้นหานลี่และนักพรตเซี่ยก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
วินาทีต่อมาก็เกิดรอยแยกสีขาวจางๆ ปรากฏขึ้นอยู่ทั่วทั้งมิติ หลังจากที่หานลี่ออกไป แล้วมิติแห่งนี้ก็พังทลายอย่างสมบูรณ์
บริเวณกลางอากาศของชายแดนเทือกเขาไร้นาม อยู่ๆ ก็เกิดระลอกคลื่นและเขตอาคมแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก็มีเงาของคนผู้หนึ่งออกมา นั่นคือหานลี่กับนักพรตเซี่ย
หานลี่มีสีหน้ามืดครึ้ม แต่นักพรตกลับไม่แสดงอารมณ์
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขตต้องห้ามถึงใช้ไม่ได้” หานลี่รีบเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่แสงสีขาวหายไป เขาหยิบจานแปดเหลี่ยมสีเขียวมรกตขึ้นมา แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่หาน แย่แล้ว เมื่อครู่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เพิ่งแจ้งเตือนมาว่า ตาค่ายหมายเลขสาม โดนคนทำลายทิ้งแล้ว เขตต้องห้ามทั่วทั้งแดนพฤกษาไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป อีกทั้งพลังในด้านอื่นๆ ก็ลดลงอย่างมากด้วย” หลังจากจานแปดเหลี่ยมส่องแสงขึ้น เสียงเคร่งขรึมของเฉ่าจี๋ก็ถูกส่งออกมา
“ตาค่ายถูกทำลายแล้ว จะเป็นไปได้ยังไง ทำไมเผ่ามารถึงเจอตาค่ายได้เร็วขนาดนี้ แต่ต่อให้เจอ ก็ยังมีทหารยามระดับผสานอินทรีย์และสหายคนอื่นๆ เฝ้าอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วตาค่ายจะถูกทำลายได้อย่างไร” หานลี่ตกใจ และรีบถามสิ่งที่ยังค้างคาใจอยู่
“ช้าก่อน ทางนี้ได้รับข่าวของสหายคนหนึ่งก่อนที่ตาค่ายหมายเลขสามจะถูกทำลาย เขาส่งกระบี่บินออกมาส่งข่าว…แย่แล้ว คาดไม่ถึงว่าจะมีร่างจำแลงบรรพบุรุษปรากฏตัวพร้อมกันทีเดียวหกตน ทหารที่เฝ้าตาค่ายล้วนตายทั้งหมด จากนั้นเขาก็ทำลายตาค่ายหมายเลขสาม เหมือนว่าหนึ่งในเผ่ามารจะมีคนที่รู้เรื่องเขตอาคมแดนพฤกษาอย่างดี เมื่อร่างจำแลงพวกนั้นมาถึง ก็เริ่มโจมตีตาค่ายหมายเลขสามทันที ดังนั้นมันจึงถูกทำลายอย่างรวดเร็วเช่นนี้” เสียงของชายหนุ่มชาวเผ่าพฤกษาดังออกมาจากจานแปดเหลี่ยมอย่างเคร่งเครียด
“หากในเผ่ามารมีคนรู้เรื่องของเขตอาคมแดนพฤกษาแล้วล่ะก็ เกรงว่าอีกไม่นานพวกเราและตาค่ายหมายเลขหนึ่งจะโดนร่างจำแลงบรรพบุรุษโจมตีเช่นกัน ค่ายกลต้องห้ามและเขตการป้องกันยังสามารถใช้ได้กับพวกจอมมารธรรมดาอยู่ แต่พวกร่างจำแลงบรรพบุรุษเราไม่สามารถต้านทานได้นาน พวกเราจำเป็นต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สหายเฉ่า ตอนนี้เจ้าไม่ต้องกลัวว่าสูญเสียพลังของค่ายกลไป เราต้องเพิ่มระยะของค่ายกลต้องห้ามเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว หากมีความคืบหน้าก็แจ้งให้ข้าทราบด้วย ทางข้าจะรีบจัดการปัญหาด้านนี้โดยเร็ว เมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้าก็จัดการศัตรูอย่างเต็มที่เลย” หลังจากที่หานลี่เงียบไป เขาก็สั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ได้ เช่นนั้นก็ตามนี้ พี่หานโปรดวางใจ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่” เฉ่าจี๋กัดฟันตอบ
หลังจากจานแปดเหลี่ยมดับแสงลงไป ก็ไม่มีเสียงของเฉ่าจี๋ดังขึ้นมาอีก
“ในเผ่ามารต้องมีคนรู้เรื่องตำแหน่งของตาค่ายแน่นอน หึๆ ดูท่าภารกิจคุ้มกันในครั้งนี้ จะไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้แล้วสินะ พี่เซี่ย ไปกันเถอะ ไปจัดการเรื่องศัตรูก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หลังจากหานลี่กล่าวจบ เขาก็หัวเราะหึๆ ขึ้นมา
ทันทีที่เขานิ้วแตะเข้าที่จานแปดเหลี่ยมอีกครั้ง บริเวณโดยรอบก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นมา หลังจากรัศมีลำแสงห้าสีดับไป หานลี่และนักพรตเซี่ยก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ภายในรัศมีลำแสงห้าสีอีกแห่งหนึ่ง คนเผ่าเยี่ยซาอย่างเฟยเสี่ยวซีก็กำลังกระตุ้นลูกบอลแสงหลากสีเพื่อป้องกันการโจมตีจากเลือดมังกรนับสิบ
เลือดมังกรเหล่านี้เป็นสีแดงสด
ทหารเผ่าพฤกษานับสิบกว่าคนที่หลบอยู่ในม่านแสง จำนวนในตอนนี้มีน้อยกว่าครึ่ง เหลือเพียงแปดเก้าคนเท่านั้น แต่พวกเขายังกระตุ้นของวิเศษทุกชนิด เพื่อต่อต้านการโจมตีของมนุษย์ขนแดง
แต่การโจมตีทั้งหมดโดนเส้นแสงสีแดงเลือดที่อยู่รอบๆ มันปัดป้องได้
คนเผ่าพฤกษาที่ล้มลงไป เพราะพวกเขาโดนคลื่นอากาศสีเลือดที่กระจายมาโดนรัศมีลำแสงห้าสี ทำให้เห็นว่าพวกมันมีพิษ
สัตว์ประหลาดหัววานรตัวหมาป่าจำนวนสองตัว ได้เพิ่มจำนวนมากกว่าสิบตัวแล้ว แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เฟยเสี่ยวซีต้องตั้งรับการโจมตีของมนุษย์ขนอย่างจำยอม แต่พวกเขาก็เสียเปรียบอย่างมาก
หลังจากที่มนุษย์ขนยักษ์ตัวนี้ชูมือขึ้นฟ้าก็มีอักษรรูนสีดำวิ่งวนอยู่รอบกายไม่หยุด จากนั้นมังกรเลือดนับสิบตัวก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น
สีหน้าของเฟยเสี่ยวซียังคงเยือกเย็นเช่นเดิม แต่ในใจของนางกลับร้อนรนขึ้นมาแล้ว เดิมทีนางคิดว่าฝ่ายตรงข้ามก็แค่ฝีกวิชามารในตำนาน ถือว่าเป็นการประมือของระดับพลัง แต่คาดไม่ถึงว่าระดับพลังของเขาจะอยู่ขั้นปลาย
แต่ตั้งแต่เขาลงมาประมือเอง สถานการณ์ก็ดูเลวร้ายขึ้น
วิชามารดูลึกลับและแข็งแกร่ง วิชามารสามารถทำให้มังกรเลือดตัวเล็กมีพลังเทียบเท่ากับมังกรตัวจริงๆ ได้ ต่อให้ต้องถ่วงเวลาแล้วฆ่าได้สักสองตัว อีกฝ่ายสะบัดมืออีกครั้ง มังกรเลือดตัวใหม่ก็เกิดขึ้นมาอีก
แต่ถ้านางยอมแพ้ไม่สู้กับพวกมังกรเลือด แล้วกำหนดเป้าหมายไปที่มนุษย์ขน ความแข็งแกร่งของสายฟ้าที่อยู่รอบๆ มันก็ไม่อาจคาดเดาได้ การโจมตีของเขาโดนสกัดทุกทางแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรต่อให้เฟยเสี่ยวซีมีปราณที่ไม่อ่อนแอ และมีเขตอาคมคอยช่วย แต่ยังถือว่าเป็นรองอยู่
สถานการณ์ตอนนี้เขาเสียเปรียบในทุกทาง
ในตอนที่นางกำลังลังเลอยู่นั้น ว่านางควรจะขอความช่วยเหลือจากเฉ่าจี๋หรือไม่ แต่ทันใดนั้นรัศมีลำแสงห้าสีก็ระเบิดขึ้น มีเงาของคนสองคนกำลังเดินออกมา
นั่นคือหานลี่และนักพรตเซี่ย
เฟยเสี่ยวซีตกใจอ้าปากค้าง
“น่าสนุกนะเนี่ย ที่แท้แล้วมารระดับหลอมสูญสี่ตนรวมตัวมาเป็นคนคนเดียวกัน เพิ่งอยูในระดับผสานอินทรีย์ คาดไม่ถึงว่าจะมีพลังระดับนี้ ดูท่าวิชามารที่ฝึกจะไม่ธรรมดาจริงๆ” หานลี่กวาดสายตามองไปที่มนุษย์ขนตัวยักษ์ เขาพูดด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“พี่หาน ทำไมพวกท่านสองคนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ หรือว่าท่านจัดการคู่ต่อสู้เรียบร้อยแล้วหรือ” หลังจากเฟยเสี่ยวซีหายตกใจ นางก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“จอมมารตัวอื่นโดนพวกข้าสองคนจัดการเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าทางแม่นางเฟยรับมือลำบาก ข้าจะมาเสริมกำลังให้” หานลี่พยักหน้าแล้วตอบเบาๆ เขาไม่รอให้เฟยเสี่ยวซีตอบอะไร ทันใดนั้นรัศมีแสงสีทองก็ปรากฏออกมาจากกลางฝ่ามือของเขา และมีขนาดใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ และหลังจากนั้นมันก็กลายเป็นวานรยักษ์ขนสีทองสูงมากกว่าร้อยจั้ง
ทันทีที่วานรยักษ์ปรากฏตัวขึ้น สองมือมันแบออกมาท่ามกลางความว่างเปล่า จากนั้นก็มีแสงสีดำเขียวโผล่ออกมา วินาทีถัดมา แสงสองแสงนั้นก็กลายเป็นภูเขาลูกเล็กขนาดสิบกว่าจั้ง
หลังจากเสียงร้องคำรามเสียงดังกึกก้อง วานรยักษ์ก็เรียกปราณทั้งหมดในร่างกาย ทั่วทั้งร่างมีปราณสีทองเปล่งกระกายออกมา ภูเขาขนาดเล็กบนฝ่ามือของมือทั้งสองข้างหมุนเป็นวงกลม จากนั้นภูเขาลูกเล็กก็พุ่งไปที่มนุษย์ขนสีเลือด
เสียงกรีดร้องเสียงแหลมก็ดังขึ้น
หลังจากภูเขาทั้งสองหมุนวนด้วยความเร็ว มันก็กลายเป็นลูกบอลแสงสีเขียวดำสองลูก หลังจากมันก็แสงสว่างวาบ มันได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เดิมทีตั้งแต่มนุษย์ขนเห็นหานลี่และนักพรตเซี่ยปรากฏตัวขึ้น มันก็รู้สึกตกใจอย่างมาก และเริ่มคิดแผนการหลบหนี
แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัว มันก็เห็นหานลี่กลายร่างเป็นวานรยักษ์สีทอง ตอนนั้นมันตะโกนออกมาได้แค่คำว่า “แย่แล้ว” มันพยายามจะหลบหนีและแยกตัวจากการต่อสู้ของสตรีเผ่าเยี่ยชา
แต่ว่ามันสายไปเสียแล้ว
มนุษย์ขนสั่นสะท้าน เสียงระเบิดดังก้องอยู่ที่ข้างหู ท้องฟ้าด้านหน้าค่อยดับมืดลง ภูเขาเล็กๆ สองลูกกลายเป็นลมพายุ พุ่งเข้าโจมตี
ใบหน้าของมนุษย์ขนยักษ์เผยความหวาดกลัวและโกรธแค้น มันสายเกินไปที่จะเชิญมังกรเลือดกลับมา หลังจากที่ครางเสียงต่ำ แถบเส้นที่อยู่รอบตัวมันก็ค่อยๆ เลือนราง และควบแน่นกลายเป็นเกราะสีเลือด ขนาดสูงและหนาหลายฟุต
“ตู้มๆ” เสียงระเบิดดังต่อเนื่องสองครั้ง
เกราะสีเลือดของมันก็ดูน่าทึ่งมาก แต่มันจะสามารถป้องกันการโจมตีภูเขาปราณสองลูกของวานรยักษ์ได้ยังไง
หลังจากเสียงระเบิดดังครั้งแรก ทันทีที่การโจมตีของภูเขาปราณลูกแรกดังขึ้นเกราะสีเลือดมีเพียงรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วน
เสียงระเบิดครั้งที่สอง ภูเขาปราณลูกที่สองโจมตีตรงๆ อย่างไม่เกรงใจ พลังโจมตีทั้งสองผสานเป็นหนึ่ง เกราะแสงสีเลือดแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมื่อไม่มีอะไรมาป้องกัน การโจมตีก็พุ่งเข้าสู่มนุษย์ขนโดยตรง
มนุษย์ขนสีเลือดเมื่อเห็นภูเขาปราณพุ่งเข้ามา เข้าก็รู้ได้ทันทีว่าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ใบหน้าเขาซีดขาวลงทันที เขาส่งเสียงคำราม สองแขนปรากฏอักษรรูนสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏมา ควบรวมกลายเป็นหมัดสีดำพุ่งเข้าใส่ภูเขาปราณอย่างดุดัน
ในขณะเดียวกัน ร่างกายของเขาก็พองตัวขึ้น เขากระอักเลือดสีแดงออกมาจำนวนมาก ทำให้เขาต้องหอบหายใจเร็วขึ้น
เห็นได้ชัดว่ามนุษย์ขนผู้นี้ต้องใช้วิชาต้องห้ามบางอย่างเพื่อถ่วงเวลาแน่นอนเขาหมดหวังจนต้องใช้แรงเฮือกสุดท้ายแล้วจริงๆ