A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2163 มหาสงครามแดนพฤกษา (10)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2163 มหาสงครามแดนพฤกษา (10)
“เจ้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ธรรมดาจริงๆ ด้วย คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะสามารถส่งพวกเราสองคนมาที่นี่ได้ การสร้างเขตอาคมส่งตัวนั้นยากมาก น้อยคนนักที่จะทำได้ แต่ว่าเจ้ากลับส่งพวกเรามาที่นี่ หรืออยากจะสู้แบบหนึ่งต่อสอง” ชายชราสวมชุดคลุมจ้องมองไปที่แผ่นพราหมณ์ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของหานลี่ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“พวกเจ้าก็ไม่ใช่ร่างจริง ทำไมข้าจะต้องกลัวด้วย” หานลี่หัวเราะเบาๆ แล้วตอบกลับเสียงเรียบ
“ปากบอกไม่เป็นไร แต่เมื่อพูดเช่นนี้แล้วเจ้าต้องรับผลของการกระทำให้ได้นะ เอาชีวิตของเจ้ายกให้ข้าเถอะ” เมื่อชายชราได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโมโหมาก เขาหัวเราะเยาะแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา ด้านหลังของเขามีลำแสงสีเลือดปรากฏออกมา เมื่อมันตื่นจากภวังค์ แมลงตัวนั้นคือแมลงสีเลือดตัวหนึ่งขนาดยาวกว่าสิบจั้ง
รูปร่างของแมลงตัวนั้นไม่ได้เป็นสีเลือดสดเท่านั้น รูปร่างดูอ้วนกลมเหมือนหนอนไหม มีปากกว้างอยู่ส่วนหัว ในปากมีฟันแหลมคมมากมาย มองไกลๆ ก็ดูน่ากลัวอย่างมาก
“ตู้ม” เสียงดัง
เมื่อร่างของหนอนยักษ์ปรากฏตัวมันก็พ่นแสงสีเลือดออกมาจากในปาก
เมื่อแสงสีเลือดนั้นออกมาจากปากในระยะที่ห่างออกมาแล้ว มันก็กลายเป็นเส้นไหมสีเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาหานลี่
“มาก็ดี”
รอยยิ้มของหานลี่จางหายลง พราหมณ์ด้านหลังของเขาก็ขยับมือทั้งหกพร้อมกัน
ทันใดนั้นกลางอากาศก็เกิดเสียงดังลั่น กำปั้นแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นมา กลายเป็นลูกบอลแสงแล้วพุ่งโจมตีไปที่เส้นไหมเลือด
“ครืนเปรี้ยงๆ” เสียงดังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทันทีที่หมัดสีทองสัมผัสกับไหมสีเลือด มันก็ระเบิดออกมาทันที คลื่นอากาศพัดปลิวไปทุกที่ เส้นไหมเส้นเลือดปรากฏขึ้นมาขวางทาง
เมื่อชายชราเห็นดังนั้น เขาก็ส่งเสียงหึขึ้นจมูกสองมือร่ายคาถาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ถ่ายปราณไปที่เส้นไหมเลือด
ภาพเหตุการณ์แบบนั้นทำให้คนที่เห็นรู้สึกตกใจอย่างมาก
อยู่ๆ เส้นไหมเลือดก็เคลื่อนไหวซิกแซกเหมือนมีชีวิตขึ้นมา จากนั้นมันก็สั่นเล็กน้อยและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในตอนนั้นเอง ด้านหน้าของหานลี่ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้นเส้นไหมเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา มันพุ่งโจมตีมาที่หานลี่อย่างรุนแรงมากมายเหมือนกับฝนตก
หานลี่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยสองเท้าไม่ขยับ แต่ร่างกายของหานลี่ถอยหลังห่างไปอยู่หลายจั้ง กระบี่สีเขียวที่ซ้อนตัวเป็นรูปดอกบัวอยู่ด้านล่างของเขาก็ขยายใหญ่ออกมา กลีบแต่ละกลีบของมันกลายเป็นเกราะขึ้นมากำบังหานลี่
เส้นไหมเลือดจำนวนหนึ่งก็พุ่งตัวไปชนกับม่านกระบี่สีเขียว แต่ก็ถูกม่านนั้นทำลายทันที
เส้นไหมเลือดมีจำนวนมาก แต่ไม่มีสักเส้นที่สามารถทะลวงผ่านเกราะนั้นไปได้ พวกมันทั้งหมดกลายเป็นละอองเลือดแล้วหายไปทันที
กลิ่นคาวของเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
ชายชราที่ยืนอยู่ห่างออกไปประหลาดใจมากที่การโจมตีของตนไม่ได้ผล แต่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังขึ้นมา อีกทั้งปากเขายังพึมพำร่ายคาถาอยู่
เหมือนหานลี่จะรู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ สายตาเขาสว่างวาบขึ้นมา เขาจึงหันไปมองมารสาวมีปีกคนนั้น
จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นแสงสีฟ้า จากนั้นเขาจึงใช้จิตสัมผัสตรวจหาสิ่งผิดปกติ
แขนข้างหนึ่งมีเสียงระเบิดดัง “ตู้ม” ส่วนแขนอีกข้างก็กลับมีสายฟ้าปะทุออกมา
“เปรี้ยง”
กำปั้นเปลี่ยนเป็นแสงสีทองราวกับว่ามันทำมาจากอีกทั้งลมพายุก็พัดแรงขึ้นทันที เสียงฟ้าคำรามก็ปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกันหมัดสีทองก็โจมตีไปที่ความว่างเปล่า เกิดระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นเกิดขึ้น ท่ามกลางระลอกคลื่นนั้นมีมารสาวมีปีกปรากฏตัวขึ้นอยู่กลางวง
หมัดสีทองหายไปทันที และปรากฏขึ้นอีกครั้งต่อหน้าของร่างนั้น เขาโจมตีลงไปอย่างไม่ยั้งมือ เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้น เขาก็ส่งกำปั้นออกไปพร้อมกันราวกับนัดหมายกันเอาไว้ คนที่เห็นดังนั้นก็หน้าซีดขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่เขาขยับตัวเพียงเล็กน้อย ร่างกายของเขาก็เลือนรางอีกครั้ง หลังจากที่ลมกรรโชกแรง หมัดสีทองพุ่งเข้าโจมตีพื้นที่ความว่างเปล่าโดยตรง
ร่างคนร่างนั้นก็เลือนรางแตกสลายราวกับฟองสบู่
“หนีไปแล้ว”
หานลี่หันหลังขวับ สายตาของเขาสอดส่องไปรอบๆ เขาเลิกคิ้วแล้วร่ายคาถาพึมพำ
ในขณะที่กำลังมองหาอยู่ ระลอกคลื่นก็ปรากฏตัวขึ้น มีเงาร่างหนึ่งโผล่ออกมาอีกครั้ง เธอกำลังมองหานลี่ด้วยสายตาเย็นชาอยู่เช่นกัน
ร่างคนนั้นคือหญิงสาวเผ่ามารที่มีปีก
อีกทั้งมีผู้หญิงอีกคนปรากฏตัวเงียบๆ อยู่ข้างๆ ชายชราสวมชุดคลุม
ไม่ว่าจะหน้าตา ทรงผม เสื้อผ้า ล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น
“สามารถสร้างภาพลวงตาและการปกปิดได้ถึงระดับนี้ ผู้น้อยแซ่หานเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก หากข้าไม่ได้มีวิชาเนตรวิญญาณกระจ่างและจิตสัมผัสที่แข็งแกร่ง เกรงว่าข้าจะคิดว่าเจ้าคงอยู่ที่เดิมและไม่ได้เคลื่อนที่ไปที่ใดแล้ว” หานลี่เอ่ยเสียงเรียบ เมื่อสิ้นเสียงของเขา ทันใดนั้นเขาก็เอาปลายนิ้วแตะที่มารสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายชราเบาๆ
เสียงระเบิดดังลั่น ประจุสายฟ้าสีทองพุ่งออกมาจากปลายนิ้วโจมตีไปที่มารสาวผู้นั้นโดยตรง
“ตู้ม” เสียงดังสนั่น
หลังจากที่หญิงสาวมารที่ยืนข้างชายชราโดนการโจมตีครั้งนี้ ร่างกายของเธอก็แตกสลายไปอีกครั้ง เพราะเธอเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น
ชายชราสวมชุดคลุมและมารสาวตัวจริงเห็นดังนั้น ก็เปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย
ในตอนนั้นเองมารสาวก็เปิดปากพูดน้ำเสียงเย็นชาอย่างมาก
“ต่อให้เจ้าหลบการโจมตีครั้งนี้พ้นแต่การโจมตีครั้งต่อไปล่ะ ครั้งต่อๆ ไปล่ะ”
“ทำไม เจ้าจะใช้วิธีการโจมตีแบบเดิมอีกหรือ เจ้าคิดว่ามันจะใช้ได้ผลหรือ” หานลี่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมาเบาๆ
“แน่นอนว่าข้าจะใช้การโจมตีแบบเดิม เจ้าเตรียมตัวรับมือให้ดีก็แล้วกัน”
ปราณมารเข้มข้นไหลออกจากตัวของนาง ปีกด้านหลังสยายใหญ่ขึ้น จากนั้นเธอก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง
วินาทีต่อมา ข้างกายของหานลี่ก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น ร่างของผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้น สองมือของเธอกลายเป็นกรงเล็บสีดำแหลมคม และพุ่งเข้ามาโจมตีเข้า
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น เขาก็สะบัดแขนเสื้อทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด แสงของกระบี่สีเขียวพุ่งผ่านหน้าเขาไป มารสาวร่างนั้นขาดสองท่อนทันที แต่ก่อนที่ศพนั้นจะตกลงพื้น ร่างนั้นสลายหายไป มันเป็นภาพลวงตาอีกแล้ว ตอนนั้นเองระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ร่างของเธอก็โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า เมื่อเธอขยับกรงเล็บปราณแสงของกรงเล็บก็วิ่งตรงเข้าไปโจมตีหานลี่ทันที สีหน้าของหานลี่ไร้อารมณ์ เขาเปิดปากออกอีกครั้ง เสียงฟ้าร้องก็เกิดขึ้นประจุสายฟ้าสีทองก็ปรากฏกายออกมาแล้วพุ่งเข้าโจมตีมารสาวมีปีกทันที แต่ที่โจมตีไป นั่นก็ไม่เห็นร่างหลักอีกแล้ว
อีกทั้งตอนนี้ด้านบนของหานลี่ก็มีมารสาวตนนี้ปรากฏตัวเพิ่มอีกหนึ่งตน เมื่อสองปีกของเธอสะบัดอย่างแรง แสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งโจมตีลงไปที่หานลี่ และในตอนนั้นเธอเองก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยความสามารถหลบหนีที่เหนือชั้นเธอค่อยๆ ปรากฏตัวเพิ่มขึ้นรอบๆ ตัวของหานลี่ หานลี่จึงใช้วิชาพายุโจมตีมารสาวทุกตัวในคราเดียว แต่เหมือนว่าร่างหลักจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
“น่าสนุกดีนี่ ทันทีที่โจตีเสร็จก็รีบหายตัวไป เหลือเพียงภาพลวงตาที่ทำให้ศัตรูสับสน วิธีนี้น่าสนใจดี แต่วิชานี้ก็ต้องเก่งถึงขั้นทำร่างจริงกับร่างแยกให้เหมือนกันที่สุด ถึงจะสามารถหลอกศัตรูได้ แต่วิธีนี้น่ะ ใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก” แววตาของหานลี่เปล่งประกายเล็กน้อย เขาพูดอย่างสนใจในเคล็ดวิชา แขนทั้งหกของพราหมณ์ก็เริ่มขยับทันทีจากนั้นในมือของเขาก็ปรากฏกระบี่ยักษ์สีขาวเล่มหนึ่งขึ้นมาฟาดฟันทุกสิ่ง
เมื่อมารสาวมีปีกเห็นดังนั้นก็หวั่นใจอย่างมาก ร่างกายของเธอยังคงปรากฏตัวใกล้ๆ กับหานลี่ แต่หากความเร็วในการหลบหนีของเธอกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การโจมตีรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามีคนทั้งเจ็ดคนโจมตีพร้อมกันในครั้งเดียว
แต่หานลี่ก็ตั้งรับได้อย่างมั่นคงราวกับภูเขาไท่ซาน เนื่องจากเป็นการโจมตีต่อเนื่อง ความเร็วในการโจมตีก็เริ่มช้าลง เขาหัวเราะเสียงเย็นแล้วพลิกฝ่ามือขึ้น ภูเขาสีดำขนาดเล็กปรากฏอยู่ที่กลางมือของเขา
แต่ก่อนที่เขาจะส่งพลังกระตุ้นไปที่ภูเขาปราณลูกนั้น ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็มีรอยแตกส่งเสียงดัง
“เปรี๊ยะๆ”
ประจุสายฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏออกมาจากร่างกาย และกลายเป็นเสื้อคลุมสีทองห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ เกือบจะในเวลาเดียวกัน หมอกเลือดจางๆ ก็รวมตัวกันกลายเป็นเส้นไหมเลือด มันพุ่งโจมตีเข้าหาหานลี่เหมือนกับงูที่มีชีวิต
ถ้าหานลี่รู้ตัวช้ากว่านี้อีกสักนิด เกรงว่าเขาจะโดนลอบกัดไปเสียแล้ว
ในตอนนี้เขาทำได้เพียงกระตุ้นปราณที่อยู่ในร่างกาย ทำให้เสื้อคลุมประจุสายฟ้าขยายใหญ่ขึ้น และรับการโจตีของเส้นไหมเลือดได้พอดี
“ฟ่อๆ” หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น เส้นไหมเลือดเหล่านั้นไม่สามารถโจมตีเข้าไปที่ด้านในของเสื้อคลุมได้ มันก็สลายหายไป ทันทีที่หมอกเลือดกระจายตัว หานลี่ก็ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกสีเลือดเหล่านั้น เพียงไม่นานหมอกสีเลือดก็หนาแน่นขึ้น จากนั้นก็มีอักษรรูนสีเลือดจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ปรากฏอยู่รอบๆ
ชายชราสวมชุดคลุมที่ยืนอยู่ห่างออกไปก็กระตุ้นคาถาไม่หยุด ตะโกนไปหามารสาวว่า
“แม่นางหลิง หากเจ้าไม่ใช่วิชานั้นตอนนี้ เจ้าจะใช้เมื่อไรกัน”
“หึ เจ้าไม่ต้องพูด ข้าก็จะทำอยู่แล้ว”
นางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา พริบตาเดียวร่างของนางก็แยกเป็นเจ็ดตน ยืนอยู่รอบๆ หมอกสีเลือด เมื่อมารทั้งเจ็ดปรากฏตัวพร้อมกันแล้ว แต่ละตนก็ใช้มือประกบเข้าด้วยกัน จากนั้นธงมารสีแดงดำก็ปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็โยนมันขึ้นบนท้องฟ้าเหนือหมอกโลหิตเหล่านั้น ธงทั้งเจ็ดผืนมีความยาวเพียงไม่กี่ชุนเท่านั้น ธงแต่ละผืนมีลวดลายวงแหวนมารสีแดงสด หลังจากโยนมันออกไปแล้ว พวกมันก็กลายร่างเป็นลูกบอลสีแดงดำเจ็ดลูก และหมุนวนไปเรื่อยๆ
อีกทั้งมารสาวทั้งเจ็ดตน ปากก็ท่องคาถา สิบนิ้วชี้ไปที่ธงผืนนั้น
ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดดัง “ตู้มๆ” ก็ดังต่อเนื่องขึ้นเจ็ดครั้ง
ธงมารที่ลอยอยู่ด้านบนก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย กลายเป็นค่ายกลม่านแสงสีดำแดงเจ็ดอันปรากฏขึ้นมาแทนตรงกลางของค่ายกลนั้นมีเปลวเพลิงสีเลือดลุกโชนขึ้น