A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2165 มหาสงครามแดนพฤกษา (12)
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2165 มหาสงครามแดนพฤกษา (12)
หลังจากลูกบอลสีทองกะพริบแปร๊บๆ แล้ว จากนั้นมันก็กลายเป็นปราณปกคลุมชายชราผู้นั้น
“เปรี้ยงๆ” เสียงฟ้าผ่าดังสนั่น ลูกบอลแสงทั้งหกลูกระเบิดออกมาพร้อมกัน กลายเป็นคลื่นสีทองโจมตีเข้าที่ชายชราผู้นั้น
ของวิเศษของชายชราผู้นั้นถือเป็นของระดับสูงจึงมีความสามารถในการป้องกัน ในตอนที่ระเบิดออกมา เขากัดลิ้นตัวเองเพื่อให้มีเลือดออก แล้วพ่นเลือดเหล่านั้นเข้าไปในแก่นโลหิต
ทันใดนั้นเอง เกราะเลือดก็ควบรวมตัวอยู่ด้านหลังของชายชรา
แสงสีทองโจมตีที่ไปที่เกราะเลือดอย่างรุนแรง มันสามารถป้องกันได้ แต่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ยังมีแสงสีทองอีกจำนวนหนึ่งทะลุเกราะเข้ามาโจมตีชายชราได้
ชายชราสวมชุดคลุมรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่อยู่ด้านหลัง เขายืนหยัดอยู่ที่เดิมไม่ไหว เขาไถลตัวไปด้านหน้าหลายก้าว ในตอนนั้นเองเขารู้สึกเจ็บคอ จากนั้นก็กระอักเลือดสีแดงดำออกมาคำโต ทำให้เขาสติหลุดไประยะหนึ่ง
ตอนนั้นเองลิงยักษ์ตัวใหญ่ก็ก้าวเดินออกมา จากนั้นก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของชายชรา มือที่เต็มไปด้วยขนของเขาก็เปล่งประกายสีทองราวกับสายฟ้า
ชายชราเผ่ามารตกใจอย่างมาก เขาคิดจะหลบแต่มันก็สายไปแล้ว นิ้วมือทั้งห้าของมันแทงทะลุหน้าอกพร้อมควักหัวใจเขาออกมา
ทันใดนั้นเปลวไฟสีเงินก็ลุกท่วมออกมาจากฝ่ามือนั้น ชั่วพริบตาเดียวหัวใจและร่างกายของชายชราผู้นั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลี ขนาดจิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดก็ยังหนีไม่ทัน
ระยะเวลาในการสังหารชายชราผู้นี้ผ่านไปแค่เสี้ยววิเท่านั้น
มารสาวทั้งเจ็ดที่อยู่ด้านล่างก็เพิ่งจะรู้สึกตัว เมื่อเห็นชายชราตายอย่างน่าอนาถเช่นนั้น ใบหน้าก็แสดงความหวาดกลัวขึ้นมา
หลังจากที่มารสาวทั้งเจ็ดส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมกัน ในขณะเดียวกันปีกทั้งสองข้างก็กระพือขึ้น จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงเจ็ดเส้นที่กำลังจะหลบหนี นางไม่มีแผนที่ต่อสู้อีกแล้ว มีเพียงหลบหนีเท่านั้น
“คิดจะหนีหรือ เจ้าคิดว่าวิชาลวงตาแค่นี้ จะหนีข้าพ้นหรือ” หานลี่ที่กลายร่างเป็นลิงยักษ์ก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่แสงเจ็ดสาย ตาเขม็ง จากนั้นก็มีเสียงร้องคำราม ปีกคริสตัลขนาดใหญ่ก็โผล่ออกมา เมื่อมันขยับปีก ลูกบอลสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏออกมา
เมื่อมีเสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้น ลูกบอลสายฟ้าก็กลายเป็นสายฟ้าสีเงินขาวระเบิดขึ้น ร่างของวานรยักษ์เริ่มเลือนราง จากนั้นก็ไปปรากฏอยู่ด้านบนของมารสาวมีปีกที่บินออกหลายร้อยชุนแล้ว
เมื่อสายฟ้าแลบผ่านไป ร่างวานรก็ปรากฏตัวขึ้น
เมื่อสตรีเผ่ามารเห็นดังนั้นก็หน้าถอดสี เพิ่มความเร็วในการหลบหนี แต่มันก็ยังช้าไปอยู่ดี
หลังจากวานรยักษ์ส่งเสียงคำรามออกมาแล้ว ขนทั่วทั้งร่างกายของเขาก็พองขึ้น ร่างขยายใหญ่มากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว
อุกกาบาตสีทองสองลูกในกำมือของเขาก็โจมตีไปที่มารสาวผู้นั้น
ก่อนที่มันจะถึงตัวมารสาว ก็มีเกราะที่มองไม่เห็นปกคลุมมารสาวเอาไว้ ความเร็วในการหลบหนีของนางก็น้อยลงไปทันที
สตรีผู้นั้นใบหน้าซีดเผือด ส่งเสียงกรีดร้องเล็กแหลม มารสาวอีกหกตนที่เหลือก็ถูกทำลายหายไปทันที
มารสาวที่วานรยักษ์ตัวนั้นได้โจมตีไป อยู่ๆ นางก็แผ่ปราณมารเข้มข้นออกมา นางชูมือขึ้นนางอากาศ ปราณแสงสีดำปรากฏออกมาสองลูกมีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น เมื่อปราณนั้นถูกส่งออกไป เกิดแรงสะเทือนจนขนนกร่วงหล่นลงมาจำนวนมากราวกับฝนตก
“ฟู่ ฟู่” เสียงดังแหวกอากาศ จากนั้นก็มีเสียงปะทะกันติดต่อกันสองครั้งดัง “ตู้ม ตู้ม”
ในตอนที่ปราณลูกบอลสีดำสองลูกปะทะกับหมัดสีทองขนาดใหญ่ พริบตาเดียวก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เปลวเพลิงสีดำสนิทกระจายไปทั่วท้องฟ้า
แสงสีดำสนิทค่อยๆ ลอยเข้าไปในเพลิงมารสีดำ สิ้นเสียงดังสนั่น ปราณที่น่ากลัวจางหายไป และแรงกดดันที่อยู่โดยรอบก็หายไปด้วย
มารสาวมีปีกรู้สึกดีใจขึ้นมา เธอไม่พูดพร่ำทำเพลงควบคุมสายรุ้งหนีไปทันที แต่เธอเพิ่งหนีมาได้ไม่กี่เมตรเท่านั้นก็ได้เสียงดังแหวกอากาศมาจากด้านบนของเธอ
แสงสีทองสว่างวาบออกมา หมัดขนาดใหญ่ลอยออกมาจากเปลวเพลงสีดำพุ่งตรงมาทางนี้ โดยที่หมัดนั้นมีประกายไฟสีเงินติดออกมาด้วย
“แย่แล้ว”
เมื่อมารสาวมีปีกเห็นหมัดนั้นเธอก็รับรู้ได้ถึงพลังอันมหาศาล ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องขึ้นดังลั่น เกราะสีเขียวปรากฏขึ้น มันมีขนาดไม่กี่จั้ง บดบังท้องฟ้าเอาไว้ กลายเป็นเกราะสงคราม ปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ของร่างกาย
“ตู้ม” เสียงระเบิดดังขึ้น
เกราะสีเขียวแตกกระจายทันที ทำให้มารสาวมีปีกโดนหมัดสีทองของวานรยักษ์โจมตีอย่างรุนแรง จนกลายเป็นแค่ก้อนสีดำ ร่วงหล่นจากพื้น
เสียงหล่นกระทบพื้นดังลั่นพื้นป่าด้านล่างเกิดหลุมขนาดใหญ่เป็นรูปของมนุษย์
มารสาวตนนั้นโดนโจมตีจนตัวกระแทกพื้น เธอไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้น เส้นลมปราณอ่อนแรง นางไม่สามารถขยับตัวได้ชั่วครู่
ลมพายุที่อยู่ด้านบนปะทะกับเปลวเพลิงอย่างแรงจนทำให้เพลิงสีดำนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย
วานรยักษ์ในตอนนี้ค่อนข้างแตกต่างจากครั้งก่อนๆ มาก ตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายของเขาปกคลุมด้วยเกล็ดสีทอง บนหัวมีเขางอกออกมาคู่หนึ่ง ระหว่างคิ้วกลางหน้าผากมีดวงตาสีดำดั่งปีศาจ
“นิพานเปลี่ยนร่าง”
มารสาวมีปีกเห็นรูปร่างมารของวานรยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัวจนสติหายไป
แต่วานรยักษ์ตัวนั้นกลับยิ้มเยาะ นิ้วมือสีทองทั้งห้านิ้วกดลงมา
“ตู้ม” เกิดเสียงระเบิดดังลั่น
ภายในรัศมีร้อยลี้นี้เกิดแรงสะเทือนอย่างรุนแรง ต้นไม้ที่อยู่ภายใต้ฝ่ามือก็แหลกละเอียดไปทันที จากนั้นก็ปรากฏรอยฝ่ามือขนาดหนึ่งหมู่ขึ้นอย่างชัดเจนตรงพื้นดิน
มารสาวมีปีกที่อยู่ตรงกลางของรอยฝ่ามือนั้น เธอไม่ทันได้ส่งเสียงด้วยซ้ำก็ถูกบดขยี้เป็นก้อนเนื้อเละๆ จิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดปราณก็ถูกบดขยี้ไปพร้อมกัน
วานรยักษ์ที่เห็นดังนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอกจากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งร่ายคาถา ขนาดของร่างกายก็หดเล็กลง กลับคืนสู่ร่างมนุษย์ทั่วไป
หานลี่มองไปด้านล่างอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็สะบัดนิ้วมือเล็กน้อย
“ฟิ้ว” สร้อยข้อมือมิติที่หล่นอยู่ที่พื้นก็ลอยมาอยู่ในมือของหานลี่
ในขณะเดียวกันก็มีสะเก็ดไฟสีเงินตกลงไปพร้อมกันด้วย
“ฟู่ๆ” ศพของมารสาวมีเปลวเพลิงสีเงินลุกท่วมอยู่ จากนั้นก็หายไปพร้อมกับควันสีคราม
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นที่ข้างกายของหานลี่ พร้อมยื่นสร้อยมิติและขวดโอสถหยกขาวให้หานลี่ด้วยความเคารพ
นั้นคือร่างวิญญาณที่เขาปล่อยไปเพื่อลอบโจมตีชายชราเผ่ามาร
คนที่ควบคุมร่างวิญญาณนี้ก็คือ แม่นางฉวี่เอ๋อร์
ส่วนแผ่นพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรนั้น ก็กลับเข้ามาอยู่ในร่างกายของหานลี่อย่างเงียบๆ ตั้งแต่ตอนที่เขานิพานเปลี่ยนร่างแล้ว
หานลี่ใช้จิตวิญญาณกวาดสายตาสำรวจสร้อยข้อมือมิติอย่างรีบร้อน และเก็บขวดโอสถหยกขาวไว้โดยไม่พูดอะไร เขาให้ร่างวิญญาณกลับเข้ามาในมิติและควบคุมสายรุ้งเดินทางจากไปทันที
ระยะห่างหมื่นลี้ สำหรับผู้มีพลังอย่างหานลี่ ก็ถือว่าไม่ไกลมาก ดังนั้นเขาจึงเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว
สัญญาณชีพของชายชราสวมชุดคลุมและมารสาวมีปีกหายไปแทบจะในเวลาไล่เลี่ยกัน หลังจากที่มารสาวร่างเล็กสัมผัสได้ นางก็ตระหนกอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นมาว่า
“แย่แล้ว ไม่สามารถติดต่อสหายทั้งสองท่านได้แล้ว พวกเขาจะต้องเกิดเรื่องแน่นอน พวกเราไม่ต้องต่อสู้กับเซียนจอมปลอมนี่แล้ว รีบไปกันเถอะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงมารสาว เขาเตรียมเก็บของวิเศษกลับมา เมื่อนางสะบัดแขนเสื้อ แสงสีทองก็ปรากฏออกมากลายเป็นล้อเลื่อนสีทอง
ล้อสีทองส่งเสียงดังขึ้น จากนั้นก็ห่อหุ้มตัวของมารสาวร่างเล็กเอาไว้ ทันใดนั้นเองนางก็พุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
เมื่อชายฉกรรจ์สวมชุดเกราะและชายหนุ่มสามตาได้ยินดังนั้น พร้อมกับเห็นการกระทำของมารสาวก็ตกใจมากจนหน้าเปลี่ยนสี
หลังจากที่พวกเขากระตุ้นปราณมารและปล่อยสายฟ้าสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าโจมตีปูยักษ์แล้ว พวกเขาก็ควบคุมสายรุ้งแล้วมุ่งหน้าไปอีกทางหนึ่งทันที
ในตอนที่มารหนุ่มทั้งสองโจมตีใส่นักพรตเซี่ย กระบี่บินสีเขียวก็พุ่งไปขวางทางเขาด้วยความรวดเร็ว
“ในเมื่อทางนั้นได้ผู้ชนะแล้ว เช่นนั้นสหายทั้งสามก็รออยู่ที่นี่อย่างว่าง่ายดีกว่านะ” ปูสีทองพ่นประจุสายฟ้าออกมาอย่างบ้าคลั่ง การโจมตีถูกปล่อยออกได้อย่างง่ายดายโดยเขาไม่แม้จะเปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
ทันทีที่เขาพูดจบ วงแหวนสีเงินก็ปรากฏขึ้นบนกระดองปูของเขา จากนั้นมันก็หมุนวนไปแล้วลอยขึ้นท้องฟ้าและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
วินาทีถัดมาก็เกิดลมพายุพัดอย่างรุนแรง เมฆฝนปกคลุมทั่วท้องฟ้า ค่ายกลอัสนีขนาดหนึ่งหมู่ก็ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ หลังจากเสียงฟ้าร้องคำรามแล้ว สายฟ้านับพันก็ผ่าลงมา แทบจะครอบคลุมทุกพื้นที่ของค่ายกลนี้
มารทั้งสามที่กำลังจะหลบหนีก็ตกใจอย่างมาก จึงต้องหยุดฝีเท้าอย่างช่วยไม่ได้ และค่อยกระตุ้นวิชามารต่างๆ เพื่อป้องกันตัวเองจากสายฟ้าเหล่านั้น
แต่กลางอากาศมีประจุสายฟ้ามากเกินไป มีมากเท่ากับเม็ดฝน แม้ว่าระดับของมารทั้งสามจะอยู่เหนือผู้ฝึกตนทั่วไป แต่เมื่อเขาอยู่ภายใต้สายฟ้านับพันเขาก็แทบจะเอาตัวเองไม่รอด ทำได้เพียงสร้างเกราะเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น
ในตอนนี้เขาจะทำการหลบหนีได้อย่างไร
แต่ว่าวิชาที่ท้าทายกฎธรรมชาติแบบนั้น นักพรตเซี่ยผู้นี้ไม่มีวันยืนหยัดได้นานหรอก
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน เสียงฟ้าร้องก็สงบลง หลังจากสายฟ้าส่องสว่างแปร๊บๆ ไม่กี่ครั้ง ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
มารทั้งสามเมื่อเห็นดังนั้นก็รู้สึกดีใจอย่างมาก ในตอนที่พวกเขากำลังจะกระตุ้นสายรุ้งเพื่อหลบหนีอีกครั้ง กลับมีเสียงของชายหนุ่มกล่าวเรียบๆ อยู่เหนือศีรษะของเขา
“สหายทั้งสามจะรีบไปที่ไหนกันหรือ ในเมื่อข้าผู้น้อยแซ่หานมาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นข้าจะเป็นคนส่งพวกท่านไปเองก็แล้วกัน”
กลางอากาศเกิดระลอกคลื่นขึ้นอีกครั้ง ร่างคนเงาสีเขียวก็ปรากฏขึ้น เขากวาดสายตามองมารทั้งสามด้วยความเย็นชา