A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2193 โจมตีจนแตกกระเจิง
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2193 โจมตีจนแตกกระเจิง
“สู้ เทวรูปศักดิ์สิทธิ์!”
แม้ว่าตู้อวี่จะตกตะลึงจนถึงขีดสุด แต่เห็นฝ่ามือยักษ์สีม่วงทองยังคงร่อนลงมาอย่างไม่มีทีท่าจะยั้งมือ ก็ทำได้เพียงร้องคำรามอย่างไร้สุ้มเสียง
สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นหน้าผากพลันเปิดออก ทารกวิญญาณสีขาวความสูงครึ่งฉื่อพลันเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏออกมา
ทารกวิญญาณนี้หน้าตาเหมือนกับตู้อวี่ เมื่อปรากฏตัวก็อ้าปากด้วยสีหน้าร้อนรน พ่นโลหิตบริสุทธิ์สีทองเรืองรองออกมา ชั่วพริบตาที่โลหิตบริสุทธิ์ออกมาจากปาก กายเนื้อชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาของตู้อวี่ที่อยู่ด้านล่างก็ซูบผอมไปสามส่วน ชั่วครู่ก็แก่ชรากว่าก่อนหน้าไปสิบกว่าปี และยิ่งไปกว่านั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ
และในยามนี้ทารกวิญญาณของตู้อวี่ก็หยักไหล่ แผ่รัศมีลำแสงสีขาวออกมาจากผิว คาดไม่ถึงว่าจะเลือนรางกลายเป็นเงาร่างสีขาวสูงสิบจั้งเศษ ยืนสูงตระหง่านอยู่กลางอากาศเหนือชายหนุ่มชุดขาว
เงาร่างยักษ์ชัดเจนราวกับคนจริง แต่ใบหน้าเลือนราง มองเห็นเครายาวสามจุด สวมชุดนักปราชญ์สีขาว ศีรษะสวมหมวกนักปราชญ์ เรือนกายแผ่กลิ่นอายบริสุทธิ์ที่อธิบายไม่ถูกออกมา
แต่เงาลวงตานักปราชญ์ผู้นี้แค่ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ ไม่ไหวติงราวกับสิ่งที่ตายไปแล้วก็ไม่ปาน
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ตู้อวี่ที่อยู่ด้านล่างพลันชี้ไปกลางอากาศ
เมื่อโลหิตบริสุทธิ์สีทองระเบิดออก ก็กลายเป็นอักขระยันต์สีทองขนาดใหญ่ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างเงานักปราชญ์ด้านบน
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น
ใบหน้าของเงานักปราชญ์สีขาวมีผลึกลำแสงหมุนวนโคจร กลายเป็นใบหน้าสง่างามหลับตาทั้งสองข้างลง สีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบ
กลางอากาศมีพลังแรงกดที่น่ากลัวกระเพื่อมมา
มือยักษ์สีม่วงทองหุบนิ้วทั้งห้า อยู่ห่างจากเงานักปราชญ์สีขาวไปไม่ถึงเจ็ดแปดจั้ง
ภายใต้พลังมหาศาลอันน่ากลัวที่แผ่ลงมาด้านล่าง หลังจากที่ร่างเทวรูปนักปราชญ์สีขาวสั่นเทา ก็เริ่มเลือนราง คาดไม่ถึงว่าจะถูกกดจนแตกสลายออก
และในยามนี้เทวรูปศักดิ์สิทธิ์นักปราชญ์ก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น เผยลูกตาสีเงินบริสุทธิ์ออกมา และยิ่งไปกว่านั้นยังแค่นเสียงต่ำๆ สะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่งไปกลางอากาศ มืออีกข้างหนึ่งตะปบไปตรงหน้า
ชั่วขณะนั้นแขนเสื้อสีขาวพลันมีม่านหมอกสีขาวบริสุทธิ์ม้วนวนออกมา รวมตัวกันกลางอากาศกลายเป็นมือยักษ์สีขาวข้างหนึ่ง โจมตีไปทางฝ่ามือสีม่วงทองที่อยู่กลางอากาศอย่างแรง
เทวรูปนักปราชญ์ยื่นมืออีกข้างออกมา แต่กลับมีพลังวิญญาณฟ้าดินม้วนวน ระเบิดลำแสงสีขาวที่เจิดจ้าจนแสบตาออกมา จากนั้นก็หม่นแสงลง กลางฝ่ามือมีพู่กันห้าสีด้ามหนึ่งปรากฏขึ้น
เสียง “ปัง” ดังสะเทือนเลื่อนลั่น!
ในที่สุดฝ่ามือยักษ์สีขาวและฝ่ามือยักษ์สีม่วงก็ปะทะกัน หลังจากระลอกคลื่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง ม่านลำแสงทั้งฉากก็สั่นสะเทือน
แต่ฝ่ามือยักษ์สีม่วงทองแค่หยุดชะงักเล็กน้อย ไม่อาจต้านทานอานุภาพได้ ชั่วพริบตานั้นฝ่ามือยักษ์สีขาวก็ตะปบจนแหลก แล้วตะปบไปด้านล่างอีกครั้ง
ทว่าการขัดขวางนี้เทวรูปศักดิ์สิทธิ์พลันใช้มือหนึ่งกวักเรียก สมบัติสองชิ้นที่บินวนโคจรเหนือศีรษะของตู้อวี่ส่งเสียง “สวบ” เปล่งแสงสว่างวาบมาอยู่ตรงหน้าเขา หลังจากที่หมุนคว้างในเวลาเดียวกันก็แผ่รัศมีลำแสงออกมา
แขนเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ขยับ พู่กันห้าสีในมือสั่นเทาแล้วจุ่มไปที่แท่นฝนหมึก หลังจากที่ชุ่มไปด้วยน้ำหมึกสีเงิน ก็สะบัดออก ชี้ไปทางคัมภีร์หยกที่เปิดอยู่
หลังจากเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตดังขึ้น คัมภีร์หยกแผ่รัศมีห้าสีออก อักขระยันต์สีเงินขนาดใหญ่ทะลักออกมา หลังจากที่บินมาอยู่กลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นตัวอักษรคำว่า ‘นักปราชญ์’ สีเงินระยิบระยับขนาดสองสามหมู่
หลังจากที่ฝ่ามือยักษ์สีม่วงทองเปล่งแสงสว่างวาบ นิ้วทั้งห้าก็ตะปบไปที่คำว่า ‘นักปราชญ์’ ยักษ์ราวกับตะขอ
ตัวอักษรยักษ์ส่งเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ชั่วขณะนั้นพลังปราณฟ้าดินในม่านลำแสงพลันทะลักไปด้านในอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ตัวอักษรคำว่า ‘นักปราชญ์’ ยักษ์ขยายใหญ่ขึ้นกว่าครึ่ง
รัศมีลำแสงสีทองและเงินเปล่งแสงสว่างวาบกลางอากาศไม่หยุด ยามนั้นฝ่ามือยักษ์สีม่วงทองไม่อาจร่อนลงมาได้
“น่าสนใจ! ทว่าอาศัยแค่อิทธิฤทธิ์แค่นี้ก็คิดจะรับการโจมตีของข้า มันเป็นไปไม่ได้” หานลี่มองเห็นสถานการณ์นี้ก็อดที่จะหัวเราะน้อยๆ ออกมาไม่ได้
สิ้นเสียงนิ้วของเขาก็ชี้ออกไปโดยไม่มีแม้แต่เปลวเพลิง
หลังจากที่อาคมกึ่งโปร่งใสสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศ นิ้วทั้งห้าบนฝ่ามือยักษ์สีม่วงทองก็สั่นเทา ปลายนิ้วมีลวดลายสีเงินรวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่าจะมีเขตอาคมรูปทรงแปลกประหลาดปรากฏขึ้น และระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา
ลูกบอลลำแสงสีทองห้าลูกปรากฏตัวขึ้น ขยายใหญ่ขึ้น แค่สองสามชั่วอึดใจก็กลายเป็นลำแสงยักษ์เส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วรวมตัวกัน
ลำแสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าจนแสบตา ชั่วพริบตาระลอกคลื่นยักษ์สีทองก็ปรากฏขึ้นในมือยักษ์สีม่วงทอง และหมุนคว้าง
เสียงอึกทึกดังขึ้น บรรยากาศทั้งหมดเลือนราง ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลที่ใหญ่กว่าก่อนหน้าหลายเท่าก็ทะลักออกมา
แม้ว่า ‘นักปราชญ์’ สีเงินจะมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก และยังดูดซับพลังปราณฟ้าดินจำนวนมากเข้าไป แต่ภายใต้การโจมตีด้วยพลังมหาศาลเช่นนี้ กลับไม่อาจประคับประคองต่อไปได้
ได้ยินเพียงเสียง “ปัง” ดังขึ้น ตัวอักษรคำว่า ‘นักปราชญ์’ ปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้อีกพลันกดไปที่เทวรูปนักปราชญ์ด้านล่าง
อากาศด้านล่างบิดเบี้ยว เทวรูปนักปราชญ์สีขาวบิดเบี้ยวแล้วระเบิดออก
เสียงร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น!
ลำแสงสีขาวที่ห่อหุ้มคนตัวเล็กสีขาวลางๆ พุ่งลงมาด้านล่าง แค่กะพริบวาบก็จมหายเข้าไปในกายเนื้อของตู้อวี่อีกครั้ง
กายเนื้อของตู้อวี่ที่เดิมนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน กะพริบตาปริบๆ ฟื้นฟูสติสัมปชัญญะกลับมา
แต่เมื่อเขาได้สติกลับคืนมากลับอ้าปากออก พ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาสองสามครั้ง กลิ่นอายบนเรือนร่างเปลี่ยนเป็นอ่อนแออย่างหาที่เปรียบ
เห็นได้ชัดว่าการที่เทวรูปนักปราชญ์ถูกทำลายเมื่อครู่ทำให้ทารกวิญญาณของเขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
มือยักษ์สีม่วงทองกางนิ้วทั้งห้าออก ห่อหุ้มร่างตู้อวี่เอาไว้
ชั่วขณะนั้นตู้อวี่พลันรู้สึกเพียงว่าบรรยากาศรอบด้านแข็งตัว แม้แต่นิ้วก็ไม่อาจขยับได้เลยสักนิด ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันซีดขาว แม้แต่สีโลหิตก็ไม่มี
และในยามนี้มือยักษ์สีม่วงทองที่แต่เดิมร่อนลงมาพลันหยุดชะงัก คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันอยู่ที่เดิม แล้วไม่ร่อนลงมาอีกแม้แต่นิด
ระลอกคลื่นสีทองเปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไป แต่พลังมหาศาลที่ทะลักออกมาจากฝ่ามือกลับยังคงรวมตัวกันอยู่ด้านล่าง คาดไม่ถึงว่ากักตู้อวี่ให้อยู่ที่เดิม
ถึงยามนี้ผู้ใดชนะผู้ใดพ่ายแพ้ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว
อาวุโสกู่และพวกที่อยู่ด้านนอกรัศมีลำแสง แม้ว่าจะมีรัศมีลำแสงป้องกันขวางกั้นอยู่ จนไม่อาจสัมผัสอานุภาพมหาศาลที่หานลี่ลงมือเมื่อครู่ได้ แต่เห็นเทวรูปศักดิ์สิทธิ์และสมบัติวิเศษของตู้อวี่ไม่อาจรับการโจมตีที่สบายๆ ของหานลี่ได้ ท่าทางเหมือนมีพลังแตกต่างกันมาก ล้วนตกตะลึง
“ระดับมหายาน!”
ครานี้อาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์พลันตกตะลึง ในหัวพลันเกิดความคิดไม่อยากจะเชื่อผุดขึ้นมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองและฮูหยินอัปลักษณ์ยิ่งอ้าปากค้างมองอยู่ด้านนอกรัศมีลำแสง ในหัวแทบจะเปลี่ยนเป็นขาวโพลน
ทั้งสองที่รู้จักพละกำลังของตู้อวี่ดีไม่อยากจะเชื่อผลลัพธ์ตรงหน้าจริงๆ ส่วนนักพรตเซี่ยและอิ๋นเย่ว์ย่อมมีสีหน้าราบเรียบกับสถานการณ์นี้
จากอิทธิฤทธิ์ของหานลี่ที่บรรลุระดับมหายาน การต่อกรกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์คนหนึ่ง หากไม่อาจโจมตีให้แตกกระเจิงได้ ก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติแล้ว
ยามนี้แววตาของหานลี่พลันเปล่งประกายในม่านลำแสง และไม่ได้มองตู้อวี่ที่ถูกกักเอาไว้สักนิด กลับกวาดสายตาไปที่สมบัติสองชิ้นข้างกายแวบหนึ่ง
สมบัติคัมภีร์หยกและแท่นฝนหมึกสูญเสียการควบคุมจากเจ้าของไป ยามนี้ลำแสงพลันมืดมนลง บินวนโคจรอยู่รอบกายของตู้อวี่ คาดไม่ถึงว่ามีท่าทีเหมือนมีสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยม
หานลี่เองก็ไม่พูดจา มือหนึ่งกวักไปทางสมบัติวิเศษสองชิ้นเบาๆ
ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ปรากฏขึ้น แต่พลังมหาศาลไร้รูปร่างกลับร่อนลงบนสมบัติทั้งสองชิ้น
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น สมบัติทั้งสองชิ้นกลายเป็นลำแสงสองลูกพุ่งมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกดูดเข้ามาในฝ่ามือของหานลี่
มือหนึ่งถือเอาไว้
ทั้งสองกะพริบแสงวาบๆ อยู่ในฝ่ามือ และบิดเบี้ยวไปมา ท่าทางดิ้นรนคิดหลบหนี
หานลี่เห็นเช่นนั้นไม่โกรธแต่กลับยินดี สองมือประสานกัน นำสมบัติทั้งสองไว้ระหว่างฝ่ามือ
ชั่วขณะนั้นสมบัติทั้งสองพลันส่งเสียงร้องคร่ำครวญ รัศมีลำแสงที่ผิวสลายหายไป ไม่ดีดตัวไปมาระหว่างฝ่ามืออีก
“ในเมื่อกล้าลงมือกับข้า สองสิ่งนี้ก็เก็บไว้ที่ข้าชั่วคราวก็แล้วกัน เจ้าบรรลุระดับมหายานตั้งแต่เมื่อไหร่ ค่อยมาเอาที่ข้าก็แล้วกัน” หานลี่เอ่ยกับตู้อวี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างราบเรียบ สะบัดแขนเสื้อ แล้วเก็บสมบัติทั้งสองชิ้นเข้าไปในแขนเสื้อด้วยท่าทีทระนงองอาจ แล้วสาวเท้าไปก้าวหนึ่ง ร่างเลือนรางสลายหายไปจากที่เดิม
ครู่ต่อมาด้านข้างอาวุโสกู่และพวกที่รออยู่ด้านนอกม่านลำแสงพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของหานลี่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ
“สหายหาน หรือว่าเจ้าบรรลุระดับมหายานแล้ว” ชายชราผมสีเงินจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของหานลี่ ใช้น้ำเสียงร้อนรนเอ่ยถามหานลี่
คนอื่นที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ยินคำนี้ ก็มองไปทางนั้นด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบเช่นกัน
“หึๆ ผู้แซ่หานโชคดี ทะลวงจุดคอขวดสำเร็จบรรลุระดับมหายานเมื่อสองสามเดือนก่อน” หานลี่หัวเราะน้อยๆ แล้วตอบกลับอย่างไม่รีบร้อน และครู่ต่อมากลิ่นอายระดับมหายานที่เก็บเอาไว้ในร่างก็แผ่ออกมาอย่างไม่ปกปิดใดๆ อีก
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
พลังแรงกดอันน่ากลัวที่ดูเหมือนจะบีบทุกอย่างให้แหลกละเอียด พลันปกคลุมไปทั่วทั้งตำหนัก
ชั่วขณะนั้นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ที่ยืนอยู่ในตำหนักรู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามีพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ทะลักออกมา ร่างกายทยอยกันล้ม “ตึงๆ” ไปโดยไม่อาจยืนให้มั่นคงได้
“อันใด พี่หานเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานแล้วจริงๆ หรือ ไม่…น่าจะ…น่าจะกล่าวได้ว่าท่านอาวุโสหาน ก่อนหน้านี้ผู้แซ่กู่เสียมารยาท หวังว่าท่านอาวุโสหานจะโปรดอภัยและไม่ถือสา”
แม้ว่าชายชราผมสีเงินจะคาดเดาเอาไว้ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้ข้อยืนยันจากปากของหานลี่ หลังจากที่เห็นกลิ่นอายน่ากลัวของเขา ก็อดที่จะหน้าถอดสีไม่ได้ หลังจากที่ยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ก็รีบเอ่ยทำความเคารพ น้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อย
และในยามนี้ปรมาจารย์จินเย่ว์ เซียนอิ๋นกวงและอาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์ก็ไม่สงสัยอีก หลังจากที่กลับมายืนตัวตรงได้ ก็ทยอยกันคารวะด้วยความตกตะลึงระคนดีใจ
มีเพียงชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองและฮูหยินหน้าตาอัปลักษณ์ที่หลังจากยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ร่างกายกลับแข็งทื่อ สีหน้างงงวย ยามนั้นไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
ทว่าเมื่อหานลี่กวาดสายตาเย็นชาไป ชั่วขณะนั้นทั้งสองก็ได้สติคืนมาก็น้อมตัวคารวะด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน ไม่มีท่าทีหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้าอีก