A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2200 สังหารมหายาน
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2200 สังหารมหายาน
ผู้บำเพ็ญเพียรสองสามหมื่นคนในจัตุรัสรู้สึกเพียงว่าหัวไหล่หนักอึ้ง แล้วพบว่าร่างกายราวกับถูกภูเขายักษ์กดเอาไว้ ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งอย่างหาที่เปรียบ แขนขาทั้งสี่ล้วนไม่อาจกระดิกได้
กลับเป็นหานลี่หลังจากที่กวาดจิตสัมผัสไปทั่วทั้งฟ้าดินสีดำขาว ฉับพลันนั้นก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา แผ่นหลังมีร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งยาวสีม่วงทองพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็พุ่งไปที่ร่างของหานลี่
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ร่างของหานลี่ก็เปล่งแสงสีทองออกมา กลายเป็นวานรยักษ์สีม่วงทองสามเศียรหกกร
กรทั้งหกของวานรยักษ์ทุบไปที่ทรวงอก ร่างกายที่มีลวดลายวิญญาณสีเงินขาวจำนวนนับไม่ถ้วนหมุนวนขยายใหญ่ขึ้น ยามนี้พลันมีความสูงเจ็ดแปดพันจั้ง แม้กระทั่งเรียกได้ว่าสูงค้ำฟ้า
และหลังจากที่ลวดลายวิญญาณสีเงินขาวหมุนวนรอบเรือนร่าง ก็รวมตัวกันกลายเป็นลายสีเงินขาวจมหายเข้าไปในร่างของวานรยักษ์ ราวกับว่าเป็นลายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็ไม่ปาน
ชายร่างยักษ์เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พลันใจหายวาบ นิ้ววาดไปด้านล่างอีกครั้งโดยไม่ปริปาก คาดไม่ถึงว่าจะวาดเป็นวงแหลมอย่างรวดเร็ว
ท้องฟ้าสีดำขาวมีเสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ดังขึ้น วงแหวนยักษ์สีดำขาวเส้นผ่าศูนย์กลางพันจั้งปรากฏขึ้นด้านนอกร่างของวานรยักษ์ จากนั้นพลันหดเล็กลง แล้วรัดร่างของวานรยักษ์แน่นราวกับเครื่องทรมานนักโทษ
วานรยักษ์ก้มเศียรทั้งสามลง สายตาเย็นชาหกสายกวาดไปทางวงแหวนยักษ์สีดำขาวแวบหนึ่ง มุมปากเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา
หัวไหล่ของวานรยักษ์พลิ้วไหว ขนสีม่วงทองบนเรือนร่างลุกชัน ลวดลายสีเงินขาวเหล่านั้นส่งเสียงอึกทึกดังขึ้น เปลี่ยนเป็นลำแสงที่เจิดจ้าจนแสบตา ในเวลาเดียวกันพลังมหาศาลไร้รูปร่างก็ทะลักออกมาจากเรือนร่าง และโจมตีไปที่วงแหวนยักษ์
วงแหวนยักษ์สีดำขาวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกดีดให้เปิดออก
จากนั้นกรทั้งหกพลันขยับ ฝ่ามือทั้งหกตะปบมาด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าจะคว้าวงแหวนยักษ์สีดำขาวในจุดที่แตกต่างกัน จากนั้นก็ออกแรงพร้อมกัน
วงแหวนยักษ์สีดำขาวส่งเสียงร้องครวญคราง กลายเป็นชิ้นส่วนจำนวนนับไม่ถ้วนแล้วระเบิดออก
ชายร่างยักษ์ที่กำลังสำแดงอยู่กลางอากาศ ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันมีสีแดงก่ำ ทนไม่ไหวอีกต่อไป อ้าปากออกพ่นโลหิตบริสุทธิ์สีเงินอ่อนออกมาสองครั้ง
ชายร่างยักษ์ทั้งตกตะลึงระคนหวาดกลัว รีบสำแดงพลังแห่งกฎเกณฑ์กดการแว้งกัดเอาไว้ หมายจะสำแดงอย่างอื่นมาต่อกรกับหานลี่
แต่ในยามนี้วานรยักษ์สามเศียรที่อยู่ระหว่างท้องฟ้าสีดำขาวก็ชิงลงมือก่อน
เห็นเพียงวานรตัวนี้ชูกรทั้งหกขึ้น กำปั้นมีลวดลายสีเงินโคจรอยู่ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลายสีเงินสิบกว่าแห่ง และรวมร่างเข้ากับกำปั้นในพริบตา
เสียง “ปัง” ดังขึ้น กำปั้นที่มีขนปกคลุมหกกำปั้นเปล่งแสงเจิดจ้าจนแสบตา และเศียรทั้งสามของวานรยักษ์ร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมาพร้อมกัน กลายเป็นเงากำปั้นจำนวนนับไม่ถ้วนโจมตีไปกลางอากาศ
เสียง “ปัง” ดังขึ้น!
เงากำปั้นเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเส้นไหมลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วน ใช้ความเร็วที่น่าเหลือเชื่อโจมตีไปที่ท้องฟ้าสีดำสนิท และมีเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังฉากอากาศออกมา
หลังจากที่ทั้งท้องฟ้าสีดำขาวเปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้ง ก็ปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
อากาศเหนือจัตุรัสฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
ทุกคนที่กำลังต้านทานกับพลังแรงกดอย่างหนักหน่วงรู้สึกเพียงว่าร่างกายผ่อนคลายขึ้น กลับมาเป็นอิสระ ทันใดนั้นก็ทยอยกันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง
เห็นเพียงในยามนี้เส้นไหมสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนหยุดชะงัก คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลางอากาศ กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีเงินความยาวร้อยจั้งเศษ พลิกฝ่ามือตบไปที่ชายร่างยักษ์ด้านล่างอย่างแรงโดยไม่เกรงใจเลยสักนิด
ชายร่างยักษ์เห็นเช่นนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี แววตาเผยแววตกตะลึงระคนหวาดกลัวออกมา แต่ใดนั้นใบหน้าก็มีสีหน้าโหดเหี้ยมปรากฏขึ้น มือหนึ่งตะปบออกไป คว้าพัดหยกด้ามนั้นไว้ในมือ และโบกพัดไปทางมือยักษ์ ลำแสงเจ็ดสีม้วนวนออกมา
แทบจะในเวลาเดียวกันเขาก็อ้าปากออก สมบัติสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกพลันบินออกมา ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ และกลายเป็นอิฐความยาวยี่สิบสามสิบจั้ง
เสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น!
รัศมีลำแสงเจ็ดสีและอิฐยักษ์สีดำสนิทแทบจะโจมตีไปยังฝ่ามือยักษ์พร้อมกัน
เสียง “ปัง” ดังสะเทือนเลื่อนลั่น ท้องฟ้าทั้งผืนสั่นเทา
ฝ่ามือยักษ์สีเงินแค่หุบนิ้วทั้งห้า ก็โจมตีอิฐยักษ์สีดำจนแหลกเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นลอยไป รัศมีลำแสงเจ็ดสีเปล่งแสงสว่างวาบท่ามกลางลำแสงสีเงิน แล้วถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ
ฝ่ามือยักษ์สีเงินแค่เลือนราง ก็ปรากฏขึ้นเหนือชายร่างยักษ์ และกดลงมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
ชายร่างยักษ์เห็นสมบัติสองชิ้นของตนเองไม่อาจรับการโจมตีจากฝ่ามือยักษ์ได้พลันตกตะลึง ไหนเลยจะกล้ารับการโจมตีนี้ ร่างกายเปล่งแสงสว่างวาบหายวัยไปจากที่เดิมอย่างไม่ต้องขบคิด
วานรยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เศียรตรงกลางพลันแค่นเสียงด้วยความเย็นชา กำปั้นโจมตีไปกลางอากาศอย่างแรง
เสียง “สวบ” ดังขึ้น เงากำปั้นสีเงินพุ่งออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ครู่ต่อมาห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ร่างของชายร่างยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นลางๆ
แต่แทบจะในเวลาเดียวกัน แผ่นหลังของชายร่างยักษ์ก็มีระลอกคลื่นตามมาติดๆ เงากำปั้นสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกมา
ชายร่างยักษ์พลันตกตะลึง คิดจะแหวกอากาศหลบหลีกแต่ไม่ทันแล้ว
เสียง “ปัง” ดังขึ้น แผ่นหลังของชายร่างยักษ์มีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ เกราะสงครามสีดำถูกโจมตีจนแหลกละเอียด ร่างทั้งร่างถูกโจมตีจนกระเด็น ไม่อาจรักษาสภาพร่างกายที่ใหญ่มหึมาเอาไว้ได้อีก เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลับมาอยู่ในขนาดเท่าเดิม
ชายร่างยักษ์ยืนได้มั่นคง ก็สัมผัสได้ถึงความหวานล้ำในลำคอ ทนไม่ไหวกระอักโลหิตออกมา กลิ่นอายบนเรือนร่างลดลงครึ่งหนึ่ง
เขาอดที่จะตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งไม่ได้
ต้องเข้าใจว่าเกราะสงครามสีดำบนร่างของเขาสร้างขึ้นจากวัตถุดิบหายากสี่สิบเก้าชนิด และใช้เวลาไปสองสามร้อยปีถึงจะหลอมสมบัติป้องกันขึ้นได้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจต้านทานการโจมตีของอีกฝ่ายได้!
นี่จึงทำให้ความตกตะลึงในใจแทบจะเพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้าร้อยเท่า
“ตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย ไป!”
ชายร่างยักษ์อดกลั้นความเจ็บปวด ตัดสินใจทันทีอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ทันใดนั้นเขาก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนีโดยไม่พูดไม่จา กลายเป็นสายรุ้งสีดำพุ่งแหวกอากาศไป แค่กะพริบวาบก็อยู่ห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง เปล่งแสงสว่างวาบอีกครั้งคาดไม่ถึงว่าจะมาอยู่ที่ขอบฟ้า หมายจะหนีเตลิดไป
“คิดจะหนีไปง่ายๆ เจ้าคิดว่าพิธีฉลองระดับมหายานของผู้แซ่หานเป็นอะไรกัน! คาถาท่องกระบี่ สังหาร!” เศียรตรงกลางของวานรยักษ์อ้าปากออก ส่งเสียงอู้อี้ออกมา
สิ้นเสียงหว่างคิ้วของเศียรทั้งสามพลันแยกออก เศียรต่างๆ มีดวงตาสีดำสนิทปรากฏขึ้น ผลึกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นเสาลำแสงผลึกสามสีออกมา ชั่วพริบตาก็กลายเป็นกระบี่เล่มเล็กสามเล่ม เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปกลางอากาศอย่างไร้เงา
ครู่ต่อมาตรงขอบฟ้าอีกด้าน ชายร่างยักษ์กำลังกระตุ้นเคล็ดวิชาลับคิดจะจากไปภายในรวดเดียว ฉับพลันนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ร่างกายเลือนราง เคลื่อนย้ายกายไปด้านข้าง
แต่ในยามนี้บรรยากาศรอบด้านพลันมีผลึกลำแสงสามสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น กระบี่ลำแสงแวววาวสามสายสับลงมาดูคล้ายกับสายฟ้าเป็นอย่างมาก!
แม้ว่าชายร่างยักษ์จะขยับกายหลบหลีกกระบี่ลำแสงสองสาย แต่ถูกผลึกลำแสงสายสุดท้ายสับลงมาที่เอว
เสียงร้องครวญครางดังขึ้น!
โลหิตสีเงินผืนใหญ่สาดกระเซ็นลงมา
แต่ถึงอย่างไรเสียสิ่งมีชีวิตระดับมหายาน สำหรับการสับที่ถึงชีวิตของผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ นี้ ร่างกายท่อนบนพลันกลายเป็นเงาสีดำบินออก พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นคนตัวน้อยสูงสามสี่ฉื่อหน้าตาเหมือนกับชายร่างยักษ์
คนตัวน้อยหมุนตัวกลายเป็นพายุสีดำม้วนวนไปทางร่างไม่สมบูรณ์สองส่วน หมุนวนแล้วบินไปยังจุดที่ไกลออกไป
“ผู้แซ่หาน ข้าจะจำวันนี้ให้ขึ้นใจ ครั้งหน้าจะต้องตอบแทนแน่”
ขอบฟ้าที่ไกลออกไปมีเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของชายร่างยักษ์ดังแว่วมา
“ครั้งหน้า? ต้องดูก่อนว่าเจ้าจะหนีการสังหารจากแมลงวิญญาณของข้าได้หรือเปล่า” วานรยักษ์สามเศียรเปล่งแสงสีม่วงทองที่ผิว หานลี่กลับคืนสู่ร่างเดิม หลังจากที่มองท้องฟ้าที่ไกลออกไปแวบหนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ
สิ้นเสียงเขาก็สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นบุปผาสีทองสามดอกพลันบินออกมา หลังจากขยายใหญ่ขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นแมลงยักษ์สีทองขนาดสองสามจั้ง ผิวมีลวดลายสีม่วงโหดเหี้ยม
แมลงยักษ์สีทองสามตัวไม่ต้องให้หานลี่กระตุ้นใดๆ แค่หมุนโคจรเหนือศีรษะของเขารอบหนึ่ง กลายเป็นแสงสีทองสามดวงพุ่งจากไปราวกับดาวตก และครู่ต่อมาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อมองไปความเร็วของแมลงยักษ์สีทองสามตัวก็ไม่ด้อยไปกว่าชายร่างยักษ์ที่อยู่ห่างออกไปด้านหน้าเท่าใดนัก
พวกมันก็คือราชาแมลงกลืนทองเทียมสามตัว
จากพละกำลังที่แข็งแกร่งเทียบได้กับระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย ประกอบกับแทบจะเป็นร่างที่ไม่เสียหาย และความอดทนอันน่ากลัวที่แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานก็ยังต้องหวาดกลัว ต่อกรกับชายร่างยักษ์ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก แน่นอนว่าย่อมเป็นคู่ต่อสู้ที่ดีมาก
หานลี่เชื่อว่าต่อให้ชายร่างยักษ์หนีรอดจากการสังหารของราชาแมลงเทียมสามตัวได้ แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักมาก ไม่อาจซ่อมแซมร่างที่เสียหายไประหว่างทางได้ทันเวลา
เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของชายร่างยักษ์ก็คือกลับไปทำสมาธิสักสองสามร้อยปี ถึงจะมีโอกาสฟื้นฟูพละกำลังดังเดิมได้
ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์และปีศาจและทูตชนต่างเผ่าในจัตุรัส ตอนแรกถูกอิทธิฤทธิ์ของหานลี่ทำให้ตกตะลึง รอจนเห็นหานลี่กลายเป็นวานรยักษ์ กำจัดระดับมหายานของเผ่าสามง่ามได้อย่างรื่นไหล แม้กระทั่งกายเนื้อก็ยังถูกสับออกเป็นสองส่วนจนต้องหนีไปอย่างจนตรอก
ทุกคนพลันก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวขึ้น…
“ท่านอาวุโสหานอิทธิฤทธิ์ล้ำเลิศ สั่นสะเทือนทั้งแดนวิญญาณ!”
ผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์และปีศาจของทั้งสองเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนโห่ร้องด้วยเสียงอันดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าตื่นเต้นและบ้าคลั่งอย่างสุดๆ
เมื่อครู่หานลี่แสดงการเอาชนะระดับมหายานอีกคนหนึ่งได้อย่างสบายๆ แทบจะทำให้ทุกคนในที่นั่นเชื่อมั่น สองเผ่าในแดนวิญญาณดำรงอยู่มาหลายแสนปี ในที่สุดก็มีผู้ที่แข็งแกร่งของระดับมหายานที่พอจะพาทั้งสองเผ่าเดินไปสู่ความแข็งแกร่งได้แล้ว
จะไม่ทำให้ทั้งสองเผ่าตื่นเต้นและบ้าคลั่งได้อย่างไร
เสียงกู่ร้องด้วยความยินดีดังขึ้น ทะลุเขตอาคมต้องห้ามดังไปทั่วเมืองเทวะสวรรค์
คนอื่นๆ ของทั้งสองเผ่าที่ไม่ได้เข้าร่วมงานพิธี แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่ภายใต้ความรู้สึกนั้นก็หัวเราะร่าออกมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย
ยามนั้นทั้งเมืองเทวะสวรรค์ล้วนส่งเสียงคารวะหานลี่ กู่ร้องไปทั่วท้องฟ้า!
ทูตของชนต่างเผ่าที่มาเข้าร่วมพิธีในจัตุรัส กลับตกตะลึงและรู้สึกหวาดกลัวภายใต้ดวามนอบน้อมมากขึ้น
จู่ๆ เผ่ามนุษย์ก็มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานที่แข็งแกร่ง สำหรับเผ่าอื่นๆ ที่อยู่ละแวกนี้เป็นเรื่องดีหรือร้ายก็พูดยาก
ทูตเหล่านี้รู้สึกไม่สบายใจแล้วแทบจะตัดสินใจพร้อมกันว่ากลับไปเรื่องแรกที่ต้องทำก็คือรายงานเรื่องนี้ต่อเผ่าให้เร็วที่สุด