A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน - ตอนที่ 2244 วิวัฒนาการขั้นสุดท้าย
- Home
- A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน
- ตอนที่ 2244 วิวัฒนาการขั้นสุดท้าย
คำพูดของจื่อหลิงออกมาจากใจจริงๆ ในใจของเขาไม่มีความเสียใจหรือลังเลเลย เขาจึงไม่ได้โน้มน้าวอะไรนางต่อ ทำเพียงกำชับนางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ก็อย่างที่เธอบอก ด้วยร่างกายของนางเหมาะสำหรับการฝึกปราณมารมากกว่าอยู่แล้ว และหากนางกลับมาอยู่ที่เผ่ามนุษย์ นางไม่สามารถเดินทางไปสู่แดนเซียนได้เลย
หากเป็นเช่นนั้นแล้วล่ะก็ ให้นางอยู่ที่แดนมารต่อไปเสียยังจะดีกว่า ไม่แน่ว่าโชคชะตาอาจจะเดินทางมาหานางเอง
หานลี่อยู่ที่ก่วงหยวนไจเป็นเวลาหนึ่งเดือน
ในช่วงเวลานี้ เขาก็ช่วยสอนเกี่ยวกับการฝึกปราณมารทั้งหมดให้กับจื่อหลิงให้นางมีความรู้เรื่องปราณมารอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
ตอนนั้นหลานอิ่งก็เข้ามานั่งฟังเวลาที่หานลี่สอนอย่างไม่เกรงใจ เห็นได้ชัดว่านางก็ได้ประโยชน์อย่างมาก
มีมหาเมธีมาคอยแนะนำเช่นนี้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งสำหรับพวกนางที่อยู่ในระดับนี้
สมแล้วที่ก่วงหยวนไจถูกขนานนามว่าเป็นกองกำลังที่ขนาดใหญ่ที่สุด หนึ่งเดือนผ่านมา เขาก็ให้กองกำลังสืบค้นที่อยู่ตามแผนที่สมบัติชีหลิง แล้วส่งข้อมูลต่อให้กับหานลี่
หลานอิ่งบอกข้อมูลตามความเป็นจริงให้กับหานลี่อย่างไม่ลังเล
หลังจากหานลี่รู้ เขาก็มีความสุขอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่กี่วัน หานลี่ก็ไม่ได้สอนอะไรจื่อหลิงอีก แต่พวกเขากลับไปเที่ยวกันที่เมืองหลานพู่ เพื่อชมทิวทัศน์ที่งดงาม
เขาชมทิวทัศน์ไป พลางระลึกถึงอดีตตอนที่พวกเขาทั้งสองอยู่ที่แดนมนุษย์ด้วยกัน จนทำให้พวกเขายิ้มออกมา ภูเขาลำธารของที่นี่แตกต่างจากแดนวิญญาณโดยสิ้นเชิง ดูงดงามมาก
ทั้งสองคนเดินด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ว่าไม่มีท่าทางที่สนิทสนมกันจนเกินเลย ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นเพียงสหายที่ดีต่อกันเท่านั้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันหนึ่ง ในที่สุดหานลี่ก็ออกจากเมืองหลานพู่ตามลำพัง
อาคารชั้นที่สี่ของก่วงหยวนไจ จื่อหลิงยืนริมหน้าต่าง จ้องท้องฟ้าที่ว่างเปล่า สายตาเต็มไปด้วยความสับสน ใบหน้ายังมีความนุ่มนวลและมุ่งมั่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย
“พี่จื่อ พี่ยอมแยกจากพี่หาน ไม่อยู่ข้างกายพี่หานแบบนี้จริงๆ หรือ น้องสาวจำได้ว่าพี่รอคอยช่วงเวลานี้มาตลอดนี่นา” หลานอิ่งยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลจากจื่อหลิง นางขมวดคิ้วแล้วถาม
“หากข้าไปกับเขา ข้าสามารถบรรเทาภัยแห่งความคิดถึงได้ เราอาจจะได้อยู่ด้วยกันสักพัก แต่หมื่นปีต่อมา แสนปีต่อมาล่ะ ไม่ว่าจะช้าเร็วอย่างไรเขาก็จะต้องขึ้นไปที่แดนเซียน หากข้าอยากอยู่กับเขาตลอดไป ข้าต้องตามเขาไปที่แดนเซียนให้ได้เท่านั้น จะเอาความโลภในตอนนี้ หรือจะรอได้อยู่กับเขาตลอดไปล่ะ หากเป็นน้องหลาน เจ้าจะเลือกอย่างไร” จื่อหลิงตอบโดยไม่ได้หันหน้าไปมอง พร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆ
หญิงสาวสวมชุดกระสอบได้ยินดังนั้น ก็ชะงักไปแล้วตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด
ครึ่งเดือนต่อมา หุบเขาที่ใกล้ๆ เมืองหลานพู่ หานลี่นั่งเรือเหาะลอยมาจากบนท้องฟ้า
ด้านล่างของต้นไม้ขนาดใหญ่ มีหญิงสาวผมสีเงินคนหนึ่งกำลังรอเขาอยู่ด้วยความสงบและใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
นั่นคืออิ๋นเย่ว์
เมื่อนางเห็นว่าหานลี่มาคนเดียว นางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พี่หาน ได้ไปพบน้องจื่อหลิงมาแล้วหรือยัง” แม่นางคนนี้ถามด้วยความนุ่มนวล
“ไปพบมาแล้ว แต่นางจะบำเพ็ญเพียรด้านปราณมารต่อ ข้าลองคิดดูแล้ว ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว หากอยู่ในแดนมารฝึกวิชามารต่อล่ะก็ มีโอกาสสูงมากที่นางจะสามารถไปถึงการฝึกขั้นสุดท้ายได้” หานลี่ตอบกลับเสียงเรียบ
“พี่หานเห็นด้วย เช่นนั้นสิ่งที่น้องจื่อหลิงเลือกก็คงไม่เลวจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะกลับไปที่โลกวิญญาณเลยหรือไม่ บรรพบุรุษและผู้อาวุโสหลายท่านกลับไปถึงที่แดนวิญญาณแล้ว” เมื่ออิ๋นเย่ว์ได้ยินเช่นนั้น เขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ถ้ากลับไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะเร็วเกินไป ข้ามีแผนที่ซ่อนสมบัติของแดนมารอยู่เล่มหนึ่ง ที่นั่นน่าจะมีสมบัติอยู่ไม่น้อยทีเดียว” หานลี่คิดอยู่สักพัก แล้วเอ่ยตอบ
“แผนที่ซ่อนสมบัติ?” ใบหน้าของอิ๋นเย่ว์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่านางเพิ่งเคยได้ยินหานลี่พูดถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก
“หึๆ เจ้าตามข้ามาก็พอแล้ว หากการเดินทางราบรื่นล่ะก็ คงจะใช้เวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น” หานลี่พูดแล้วอมยิ้มน้อยๆ
“ในเมื่อพี่หานพูดเช่นนั้น น้องสาวก็ว่าตามท่าน ออกเดินทางกันเถอะเจ้าค่ะ” อิ๋นเย่ว์ยิ้มหวาน นางแตะปลายเท้า กลายเป็นลำแสงสีเงินแล้วขึ้นบนเรือไป
หานลี่พยักหน้า เดินตามขึ้นเรือไปเช่นกัน ในตอนนั้นก็มีเสียงดังขึ้น เรือทั้งลำกลายเป็นลำแสงสีขาวแล้วพุ่งออกไปทันที
หลายเดือนต่อมา หานลี่และอิ๋นเย่ว์ก็เดินทางมาถึงที่ราบสูงรกร้างของแดนมาร ที่นี่เดินทางมาไม่ง่ายนัก
ด้านหน้าของเรือบินขนาดสิบกว่าจั้ง มีหุ่นเชิดวานรยักษ์ยืนอยู่ข้างด้านโดยไม่ขยับ ใต้ฝ่าเท้าด้านล่างของมันมีแสงสว่างส่องเรืองรองอยู่ เห็นได้ชัดว่ามันกำลังควบคุมเรือเหาะให้บินไปข้างหน้า
โดยภายในห้องลับของเรือเหาะลำนี้ อิ๋นเย่ว์กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะสีเขียวมรกต มือข้างหนึ่งกำลังร่ายคาถา ดวงตาปิดสนิท ลำแสงวิญญาณห้าสีหมุนอยู่รอบตัวของนาง ในขณะเดียวกันก็มีหมาป่าสีเงินขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหลังของนาง หมาป่าตัวนั้นเคลื่อนไหวราวกับว่ามันมีชีวิต
ห้องลับอีกห้องซึ่งอยู่ไกลจากห้องนี้ หานลี่ขัดสมาธิอยู่บนพื้นเช่นเดียวกัน แต่ใบหน้าของเขายังคงมีความลังเลอยู่ เหมือนว่าเขากำลังเล่นอะไรบางอย่างอยู่ในมือ
เมื่อมองดูให้ดีๆ
ในมือของเขาเหมือนผนึกสีดำ รูปร่างคล้ายหนอนเพลี้ยตัวแม่ที่โดนฟ้าผ่าจนตาย เหลือเพียงศิลาผนึกสีดำก้อนหนึ่งเท่านั้น
หานลี่เองก็ได้สมบัติชิ้นนี้มานานแล้ว หลังจากใช้จิตวิญาณสำรวจมันหลายครั้งและศึกษาตำราโบราณอยู่หลายเล่ม จึงรู้และเข้าใจที่มาของมัน
มันก็คือหนอนเพลี้ยตัวแม่ที่ถูกถ่ายปราณแก่นแท้ไปในร่างกายก่อนที่มันจะถูกทำลาย จนกลายเป็นสิ่งนี้
หากเป็นไปได้ สัตว์ประหลาดเหล่านี้จะหลบซ่อนตัวอยู่ในจิตวิญญาณ
แต่ว่าจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของมันโดนทำลายโดยน้ำแข็งหลอมละลายไปแล้ว
ทำให้ผนึกก้อนนี้มีผลต่อต้านการโจมตีอย่างดี แต่หากเจอกับอาวุธประเภทสายฟ้า หรืออัสนีสวรรค์ของแดนเซียน ก็จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ด้วยพลังโจมตีอันยิ่งใหญ่ของอัสนีก็สามารถกวาดล้างได้ทุกสิ่ง ยิ่งผนึกก้อนนี้ถูกน้ำแข็งหลอมละลายไปมากกว่าครึ่งแล้วก็ตาม
ในตอนที่หานลี่นำสิ่งนี้ออกมา เขาก็รู้สึกลังเลอย่างมาก
จู่ๆ มีเสียงแปลกๆ เกิดขึ้น
แม้ว่าเสียงมันจะเบามากจนแทบจะไม่ได้ยิน แต่เมื่อเข้าหูหานลี่ เขาได้ยินชัดเจนอย่างกับเสียงฟ้าร้อง
“เจ้าพวกนี้ สร้างปัญหาอีกแล้ว เหมือนว่ามันจะต้องการของพวกนี้มากสินะ แต่น่าเสียดาย ของชิ้นนี้มันมีประโยชน์กับข้ามาก หากสามารถดูดซับแก่นแท้จากด้านในได้ ไม่แน่ว่าแผ่นพราหมณ์จะสามารถเลื่อนขึ้นอีกชั้นได้” หานลี่พึมพำเบาๆ เขาก้มหน้ามองก้อนผลึกในมือ จากนั้นก็เริ่มครุ่นคิดอย่างหนัก
อีกทั้งเสียงที่ว่าก็ค่อยๆ ดังขึ้น
หานลี่เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็สะบัดชายเสื้อหนึ่งที แสงสีทองสามลูกก็บินออกมา
หลังจากที่มันบินเป็นวงกลมแล้ว มันก็มาบรรจบกัน
แมลงปีกแข็งสีทองสามตัวปรากฏอยู่ตรงหน้าของหานลี่ บนตัวของมีลายจุดเป็นสีม่วง
มันคือราชาแมลงกลืนทองคำ สามตัว
ทันทีที่ราชาแมลงทั้งสามตัวปรากฏ สายตาของมันก็จับจ้องไปที่ก้อนผลึกสีดำก้อนนั้นที่อยู่ในมือของหานลี่อย่างเอาเป็นเอาตาย
“สวบๆ” สามเสียง ปีกของแมลงทั้งสามสั่นกึกๆ พวกมันก็พุ่งเข้ามาหาผลึกด้วยความเร็ว
สีหน้าของหานลี่นิ่งเรียบ มืออีกข้างหนึ่งของเขายื่นไปด้านหน้า นิ้วทั้งห้าของเขาตะครุบความว่างเปล่า
จากนั้นก็มีคลื่นพลังขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นซัดออกไป
แมลงทั้งสามตัวนั้นกระเด็นออกห่างจากหานลี่ไปไม่ไกล ตัวของมันหมุนออกไปหลายตลบ จากนั้นมันค่อยๆ ขยับปีกเพื่อทรงตัวให้กลับมาบินอยู่ในท่าเดิมได้
แม้ว่าราชาแมลงเหล่านี้จะไร้เทียมทาน แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าหานลี่ในระดับมหาเมธี พลังของพวกมันก็ไม่มีประโยชน์เลย
แต่เมื่อเป็นเช่นนั้น ราชาแมลงทั้งสามก็ยังพุ่งเข้าไปหาหานลี่อยู่ แต่เหมือนมีม่านพลังไร้รูปร่างกั้นเอาไว้อยู่ พวกมันจะไม่สามารถเข้าไปกินผลึกนั้นได้ตามที่ใจต้องการ
เขาเห็นแววตาที่ตื่นเต้นของแมลงทั้งสามตัว ก็ขมวดคิ้วแน่นมากขึ้น จากนั้นเขาก็ถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำว่า
“ช่างเถอะ แก่นแท้ของตัวแม่หนอนเพลี้ย น่าจะเหมาะกับแมลงประเภทดูดกลืนมากกว่า หากหลอมเองแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะมีผลเสียหรือไม่ ราชาแมลงสามตัวนี้ก็จะวิวัฒนาการเกือบจะถึงขั้นสุดท้ายแล้ว หากให้พวกมันดูดกลืนแก่นแท้ของตัวแม่หนอนเพลี้ยล่ะก็…”
สีหน้าของหานลี่เต็มไปด้วยความลังเล เขาหดมือที่กางอาณาเขตขวางกั้นกลับคืนมา อีกมือหนึ่งก็โยนผลึกสีดำขึ้นไปกลางอากาศ
เมื่อไม่มีอะไรมาขวางกั้นราชาแมลงทั้งสามตัวนั้น และเห็นว่าผลึกลอยออกจากมือของหานลี่ พวกมันก็เปลี่ยนทิศทางทันที มันกลายร่างเป็นแสงสีทองแล้วพุ่งตามออกไป
ผลึกสีดำลอยอยู่กลางอากาศ โดยมีราชาแมลงทั้งสามตัวล้อมรอบอยู่
พวกมันทั้งกัดทั้งดึง บินไปบินมา พร้อมกลืนแก่นแท้อย่างบ้าคลั่ง
สุดท้ายพวกมันทั้งสามก็กัด และแบ่งแก่นแท้ออกเป็นสามส่วนขนาดไม่เท่ากัน จากนั้นก็กลืนมันลงท้องอย่างไม่ลังเล
ทันทีผลึกลงไปในท้องของราชาแมลงแล้ว จุดสีม่วงๆ บนลำตัวมันก็กะพริบอย่างบ้าคลั่ง ลำตัวขยายใหญ่ขึ้นทันที ลมปราณดูสับสนวุ่นวายอย่างมาก
ราชาแมลงทั้งสามส่งเสียงคำรามขู่กันและกัน จากนั้นพวกมันก็เริ่มโจมตีและกัดกันอย่างดุเดือด
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้ออกแรงไปห้ามปรามแต่อย่างใด
การต่อสู้ของพวกมันทั้งสามตัวดูรุนแรงและน่าสลดใจอย่างมาก
เวลาผ่านไปไม่นาน แมลงทั้งสามตัวมีบาดแผลเต็มตัว ขาหน้าของราชาแมลงสองตัวหายไปแล้ว
หลังจากที่พวกมันทั้งสามตัวกัดกันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นแสงสีทองก็สว่างวาบขึ้นมา
พวกมันส่งเสียงขู่คำรามกันอีกครั้ง แล้วมุ่งหน้าโจมตีกันอย่างดุเดือด
ราชาแมลงทั้งสามบาดเจ็บกันสาหัสมาก แต่การโจมตีก็ยังดุเดือดเช่นเคย ในตอนนั้นพวกมันไม่มีความคิดที่จะถอยหรือหนีเลย
หลังจากหานลี่เห็นฉากนั้น เขาก็เหมือนคิดอะไรออก แววตาของเขาส่องประกาย ทันใดนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อขึ้น
ทันใดนั้นม่านสีทองก็พัดออกมากระทบกับราชาแมลงทั้งสาม จนมันหล่นลงไปที่พื้น แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย